ดวงใจคุณหมอ -ตอนที่ 57 เงื่อนไขเป็นเหตุ

โดย  มะนาว สีชมพู

ดวงใจคุณหมอ

ตอนที่ 57 เงื่อนไขเป็นเหตุ

ตอนที่ 57 เงื่อนไขเป็นเหตุ

“น้องมุก! มาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ”

“มุกเอาน้ำมาให้พี่หมอค่ะ” มุกดามีสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก เธอส่งแก้วน้ำที่ถืออยู่ให้พี่หมอนาธานไปถือไว้ ลูคัสได้ยินเสียงจึงรีบเดินมาที่ทั้งสองคนทันที มุกดาทำตาแดงๆมองหน้าสามีของเธอก่อนที่จะวิ่งขึ้นชั้นบนไป

“พี่ซวยก่อนผมแล้วครับ” นาธานหันไปพูดกับพี่ชายด้วยสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก เหมือนการมาที่นี่ของตัวเองกำลังจะสร้างปัญหาให้กับพี่ชายซะแล้ว

“ปากไม่เป็นมงคลกลับไปได้แล้ว ทางนี้เดี๋ยวพี่จัดการเอง” นาธานก้มศีรษะเล็กน้อยเป็นการขอโทษพี่ชาย ลูคัสตบบ่าน้องชายแล้วรีบวิ่งตามมุกดาขึ้นชั้นบนไป ส่วนนาธานเมื่อหาที่วางแก้วน้ำได้เขาก็เดินออกจากบ้านไปพร้อมกับของฝากในมือ

ใบหน้าบึ้งตึงของมุกดาเมื่อสักครู่ ทำให้ลูคัสกลัวใจของเธอเหลือเกิน และสิ่งที่เขาต้องทำและคิดให้ไวที่สุดก็คือคำพูดสวยๆ เพื่อให้เธอหายโกรธแล้วกลับมาเป็นมุกดาคนเดิมของเขาให้ได้ เมื่อลูคัสเดินขึ้นมาถึงหน้าประตูห้อง เขาก็เปิดประตูเข้าไปด้านใน เห็นเธอนั่งอยู่บนเตียงแต่หันหลังให้ เขาค่อยๆเดินเข้าไปใกล้ๆแล้วนั่งลงข้างๆเธอ

“มุก...ร้องไห้ทำไมไหนบอกพี่ซิ”

“………….” มุกดาเช็ดน้ำตาลวกๆ แถมยังขยับก้นหนีเขาอีก

“พี่รักมุกนะ ส่วนเรื่องลูก พี่อยากมีลูกกับมุกจริงๆ แล้วแด๊ดก็อยากได้หลานด้วย...” ประโยคหลังเขาอธิบายเสียงแผ่ว คิดว่าเมื่อสักครู่เธอคงได้ยินอะไรมาบ้างถึงได้มีอาการแบบนี้

“...............” มุกดายังคงนั่งเงียบหันข้างให้ลูคัสอยู่อย่างนั้น แต่หูของเธอก็กำลังฟังคำอธิบายของเขาอยู่

“ถ้าถามพี่ว่าทำไมถึงไม่ยอมเล่าเรื่องนี้ให้มุกฟังตั้งแต่แรก คำตอบง่ายๆเลยก็คือ พี่กลัวว่ามุกจะเป็นแบบนี้ไง”

“..............” ที่จริงมุกดาโกรธเขาแค่นิดเดียวเพราะอย่างน้อยเขาก็รักเธอจริง แต่น้อยใจเขามากกว่า เมื่อก่อนเธอคิดว่าพี่หมอคงรักเธอมากถึงได้ขอเธอแต่งงาน แต่พอมาได้รู้ความจริง ความมั่นใจที่เธอเคยมีมันได้หายไปหมดเลย

มุกดากำลังคิดถึงคำพูดของคุณพ่อคุณแม่และพี่ชายของเธอ ที่ชอบพูดใส่หูเธอตลอดว่า เป็นลูกผู้หญิงต้องหัดทำงานบ้านไว้บ้าง กับข้าวก็สำคัญ ถึงยุคสมัยจะเปลี่ยนไปผู้หญิงทำงานนอกบ้านได้เหมือนผู้ชายก็จริง แต่ผู้ชายก็ต้องการให้ภรรยาปรนนิบัติอยู่ดี แต่มุกดาค้านเธอไม่เชื่อที่พวกท่านพูด มั่นหน้ากับความคิดของตัวเองมาก คิดว่าผู้ชายเขาคงรับได้ในสิ่งที่เธอเป็น เขาจึงขอเธอแต่งงาน แต่ในความเป็นจริงแล้วมันไม่ใช่อย่างที่เธอคิดไว้เลยสักนิด

มุกดาเป็นผู้หญิงเก่งเรื่องงานนอกบ้าน แต่งานในบ้านกลับไม่ได้เรื่อง เธอทำงานในตำแหน่งที่ไม่อายใคร สามารถพูดได้สามภาษาไม่รวมภาษาไทย นั่นก็คือ อังกฤษ จีน เกาหลี เธอทำงานฝ่ายต่างประเทศ เงินเดือนที่ได้ก็ไม่ได้น้อยหน้าใคร แต่เรื่องงานบ้านที่ผู้หญิงควรจะเป็นไว้บ้าง เธอกลับทำอะไรไม่เป็นเลย

“พี่หมอชอบผู้หญิงทำงานบ้าน ทำอาหารเก่งไหมคะ” ลูคัสถึงกลับไปไม่เป็น งุนงงกับคำถามของเธอมาก คำพูดที่เขาเตรียมมาอธิบายให้เธอฟังตอนนี้มันกลับหายไปหมดเลย

“ก็ต้องชอบอยู่แล้วครับ...” ไม่ๆๆผมไม่ควรตอบเธอแบบนี้

“อ่อ! แต่ถึงมุกจะทำไม่เป็นหรือไม่เก่งก็ไม่เป็นไรนะ เราก็ซื้อมาจากข้างนอกทานเอาก็ได้ เมื่อก่อนพี่ก็ซื้อ มุกไม่ต้องคิดมากเรื่องนี้นะ” ผมรีบแก้ตัวจนลิ้นแทบจะพันกัน แต่ก็ยังไม่เข้าใจคำถามของเธออยู่ดี พลางยกมือชี้ขึ้นเกาคิ้วเบาๆแก้เขินความแถของตัวเองไปด้วย

“มุกอยากเรียนทำอาหารค่ะ มุกอยากทำอาหารให้พี่หมอทานทุกมื้อเลยค่ะ” มุกดาที่กำลังเสียความมั่นใจ เธอก็นึกอยากจะปรับปรุงตัวเองขึ้นมา แต่ลูคัสกลับคิดว่า...

‘นี่เธอกำลังแก้แค้นผมทางอ้อมอยู่หรือเปล่านะ ประโยคแรกผมรู้สึกดีนะที่เธอบอกว่าอยากเรียนทำอาหาร แต่ประโยคต่อมาผมจะต้องเป็นคนทานอาหารที่เธอทำทุกมื้อ ผมว่าประโยคนี้ไม่ค่อยโอเคสักเท่าไหร่’

“พี่ว่าไม่ต้องหรอกลำบากเปล่าๆ” ลูคัสเลือกที่จะปฏิเสธ เพราะรู้ว่าตัวเองเป็นคนทานอาหารเลือก ค่อนข้างออกไปทางทานยากนั่นเอง

“ที่จริงแล้วพี่หมอไม่ได้อยากแต่งงานกับมุกตั้งแต่แรกใช่ไหมคะ” สีหน้าของเธอยังคงไม่ดีเท่าที่ควร ผมควรจะตอบคำถามนี้ยังไงดี

“เอ่อ คือพี่...” ถ้าตอบว่าใช่ เธอจะเป็นยังไงนะ ตอนนี้ดวงตาของเธอยังคงแดงอยู่แต่ไม่มีน้ำตาแล้ว

“ไม่เป็นไรค่ะ พี่ไม่ต้องพูดแล้ว” เพราะสีหน้าของเขามันตอบคำถามให้เธอแล้ว

“มุก...มุกยังโกรธพี่อยู่ไหม ที่พี่ไม่ได้บอกเรื่องนี้กับมุกตั้งแต่แรก” เธอลุกขึ้นยืนแล้วกอดอกมองหน้าผมนิ่งๆ

“เล่ามาค่ะ” มุกดามองหน้าพี่หมอของเธอพร้อมกับทำเสียงเข้ม

“ได้สิ...คือเรื่องมันมีอยู่ว่า...” ลูคัสยอมเล่าเรื่องทั้งหมดตั้งแต่แรกให้มุกดาฟังจนหมด แต่มุกดาก็ยังไม่ยอมคืนดีด้วยง่ายๆ

“คืนนี้มุกอยากนอนคนเดียว” มุกดาหยิบผ้าห่มหนึ่งผืนกับหมอนอีกหนึ่งใบมาวางไว้ที่โซฟาจากนั้นเธอก็เข้าห้องน้ำไปอาบน้ำ โดยที่ไม่ได้สนใจเขาอีก

“มุก…” ลูคัสได้แต่ส่งสายตาอ้อนวอน แต่มุกดากลับไม่ได้สนใจสายตานั้นของเขาเลยแม้แต่น้อย ส่วนคนที่ต้องนอนที่โซฟาก็คือลูคัส


@บ้านคุณหมอนาธาน

น้ำผึ้งเห็นว่าคุณหมอนาธานไปนานแล้ว ยังไม่กลับมาสักที เธอจึงออกมายืนรอเขาอยู่ที่หน้าบ้าน สักพักใหญ่ๆเขาก็เลี้ยวรถเข้ามาพอดี แสงไฟหน้ารถสาดส่องเข้ามาจอดในที่จอดรถ คุณหมอนาธานเปิดประตูลงจากรถพร้อมกับถุงของฝากที่ลูคัสซื้อฝากมา

“กลับมาแล้วเหรอคะ พี่ชายของคุณหมอโทรตามไปทำไมเหรอคะ” คิดไว้อยู่แล้วเชียวว่าต้องเจอคำถามนี้ ดีนะที่มีของติดไม้ติดมือกลับมาพอดี

“ไปเอาของฝากมาครับ อ่ะคุณเอาไปดูสิมีอะไรน่าทานบ้าง” นาธานยื่นถุงที่ในนั้นน่าจะเป็นขนมส่งให้น้ำผึ้งรับเอาไปถือไว้ พยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้

“ไปเอาขนมนี่นะคะ” น้ำผึ้งสงสัย แค่ขนมทำไมจะต้องรีบออกไปขนาดนั้นด้วย เธอทำหน้าสงสัยและไม่อยากจะเชื่อที่เขาพูด

“คุยธุระเรื่องงานอีกนิดหน่อยน่ะ” นาธานจึงงัดเรื่องงานขึ้นมาอ้าง นั่นจึงทำให้น้ำผึ้งเชื่ออย่างสนิทใจ

“ทานข้าวมาหรือยังคะ” นี่ก็เลยเวลาทานอาหารเย็นแล้ว คนอื่นในบ้านก็ทานหมดแล้ว แต่น้ำผึ้งกลับรอเขากับมาทานพร้อมกันกับเธอ

“ยังเลยครับ แล้วคุณล่ะทานหรือยัง” นาธานเอื้อมมือไปจับมือของเธอแล้วพาเธอเดินเข้าบ้าน

“รอคุณค่ะ” คำว่ารอ...ทำให้นาธานรู้สึกได้ว่านี่คือครอบครัวที่แท้จริง เขาหยุดเดินแล้วหันหน้าเข้าหาเธอจูบหน้าผากมนของเธอหนึ่งทีอย่างแผ่วเบาพร้อมกับส่งยิ้มบางๆไปให้ด้วย

“แล้วลูกๆล่ะ ทานหรือยัง”

“ทานแล้วค่ะ ตอนนี้เล่นเกมอยู่ในห้องนั่งเล่น”

“อย่าให้เล่นนานนักนะเดี๋ยวตาเสียหมด” คุณหมอไม่ค่อยชอบให้ลูกๆเล่นไอแพดนานเกินไปเป็นห่วงสายตาของเด็กๆ พยายามหาของเล่นอย่างอื่นมาหลอกล่อแต่ก็ได้แค่ชั่วพักชั่วครู่เท่านั้น

“รับทราบแล้วค่ะคุณหมอ”

ทั้งสองคนพากันไปทานข้าว แล้วอยู่ๆบนโต๊ะอาหาร นาธานก็พูดขึ้นมาว่า...

“ฮันนี่...ผมขอโทษกับทุกเรื่องที่ผมเคยทำไว้ไม่ดีกับคุณนะครับ” มือเรียวใหญ่เลื่อนไปกอบกุมมือเรียวเล็กพลางลูบมันเบาๆ ส่วนสีหน้าของคนพูดนั้นดูจริงจังมาก

“อะไรกันคะ” พักนี้น้ำผึ้งรู้สึกว่าเขาดูเปลี่ยนไป ชอบพูดอะไรที่เธอฟังแล้วก็ไม่ค่อยจะเข้าใจสักเท่าไหร่ ดูจากตอนนี้สิอารมณ์ซึ้งมาเต็มเลย สำหรับน้ำผึ้งเรื่องที่เขาย่ำยีเธอจนมีน้ำหนึ่งเกิดมาเธอให้อภัยเขาแล้ว

“ผมแค่อยากจะบอกเฉยๆ ทานข้าวเถอะ”

หลังจากมื้ออาหารจบลง นาธานกับน้ำผึ้งก็เดินมานั่งเล่นกับน้องพอร์ชและน้ำหนึ่งที่ห้องนั่งเล่น นาธานหย่อนตัวนั่งลงบนโซฟา ส่วนน้ำผึ้งเธอนั่งลงข้างๆเด็กทั้งสองที่กำลังเล่นเกมกันอย่างเมามัน นาธานนั่งมองสามคนแม่ลูกพลางพิจารณาใบหน้าของทั้งสามคนไปด้วย น้ำหนึ่งไม่มีส่วนไหนเหมือนน้ำผึ้งเลย แต่กลับน้องพอร์ชกลับมีส่วนคล้ายกันมากเหลือเกิน

“คุณหมอจ้องหน้าฉันทำไมคะ” น้ำผึ้งยกมือขึ้นมาจับใบหน้าของตัวเองดูว่ามีอะไรติดที่ใบหน้าของเธอหรือเปล่า เธอสังเกตเห็นว่าเขานั่งมองมาได้สักพักแล้ว

“เปล่าครับ ผมแค่รู้สึกว่าคุณกับน้องพอร์ช...เอ่อไม่มีอะไรครับ” ช่วงนี้สติของคุณหมอดูจะไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวสักเท่าไหร่

“คล้ายกันใช่ไหมคะ พี่มัดหมี่บอกว่าแกคงอาศัยท้องคนอื่นเกิดเพื่อที่จะมาเป็นลูกของฉันค่ะ” น้ำผึ้งตอบอย่างอารมณ์ดี พลางเอาใบหน้าของเธอแนบกับให้หน้าของน้องพอร์ชให้เขาดูด้วย นาธานเมื่อเห็นดังนั้นน้ำตาของเขาก็แทบจะไหลออกมา

“คงอย่างนั้นมั้งครับ ดีใจด้วยนะครับคุณแม่ลูกสอง” ที่จริงนาธานรู้สึกดีใจแทนน้องพอร์ชด้วย ที่ได้มีโอกาสได้อยู่กับญาติเพียงคนเดียวของแก แถมเธอยังรักและเอ็นดูน้องพอร์ชเหมือนลูกแท้ๆอีกด้วย

“ค่ะ” น้ำผึ้งหันไปขยี้ผมของเด็กทั้งสองคนเล่นอย่างนึกเอ็นดู แต่เด็กๆก็ไม่ได้สนใจ พวกแกสนใจแต่เกมที่กำลังเล่นอยู่ แล้วตอนนี้มันก็เลยสองชั่วโมงมานานแล้วด้วย

“ฮันนี่คุณมานั่งข้างๆผมมา” นาธานตบไปที่โซฟาข้างๆเขา ชวนให้เธอมานั่งด้วยกัน ซึ่งน้ำผึ้งก็ลุกขึ้นไปนั่งข้างๆเขาอย่างว่าง่าย

“คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ ฉันว่าสีหน้าของคุณกำลังกังวลอะไรบางอย่างอยู่นะ มีเรื่องเครียดหรือไม่สบายใจอะไรคุยให้ฉันฟังได้นะคะ” น้ำผึ้งรู้สึกแบบนั้นจริงๆ

“ไม่มีอะไรครับ คือผมอยากถามคุณว่า คุณอยากมีลูกอีกสักคนไหม”

“ถามว่าอยากมีไหม ฉันขอตอบว่า...แค่สองคนก็พอแล้วมั้งคะ แต่ฉันยังไม่เคยกินยาคุมเลยสักครั้ง ถ้าเดือนนี้ประจำเดือนมา ฉันก็ว่าจะไปหาซื้อยาคุมมากินแล้วค่ะ” น้ำผึ้งตอบไปตามสิ่งที่เธอได้คิดเอาไว้

“แล้วถ้าผมบอกว่าผมอยากมีอีกล่ะ” น้ำผึ้งมองหน้าเขานิ่งๆ แล้วก็หันไปมองเด็กสองคนที่นั่งเล่นกันอยู่ที่พื้น จากนั้นเธอก็หันกลับมามองหน้าเขาอีกครั้ง แต่สีหน้าและแววตาของเขามันบอกกับเธอว่าเขาไม่ได้พูดเล่น

“คุณหมอจะเลี้ยงไหวเหรอคะ” คุณหมอมีงานที่โรงพยาบาลที่ค่อนข้างแน่น เรื่องนี้น้ำผึ้งรู้ดี ส่วนเธอก็ยังมีร้านดอกไม้ที่ต้องดูแล น้ำผึ้งเกรงว่า...

“ไหวสิผมหาเงิน ส่วนคุณเป็นคนเลี้ยง คุณว่าแบบนี้ดีไหม” นาธานวางแผนชีวิตเอาไว้คราวๆว่าเขาอยากจะให้น้ำผึ้งมาเป็นแม่บ้านเต็มตัว แต่ถ้าเธออยากเปิดร้านเหมือนเดิมเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่เลือกที่จะจ้างลูกน้องทำงานแทน ส่วนเธอก็เป็นคนบริหารไป อีกอย่างร้านของเธออยู่ไม่ได้ไกลจากบ้านหลังนี้ ค่อนข้างสะดวกคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่ถ้ามีก็ค่อยๆช่วยกันแก้ไขไป

“ดูเดือนนี้ก่อนค่ะ ถ้าประจำเดือนมาก็ไม่มีดีกว่าค่ะ แต่ถ้าเขาจะมาเกิดก็แล้วแต่ค่ะ” น้ำผึ้งคิดว่าสองคนก็น่าจะพอแล้ว เธอมีความทรงจำกับการท้องและคลอดลูกไม่ค่อยจะงดงามสักเท่าไหร่ พูดง่ายๆก็คือยังกลัวอยู่นั่นเอง

“ถ้าอย่างนั้น ผมคงได้ลุ้นแค่เดือนนี้สินะ แต่ผมมั่นใจว่าผมน้ำยาดีมาก” ประโยคหลังนาธานก้มไปพูดเบาๆที่ข้างหูของน้ำผึ้งแบบว่ากระซิบได้ยินกันแค่สองคน

“คุณหมอ...พูดอะไรเกรงใจเด็กหน่อยสิคะ”

“พวกแกยังเล็ก ไม่รู้หรอกน่าว่าเราคุยอะไรกัน”

“เด็กๆคะ เกินสองชั่วโมงแล้วนะ ป่ะอาบน้ำกันดีกว่า จะได้เข้านอนพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าไปโรงเรียนอีก” น้ำผึ้งรู้สึกเขินจนเธอต้องหาทางหนี จึงเลือกที่จะชวนเด็กๆขึ้นไปอาบน้ำ

“ขอจบตานี้ก่อนค่ะ” แต่ยังไม่ทันได้ลุกขึ้น ลูกสาวของเธอก็ต่อรองกับเธออีกแล้ว

“พอร์ชด้วยครับ ขอจบตานี้ก่อนนะครับ” และทุกครั้งก็เป็นแบบนี้นั่นแหละ ไม่ว่าจะต่อเวลาให้นานขนาดไหน พวกแกก็จะขอต่อเวลาอีกหน่อยแบบนี้เสมอ

“คุณหมอทำไมลูกคุณดื้อจังคะ” แค่สองคนก็ไม่ไหวจะดูแลแล้ว ยิ่งโตยิ่งต่อรองเก่งไม่รู้เหมือนใคร แล้วอย่างนี้อยากจะมีอีก

“ต้องโทษคุณนั่นแหละตามใจพวกแกจนชอบต่อรองแบบนี้ ผมไปอาบน้ำก่อนนะ” นาธานไม่สนใจ เขาเห็นสีหน้าของเธอก็รู้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่ในใจ เขาจึงเดินหนีขึ้นด้านบนไปอาบน้ำก่อน

“อ้าวคุณหมอทำไมมาโยนให้ฉับแบบนี้ล่ะ” ก็คนที่ซื้อไอแพดให้เด็กๆไม่ใช่เธอสักหน่อย

“แด๊ดดี๊กับแม่ทะเลาะกันทำให้เกมของพอร์ชตายเลย” อ้าว...น้ำผึ้งพูดไม่ออกเธอได้แต่ทำตาปริบๆมองหน้าลูกชายนิ่งๆ

“ของหนึ่งก็ด้วย” เอา เอาเข้าไป ทั้งพ่อทั้งลูก ถ้าเดือนนี้ประจำเดือนมา มาอ้อนวอนกับเธอยังไงเธอก็ไม่ยอมมีอีกเด็ดขาด

น้ำผึ้งทำหน้าเซ็งๆ ทั้งพ่อทั้งลูกพอกันไปหมด เธอเก็บไอแพดแล้วพาเด็กๆขึ้นไปอาบน้ำจากนั้นก็พาเข้านอน…






รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว