[จบ]ระบบกลืนกินพรสวรรค์ -บทที่ 39 ความแปลกประหลาดในฐานฉางเฟิง 

โดย  Enjoybook

[จบ]ระบบกลืนกินพรสวรรค์

บทที่ 39 ความแปลกประหลาดในฐานฉางเฟิง 

บทที่ 1100 จอมอสูรโจมตี!


“ไอ้หนู ฉันได้พูดไปแล้วว่าสมบัติแห่งโลกและสวรรค์มีค่ามหาศาล มีสมบัติมากมายอยู่ในภูเขาแห่งนี้ ทำไมถึงเป็นแก มนุษย์ตัวเล็ก ๆ เจ้าหนุ่มตัวกะเปี๊ยก ฉันไม่สามารถเข้าใจได้เลยจริง ๆ… เอาอย่างนี้ หากแกยอมส่งสมบัติทั้งหมดในตัวมาละก็ ฉันจะปล่อยให้แกรอดไปได้ แต่ถ้าไม่ ก็อย่าหาว่าฉันผู้นี้ลงมือทำร้ายเด็กตัวเล็ก ๆ ก็แล้วกัน!”


แววตาเฉียบคมเปล่งประกายออกมาจากชายชราซูหยิงขณะที่เขาพูดด้วยเสียงอันกึกก้อง


ได้ยินเช่นนั้น


ฉู่โม่วก็แสยะยิ้มใส่แล้วเมินเฉย เขาตอบกลับด้วยเสียงดัง “ในเมื่อท่านเองก็ละโมบอยากได้สมบัติเหมือนกัน ทำไมถึงเอาแต่พูดแบบนั้นเล่า… สมบัติอยู่กับฉันแล้ว ถ้าท่านอยากได้ ก็เข้ามาแย่งชิงไปเองสิ!”


“กล้าดีนักนะ!”


ฟังฉู่โม่วพูด เงาของชายชราก็หัวเราะออกมาด้วยความโกรธ


เขาไม่คาดคิดเลยว่าฉู่โม่วจะกล้าขนาดที่พูดถ้อยคำเช่นนั้นออกมา น้ำเสียงดุดันตอบกลับโดยพลัน “ในเมื่อแกรนหาที่ตายเอง งั้นก็อย่ามาโทษฉัน… ไปจับตัวไอ้หนูนั่นมาซะ!”


ครืน!


หลังจากที่สั่งการไปแล้ว เมฆดำก็ก่อตัวโดยพลัน


ทันทีทันใด ร่างจำนวนมากมายปรากฏขึ้นบนฟากฟ้าแล้วบินลงมาหาเขา มันมีสภาพเหมือนวิญญาณร้ายที่อัดแน่นด้วยจิตและพลังชั่วร้าย พลังศักดิ์สิทธิ์ที่กล้าแกร่งเปล่งปลั่งออกมาราวกับเป็นขุนเขาและคลื่นทะเลยักษ์มุ่งหน้าเข้าใส่ชายหนุ่ม


“เข้ามาเลย!”


ฉู่โม่วตะโกนเสียงดัง


ขุมทรัพย์และความสามารถของเขาได้เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล และเขาก็กำลังคิดหาโอกาสในการทดสอบพลังของตนอยู่พอดี เพราะฉะนั้นในเมื่อเผ่าอสูรกล้าที่จะเข้ามา เขาก็จะใช้โอกาสนี้ในการดูว่าลิมิตของเขามันไปอยู่ที่ระดับไหน


ครืน!


แม้ร่างจะไม่ได้ขยับแม้แต่น้อย แต่ทั่วทั้งร่างก็เปี่ยมไปด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ระดับอนันต์เทท่วม ผนวกทั้งแสงศักดิ์สิทธิ์แห่งความโกลาหลที่กล้าแกร่งก็เริ่มพลุกพล่านราวกับภูเขาไฟที่กำลังระเบิด


กระบี่นภาแดงที่อยู่ภายใต้การควบคุมของฉู่โม่ว ถูกนำมาตวัดฟาดฟันเหล่าอสูรที่พุ่งเข้ามาเบื้องหน้าในทันใด


วินาทีนั้น ทั่วทั้งร่างของเขาถูกห่อหุ้มด้วยเมฆศักดิ์สิทธิ์เต็มไปหมด แสงแห่งความโกลาหลส่องประกายไปทั่วบริเวณ พลังแห่งวิถีและกฎเกณฑ์ผสานรวมกันกลมเกลียว ก่อเกิดเป็นตรวนแห่งการบัญชาที่ผกผันและดึงลงต่ำ แม้กระทั่งดวงตาทวิเนตรที่ซึ่งล้ำลึกและพิศวง หากมองให้ดีก็จะสามารถเห็นโลกแห่งความท้อแท้ทั้งสามแสนใบและการร่วงหล่นของเทพและอสูรนับแสนล้านตนผ่านดวงตานั้น


ที่น่ากลัวยิ่งกว่า


ขณะที่ฉู่โม่วกำลังระเบิดพลังศักดิ์สิทธิ์ออกมา แรงกดดันอันมหาศาลที่ไม่อาจจะพูดได้ก็กระจายตัวออกมาด้วย มันทำมิติรอบข้างแตกร้าว ภาพมายามากมายเกิดขึ้นภายใต้การปะทะกันของพลังปราณมากมาย


จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ที่เพิ่มกำลังสูงขึ้นดูเหมือนจะสามารถทำลายพื้นที่บริเวณนี้ได้เลย


“ฟาดฟัน”


ด้วยเสียงที่แผ่วเบา


ปราณกระบี่สีแดงชาดพุ่งทะยานผ่าห้วงมิติเป็นเส้นตรงราวกับมันได้ผ่าฟากฟ้าเป็นสองซีกไปแล้วในตอนนี้


เหล่าอสุรกายมากมายที่กรูกันเข้ามาหมายจะสังหารฉู่โม่ว ตระหนักได้ถึงความหวาดกลัวภายในใจ และพวกมันอดไม่ได้ที่จะแสดงความหวาดกลัวออกมา


“ไม่ดีแล้ว!”


ท่าทีของอสูรเหล่านี้ที่ตนที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่ในขั้นของพระเจ้าเปลี่ยนไปทันที พวกมันรับรู้ถึงปัญหาระดับชีวิตที่กำลังจะต้องเผชิญ พวกมันตั้งท่าป้องกันตัวเอง และในเวลาอันสั้น พวกมันเห็นพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ยิ่งใหญ่เปล่งประกายออกมา นอกจากนี้ก็ยังเห็นทหารสวรรค์ที่สมบูรณ์แบบอยู่ท่ามกลางพลังเหล่านี้ด้วย อันทำให้เกิดออร่าศักดิ์สิทธิ์ที่น่าเกรงกลัวกระจายตัวออกมา


อย่างไรก็ตาม…


ขณะที่ปราณกระบี่นั้นค่อย ๆ จางลง พลังศักดิ์สิทธิ์ก็ได้ทำลายทุกสิ่งอย่างในระนาบของมันจนหมดสิ้น อสุรกายเหล่านี้ไม่มีพลังมากพอที่จะต้าน เพราะงั้นพวกมันจึงถูกสังหารตายไปตาม ๆ กัน ฟากฟ้าที่เกิดรอยแตกร้าวนั้นแตกออก ทำให้แสงศักดิ์สิทธิ์เปล่งสว่างไปทั่วราวกับเป็นดวงตะวัน


ด้วยสภาพการณ์นี้


พวกเขารู้สึกเหมือนว่ากำลังเผชิญหน้ากับดวงอาทิตย์ที่แผดเผา มันสว่างและร้อนแรง นอกจากนี้ก็ยังมีพลังศักดิ์สิทธิ์ที่เฉียบคมมาก ๆ พุ่งตรงเข้าหาพวกมันอีก


ซู่ม!


เหล่าทหารสวรรค์ที่สมบูรณ์แบบพุ่งเข้าชนเหล่าอสุรกายที่หลงเหลือราวกับพวกมันเป็นเพียงกระดาษ เพียงแค่การตวัดดาบครั้งเดียวก็สังหารพวกมันได้แล้ว รอยบาดแผลบนร่างเปล่งแสงศักดิ์สิทธิ์ออกมา จากนั้นเจตจำนงแห่งกระบี่อันมหาศาลก็โถมหลั่งออกมาราวกับเป็นกาแล็กซี


ร่างของเหล่าอสูรพวกนี้ถูกฉีกสลายจากภายใน พวกมันแตกสลายไปตาม ๆ กัน ออร่าสีดำมากมายระเหยหายไปราวกับเป็นน้ำแข็งที่กำลังละลายก็มิปาน


เสียงร้องโหยหวนดังระงมจากสิ่งเหล่านี้


เพียงกระบี่เดียว


อสูรจำนวนมากที่แข็งแกร่งระดับพระเจ้าที่พุ่งเข้ามาก็พ่ายแพ้!


พลังระดับนี้ทำเอาสิ่งมีชีวิตทุกตนต้องตกตะลึง ทุกคนจ้องมองไปยังภาพที่เห็นด้วยดวงตาว่างเปล่า สีหน้าของแต่ละคนก็แสดงความตกใจและหวาดกลัวออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ด้วย


พวกเขาเห็นอะไร?


กลุ่มของอสุรกายที่ทรงพลังเทียบเท่ากับจักรพรรดิเทวะยุทธ์ ถูกกำจัดโดยคนนอกด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว!?


นั่นจักรพรรดิเทวะยุทธ์เลยนะ!


ในหุบเหวศักดิ์สิทธิ์นี้ นอกจากผู้เฒ่าสูงสุดแล้ว พวกเขาต่างก็ล้วนเป็นผู้ที่อยู่บนจุดสูงสุดของเผ่าพันธุ์กันทั้งสิ้น หรือต่อให้ศัตรูจะเป็นคนนอก พวกเขาก็ไม่ได้ด้อยกว่าเลย


โดยเฉพาะสัตว์อสูรเหล่านี้


ก่อนที่จะได้ปลุกสติปัญญา ทุกตนงุนงงจับทิศทางตนเองไม่ถูก แต่ภายหลังจากที่ได้ปลุกสติปัญญาขึ้นมาแล้ว พวกมันก็รู้ว่าตนเองต้องต่อสู้และกลืนกินเผ่าพันธุ์อื่นนับไม่ถ้วน พูดได้เลยว่าต้องผ่านการต่อสู้ที่หลั่งเลือดหลั่งเนื้อจำนวนมากมายกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้


ถึงแม้ว่าจะไม่เข้าข่ายเป็นผู้ไร้เทียมทาน หรือแข็งแกร่งที่สุด แต่ก็เรียกได้ว่าเป็นระดับสูงที่สุดได้


แต่ตอนนี้…


การถูกเด็กหนุ่มคนนอกเช่นนี้สังหารต่อหน้าต่อตา มันเป็นอะไรที่น่าเหลือเชื่อมาก ๆ!


แม้แต่ตัวนายน้องแห่งเผ่าอสูรเองก็ยังแข็งนิ่งไป ณ จุดนั้น


เขารู้ว่าฉู่โม่วน่ะแข็งแกร่ง


เพราะถ้าหากไม่ใช่แบบนั้น เขาคงไม่อาจจะไปถึงชั้นห้าพัน ที่ซึ่งเป็นชั้นสูงสุดของหุบเขาขุมทรัพย์ได้ ทว่าเขาไม่คาดคิดจริง ๆ ว่าฉู่โม่วจะแข็งแกร่งกว่าที่เขาคิดระดับนี้!


“เอาสิ!”


“ฉันไม่คิดเลยจริง ๆ ว่าตัวเองจะเผลอประเมินแกต่ำไป!”


หลังจากเห็นทวยเทพมากมายต้องถูกสังหารลง ชายชราที่เป็นผู้นำของเหล่าอสูรก็หัวเราะด้วยความเกรี้ยวกราด “ทั้ง ๆ ที่คิดว่าตัวแกเองเก่งกาจแล้ว แต่ไม่คิดจริง ๆ ว่าแกจะทำให้ฉันประหลาดใจได้…แต่ถึงแกจะสังหารพวกจักรพรรดิเทวะยุทธ์ได้ มันก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนไป เพราะต่อหน้าเทพสูงสุด แกเองก็เป็นเพียงเศษฝุ่น!”


สิ้นเสียงลง


เขาก็ปรบฝ่ามือลงมาทันใด


ครืน!


มิติช่องว่างแตกออก พร้อมกับฟากฟ้าที่แตกลงมา พลังศักดิ์สิทธิ์ระเบิดแล้วส่องประกายจากทั่วร่างของเขา พลังปราณที่น่ากลัว เลือดต่างก็ไหลเวียนและถูกกระตุ้นราวกับเป็นพายุบนผิวทะเล รวมไปถึงพลังสูงสุดปริมาณมหาศาลที่เพิ่มขึ้น ราวกับมันจะฝ่าทะลวงท้องฟ้าไป


พลังศักดิ์สิทธิ์สูงสุดนี้ ถูกปลดปล่อยออกมาโดยไม่เก็บกลั้นไว้เลยแม้แต่น้อย


อย่างไรก็ตาม


ณ ตอนนั้น ฉู่โม่วก็ยังคงไม่เกรงกลัวอยู่ดี


มันไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยประจันหน้ากับมหาจักรพรรดิเทวะยุทธ์ที่แท้จริง แม้แต่สังหารก็ยังทำมาแล้ว ไหนจะยังการที่เขาเคยปะทะกับยักษ์อีก ความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้ก่อนหน้านั้นมีมากกว่ามหาจักรพรรดิเทวะยุทธ์ผู้นี้อยู่ไม่น้อยเลย


เพราะงั้น ด้วยสถานการณ์เช่นนี้


เพียงแค่มหาจักรพรรดิเทวะยุทธ์ เขาไม่จำเป็นต้องกลัวแต่อย่างใด


“ฆ่ามันซะ!”


ฉู่โม่วนั้นเปี่ยมด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ ทั่วทั้งร่างเขาถูกหล่อเลี้ยงด้วยพลังงานและเลือด คมกระบี่นภาแดงในมือเปล่งแสงออกมา แสงนั้นเฉียบคมและส่องสว่าง เขาฟาดฟันมันลงไปตรง ๆ จนมิติรอบด้านแตกสลายและพุ่งเข้าโจมตีมหาจักรพรรดิเทวะยุทธ์


“แกจะกล้าดีเกินไปแล้ว ต่อหน้าฉัน แกมันก็แค่หนอนตัวเล็ก!”


“วันนี้แหละ ฉันจะแสดงให้เห็นเองว่าพลังที่แท้จริงของมหาจักรพรรดิเทวะยุทธ์เป็นยังไง!”


ชายชราไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เขาแสยะยิ้ม


ทันใดนั้นเอง


ด้วยมือที่ไพล่หลังไว้ เขายื่นอีกมือหนึ่งออกมาราวกับจับบางสิ่งบางอย่างอยู่ และสิ่งนั้นก็คือปราณกระบี่ของฉู่โม่วที่ถูกจับไว้ ราวกับว่าปราณกระบี่นี้เป็นของแข็งเสียอย่างนั้น


ไม่ต้องสงสัยเลย


พลังนี้แข็งแกร่งอย่างแน่นอน


แต่ภายใต้สถานการณ์ปกติ มหาจักรพรรดิเทวะยุทธ์นั้นแข็งแกร่งพอที่จะยืนต่อหน้าจักรพรรดิเทวะยุทธ์ทุกคนอยู่แล้ว


เพราะในสายตาของเหล่ามหาจักรพรรดิ สรรพสิ่งที่พลังน้อยกว่า ก็ไม่ต่างอะไรกับมดปลวก


เพราะงั้นในสายตาของจอมอสูรชราผู้นี้ ไม่ว่าฉู่โม่วจะแข็งแกร่งขนาดไหน เขาก็ไม่ได้ต่างอะไรกับมดที่แข็งแกร่ง ยังไงเสีย ด้วยความห่างชั้นของพลัง อีกฝ่ายก็ไม่มีทางเทียบเท่าเขาได้


รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว