[จบ]ระบบกลืนกินพรสวรรค์ -บทที่ 43 ผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูงกับพลัง 400 ตัน!

โดย  Enjoybook

[จบ]ระบบกลืนกินพรสวรรค์

บทที่ 43 ผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูงกับพลัง 400 ตัน!

บทที่ 4 สัตว์อสูรระดับ 3 มังกรพสุธาขนาดกลาง และการพัฒนาที่ก้าวกระโดด!


บนท้องถนน


ผู้คนภายนอกช่างดูมีชีวิตชีวา


ท่ามกลางเหล่าคนที่เดินไปมานี้ เกือบจะทั้งหมดล้วนแต่เป็นคนธรรมดา จะมีเพียงหยิบมือเท่านั้นที่เป็นผู้ฝึกยุทธ์! ซึ่งสามารถรับรู้ได้ทันทีผ่านกลิ่นอายที่ทรงพลัง


ฉู่โม่วยังคงเดินต่อไปตามทางจนมาถึงย่านการค้าในไม่ช้า


“สัตว์อสูรระดับ 1 ตัวจิ๋ว หนอนพิภพ ตัวสุดท้ายแล้ว!”


“สัตว์อสูรระดับ 1 นักล่าผู้น่าเกรงขาม หมาป่าสายลม แค่สามล้านเท่านั้นนะ!!”


“กระบวนท่าระดับทองแดง ขายถูก ๆ เลยจ้า!”


“...”


เสียงตะโกนเรียกลูกค้าดังมาจากสองฝั่งทางที่เรียงรายทอดยาวตามย่านการค้าแห่งนี้


ตั้งแต่ที่โลกใบนี้เปลี่ยนแปลงไป มนุษยชาติก็หันไปหวังพึ่งพาเหล่าผู้ฝึกยุทธ์ให้สร้างความมั่นคงแก่พวกเขา มันทำให้ผู้ฝึกยุทธ์ที่เคยเป็นชนกลุ่มน้อยกลายมาเป็นกลุ่มคนที่มีความสำคัญต่อสังคมได้ตั้งแต่นั้นมา


นอกจากนี้ยังทำให้อุตสาหกรรมว่าด้วยการสร้างกระบวนท่าหรือวรยุทธ์ต่าง ๆ ถูกก่อตั้งขึ้นตามมาด้วย


ยกตัวอย่างเช่น ภายในย่านการค้าแห่งนี้ สินค้าหลายอย่างก็ล้วนแต่มาจากสัตว์อสูรหรือสิ่งอำนวยความสะดวกให้ผู้ฝึกยุทธ์กันทั้งนั้น


ตลอดทางที่เดินผ่านมา


ฉู่โม่วสอดส่องสายตาดูซากสัตว์อสูรที่ถูกวางเรียงรายอยู่บนแผงต่าง ๆ อย่างถี่ถ้วน แต่น่าเสียดายที่สัตว์อสูรเหล่านี้เป็นเพียงระดับ 1 กันแทบจะทั้งหมด


ขนาดตัวที่ดีที่สุดยังเป็นแค่ระดับ 2 และเป็นเพียงหนอนแมลงอีกด้วย


มันเทียบเท่าได้กับความแข็งแกร่งของผู้ฝึกยุทธ์ระดับต้น ๆ เท่านั้น


ระบบกลืนกินของเขาจะเลือกเป้าหมายได้แค่เดือนละหนึ่งอย่าง ดังนั้นแล้ว… ครั้งนี้ต้องเลือกเอาเป้าหมายที่ระดับสูงกว่านี้เท่านั้น! เพื่อเพิ่มทั้งขีดพรสวรรค์รวมทั้งศักยภาพร่างกาย เอาให้คุ้มค่าแก่การรอไปอีกหนึ่งเดือน


ซากของสัตว์อสูรที่เขาจะเลือก จึงต้องเป็นสัตว์อสูรระดับสูงเท่านั้น!


ถึงแม้จะไม่การันตีว่าเขาจะได้ความสามารถหรือพลังกายที่แข็งแกร่งกว่าก็จริง แต่อย่างน้อย ๆ ย่อมต้องดีกว่าสัตว์อสูรระดับต่ำแบบนี้แน่


ทว่า


หลังจากเดินมาได้พักใหญ่ …ฉู่โม่วยังไม่เจอสิ่งที่เขาต้องการเลยแม้แต่ตัวเดียว


ทำเอาในใจผิดหวังขึ้นมาเล็กน้อย


ขณะที่เขาถอดใจไปแล้ว และตัดสินใจที่จะกลับไปเลือกเอาซากของสัตว์อสูรระดับ 2 ที่มีอยู่น้อยนิดในตลาดนั้นเอง เสียงโหวกเหวกที่ดังต่อกันเป็นทอด ๆ ก็พลันเข้ามาถึงหูเสียก่อน


“กลุ่มนักล่าสายลมกลับมาแล้ว!”


“พวกเขาฆ่าสัตว์อสูรระดับ 3ที่โคตรเจ๋งมาด้วย!”


ไม่รู้ว่าใครเป็นคนแรกที่ตะโกนออกมาเช่นนี้ แต่ทุกคนที่ได้ยินเสียงต่างดูจะให้ความสนอกสนใจโดยพร้อมเพรียงกันไปทั่วย่าน


“นักล่าสายลมเหรอ?”


“พวกเขาฆ่าสัตว์อสูรระดับ 3 ได้จริง ๆ ด้วย!”


“นี่มันหายากมากเลยนะ ไปเถอะ! ไปดูกันดีกว่า!”


ไม่นานนัก ผู้คนมากมายจากทั่วทุกมุมของย่านการค้าก็รีบปรี่กันเข้ามาห้อมล้อมกลุ่มนักล่าสายลม ที่มาพร้อมกับซากของสัตว์อสูรระดับ 3 ที่พวกเขาเพิ่งปราบมา


ฉู่โม่วที่เพิ่งเคยเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ยังคงยืนตกตะลึงอยู่ไม่ไกลนัก


ใช่แล้ว… เขาเคยได้ยินชื่อเสียงของนักล่าสายลมมาอยู่เหมือนกัน


คนเหล่านี้เป็นกลุ่มนักล่าที่ทรงพลังมาก ๆ ในฐานลู่หยาง กัปตันทีมกลุ่มนี้ถูกเรียกว่า ‘ผู้ไล่ล่าแห่งสายลม’ ว่ากันว่าเมื่อตอนที่พลังของเขาตื่นขึ้นมา มันได้บังเกิดลมหมุนรุนแรงห่อหุ้มร่างไว้ ในตอนนี้เขาได้กลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์แล้ว และลูกทีมกว่าสิบคนของเขาเองก็ล้วนแต่เป็นผู้ปลุกพลังขั้นสุดท้ายกันทั้งสิ้น แถมบางคนในตอนนี้ยังได้กลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับต้นกันแล้วด้วย


หากจะบอกว่าพวกเขาเป็นกลุ่มนักล่าที่มีอิทธิพลมากในย่านนี้ก็ไม่เกินจริงไปนัก


แต่แน่นอน… ว่าสิ่งที่ฉู่โม่วสนใจที่สุดไม่ใช่เรื่องของนักล่ากลุ่มนี้หรอก หากแต่เป็นสัตว์อสูรระดับ 3 ที่พวกเขาล่ามันกลับมาต่างหาก


ความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรระดับ 3 ตัวนั้น เทียบได้กับเหล่าผู้ฝึกยุทธ์ระดับต้น ๆ


ดังนั้นเจ้าสิ่งนี้ จะต้องทำให้เขาได้พรสวรรค์ที่ทรงพลังมากมาแน่!


“ไปดูสักหน่อยก็แล้วกัน!”


เมื่อเรียกสติกลับมาได้แล้ว ฉู่โม่วก็ไหลตามฝูงชนเหล่านั้นเข้าไปมุงด้วยเช่นกัน


ทันทีที่เข้าใกล้จุดที่เป็นแหล่งรวมตัว เขาต้องพบกับผู้คนมหาศาลที่มากองกันแน่นขนัดอยู่ก่อนแล้ว


กลุ่มนักล่าสายลมมีชื่อเสียงโด่งดังมากในฐานลู่หยาง จึงมีผู้คนมากมายยกให้พวกเขาเป็นแบบอย่างไปด้วย


ท่ามกลางกลุ่มคนที่มาสุมหัวกันอยู่ในบริเวณนี้ ส่วนหนึ่งคือพวกที่อยากมาชื่นชมกลุ่มนักล่าที่ชื่นชอบ อีกส่วนหนึ่งคือพวกที่อยากเห็นว่าสัตว์อสูรระดับ 3 จะหน้าตาเป็นอย่างไร?


ขณะที่ฉู่โม่วกำลังแหวกฝูงคนเข้าไปใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ เขาก็ได้ยินเสียงอุทานดังมาจากแถวหน้าสุดอีกครั้ง


“ใช่มังกรพสุธาจริง ๆ ด้วย!”


“เจ้านี่ใช่สัตว์อสูรที่อาละวาดอยู่ทางตอนเหนือของฐานหรือเปล่านะ? เห็นเขาบอกกันว่ามันถือเป็นสัตว์อสูรระดับ 3 ขนาดกลางที่สมบูรณ์ มีผู้ฝึกยุทธ์มากมายต้องบาดเจ็บเพราะมัน ถึงขนาดที่บางคนถูกมันกลืนลงท้องไปด้วย!”


“ถ้าเป็นนักล่าสายลมล่ะก็ ต้องล่ามันได้อยู่แล้ว อย่าลืมสิว่าพวกเขามีกัปตันทีมเป็นผู้ไล่ล่าแห่งสายลมเลยนะ แถมเมื่อไม่นานมานี้เขายังเพิ่งขยับขึ้นเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางมาด้วย!”


“น่ากลัวจริง ๆ!”


ฉู่โม่วยื่นหน้ามองข้ามผ่านฝูงชนออกไป จนพบกับผู้ฝึกยุทธ์ราวสิบสองคนกำลังยืนกันอยู่ที่ด้านหน้าสุดอย่างสง่าผ่าเผย และที่รู้เช่นนั้นก็เพราะกลิ่นอายของพวกเขาเต็มไปด้วยพลังมหาศาล จนสามารถแยกออกได้ไม่ยากนัก


หนึ่งในผู้ฝึกยุทธ์เหล่านั้นพูดขึ้น “พวกเรา ทีมนักล่าสายลมอันทรงพลัง ตอนนี้ได้กลายเป็นทีมของเหล่าผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางกันแล้ว แถมพวกเรายังมีผลงานจากการล่าสัตว์อสูรระดับ 3 มาแล้วด้วย! ดังนั้นตอนนี้… พวกเราต้องการสมัครลูกทีมเพิ่ม! ผู้ที่มีคุณสมบัติดังต่อไปนี้จะได้รับการพิจารณา! นั่นคือ คนคนนั้นต้องเป็นผู้ปลุกพลังขั้นสุดท้ายหรือสูงกว่า! และความสามารถพิเศษต่ำสุดได้แค่ระดับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นต้นเท่านั้น! วิธีการ…”


ฉู่โม่วไม่ได้สนใจสิ่งที่อีกฝ่ายพูดนัก แต่กำลังจ้องสิ่งที่กองอยู่เบื้องหน้าตาเป็นมัน


ซากของสัตว์ร้ายขนาดยักษ์ที่นอนไร้วิญญาณอยู่ที่พื้น!


หน้าตาของมันค่อนข้างคล้ายตัวลิ่น แต่มีขนาดใหญ่มากราวเมตรครึ่งได้ มันมีทั้งเขี้ยวและกรงเล็บใหญ่โตเหมาะสมกับร่างกาย ซึ่งส่วนที่ทำให้มันดูน่ากลัว เห็นจะเป็นเขี้ยวเล็บอันคมปลาบและมันวาวพวกนั้น


แม้ว่าสัตว์อสูรจะตายไปแล้ว แต่ยังคงดูน่าเกรงขามไม่จางหาย


ขณะที่เขายืนอยู่เบื้องหน้าซากไร้วิญญาณ ก็อดรู้สึกอึดอัดอยู่ข้างในไม่ได้


ฉู่โม่วเหลือบไปเห็นว่ามีใครคนอื่นกำลังสัมผัสเจ้าร่างของสิ่งมีชีวิตยักษ์ตนนี้อยู่ เขาจึงตัดสินใจลองสัมผัสมันดูบ้าง


ในจังหวะที่เขาแสร้งทำเป็นสนอกสนใจเจ้าสิ่งนี้ จนไม่มีใครสังเกตเห็นนั้นเอง


[เป้าหมาย : สัตว์อสูรระดับ 3 ขนาดกลาง อสูรมังกรพสุธา!]


[สามารถกลืนกินได้!]


[ต้องการกลืนกินหรือไม่?]


เสียงแจ้งเตือนของระบบดังขึ้น ฉู่โม่วตอบกลับไปในใจอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย “กลืนกิน!”


[กลืนกินเสร็จสิ้น!]


[ได้รับ ‘การพัฒนาพลังกายเนื้อระดับกลาง’!]


[ต้องการหลอมรวมหรือไม่?]


สำเร็จ!


เมื่อมองไปยังข้อความแจ้งเตือนที่ปรากฏในสายตา ฉู่โม่วก็รู้สึกตกใจสุด ๆ กระนั้นแล้ว เขาไม่ได้หลอมรวมมันในทันที แต่เลือกที่จะเก็บพลังนั้นไว้… พร้อมกับถอยออกมาก่อน


ใจจริงเขาอยากจะใช้ระบบกลืนกินอีกครั้ง แต่กลัวว่าหากแก่นแท้อสูรของมังกรพสุธาถูกกลืนกินออกไป มันจะทำให้ทีมนักล่าสายลมสงสัยและหยุดเขาไว้ตอนนั้นก็ได้


อย่างไร ชายหนุ่มก็ได้สิ่งที่ต้องการมากที่สุดมาแล้ว จึงไม่อยากเอาตัวไปเสี่ยงกับความโลภข้างหน้าอีก


ฉู่โม่วดำเนินการทุกสิ่งอย่างรวดเร็วจนคนรอบข้างไม่ทันสังเกตเลยด้วยซ้ำ


อีกทั้งตัวเขายังระวังตัวมากเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงไม่มีคนเห็นความผิดปกติเลย


ชายหนุ่มถอนตัวออกจากฝูงชนที่แน่นขนัด …แต่ยังได้ยินเสียงป่าวประกาศหาคนเข้าทีมของกลุ่มนักล่าสายลมดังอยู่เป็นระยะ


แต่ฉู่โม่วมีปณิธานแน่วแน่แล้วว่าจะกลับบ้าน จึงไม่หันกลับไปมองอีก


เมื่อกลับมาถึงบ้าน ชายหนุ่มก็ล็อกประตูให้เรียบร้อย


จากนั้นจึงหยิบเอา ‘พลังกายเนื้อ’ ที่ดูดกลืนออกมาในรูปแบบของก้อนพลังงานแสงมาเชยชม ความยินดีจนปิดบังไว้ไม่อยู่ถูกแสดงออกมาบนใบหน้า


“พัฒนาพลังกายระดับกลาง!”


ก้อนแสงนี้มีลักษณะเป็นลูกทรงกลมใสสะอาดคล้ายลูกแก้ว ที่เก็บพลังงานเอาไว้อย่างล้นปรี่


หลังจากที่ชื่นชมมันจนพอใจแล้ว ฉู่โม่วก็พูดเบา ๆ “หลอมรวม!”


สิ้นเสียงพูดกล่าว


ตู้ม!


พลังงานปริศนาระเบิดออกจากลูกแก้วใส และถูกดูดกลืนเข้าไปในกายเขา จนต้องลิ้มรสความเจ็บปวดเหมือนโดนลูกตุ้มบดขยี้ทั่วร่างลามไปยันกระดูกอีกครั้ง


ภายใต้พลังอันมหาศาลนี้ ฉู่โม่วรู้สึกได้ดีเลยว่าเหมือนกล้ามเนื้อและกระดูกทุกส่วนในร่างกายกำลังแตกสลาย และก่อตัวใหม่ วนเวียนแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมาอยู่พักหนึ่ง


ก่อนความเจ็บปวดพวกนั้นจะย้ายไปกระตุกก้อนเนื้อในอกซ้ายของเขาให้ปวดระบมแทน


โชคยังดีที่เขาเตรียมตัวเตรียมใจพร้อมไว้แล้ว เพราะเมื่อความเจ็บปวดแล่นเข้าสู่หัวใจ ฉู่โม่วจึงกัดฟันทนไว้ และไม่ร้องเสียงใด ๆ ออกมา


สิบวินาทีต่อมา


ความเจ็บปวดเลือนหายไปจนหมด


ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อกาฬ พร้อมกับหายใจหอบอย่างหนักหน่วง


อ้างอิงจากการทดลองครั้งก่อนหน้า ตอนนี้เขารู้แล้วว่านี่เป็นผลลัพธ์จากการหลอมรวม


“ได้เวลาทดสอบแล้วว่าพลังกายระดับกลางจะให้ผลขนาดไหน!”


ฉู่โม่วนั่งพักอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้นมาอีกครั้งและเริ่มใช้กระบวนท่าพัฒนากายเนื้อทั้งยี่สิบเอ็ดท่าในทันที


ผ่านไปครึ่งชั่วโมง


ผลลัพธ์ของการใช้กระบวนท่าพัฒนากายเนื้อก็ปรากฏออกมา


ชายหนุ่มรู้สึกได้ถึงอณูพลังอันอบอุ่นที่ล่องลอยอยู่ในอากาศจากทั่วโลก ซึ่งกำลังหลั่งไหลเข้ามารวมอยู่ในร่างของเขา มันควบแน่นก่อนจะแผ่กระจายออกไปช้า ๆ ตามลำแขน ท่อนขา และกระดูก จากนั้นค่อย ๆ บรรเทาลง


ความรู้สึกเช่นนี้คงอยู่นานกว่าเดิมอย่างน้อยสิบนาที เมื่อเทียบกันกับครั้งที่หลอมรวมธาตุสายฟ้าเข้ามาในร่างกาย!


“น่ากลัวจริง ๆ”


“พลังกายเนื้อระดับกลางแข็งแกร่งอย่างที่คิดจริง ๆ ด้วย”


“ฝึกฝนไปแค่ครั้งเดียว ยังรู้สึกได้เลยว่าร่างกายแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมนับสิบเท่า!”


“ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปได้ล่ะก็ ต่อให้ไม่มีแก่นแท้ของอสูรมาช่วย ฉันก็น่าจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ได้ในครึ่งปีแน่ ๆ!”


ขณะนั้น ฉู่โม่วก็คิดอะไรได้บางอย่าง


“จริงสิ… ถ้าหาแก่นแท้อสูรมาช่วยเสริมพลังได้ ก็อาจจะเข้าสู่ขั้นผู้ฝึกยุทธ์ได้ภายในสามเดือนเลยนี่นา!”


เมื่อรับรู้ถึงความเร็วในการพัฒนา ชายหนุ่มก็หลุดยิ้มมุมปากออกมา



รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว