เช้าวันถัดมา ร้อยชั่ง เช่นชนก และกาย นั่งประชุมกันเคร่งเครียดในสำนักงานเกี่ยวกับข้อมูลใหม่ที่ได้มา
“ตอนนี้เรามีแหล่งข้อมูลชุดที่ 2 จากนายธงทวนแล้ว พี่อยากให้เชนจัดทำข้อมูลที่เชื่อมโยงกันระหว่างนายธงทวนและนายอาชา” ร้อยชั่งออกคำสั่งกับน้องชาย
“แต่ข้อมูลแค่ 2 ชุด มันยังทำ Big Data ไม่ได้นะพี่ชั่ง ผมต้องการข้อมูลมากกว่านี้หน่อย” เช่นชนกท้วงขึ้นมา
“นายก็ใส่ข้อมูลไปก่อน ฉันมั่นใจว่าเราต้องได้แหล่งข้อมูลเพิ่มเร็ว ๆ นี้ เราอดทนทำกันมาตั้ง 3 ปีแล้ว ในที่สุดวันนี้ก็เริ่มจะเห็นผลเสียที” ร้อยชั่งพูดเหมือนมีความหวัง กายพยักหน้ารับเบา ๆ
“ฉันจะให้พี่เนยเข้าไปถามนายธงทวนอีกที ว่ามันได้เผาจดหมายไปแล้วจริงหรือเปล่า ถ้าหากจดหมายยังอยู่ เราก็จะแกะรอยคนส่งจดหมายได้ง่ายกว่านี้ แต่อาจต้องรอเวลาหน่อย... ต้องรอให้นายธงทวนสงบสติอารมณ์และจิตใจเป็นปรกติกว่านี้” ร้อยชั่งบอกแผนในใจของเธอออกมา
“แต่... ทำไมคนส่งจดหมายถึงก่อเหตุห่างกันถึง 10 ปี ?” กายถามขึ้นมาด้วยความสงสัย กายเป็นหนุ่มร่างใหญ่ พูดน้อย เมื่อเขาพูดขึ้นมาทุกคนในห้องจึงต้องเอาใจใส่เป็นพิเศษ
“ชั่งยังตอบไม่ได้จริง ๆ ความเป็นไปได้มีร้อยแปดพันเก้า มันอาจป่วยเป็นเวลานาน แล้วเพิ่งหายดี เก็บตัวเพราะกลัวคนจับได้ กลับไปพัฒนาฝีมือให้เข้มแข็งกว่าเดิมแล้วค่อยกลับมาเริ่มใหม่ หรือแม้กระทั่งถูกขังคุกแล้วเพิ่งถูกปล่อยออกมา... เป็นไปได้ทั้งนั้น... แต่ชั่งเชื่อว่าอีกไม่นานเราต้องตามหามันเจอแน่ ๆ ถึงเวลานั้น พวกเราจะได้ไขความในใจ และแก้แค้นมันให้สาสม...” ร้อยชั่งพูดเสียงเย็นยะเยียบ
ถึงจะอ้างเรื่องแก้แค้น แต่ทั้งสามคนก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าไม่มีใครมีบทลงโทษในใจให้กับเจ้าปิศาจร้ายสักคน เพียงแต่ทุกคนต้องการหาจุดจบของเรื่องให้ได้ ว่าเหตุใดคนที่พวกเขารักถึงต้องจบชีวิตลงอย่างง่ายดายเช่นนั้น
“กริ๊ง ! กริ๊ง! กริ๊ง!” เสียงกระดิ่งที่หน้าประตูสำนักงานดังขึ้น
“ถึงเวลาที่ชั่งต้องไปแล้ว ไว้เจอกันเย็นนี้นะ” ร้อยชั่งหันไปบอกกายแล้วยกมือโบกเป็นการอำลาให้กับน้องชาย
หญิงสาวเอาสองมือล้วงลงไปในกระเป๋ากางเกงวอร์มแล้วเดินไปเปิดประตูสำนักงาน เธอเห็นคมกริบยืนรออยู่หน้าประตู แต่งตัวนอกเครื่องแบบ เสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนแขนยาวพับปลายแขนขึ้น กางเกงสแล็คสีน้ำเงินกรมท่า นาฬิกาข้อมือหรูหรา แลดูเหมือนพวกไฮโซเซอร์ ๆ มากกว่าตำรวจ
“เช้านี้คุณใช้เวลาแต่งตัวนานเกินไปนะ แล้วโฟมโกนหนวดที่เพิ่งเปลี่ยนยี่ห้อก็ไม่ค่อยเวิร์ค อย่าฝืนใช้เลย เปลี่ยนกลับไปใช้ของเดิมเถอะ อีกอย่างเสื้อเชิ้ตรุ่นนี้ แบรนด์นี้กันยับได้ก็จริงแต่ร้อนมาก ไม่ค่อยเข้ากับอากาศของเมืองไทยหรอก... ไปกันได้หรือยัง ?” ร้อยชั่งกล่าวทักทายเสร็จ ปากก็ถามชายหนุ่มว่าไปกันได้หรือยังแต่ตัวเดินปลิวออกไปสู่ห้องโถง ไปยืนรอหน้าลิฟต์เรียบร้อย ไม่รอคำตอบจากคมกริบเลย
คมกริบเห็นหญิงสาววิเคราะห์ตัวเขาด้วยศาสตร์อนุมานของเธอ ชายหนุ่มจึงลองจับตาดูร้อยชั่งบ้าง แต่มองไปก็ไม่เห็นจะเดาอะไรจากตัวหญิงสาวได้สักอย่าง เธอยังคงสวมเสื้อวอร์มแขนยาว วันนี้เป็นสีน้ำเงินล้วน รูดซิปมาจนถึงปลายคาง กางเกงวอร์มเข้าสีกัน พร้อมรองเท้ากีฬาสีขาวล้วน ถ้าให้เขาอนุมานเขาต้องคิดว่าหญิงสาวมีอาชีพเป็นครูพลศึกษาเป็นแน่
ร้อยชั่งและคมกริบยืนดูลดาอยู่นอกห้องผู้ป่วยเตียงคู่ สายตาสองคู่มองผ่านกระจกหน้าห้อง ภายในห้องมีแต่เตียงลดา อีกเตียงยังว่างเปล่า ซึ่งน่าจะเป็นการดีกับหญิงสาวที่เพิ่งผ่านเหตุการณ์เลวร้ายมา
ข้างตัวลดามีหญิงวัยห้าสิบกว่า ๆ นั่งอยู่หนึ่งคน ผมสีดำแซมขาว หน้าตาอมทุกข์ คาดว่าเป็นมารดาของลดาเนื่องจากใบหน้าละม้ายคล้ายกันอยู่หลายส่วน
ลดารู้สึกตัวแล้ว หญิงสาวดูเหม่อลอย คล้ายจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว หน้าตายังซีดเซียว ขาข้างที่ขาดไปถูกพันไว้เป็นอย่างดี ตั้งแต่เธอถูกช่วยเหลือไว้ คนรักของเธอก็ขาดการติดต่อไป มีแต่เพียงแม่และพ่อจากต่างจังหวัดที่ผลัดเวรกันมาเฝ้าไข้ หญิงสาวจึงไม่รู้ว่าการรอดชีวิตกลับมาครั้งนี้เป็นเรื่องที่ดี หรือจะเป็นเรื่องที่ทำให้ชีวิตเธอเศร้าหมองไปมากกว่าเดิม
ร้อยชั่งเฝ้ามองลดาอยู่พักใหญ่ จากนั้นจึงตัดสินใจเดินเข้าไปในห้องผู้ป่วย
“สวัสดีค่ะคุณลดา ฉันชื่อร้อยชั่ง แล้วนี่สารวัตรคมกริบ เลิศอิทธิพล สารวัตรสืบสวนที่รับผิดชอบคดีของคุณอยู่ค่ะ” ร้อยชั่งแนะนำตัวเองและคมกริบไปพร้อมกัน
ลดาหันหน้ามาดูผู้มาเยือนให้ชัดเต็มตา หญิงสาวมีแววตาแห่งความหวาดกลัวปนกับความแค้นเคือง น้ำตาเหมือนจะปริ่มอยู่ใกล้ไหลออกมาเต็มที
“พวกคุณมาที่นี่ทำไม ?” ลดาถามเสียงเครือ
“คุณลดาน่าจะทราบมาบ้างแล้วว่าทางตำรวจจับคนร้ายได้แล้ว ตอนนี้ทางตำรวจต้องการสอบปากคำของคุณ หากคุณไม่ต้องการให้คนร้ายหลุดคดีไปได้ คุณต้องช่วยตำรวจให้เต็มที่ถึงจะเอาผิดคนร้ายได้” ร้อยชั่งกล่าว
ลดานิ่งเงียบไปอึดใจหนึ่งแล้วหันหน้าไปหาแม่
“แม่ออกไปเดินเล่นก่อนเถอะ ขอฉันคุยกับตำรวจแป๊บหนึ่ง” หญิงสาวบอกแม่เสียงเครือ เธอไม่อยากให้แม่ของเธอรับรู้ว่าลูกสาวอันเป็นที่รักผ่านเรื่องเลวร้ายอะไรมาบ้าง
หญิงสูงวัยหันมามองลูกสาว น้ำตาของเธอก็เริ่มเอ่อเบ้าตาเช่นกัน เธอพยักหน้ารับคำลูกสาวน้อย ๆ แล้วเดินออกจากห้องไป
คมกริบนั่งลงตรงข้างเตียงหยิบสมุดบันทึกพร้อมโทรศัพท์สำหรับอัดเสียงขึ้นมา ส่วนร้อยชั่งยืนกอดอกอยู่ปลายเตียงมองส่วนที่เคยเป็นขาของลดาที่บัดนี้กลับว่างเปล่า
“ฉันจำอะไรไม่ได้มากหรอกนะคะ...” ลดากล่าวเสียงแผ่วเบา
“ทุกอย่างในนั้นมันมืดไปหมด ฉันสะลึมสะลือตลอดเวลา ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเวลาผ่านไปกี่วันกี่คืน จำได้แต่อยากตายให้พ้น ๆ ไปเสีย...” หญิงสาวรู้สึกเหมือนมีก้อนแข็งจุกอยู่ในลำคอทำให้พูดต่อไม่ได้
“คุณลดาเห็นหน้าคนร้ายไหมครับ ?” คมกริบถาม
“เห็นไม่ชัดค่ะ... ในห้องมันมืดมาก...” ลดาจนใจ เพราะจำหน้าคนร้ายไม่ได้จริง ๆ
“คุณได้ยินเสียงมันไหม ? มันพูดคุยอะไรกับคุณบ้าง ?” ร้อยชั่งถาม
“มันขู่ให้ฉันกินเนื้อที่มันเอามาให้ทุกวัน... มัน... มันบอกว่า... เนื้อนั่นเป็นเนื้อของฉันเอง... ถ้าฉันไม่กินมันจะตัดขาอีกข้างของฉัน... ฮือ ๆ ๆ” หญิงสาวคิดถึงช่วงเวลานั้นก็เกิดความหวาดกลัวขึ้นอย่างสุดขีดแล้วเริ่มร้องไห้อย่างหนัก
“คุณลดา... คุณต้องอยู่กับเรื่องนี้ไปอีกนานแสนนาน อาจจะนานพอ ๆ กับชีวิตที่เหลืออยู่ของคุณ ฉันขอให้คุณเข้มแข็ง ฉันขอให้คุณพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อที่จะเอาผิดมันให้ได้ เพื่อตัวคุณเองและเพื่อเหยื่อที่เสียชีวิตไปก่อนหน้าคุณด้วย” ร้อยชั่งกล่าวปลอบขวัญลดา แต่หญิงสาวกลับโวยวายหนักกว่าเดิม
“คุณจะไปเข้าใจอะไร ! การที่รอดชีวิตออกมาอยู่กับความทรงจำที่เลวร้ายอย่างนี้ สู้ให้ฉันตายเหมือนเหยื่อพวกนั้นไม่ดีกว่าหรือ ?” ลดาตะโกนด้วยความอัดอั้นตันใจ แม้ใจจริงไม่ได้คิดอยากจะตายตามเหยื่อพวกนั้นไปเลย
ร้อยชั่งรับฟังเสียงคร่ำครวญด้วยสีหน้าเรียบเฉย หญิงสาวรูดซิปเสื้อวอร์มของเธอลงอย่างรวดเร็วแล้วถอดออกทันที เผยให้เห็นเสื้อกล้ามสีขาวที่เธอสวมอยู่ด้านใน ร้อยชั่งมีผิวขาวนวลเนียน อกอิ่มเต็มไม่ใหญ่ ไม่เล็ก เอวคอดกิ่ว แต่สิ่งที่โดดเด่นมากที่สุดบนเรือนร่างนั้นกลับเป็นรอยแผลขนาดใหญ่คล้ายงูตัวยาว พาดผ่านตั้งแต่กระดูกไหปลาร้าข้างขวาไปจนสุดปลายศอกขวา แลดูน่าสะพรึงกลัว
“ฉันเคยเป็นเหยื่อมาแล้ว ฉันเคยเห็นคนที่ฉันรักตายต่อหน้าต่อตามาแล้ว ทุกวันนี้ฉันก็ยังมีชีวิตอยู่ได้ และฉันสัญญากับตัวเองว่าฉันจะต้องจับคนร้ายที่มันทำให้ฉันอยู่กับความทรงจำบัดซบนี่มาลงโทษให้ได้ คุณเสียขาไป แต่คุณยังมีชีวิตอยู่ เทคโนโลยีสมัยนี้สามารถทำขาเทียมจาก 3 D Printing ได้ คุณจะใช้ชีวิตโดยไม่มีปัญหาใด ๆ ทั้งสิ้น” ร้อยชั่งกล่าวเสียงหนักแน่น
ทั้งคมกริบและลดาต่างก็จ้องมองร้อยชั่งตาไม่กะพริบ ใครจะรู้ว่าหญิงสาวหน้าตาสะสวย ซ่อนรอยแผลเป็นขนาดใหญ่ไว้ใต้ชุดวอร์มแน่นหนา
คมกริบรู้สึกใจหวิว ๆ อย่างประหลาดเมื่อได้เห็นรอยแผลเป็นของร้อยชั่ง ตัวเขาไม่เคยคิดว่าหญิงสาวจะผ่านเหตุการณ์เลวร้ายมาก่อนเพราะร้อยชั่งเหมือนคนมั่นใจในตัวเอง ร่าเริง และดูไม่มีปมสักเท่าใดนัก เขารู้สึกผิดกับตัวเองขึ้นมาทันทีที่บางครั้งรู้สึกว่าหญิงสาวน่ารำคาญ
“ฉัน... ฉันจำเสียงมันได้... น้ำเสียงมันคุ้นหูฉันมาก แต่ตอนนั้นเพราะหลาย ๆ อย่างที่เกิดขึ้น มันทำให้ฉันไม่มีกะจิตกะใจคิดว่าเคยได้ยินเสียงมันจากไหน...” ลดาฝืนสะอื้นไว้ในอกแล้วพูดออกมา
“คุณลดาทราบไหมครับว่าคนร้ายที่เราจับได้เป็นพนักงานส่งของ ? และดูเหมือนจะเคยเข้าไปส่งของให้คุณถึงคอนโดด้วย” คมกริบกล่าว ลดาได้ยินก็ตาโตเหมือนนึกได้ขึ้นมาทันที
“ใช่... ใช่แล้วค่ะ ฉันนึกออกแล้วว่าเสียงของคนร้ายเหมือนกับเสียงของคนส่งของไม่มีผิด... ปรกติคนส่งของจะโทรให้ฉันลงไปรับของเป็นประจำ ถึงบางครั้งฉันจะบอกว่าให้ฝากของไว้ที่นิติบุคคล เขาก็คะยั้นคะยอให้ฉันลงไปรับของ เหมือนเขาจะรู้แม้กระทั่งว่าช่วงไหนฉันอยู่ที่ห้อง เพราะทุกครั้งที่เขามาส่งของฉันจะอยู่ห้องพอดีตลอด” ลดาเริ่มพรั่งพรูออกมา แววตาเปลี่ยนจากความหวาดกลัวเป็นคั่งแค้น เธอจำหน้าของชายคนส่งของได้ดี นึกไปแล้วรูปร่างของชายคนนั้นก็เหมือนกับคนร้ายที่จับตัวเธอไปไม่มีผิด
ร้อยชั่งได้ฟังก็ยิ้มออกมา พึงพอใจในคำตอบของลดา ทีนี้คงหาหลักฐานและพยานมามัดตัวคนร้ายได้ไม่ยากนัก หญิงสาวหยิบเสื้อวอร์มที่ถอดออกมาสวมกลับเข้าไปแล้วรูดซิปไปถึงคางตามเดิม ลดาได้เจอคนที่ทำร้ายเธอแล้ว ปมในใจของลดาก็ถูกคลายไปปมหนึ่ง
คมกริบทำการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมอีกราวครึ่งชั่วโมงก็เสร็จสิ้น ชายหนุ่มปิดสมุดลงแล้วกดหยุดโทรศัพท์ที่ใช้อัดเสียง
“วันนี้ขอบคุณคุณลดามากนะครับที่ให้ข้อมูล ทางเราอาจต้องรบกวนคุณลดาไปที่สถานีอีกครั้งเพื่อชี้ตัวคนร้าย แล้วทางเราจะแจ้งให้ทราบอีกที” คมกริบกล่าว
“พรุ่งนี้ฉันจะส่งจิตแพทย์ฝีมือดีที่สุดเข้ามาให้คำปรึกษาเกี่ยวกับสุขภาพจิตของคุณด้วย เรื่องค่าใช้จ่ายทุกอย่างฉันจะรับผิดชอบเอง” ร้อยชั่งกล่าวเสียงเรียบ
“ขอบคุณค่ะ” ลดาตอบเสียงแผ่วเบา
ชายหนุ่มหญิงสาวเดินออกจากห้อง เมื่อออกมาร้อยชั่งก็เห็นแม่ของลดายืนรออย่างกระสับกระส่ายด้วยความเป็นห่วงลูกสาวอยู่ที่หน้าห้อง หญิงสาวหยิบนามบัตรขึ้นมาใบหนึ่งแล้วยื่นให้แม่ของลดา
“คุณป้าคะ นี่เป็นนามบัตรของหมอที่เก่งด้านกายภาพมากที่สุดคนหนึ่งในประเทศ เขาสามารถหาขาเทียมจาก 3 D Printing ที่ดีที่สุดให้กับลูกสาวคุณป้าโดยที่คุณป้าไม่ต้องจ่ายเงินใด ๆ ทั้งนั้น ฉันคุยกับหมอไว้แล้ว พรุ่งนี้คุณป้าติดต่อไปได้เลยนะคะ” ร้อยชั่งกล่าว หญิงสูงวัยยื่นมือไปรับนามบัตร ปากพร่ำขอบคุณไม่หยุด ก่อนที่จะขอตัวกลับเข้าห้องไปดูแลลดา
ในระหว่างขับรถกลับไปส่งร้อยชั่งที่คอนโด คมกริบลอบแอบมองหญิงสาวที่นั่งเงียบมาตลอดทาง
“คุณเป็นใครกันแน่ ? ทำงานก็ไม่รับเงิน แถมยังมีเงินจ่ายให้คนโน้นคนนี้มากมาย คุณทำธุรกิจสีเทาหรือเปล่าเนี่ย ?” ชายหนุ่มแกล้งถามเรียกอารมณ์ขันจากหญิงสาว ซึ่งก็ได้ผล ร้อยชั่งหัวเราะออกมาเบา ๆ
“คนทำธุรกิจสีเทาบางคนยังมีเงินไม่มากเท่าฉันเลย ว่าแต่... คุณยังไม่รู้จักฉันอีกหรือ ? ฉันนึกว่าเมื่อคืนคุณจะกลับไปกูเกิ้ลประวัติฉันละเอียดลออแล้วเสียอีก” หญิงสาวแกล้งแซวชายหนุ่ม คมกริบนิ่งอึ้งไป หญิงสาวรู้ได้อย่างไรว่าเขาวางแผนกลับบ้านไปค้นหาประวัติของเธอ
“ถ้าจะค้นหาข้อมูลคุณผมต้องรู้นามสกุลด้วยนี่... ผมเสิร์ชแต่คำว่า ‘ชื่อ ร้อยชั่ง’ มันก็ขึ้นแค่ว่าเปรียบเหมือนหญิงสาวที่พ่อแม่รักราวกับเงินร้อยชั่ง” ชายหนุ่มกล่าว แกล้งทำหัวเสียนิดหน่อย หวังเรียกเสียงหัวเราะจากร้อยชั่งอีกครั้ง แต่ผิดคาด หญิงสาวกลับนิ่งเงียบไป
พ่อของเธอรักเธอเทียบเท่ากับทองร้อยชั่งจริง ๆ เป็นเหตุให้ท่านตั้งชื่อลูกสาวคนโตที่ท่านรักหนักหนาว่าร้อยชั่ง ‘สาวน้อยร้อยชั่งของพ่อ’ เป็นชื่อที่พ่อเรียกเธอเสมอมา... ตราบจนวันพ่อสิ้นลม...
“สรุปว่าคุณนามสกุลอะไร ? ผมจะได้ไปกูเกิ้ลถูก” คมกริบถามอีกครั้ง คราวนี้ร้อยชั่งยกมุมปากขึ้นยิ้มนิดหน่อย
“คุณอย่ารู้เลย เดี๋ยวหัวใจพาลจะวายตายไปเสียเปล่า ๆ”
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว