ตอนที่ 8 ในที่สุดก็ได้เจอเธออีกครั้ง
ทางด้านนาธาน
“แด๊ดดี๊ครับ” พอร์ชวิ่งเข้ามากอดแด๊ดดี๊ของแก ในขณะที่นาธานเดินเข้ามาในบ้านที่เพิ่งจะกลับมาจากโรงพยาบาล
“ว่ายังไงครับคนเก่ง” เขาทิ้งตัวนั่งยองๆคุยกับลูกชายที่วิ่งเข้ามาหา และดูเหมือนพอร์ชจะต้องการอะไรบางอย่างจากเขา
“พรุ่งนี้วันเกิดเพื่อน พอร์ชขอไปซื้อดอกไม้เป็นของขวัญให้เพื่อนสักช่อได้ไหมครับ” พอร์ชมักจะอ้อนแด๊ดดี๊ของแกแบบนี้เสมอ ตอนนี้นาธานได้ส่งพอร์ชไปเรียนโรงเรียนเอกชนที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพนี่แหละ ซึ่งทำให้แกมีเพื่อนเล่นและได้รับความรู้ไปในเวลาเดียวกัน
“ได้สิลูก ว่าแต่เพื่อนของลูก ผู้หญิงหรือผู้ชายล่ะ” นาธานแกล้งถามลูกชาย เพราะเห็นคุณครูเล่าให้ฟังว่า พอร์ชมักจะชอบเล่นกับเด็กผู้หญิง
“ผู้หญิงครับ” เสียงฉะฉานเล็กๆดังขึ้น ทำให้คนเป็นพ่อหัวเราะเสียงดัง
“ฮ่าๆๆ อื้อหือผู้หญิงซะด้วย เอาล่ะ ไหนบอกแด๊ดดี๊ซิอยากได้ดอกอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าเอ่ย” พอร์ชมีใบหน้าของคนไทยอย่างเห็นได้ชัด แต่ชื่อไม่ใช่ ซึ่งนาธานเป็นคนตั้งชื่อให้พอร์ชเอง แล้วรู้สึกว่าเจ้าลูกชายของเขาคนนี้จะเจ้าชู้พอตัว แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้นาธานหนักใจแต่อย่างใด เพราะว่าพอร์ชยังเด็กและเขาก็เชื่อว่าเขาสามารถสอนลูกให้รู้จักแยกแยะผิดถูกได้ และตัวเขาเองนี่แหละจะเป็นต้นแบบให้กับลูกคนนี้
“พอร์ชอยากได้ดอกกุหลาบครับแด๊ดดี๊”
“แล้วทำไมต้องเป็นดอกกุหลาบครับ พอร์ชรู้หรือเปล่าว่าดอกกุหลาบมีความหมายยังไงเวลาเราจะเอาไปให้ใครสักคน” คุณหมอที่กำลังทำหน้าที่คุณพ่อต้องการที่จะรู้ว่าเด็กสี่ขวบอย่างพอร์ชจะสามารถรู้ความหมายของดอกกุหลาบหรือเปล่านะ
“ไม่รู้ครับ แต่ในทีวีพอร์ชเห็นผู้ชายชอบให้ดอกกุหลาบกับผู้หญิงครับ” นาธานเลิกคิ้วสูงมองหน้าลูกชาย อย่างน้อยพอร์ชก็เป็นเด็กรู้จักสังเกต เพราะสมัยนี้สื่อหรือละครที่ออกอากาศ ชอบให้เด็กเห็นอะไรต่อมิอะไรเยอะแยะ จะห้ามไม่ให้ดูก็คงไม่ได้ นาธานจึงเลือกที่จะให้ดูแต่จะสอนลูกไปด้วย
“โอ้โหตัวเท่านี้รู้จักสังเกตเหมือนกันนะนี่ ก็ได้ แต่ให้เจตน์เป็นคนพาไปได้ไหม แด๊ดดี๊เห็นร้านดอกไม้อยู่หน้าปากซอยบ้านเรา เปิดใหม่ได้สักพักแล้วลองไปไหม” เจตน์ก็คือคนขับรถ ไปรับไปส่งพอร์ชไปโรงเรียน และทำงานบ้านในแบบที่ผู้ชายควรทำ ภรรยาของเจตน์ก็คือมัดหมี่เป็นคนเลี้ยงพอร์ชมาตั้งแต่ยังเล็ก มีหน้าที่ทำกับข้าวและงานบ้านทั่วไป
“ไม่เอาครับ พอร์ชอยากให้แด๊ดดี๊ไปด้วย...นะครับ แด๊ดดี๊ไปกับพอร์ชนะครับ” พอร์ชอ้อน
“อ่ะๆไปก็ไป” สุดท้ายแล้วนาธานก็ยอมไปกับพอร์ชจนได้ เพราะทนลูกอ้อนของพอร์ชไม่ไหว ก็ลูกชายของเขาช่างน่ารักเหลือเกิน
“เย้ๆ แด๊ดดี๊ยอมไปกับพอร์ชแล้ว” เด็กชายตัวน้อยทำท่าดีใจใหญ่
“ดีใจเกินขนาดแบบนี้ อยากได้อะไรมากกว่าดอกไม้แน่ๆ เจ้าตัวแสบ” นาธานที่รู้นิสัยของลูกชายเป็นอย่างดี จึงเอ่ยถามขึ้นพลางอุ้มแกขึ้นมาไว้บนแขนแข็งแรงทันที
“พอร์ชอยากไปนั่งกินไอติมที่ร้านกับแด๊ดดี๊ด้วยนี่ครับ”
“นั่นไงแด๊ดดี๊กะไว้แล้วไม่มีผิด”
@ร้านดอกไม้
“ติ๊งต่อง” เสียงกระดิ่งหน้าร้านดังขึ้นเมื่อมีคนเปิดประตูเดินเข้ามาภายในร้าน
“รับดอกไม้อะไรดีค่ะ เชิญลูกค้าเดินชมก่อนได้เลยค่ะ” พูดจบน้ำผึ้งเจ้าของร้านก็เงยหน้าขึ้นมาจากดอกไม้ในมือที่เธอกำลังจัดอยู่ มองลูกค้าที่เดินเข้ามาใหม่ และแล้วสายตาของทั้งสองก็เกิดสบตากันเข้าพอดี ใช่ทั้งสองยังคงจำกันได้ ถึงแม้ว่าเวลาจะผ่านไปถึงสี่ปีแล้วก็ตาม
“แด๊ดดี๊ครับ ว้าวดอกไม้สวยจังเลย” เมื่อเสียงเด็กชายดังขึ้นเรียกเขาว่าแด๊ดดี๊ ทำให้น้ำผึ้งรีบสลัดความคิดของตัวเองออกทันที เพราะเมื่อสักครู่เด็กที่เขาเดินจูงเอาเข้ามาด้วยเรียกเขาว่าแด๊ดดี๊ นั่นก็แปลว่าเขาเป็นพ่อของเด็กคนนี้ และดูเหมือนว่าเด็กผู้ชายที่เกาะมือเขาอยู่ น่าจะแก่กว่าลูกสาวของเธอสักหนึ่งปีเห็นจะได้
“ฮันนี่…” เขาไม่รู้หรอกว่าเธอชื่ออะไร เห็นป้ายหน้าร้านมีคำว่าน้ำผึ้ง เขาจึงเรียกเธอว่าฮันนี่ เพราะมันออกเสียงง่ายดี
นาธานมองไปที่ใบหน้าของผู้หญิงตรงหน้า เขาจำเธอได้ในครั้งแรกที่สบตา ในที่สุดเขาก็ได้เจอเธอสักที แต่ทำไมสายตาของเธอจึงดูว่างเปล่า ในตอนแรกที่เธอมองมาเขาคิดว่าเธอจำเขาได้ซะอีก แต่แววตาต่อมาเธอกลับเฉยชา หรืออาจจะเป็นเพราะเธอยังคงโกรธเขาอยู่
“คุณลูกค้าต้องการจะรับดอกไม้อะไรดีคะ เชิญเลือกได้ตามสบายเลยค่ะ” น้ำผึ้งทำเป็นไม่สนใจ เธอทำเป็นว่าจำเขาไม่ได้ ถึงหัวใจจะกระตุกวูบเมื่อได้พบหน้าเขาอีกครั้ง
“พอร์ชอยากได้ดอกกุหลาบครับ คุณน้าคนสวย” เสียงเล็กๆที่พูดขึ้นมาทำให้น้ำผึ้งหันไปสบตากับเด็กผู้ชายที่มากับเขา แล้วเธอก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่อยู่นัยน์ตาของเด็กคนนี้ แต่เธอก็นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก ว่าความรู้สึกแบบนี้เหมือนเคยเห็นที่ไหน
“น่ารักจังเลย เอาเป็นดอกหรือว่าจัดเป็นช่อดีคะ” น้ำผึ้งหันไปยิ้มให้เด็กผู้ชายที่เธอรู้สึกถูกชะตาตั้งแต่แรกเห็น โดยไม่ได้สนใจผู้ชายตัวโตที่กำลังยืนจ้องหน้าเธออยู่ตอนนี้
“ผมขอคุยด้วยหน่อย” อยู่ๆเขาก็พูดโพล่งขึ้นมา ทำให้น้ำผึ้งหันไปมองหน้าเขานึดนึง โดยที่เธอไม่ได้แสดงความรู้สึกอย่างไรออกมาให้เขาเห็น เพราะระหว่างเธอกับเขาที่จริงแล้วมันก็ไม่ควรมีความรู้สึกอะไรอยู่แล้ว
“ค่ะ” เธอพยักหน้าให้ แต่ก็เริ่มขมวดคิ้วเข้าหากันเพราะประโยคต่อมาของเขามันทำให้ความรู้สึกของเธอเมื่อครั้งนั้นมันเกิดขึ้นในใจอีกครั้ง
“ผมเชื่อว่าคุณจำผมได้” สายตาที่เผลอสบตากันอีกครั้ง ทำให้น้ำผึ้งรีบเบนหน้าหนีพร้อมกับหลบตาเขาทันที
“คุณเป็นใครเหรอคะ ทำไมฉันจะต้องจำคุณได้ด้วย” ใช่เธอจำเขาได้ แต่เธอแค่ไม่ยอมรับก็เท่านั้น เพราะตลอดเวลาสี่ปี่ที่ผ่านมา เธอไม่มีทางลืมใบหน้าของเขาได้เลย ไม่ใช่เป็นเพราะว่าเธอรู้สึกอะไรกับเขา แต่เป็นเพราะน้ำหนึ่งลูกสาวของเธอมีใบหน้าที่เหมือนกับพ่อของแกอย่างกับแกะ
“คืนนั้นเมื่อสี่ปีก่อน…ผมคือผู้ชายคนนั้น” นาธานพยายามรื้อฟื้น เพราะไม่แน่ใจว่าเธอจำเขาได้หรือไม่ได้กันแน่ แต่เมื่อประโยคของนาธานจบลง น้ำผึ้งก็พูดขึ้นมาอย่างข่มอารมณ์ทันที เธอไม่อยากเสียงดังเพราะว่าเกรงใจเด็กที่ยืนอยู่ด้วย
“ผู้ชายเลวๆแบบคุณ สมควรให้ฉันจำได้ด้วยเหรอคะ” เธอไม่ปฏิเสธ แต่เธอเลือกที่จะตอกกลับไปอย่างไม่เหลือเยื่อใย
“วันนั้นผมมีความจำเป็นจึงออกจากห้องไปก่อน แต่พอผมกลับไปอีกครั้งคุณก็ไม่อยู่แล้ว” น้ำผึ้งไม่รู้หรอกว่าเขาพูดเรื่องจริงหรือว่าแก้ตัว แต่เด็กผู้ชายที่ยืนจับมือเขาอยู่ตอนนี้ มันทำให้เธอไม่อยากรื้อฟื้น เพราะเรื่องมันก็นานมาแล้ว
“ช่างมันเถอะค่ะเรื่องมันนานมากแล้ว ขอบคุณนะคะที่ยังจำกันได้” เธอไม่รู้จะพูดอะไร เพราะไม่คิดว่าจะได้เจอเขาอีกครั้งมาก่อน และเรื่องของเธอกับเขามันก็แค่ความผิดพลาดเท่านั้น ส่วนเรื่องความรู้สึกบอกเลยว่าไม่มี
“คุณมีแฟนหรือยัง” นาธานเอ่ยถามเธอตรงๆ โดยที่ไม่คิดจะอ้อมค้อมเลยแม้แต่น้อย ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่ว่าเขาจะไปไหน เขาพยายามมองหาเธอมาตลอด แต่ก็ไม่เคยเจอ จนพักหลังๆเขาคิดว่าชาตินี้เขาคงไม่ได้เจอเธออีกแล้ว แต่เหมือนสวรรค์จะเข้าข้าง ในที่สุดวันนี้เขาก็ได้เจอเธออีกครั้ง
“ฉันจะมีหรือยังไม่มี มันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณ” น้ำผึ้งเชิดหน้าพูด โดยมีสีหน้าไม่ค่อยจะดีนัก น้ำเสียงที่เปล่งออกมาจึงแข็งๆ เหมือนผู้หญิงงอนโดยที่เธอไม่รู้ตัว
“แด๊ดดี๊...คุณน้าคนสวย ทะเลอะกันหรือครับ” พอร์ชพูดแทรกขึ้นมาระหว่างที่ยืนฟังผู้ใหญ่ทั้งสองคนคุยกันอยู่นาน
“เปล่าหรอกคะ ตกลง...”
“พอร์ชครับ ผมชื่อพอร์ช พอร์ชอยากได้ดอกกุหลาบครับคุณน้า” เสียงเล็กๆของพอร์ชเอ่ยบอกชื่อของตัวเองกับคุณน้า ทำให้น้ำผึ้งหันไปยิ้มให้พอร์ชอีกครั้ง น้ำเสียงของเธอผิดกับที่คุยกับเขาอย่างสิ้นเชิง
“พอร์ชอยากได้กุหลาบแบบไหนดีคะ” น้ำผึ้งคุยกับพอร์ชอย่างเป็นกันเองโดยที่ไม่สนใจคนที่พาพอร์ชมาเลยแม้แต่น้อย
“เอาเป็นช่อเล็กๆก็พอครับ พอร์ชจะเอาไปให้เพื่อนที่โรงเรียน”
“ได้สิคะ อยากได้แบบไหนเลือกสีได้เลยค่ะ” พอร์ชกำลังช่างใจว่าจะเอาดอกกุหลาบสีอะไรไปให้เพื่อนดี ระหว่างนั้นนาธานก็พูดขึ้นมาอีก
“ฮันนี่ เรื่องวันนั้นผมต้องขอโทษคุณด้วย” น้ำเสียงอ่อนโยนของเขาทำให้เธอต้องหันไปมองหน้าเขาอีกครั้ง
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันลืมมันไปหมดแล้ว” ที่จริงเธอไม่ได้ลืม เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นวันนั้น มันทำให้เธอมีลูกสาวที่น่ารักกับเขา แต่ตอนนี้น้ำหนึ่งนอนดูการ์ตูนอยู่ชั้นบน แล้วเธอก็จะไม่มีวันให้เขารู้ด้วยว่าเธอมีลูกกับเขา
“แต่ผมไม่เคยลืมคุณเลยนะ” คำพูดของเขาทำให้เธออึ้งไปชั่วขณะ
“นั่นมันก็เรื่องของคุณค่ะ ไม่เกี่ยวกับฉัน” น้ำผึ้งพูดประโยคนี้โดยที่ไม่ได้มองหน้าเขาอีก
“เราจะเป็นเพื่อนกันได้ไหม” นาธานยังไม่ยอมหยุดพูดในสิ่งที่เขาต้องการ
“ไม่ค่ะ ฉันไม่ได้อยากมีเพื่อนแบบคุณ” น้ำผึ้งรีบปฏิเสธอย่างไม่เหลือเยื่อใยทันที
“คุณน้าคนสวยครับ พอร์ชเอากุหลาบสีขาวครับ” พอร์ชไม่รู้หรอกว่าผู้ใหญ่กำลังคุยเรื่องอะไรกัน แต่พอร์ชรู้สึกได้ว่าผู้ใหญ่กำลังทะเลาะกันอยู่แน่ๆ
“ได้สิคะ”
ในขณะที่น้ำผึ้งกำลังจัดช่อดอกไม้ให้กับลูกชายของเขาอยู่นั้น น้ำผึ้งก็แอบลุ้นว่าอยากเพิ่งให้นิดพาน้ำหนึ่งลงมา เธอไม่อยากให้เขารู้ว่าเธอมีลูกกับเขา และก็ไม่อยากให้ทั้งสองเจอกันด้วย และวันนี้วันที่น้ำผึ้งได้เจอผู้ชายคนนี้อีกครั้ง มันทำให้เธอรู้สึกว่าลูกสาวของเธอเหมือนเขามาก ไม่ว่าจะเป็นดวงตา จมูก ปาก หรือแม้นแต่สีผม น้ำหนึ่งลูกสาวของเธอได้พ่อมาเต็มๆ เมื่อสีปีก่อนเขาหน้าตาเป็นยังไง ตอนนี้เขาก็ยังคงเหมือนเดิม เธอยังคงจำเขาได้ดีเพราะเขาไม่เคยเปลี่ยนไปจากเดิมเลย
“เสร็จแล้วค่ะ” น้ำผึ้งยื่นช่อดอกไม้ให้ พอร์ชจึงรับเอาไปถือไว้
“นี่ครับไม่ต้องทอน” นาธานยื่นธันบัตรใบละพันให้
“ฉันไม่เอาเปรียบลูกค้า นี่ค่ะเงินทอน” น้ำผึ้งหยิบเงินทอนส่งให้เขาแต่เขาไม่รับ เธอเลยต้องยัดใส่มือพอร์ชแทน
“เงินทอนค่ะพอร์ช” น้ำผึ้งจับมือพอร์ชให้แบมือออก จากนั้นเธอก็เอาเงินทอนใส่มือให้พอร์ชไป ระหว่างที่พอร์ชและน้ำผึ้งจับมือกัน เหมือนมีความรู้สึกอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับน้ำผึ้ง นอกจากรู้สึกถูกชะตากับพอร์ชแล้วเธอยังรู้สึกมากกว่านั้น แต่เธอไม่รู้ว่าความรู้สึกของเธอที่เกิดขึ้นกับพอร์ชนั้นมันคือความรู้สึกอะไรกันแน่
“ขอบคุณครับ” พอร์ชกำเงินทอนไว้ในมือแล้วเอ่ยขอบคุณคุณน้าเจ้าของร้านด้วยท่าทางน่ารักและสดใส
“แด๊ดดี๊ครับ พอร์ชอยากกินไอติม”
“ผมไปก่อนนะครับ ไว้วันหลังผมจะมาหาใหม่”
“.........” น้ำผึ้งไม่ได้พูดอะไรเธอยืนมองสองพ่อลูกเดินออกจากร้านไป พลางรู้สึกถูกชะตากับพอร์ชลูกชายของเขาซะอย่างนั้น
เพื่อทำให้ประสบการณ์การใช้เว็บของคุณดียิ่งขึ้น และเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับคุณอย่างได้อย่างส่วนตัว ท่านสามารถอ่านนโยบายคุกกี้เพิ่มเติมได้ที่นี่
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว