เสน่หาลาภิณ-ลำดับความสำคัญ 1/3

โดย  อัมราน l บรรพตี

เสน่หาลาภิณ

ลำดับความสำคัญ 1/3

“อะแฮ่ม! ท่านจะจัดการกับเด็กผู้นี้อย่างไรให้สาสมกับโทษทัณฑ์ของมัน” เสียงกระแอมดังขึ้นจากชายหนุ่มผู้มีดวงตาสีเขียวที่ยืนพิงผนังถ้ำอยู่ เขามาถึงถ้ำแห่งนี้ตั้งแต่เมื่อใดไม่มีใครรู้ ทุกคนเพิ่งเห็นว่าเขาอยู่ตรงนั้นเมื่อเขาส่งเสียงขึ้นมา

ธารยังยืนนิ่งเหมือนถูกสาป “พ่อ!” มันคือเสียงของธารที่พยายามเปล่งออกมาทว่ามันกลับแผ่วเบาราวเสียงกระซิบคล้ายกับเขาเพียงแค่รำพึงรำพันกับตัวเอง

พญานาคราชเลื้อยใกล้เข้ามาจนถึงตัวธาร เลื้อยวนไปจนรอบตัว โอบกอดเขาไว้ภายใต้ลำตัวใหญ่โตมหึมา เสียงกรีดร้องก้องกัมปนาท คบเพลิงที่จุดไว้ดับวูบลงพร้อม ๆ กัน แล้วมันก็ถูกจุดติดขึ้นมาใหม่อีกครั้งอย่างพร้อมเพรียงกัน พญานาคสีนิลตามลำตัวมีเกล็ดเหมือนปลาได้หายไปอย่างไร้ร่องรอยเหลือทิ้งไว้เพียงคราบขนาดใหญ่ที่ลอกออกจากลำตัวจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว

ร่างใหญ่โตมหึมาที่เคยโอบรัดธารก็ได้อันตรธานไปเช่นเดียวกัน เหลือไว้เพียงชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่กำยำ ใบหน้าคมเข้มและอ่อนเยาว์จนไม่อาจจะคาดเดาอายุได้ มีเพียงแววตาเท่านั้นที่บ่งบอกให้รู้ว่าเขาได้เดินทางผ่านกาลเวลามาเนิ่นนานเหลือเกิน

“ธารลูกพ่อ ลูกไม่ควรมาที่นี่ มันไม่ใช่ที่ของลูก” เสียงนั้นแม้จะดังก้องกังวานทว่ามันก็ยังคงอ่อนโยน อ้อมแขนกำยำโอบกอดร่างเด็กชายผู้อ่อนวัยเอาไว้กับอกกว้าง

“ลูกควรจะรอจนกว่าลูกจะอายุครบสิบแปดปี แล้วลูกจะรู้ว่าแท้จริงแล้วลูกเป็น 'มนุษย์ครึ่งนาค' บิดาเป็นพญานาค มารดาเป็นมนุษย์ เมื่อถึงกำหนดเวลาลูกจะได้สิทธิ์เลือกว่าลูกต้องการจะเป็นมนุษย์หรือนาคหรือคงไว้ซึ่งความเป็นมนุษย์ครึ่งนาค”

“ลูกเอ๋ย การมาพบเจอพญานาคตอนกำลังแปลงกายในที่รโหฐานโดยตั้งใจหรือมีเจตนาร้ายในขณะที่ลูกยังไม่ได้รับรู้ชาติกำเนิดของตนเองแบบนี้ มันถือเป็นความผิดมหันต์นัก” นี่คือเสียงว่ากล่าวตักเตือนของบิดา แม้ว่าบุตรจะทำผิดมหันต์ทว่าก็มิอาจจะลงโทษทัณฑ์ขั้นรุนแรงได้

“บุตรของท่านได้กระทำผิดมหันต์ ท่านควรต้องลงทัณฑ์ให้สาสม มิใช่รึ ท่านสมันตราพญานาคราช” ชายหนุ่มผู้มีดวงตาสีเขียวทักท้วงขึ้น เมื่อเห็นว่าพญานาคราชไม่อาจลงทัณฑ์บุตรของตนได้แม้บุตรนั้นกระทำผิดมหันต์

“อนาคิน! บุตรของเราถูกล่อลวงมา เขายังเด็กนักผ่านร้อนผ่านหนาวมาเพียงแค่สิบสามปีเท่านั้น นี่คือความรู้เท่าไม่ถึงการณ์”

“ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ใช้แก้ตัวได้เฉพาะบนเมืองมนุษย์ ไม่อาจใช้ลดหย่อนผ่อนโทษในเมืองบาดาลได้ ท่านก็รู้กฎดี มิใช่รึ ท่านสมันตราพญานาคราช!” ชายหนุ่มนามว่า อนาคิน ตะโกนก้อง

“เราจะลบความทรงจำของบุตรชายท่าน เขาจะจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ไม่ได้ เขาจะนำเรื่องราวที่เกิดขึ้นไปบอกเล่าให้ใครฟังไม่ได้อีก” ชายหนุ่มผู้มีดวงตาสีเขียวอีกคนปรากฏตัวขึ้น รูปลักษณ์ภายนอกนั้นใกล้เคียงกับชายคนแรก เพียงแต่ใบหน้าอ่อนเยาว์กว่าและแววตาสีเขียวคู่นั้นก็อ่อนโยนกว่า

“เราขอบใจท่านมาก อนันดา เหตุการณ์ครั้งนี้เราจะมิลืมว่าเราติดค้างท่านอยู่” สมันตราหันไปขอบคุณอนันดาอย่างซาบซึ้ง การกระทำของอนันดาไม่ใช่เพราะเมตตาปรานี แต่ชายหนุ่มรักและติดตามธิดาน้อยของเขามาตั้งแต่ชาติภพก่อนและอยากทำทุกอย่างเพื่อปกป้องความรู้สึกของสาวน้อย นี่ใช่ว่าสมันตราจะไม่รู้เท่าทันความคิด

“ช้าก่อน! เรายอมรับไม่ได้ นั่นมันผิดกฎมหันต์” อนาคินประท้วง

"ท่านเองก็รู้ว่าการลบความทรงจำจะทำได้เฉพาะกรณีที่มนุษย์มาพบเจอพญานาคโดยบังเอิญแบบไม่ได้ตั้งใจหรือเป็นประสงค์ของพญานาคเองที่ต้องการปรากฏตัวให้มนุษย์เห็น แต่ต่อมาภายหลังค้นพบว่าการพบเจอกันครั้งนั้นอาจจะทำให้เกิดโทษหรือผลร้ายตามมา ก็จะทำการลบความทรงจำของมนุษย์ผู้นั้นเสีย”

“กรณีบุตรชายของท่านเป็นการพบเจอโดยเจตนาค้นหา เราเรียกคนพวกนี้ว่า 'อยากเจอดี' หรือ 'อยากลองของ' ฉะนั้น ท่านต้องมีบทลงโทษที่สาสม เหมือนเช่นที่ท่านได้ลงโทษคนโลภให้เป็นบ้า คนพูดมากให้เป็นใบ้” อนาคินยังไม่ล้มเลิกความพยายามที่จะเล่นงานธารให้จงได้

ชลธิดาจ้องมองอนาคินอย่างไม่พอใจ เธอรู้สึกไม่ถูกชะตากับเขาเลยเหมือนโกรธเกลียดกันมาตั้งแต่ชาติที่แล้ว ดวงตากลมโตเหลือบไปมองชายอีกคน อนันดาก็อยู่ในเหตุการณ์ทว่าเขาพยายามช่วยเหลือธาร เธอเห็นแบบนี้ก็รู้สึกอุ่นใจ เขาไม่ใช่คนเลวเหมือนชายคนคนแรก

ธารยังคงยืนนิ่งตัวสั่นเทาอยู่ในอ้อมกอดของบิดา เขาเพิ่งได้รับรู้ว่าอะไรคือความลับของพ่อ มันคือความลับที่เขาเองจะได้รู้ ถ้าเพียงแค่เขาอดทนรอคอยให้ถึงเวลาที่เหมาะสม แต่ในเมื่อความลับนี้ถูกเปิดเผยออกมาก่อนเวลาอันควร เขาจึงต้องรับโทษทัณฑ์จากความอยากรู้อยากเห็นของตัวเอง ซึ่งเมื่อเห็นผลลัพธ์จากนายบ้าและนายใบ้แล้วมันไม่คุ้มค่าเลยกับความเสี่ยงและความอยากรู้

“ถ้าท่านมิอาจลงโทษบุตรชายท่านอย่างสาสม เราจะยื่นเรื่องไปยังสภานาคว่าท่านเป็นผู้กระทำผิดกฎเสียเอง ท่านก็รู้ดีว่าไปมีเรื่องกับพวกสภานาคมันเป็นเรื่องราวใหญ่โตแค่ไหน” อนาคินย้ำเตือน รอยยิ้มมุมปากกระตุกอย่างเย้ยหยัน

“อนาคิน! เรากับท่านเคยมีเรื่องราวบาดหมางกันก็จริง แต่ท่านควรเล่นงานเรา มิใช่เล่นงานบุตรชายของเรา”

“นี่คือการเล่นงานที่เจ็บปวดแสนสาหัส บุตรชายของท่านคนนี้ ไม่ใช่แค่เลือดเนื้อเชื้อไขของท่าน แต่มันคือจิตวิญญาณของท่าน มันต้องสาสมกับที่ท่านเคยเล่นงานเรากับอนันดา!!!” แววตาโกรธแค้นและเจ็บปวดปรากฏขึ้นที่ดวงตาสีเขียวมรกตของอนาคินและอนันดา

“ความเจ็บปวดในอดีตระหว่างท่านกับเราสองพี่น้องค่อยสะสางกันวันอื่น เวลานี้เพื่อให้เป็นไปตามกฎบาดาล ท่านควรลงทัณฑ์บุตรชายของท่านตามแต่จะเห็นสมควรเทอญ” อนันดายุติข้อพิพาทก่อนที่ทุกอย่างจะบานปลาย ความแค้นของนาคนั้นยากนักจะลืมเลือน

“ต้องสาสมด้วยใช่ไหม ถึงจะสาแก่ใจพวกท่าน” สมันตราจับจ้องไปยังสองพี่น้องคู่ปรับเก่าด้วยแววตาเคียดแค้น เหตุการณ์เกิดขึ้นในถ้ำของเขาย่อมไม่มีผู้ใดรู้เห็น หากสองนาคราชผู้นี้ไม่ปรากฏตัวขึ้น เรื่องนี้ก็จะเป็นความลับ

“ก็แล้วแต่ท่านจะเห็นสมควร มิฉะนั้นก็ให้เป็นหน้าที่ของสมาชิกสภานาคเป็นคนตัดสินใจเอง” อนันดาชี้แจงด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ เขาไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับเรื่องนี้ เขาไม่คิดจะเล่นงานธารเพื่อล้างแค้น เขาต้องการเพียงแค่หัวใจดวงน้อยของเขาคืนเท่านั้น

“ธาร ลูกมาเห็นพ่อแปลงกายโดยเจตนาคือความผิดมหันต์ พ่อจำเป็นต้องลงทัณฑ์ลูกเพื่อไม่ให้ลูกนำเรื่องนี้กลับไปบอกเล่ากับใครได้อีก” สมันตราหลับตาลง มือสองข้างประคองใบหน้าของบุตรชายไว้อย่างเจ็บปวดใจ

“พ่อขอตัดสิทธิ์การเลือกชีวิต ลูกจะไม่ได้เข้าพิธีเลือกว่าลูกจะเลือกเป็นมนุษย์หรือนาคหรือมนุษย์ครึ่งนาค แต่ลูกจงกลายเป็นนาค ณ บัด..”

“ช้าก่อน..ท่านสมันตราพญานาคราช ท่านปรานีบุตรชายของท่านมากเกินไปนะ” อนาคินประท้วงขึ้นอีกครั้งอย่างไม่เห็นด้วย

“การเป็นนาคก่อนวัยอันควรนี่คือการลงโทษขั้นร้ายแรง!!”

“มันยังไม่สาสม ท่านควรให้บุตรชายของท่านตกเป็น 'นาคชั้นต่ำ' ถึงจะสาสมกับความผิดมหันต์เช่นนี้” อนาคินแสยะยิ้มให้กับพญานาคราชผู้ยิ่งใหญ่อย่างสาแก่ใจ

สมันตราหน้าแดงก่ำ เขาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ

“นาคชั้นต่ำ” ถือเป็นขั้นสุดยอดของคำสาปแช่งพญานาค คือพญานาคที่ปราศจากอิทธิฤทธิ์และปาฏิหาริย์ รวมทั้งทรัพย์สมบัติ ลาภ ยศ สรรเสริญและบารมีก็ไม่ได้รับการสืบทอดจากต้นตระกูลที่ถือกำเนิดมาเพราะบาปมหันต์ นาคตนนั้นต้องสร้างบารมีด้วยตนเองจึงเกิดผลตามมาซึ่งกว่าจะถึงวันนั้นต้องเพียรพยายามนานนับพันปี

“แม้จะกำเนิดจาก 'นาคชั้นต่ำ' แต่บุตรชายของท่านก็ยังสามารถสร้างบารมีได้ด้วยตนเองจนกลายเป็นนาคชั้นสูงขึ้นได้เช่นกัน” อนันดาเปรยขึ้นเมื่อเห็นท่าทีเกรี้ยวกราดของสมันตรา

“ท่านก็เคยสาปให้เราสองพี่น้องเป็น 'นาคชั้นต่ำ' มาก่อน เผื่อท่านลืมเรื่องราวเมื่อพันปีก่อนไปแล้ว” อนันดาย้ำเตือนเรื่องราวในอดีตที่สมันตราเคยกระทำกับเขาและอนาคิน รวมทั้งนาคไร้เดียงสาที่เพิ่งถือกำเนิดขึ้นมาในยุคหลัง ต้องกลายเป็นนาคต้องคำสาปแต่กำเนิดโดยไม่ได้กระทำความผิดใด แค่มีมารดาเป็นนางนาคหรือนาคี แววตาเยือกเย็นจับจ้องไปยังใบหน้าของพญานาคผู้ยิ่งใหญ่ที่ได้ลั่นคำสาปนี้ออกไปเมื่อกาลครั้งนั้น

“เรามิเคยลืมว่าเราเคยสาปพวกท่าน เราสาปมนุษย์เชื้อสายนาคผู้กำเนิดมาจากมนุษย์สมสู่กับนางนาคีให้ถือกำเนิดเป็น 'นาคชั้นต่ำ' แต่ บุตรชายของเราคือมนุษย์ครึ่งนาคเพราะมีบิดาเป็นพญานาค มีมารดาเป็นมนุษย์ซึ่งย่อมมีศักดิ์สูงกว่าพวกที่มีบิดาเป็นมนุษย์และมารดาเป็นนาคี”

“ถึงเช่นนั้นก็เถอะ เราจะสะใจมาก ถ้าบุตรชายของท่านเป็น 'นาคชั้นต่ำ' เหมือนเช่นพวกเราเคยเป็น ถ้าท่านยังชักช้า รีรอ เราจะเสนอเรื่องนี้ขึ้นสู่สภานาค” อนาคินถือไพ่เหนือกว่า เขาใช้ความแค้นในอดีตเมื่อพันปีก่อนมาเล่นงานสมันตราเข้าจนได้

“แล้วพวกท่านจะเสียใจที่บังอาจมาเล่นงานพญานาคราชเช่นเรา ต่อให้มีนาคราชเช่นพวกท่านนับร้อยนับพันก็มิอาจหาญมาสู้เรา..เพียงหนึ่งเดียว สมันตราพญานาคราชได้” พญานาคราชผู้ไม่เคยก้มหัวให้ใครได้กล่าวทิ้งท้ายเอาไว้

“ธารลูกพ่อนับจากนี้ไป ลูกจงกลายเป็น 'นาคชั้นต่ำ' ไร้อิทธิฤทธิ์และปาฏิหาริย์ สิ่งเดียวที่ลูกทำได้คือการแปลงกายเป็นนาค จำไว้ ลูกเกิดบนบกห้ามลงไปแปลงกายในน้ำเด็ดขาด!! ลูกจงแปลงกายบนบกแล้วค่อยเลื้อยลงไปสู่แม่น้ำโดยห้ามมิให้มนุษย์ผู้ใดพบเห็น ในทุกเจ็ดวันลูกต้องลงไปแช่ตัวในน้ำโขง เพื่อให้ผิวหนังชุ่มชื้นและมีชีวิตชีวา ต้องทำเช่นนี้จนกว่าลูกจะอายุครบสิบแปดปีบริบูรณ์ เมื่อนั้นร่างมนุษย์ของลูกก็จะดับสูญ ลูกจะต้องลงสู่เมืองบาดาลในร่างกายของ 'นาค' เพื่อบำเพ็ญเพียร สร้างบารมีให้กับตนเองรวมทั้งร่ำเรียนอิทธิฤทธิ์และปาฏิหาริย์จากเหล่าปรมาจารย์นาคทั้งหลาย เมื่อวันนั้นมาถึงลูกจะไม่ได้กลับคืนสู่โลกมนุษย์อีก จนกว่าลูกจะเรียนรู้วิธีการแปลงกายเป็นมนุษย์ได้อีกครั้งหนึ่ง”

เด็กชายวัยเพียงสิบสามปีสะอื้นไห้ เขายังเด็กเกินไปที่จะรู้ว่าต้องทำอะไร เขาน้อมรับคำสาปของบิดาอย่างไม่ตั้งใจ เขาควรขออภัย ขอโอกาสหรืออย่างน้อยก็ขอลดหย่อนโทษ โทษที่เขาได้รับนั้นโหดร้าย “นาคชั้นต่ำ” คือสุดยอดคำสาป

ร่างสูงเพรียวยืนนิ่งราวกับรูปปั้นแสนสวยในเทพนิยายกรีก สิ่งเดียวที่เคลื่อนไหวคือเส้นผมยาวสลวยของเธอที่ปลิวไปตามแรงลมพัด ธารได้เล่าเรื่องราวต่าง ๆ ไม่ใช่ด้วยคำพูดแต่มันคือการสัมผัสและดึงจิตวิญญาณของเธอเข้าสู่ภาพเหตุการณ์ในวันนั้น เธอมองเห็นทุกอย่างเหมือนเธอยืนอยู่ตรงนั้นหรือไม่ก็เหมือนเธอกำลังดูภาพยนตร์จอใหญ่ที่มองเห็นทุกอย่างได้ครบสามร้อยหกสิบองศาโดยมีธารเป็นจุดศูนย์กลาง

“นายทำแบบนี้ได้ยังไง นายเล่าเหตุการณ์ด้วยวิธีนี้ได้ยังไง ในเมื่อนายไม่มีอิทธิฤทธิ์และปาฏิหาริย์”

ธารปล่อยมือจากพี่สาวพร้อมถอนหายใจยาวอย่างเหน็ดเหนื่อย สีหน้าและแววตาของเขายังคงเจ็บปวดและอมทุกข์ “พ่อเป็นคนสอนแต่บางอย่างผมก็เรียนรู้ด้วยตัวเอง ในถ้ำของพ่อมีตำราโบราณเก็บซ่อนเอาไว้ ผมแอบเอาตำราพวกนั้นมาเรียนรู้และฝึกฝน”

“นี่นายแอบเอาเวลาเรียนไปฝึกคาถาอาคมพวกนี้นะเหรอ” ชลธิดาอุทานขึ้นอย่างตกใจ น้องชายของเธอโดดเรียนและโดดสอบเพราะสิ่งนี้เองหรอกหรือ เธอไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง

“ผมจำเป็นต้องมีอิทธิฤทธิ์เอาไว้ป้องกันตัว ยิ่งตอนนี้พ่อไม่อยู่ปกป้องผม ผมยิ่งต้องเรียนรู้ที่จะป้องกันตัวเองจากศัตรู” ธารตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ แววตาของเขาหวาดกลัวทุกสิ่ง

“ศัตรูของนายคือใคร”

“ครุฑ นาคและอมนุษย์ต่าง ๆ ผมไม่ใช่มนุษย์ พวกมันก็จะมองเห็นผม มันอาจจะเป็นมิตรหรือศัตรูก็ได้ พี่ไม่รู้หรอกว่าโลกของเดรัจฉานนั้นโหดร้ายแค่ไหน พวกนี้ไม่เคยมีคำว่า ปรานี มันเล่นกันถึงตาย” น้ำเสียงของธารขาดหายไป เขามองบาดแผลของตัวเอง มันเริ่มเยียวยาจนเกือบจะหายดีแล้ว

“บาดแผลพวกนี้เกิดจากศัตรูที่เป็นอมนุษย์ใช่ไหม” ชลธิดามองดูรอยเขียวคล้ำและรอยขีดข่วนตามร่างกายของน้องชาย เธอเข้าใจมาตลอดว่าน้องชายทะเลาะกับเพื่อนที่โรงเรียนจนได้แผลทว่าตอนนี้มุมมองของเธอเปลี่ยนแปลงไปเมื่อเห็นโลกในมุมมองใหม่

“ร่างกายของผมไม่ใช่มนุษย์ บาดแผลหายเองได้โดยไม่ต้องรักษา แต่บางทีบาดแผลพวกนี้ก็เยียวยาตัวเองไม่ทัน มันมีรอยฟกช้ำหรือรอยเลือด รอยกรีด รอยฉีกปรากฏให้เห็น พ่อจำเป็นต้องสร้างภาพให้ผมเป็นเด็กเกเรในสายตาของทุกคน พวกนั้นจะได้เลิกสงสัยว่าบาดแผลที่เห็นนี้เกิดจากอะไร”

ชลธิดาถอนหายใจ เธอเข้าใจผิดน้องชายมาโดยตลอด บาดแผลที่เห็นตามร่างกายไม่ใช่เพื่อนที่โรงเรียนของเขาเป็นคนทำ เขาไม่ใช่เด็กเกเร เขาแค่อยากรู้อยากเห็นจนต้องรับกรรมเพราะไปสัมผัสสิ่งเหนือธรรมชาติโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ชีวิตของธารย้อนกลับมาไม่ได้ เขาต้องเดินทางไปข้างหน้า เขาต้องต่อสู้กับภัยร้ายที่กำลังคุกคามชีวิต ยิ่งเวลานี้เขาไม่เหลือคนที่มีอิทธิฤทธิ์คอยปกป้องและให้ความช่วยเหลือ เขาต้องต่อสู้เพียงลำพัง

นับจากนี้ไป เธอจะสู้เคียงข้างเขา

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว