[จบ]ระบบกลืนกินพรสวรรค์ -บทที่ 42 บ่มเพาะโลหิตเสร็จสิ้น!

โดย  Enjoybook

[จบ]ระบบกลืนกินพรสวรรค์

บทที่ 42 บ่มเพาะโลหิตเสร็จสิ้น!

บทที่ 42 บ่มเพาะโลหิตเสร็จสิ้น!


เขตแดนลับเหรอ?


ฉู่โม่วใจเต้นแรง


แน่นอนว่าเขาเคยได้ยืนเรื่องดินเขตแดนลับมาก่อน


ตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของดาวเคราะห์สีน้ำเงินแห่งนี้ ก็มีเขตแดนขนาดเล็กอีกมากมายปรากฏขึ้นเรื่อย ๆ ทั่วทั้งดาวเคราะห์ เขตแดนเหล่านั้นถูกเรียกว่าเขตแดนลับ ซึ่งพวกมันมีเส้นทางเชื่อมต่อกับดาวเคราะห์นี้และหาพบได้ยากยิ่งนัก


เขตแดนลับบางแห่งก็อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากร ภูเขา แหล่งน้ำและชีวิต อาจมีกระทั่งสัตว์อสูรหรือสมบัติแห่งสวรรค์และโลกมากมายหลายชนิด ในขณะที่เขตแดนลับอื่น ๆ นั้นแห้งแล้งจนไม่มีแม้แต่หญ้าหรือต้นไม้


แต่อย่างไรก็ตาม…


เมื่อเขตแดนลับสักแห่งปรากฏขึ้นในโลก เหล่าคนนอกก็จะแก่งแย่งกันและเกิดเป็นการนองเลือดในที่สุด


ตัวอย่างเช่น …ที่กองกำลังขนาดใหญ่หรือฐานมากมายบนโลกยังคงยืนหยัดอยู่ได้เพราะพวกเขาต่างก็มีเขตแดนลับขนาดใหญ่เป็นของตัวเอง


พวกมันเต็มไปด้วยพลังอณูแห่งชีวิตและทรัพยากรซึ่งเป็นรากฐานของกองกำลังและฐานที่แข็งแกร่ง!


และด้วยความลับที่ล้ำค่าถึงขนาดนี้


หมัวซานซานกำลังชวนเขาไปจริง ๆ หรือว่าเธอจะมีเขตแดนลับอยู่ในครอบครอง?


ราวกับรู้ว่าฉู่โม่วกำลังคิดอะไร อีกฝ่ายพยักหน้าเบา ๆ และกล่าว “ใช่ค่ะ! ฉันมีเขตแดนลับอยู่… อันที่จริงฉันรอสมบัติที่คุณเอากลับมาจากฐานฉางเฟิงอยู่ สมบัติชิ้นนั้นคือประตูไปสู่เขตแดนลับนี้นี่แหละ!”


ฉู่โม่วพยักหน้าหงึก ๆ


แต่แล้วเขาก็ถามขึ้น “เขตแดนลับเป็นสิ่งที่ล้ำค่ามาก ทำไมถึงอยากชวนผมเข้าไปล่ะ? คุณหนูหมัวไม่กลัวว่าผมจะฆ่าคนที่อยู่ในเขตแดนลับเหรอ?”


ขณะที่พูด เขาก็มองลึกเข้าไปในดวงตาของหมัวซานซาน


“เพราะเขตแดนลับนี้มีขนาดเล็กที่สุด เกราะป้องกันก็บอบบางอย่างถึงที่สุด แค่ลมหายใจของขั้นจอมยุทธ์ก็ทำให้มันพังทลายได้แล้ว จึงมีแต่ผู้ปลุกพลังที่ยังไม่เข้าสู่ขั้นจอมยุทธ์เท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้!”


หมัวซานซานพูดอย่างไม่มีทางเลือก “อีกอย่าง… เขตแดนลับแบบนี้มักจะอันตรายมาก และคุณฉู่โม่ว ถึงคุณจะยังเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลาง ทว่าพละกำลังก็เทียบได้กับจอมยุทธ์เลยทีเดียว ถ้าคุณช่วยเราสำรวจ ทีนี้ก็คงมั่นใจได้มากขึ้นเยอะค่ะ”


“ส่วนเรื่องการสังหารผู้คนและขโมยสมบัตินั้น…”


เมื่อมาถึงจุดนี้ หมัวซานซานก็หยุดไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ “ฉันคิดว่าฉันรู้จักผู้คนพอสมควร และมั่นใจได้ว่าคุณไม่ใช่คนแบบนั้นนะคะ คุณฉู่โม่ว”


“ยิ่งไปกว่านั้น…”


“ฉันแค่ต้องการผลึกซวนหยวนในเขตเขตแดนลับ และเข้าไปฝึกฝนข้างในนั้น สิ่งอื่น ๆ ที่ไม่มีเจ้าของก็จะเป็นของคุณ!”


เมื่อพูดจบ สายตาของหมัวซานซานก็จับจ้องไปที่ฉู่โม่ว “แล้ว… คุณอยากมากับฉันไหมคะ?”


“อืม…”


ฉู่โม่วถอนหายใจ


ต้องบอกเลยว่า


เขตแดนลับแห่งนี้ช่วงเย้ายวนใจจริง ๆ!


แม้แต่ตัวเขายังไม่อาจต้านทานได้


ยิ่งไปกว่านั้น คำพูดของหมัวซานซานก็น่าสนใจมาก สมบัติทั้งหมดที่ได้รับมาจะเป็นของเขา


ผู้ปลุกพลังแทบทุกคนรู้ดีว่าสมบัติในเขตแดนลับนั้นมีค่ามากขนาดไหน


และหมัวซานซานยังกล่าวคำมั่นด้วยความจริงใจ


หลังจากที่ครุ่นคิด ฉู่โม่วก็พยักหน้าและกล่าว “ผมอยากเข้าไปด้วย!”


ในที่สุดเขาก็พูดออกมา


รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหญิงสาวตรงหน้า


“จากการคาดเดาของฉัน ยังมีเวลาอีกยี่สิบวันก่อนที่เขตแดนลับจะเปิด ระหว่างนั้นคุณก็เตรียมตัวให้พร้อมและรอเวลาออกเดินทางได้เลย!”


เมื่อพูดจบ หมัวซานซานก็ลุกขึ้นยืนและกล่าวพร้อมยิ้มกว้าง “หวังว่าเราจะร่วมงานกันได้อย่างราบรื่นนะ!”


“หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น”


ฉู่โม่วเองก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม


หลังจากที่พูดคุยกันสักพัก ชายหนุ่มก็กล่าวลา


หมัวซานซานพาเขาไปส่งที่ประตูด้วยตัวเอง


ตอนที่ทั้งสองกำลังจะแยกจากกัน ฉู่โม่วพลันหยุดเดินและกลับหลังหันไปถามด้วยความสงสัย “อีกอย่างหนึ่ง ตอนนี้คุณหนูหมัวแข็งแกร่งขนาดไหนแล้วล่ะ?”


“ผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูง!”


หมัวซานซานกล่าวอย่างจริงใจ


ทันทีที่ได้ยินดังนั้น ฉู่โม่วก็ตกตะลึง


อย่างไรแล้ว เขาก็รู้ว่าหมัวซานซานอายุน้อยกว่าตนหนึ่งปี และเธออายุเพียงแค่สิบเจ็ดปีเท่านั้น


พูดอีกอย่างก็คือ…


หมัวซานซานฝึกยุทธ์มาแค่สองปี แต่ก็เป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูงแล้ว!


แต่แล้วฉู่โม่วก็รู้สึกเสียใจขึ้นมา


หมัวซานซานได้ดูแลสาขาของเครือหอการค้าหยกแก้วในฐานนี้ด้วยอายุที่น้อยขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่าพื้นเพของเธอไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป กระทั่งในสำนักงานใหญ่ของเครือหอการค้า เธอก็เป็นหนึ่งในผู้ดูแลประจำสาขาที่เก่งที่สุดอย่างแน่นอน


ด้วยทรัพยากรนับไม่ถ้วนของเครือหอการค้าหยกแก้วประกอบกับพรสวรรค์ในการฝึกยุทธ์ ก็สมเหตุสมผลแล้วที่หมัวซานซานจะประสบความสำเร็จถึงขนาดนี้


ยิ่งไปกว่านั้น ความเร็วในการฝึกฝนของฉู่โม่วก็ไม่ได้อ่อนด้อยเลยสักนิด!


ถ้าจะพูดให้ชัดเจนก็คือ


ชายหนุ่มใช้เวลาฝึกฝนมาน้อยกว่าครึ่งปี ด้วยเวลาเพียงเท่านี้เขาใกล้จะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูงแล้ว อีกทั้งแท้จริงแล้ว พลังต่อสู้ของเขายังเหนือกว่าผู้ฝึกยุทธ์ ตอนนี้เขาเทียบได้กับจอมยุทธ์แล้วด้วยซ้ำ


เท่านี้ก็เรียกได้ว่ามีพัฒนาการที่น่าตกตะลึงแล้ว


ขณะที่คิดเรื่องนี้ไประหว่างทาง ในไม่ช้าฉู่โม่วก็กลับมาถึงบ้าน


ยังมีเวลาอีกยี่สิบวัน ก่อนจะถึงเวลาเปิดเขตแดนลับ!


‘ฉันจะใช้เวลานี้ฝึกฝนอย่างหนักและไปถึงขั้นผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูงให้ได้!’


เมื่อคิดได้ดังนั้น ฉู่โม่วก็หยิบยาบ่มเพาะโลหิตราคาแพงออกมา


เขาเทมันใส่ปากทันที


ทันทีที่ยาลงไปในท้อง พลังของมันก็แพร่ออกมาและซึมเข้าไปในหลอดเลือด


“ดูดซึม!”


“บ่มเพาะโลหิต!”


ฉู่โม่วใช้กระบวนท่าฝึกฝนเพื่อไหลเวียนพลังงานไปทั่วทั้งหลอดเลือด และบ่มเพาะโลหิตกับพลังอณูแห่งชีวิตในทันที


และด้วยการไหลเวียนเลือดอย่างต่อเนื่อง


เลือดทั่วทั้งร่างกายมีเสียงปะทะกันอย่างรุนแรงราวกับคลื่นทะเลหรือแม่น้ำเชี่ยวกรากที่กัดเซาะชายตลิ่งอย่างต่อเนื่อง


...


ด้วยระยะเวลาที่เหลืออยู่


ฉู่โม่วจดจ่ออยู่กับการฝึกฝนตลอดทั้งวันคืน


ทุกครั้งที่พลังของยาบ่มเพาะโลหิตถูกย่อยจนหมด เขาก็จะกินเข้าไปเพิ่มทันที


สิบวันหลังจากนั้น


ชายหนุ่มกลืนยาบ่มเพาะโลหิตลงไปอีกครั้งและใช้กระบวนท่าฝึกฝนเพื่อบ่มเพาะโลหิตอย่างเคย


ทันใดนั้น


เลือดและพลังอณูแห่งชีวิตในร่างกายของเขาพลุ่งพล่านอย่างรุนแรง มันเหนือการควบคุมราวกับกระแสน้ำเชี่ยวกราก


แต่ฉู่โม่วไม่ได้ตื่นตระหนกแต่อย่างใด เขากลับดูประหลาดใจเสียอย่างนั้น


เขาหยุดใช้กระบวนท่าฝึกฝนทันที แล้วหยิบกระบี่ออกมาจิ้มที่นิ้วมือของตัวเอง


เลือดสีแดงฉานหยดหนึ่งถูกบีบออกมา!


พร้อมกับแสงนั้น!


เห็นได้ชัดว่าเลือดหยดนี้เข้มข้นและไม่ไหลย้อยกลับ มันหนาแน่นอย่างถึงที่สุด เมื่อสะบัดลงไปบนพื้นก็เกิดเป็นเสียงโลหะราวกับก้อนเหล็กตกกระทบ!


“เลือดเป็นเหมือนปรอทและไม่กระจัดกระจายแล้ว!”


“นี่มัน… สัญญาณของการบ่มเพาะโลหิตที่สมบูรณ์แบบ!”


แววตาของฉู่โม่วลุกเป็นประกาย


ขั้นผู้ฝึกยุทธ์คือขั้นแห่งการเปลี่ยนแปลง!


การเสริมความแข็งแกร่งให้กระดูก การบ่มเพาะโลหิตและพลังอณูแห่งชีวิต ต่างก็เป็นขั้นตอนในการเปลี่ยนแปลงทีละขั้นตอน!


ตอนนี้เมื่อการบ่มเพาะโลหิตเสร็จสิ้นแล้ว


หากหยดเลือดของเขาเข้าไปในร่างกายของคนธรรมดา เส้นเลือดจะระเบิดและอีกฝ่ายจะตายในทันที!


“ในขั้นผู้ฝึกยุทธ์ระดับต้น กระดูกทั่วทั้งร่างกายจะถูกเสริมแกร่ง เมื่อเคลื่อนไหว ร่างกายจะปล่อยเสียงราวกับพยัคฆ์คำรามออกมา นั่นคือสัญญาณของการเสริมแกร่งกระดูกที่สำเร็จ ซึ่งแสดงถึงการเข้าสู่ขั้นผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลาง!”


“การบ่มเพาะโลหิตในระดับกลางคือการบ่มเพาะโลหิตและพลังอณูแห่งชีวิตในร่างกายด้วยสารอาหารปริมาณมาก ถ้าคอยบำรุงต่อไป เลือดกับพลังอณูแห่งชีวิตก็จะหนาแน่นขึ้น ท้ายที่สุดเลือดแห่งชีวิตจะเป็นเหมือนปรอท และนั่นแปลว่าการบ่มเพาะโลหิตสำเร็จแล้ว!”


“หลังจากนั้นก็สามารถใช้เลือดที่แข็งแกร่ง เปิดจุดตันเถียนในร่างกายและบำรุงพลังชีวิตได้!”


“ตอนนี้เมื่อบ่มเพาะโลหิตเสร็จแล้ว ฉันก็จะเข้าสู่ขั้นผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูงได้ซะที!”


เมื่อคิดได้ก็ต้องลงมือทำ


ฉู่โม่วหมุนเวียนเลือดและพลังอณูแห่งชีวิตทั้งร่างกาย เพื่อเตรียมตัวเปิดจุดตันเถียนในร่างกายทันทีโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย!


รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว