“อื้อ พี่ติขา... อย่ารังแกวดีเลย” พิรวดีขอร้องเพื่อหาทางเอาตัวรอด
“คืนนี้นอนกับพี่นะ”
รติภัทรยังไม่ยอมคลายอ้อมแขนออกจากร่างบาง พิรวดีตาโตส่ายหน้าปฏิเสธเป็นพัลวัน
“ทำไมล่ะ หรือว่ารังเกียจกันนัก”
พิรวดีส่ายหน้าปฏิเสธ ไม่ได้รังเกียจ แต่กลัว
“พี่ติปล่อยวดีไปเถอะค่ะ ใครมาเห็นเข้ามันจะไม่ดี” พิรวดีเอ่ยขอร้องอีกครั้ง
“แค่นอนเฉยๆ” เขายังไม่ยอมปล่อยเธอไปง่ายๆ ให้เธอนอนเฉยๆ แต่เขาสิจะทำเอง
“นอนเฉยๆ ก็ไม่ได้ค่ะ คนอื่นเห็นเราจะเสียหายนะคะ” พิรวดีรีบหาทางเอาตัวรอด
รติภัทรหลุบตาซ่อนรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ พิรวดีก็ยังเป็นคนที่คิดถึงคนอื่นก่อนเสมอ ดังนั้นเขาจึงบอกตัวเองเสมอว่าพิรวดีกับอนงค์เป็นคนละคนกัน
“ถ้าวดีไม่ยอมให้พี่นอนกอดคืนนี้...” เขาเชยคางมนให้สบสายตาคมกริบ “พี่จะปล้ำวดี เหมือนตอนนั้น!”
“พี่ติ วดียอมแล้วค่ะ” พิรวดีรีบบอกเมื่อใบหน้าคมคายก้มลงซุกไซ้ไปทั่วซอคอ
รติภัทรยอมปล่อยร่างบางแต่โดยดี พิรวดีตะกายร่างลงไปยืนหอบข้างเตียง มองชายหนุ่มไม่คลาดสายตา รติภัทรพยักพเยิดไปที่ตู้เสื้อผ้า
“นี่ชุดนอนพี่ติค่ะ”
พิรวดีรีบวิ่งไปเอาชุดนอนมาส่งให้เขา รติภัทรไม่ได้เอื้อมมือไปรับ แค่มองเฉยๆ สายตาหลุบต่ำลงจนหญิงสาวไม่มีโอกาสได้เห็น
“ไม่ชอบ”
คำตอบของชายหนุ่มทำให้พิรวดีที่ก้มหน้าก้มตายื่นชุดนอนให้ เงยขึ้นอย่างขัดใจ แต่ก็หดมือกลับเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าของเขาอีกครั้ง ปากก็บ่นไปตลอดทาง
“อุ๊ย! พี่ติปล่อยวดีเดี๋ยวนี้นะคะ ไหนบอกว่าจะไม่ทำอะไรวดีไง”
อ้อมแขนแกร่งเดินมาสวมกอดทางเบื้องหลัง แนบแน่นเสียจนเธอแทบหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเขา
“แค่กอดเฉยๆ” รติภัทรซุกใบหน้าที่ซอกคอหอม คลอเคลียพวงแก้มสาวนุ่มละมุน
“พี่ติ” พิรวดีอ่อนใจกับเหตุผลของคนเอาแต่ใจและแสนเจ้าเล่ห์
“ว่าไง” เขากระซิบถามหลับตาพริ้มไม่อยากปล่อยร่างหอมในอ้อมแขนให้ห่างกาย
“พี่ติจะเอาชุดไหนเลือกเอาสิคะ” พิรวดีอ่อนใจไม่รู้จะเลือกชุดไหนให้เขาดี
“ชุดไหนก็ได้”
คำว่า ‘ชุดไหนก็ได้’ ของเขา ไม่จริงเลยสักนิด ในเมื่อเธอเลือกให้เขากลับไม่ใส่
“งั้นชุดนี้นะคะ” หญิงสาวตัดสินใจเลือกชุดนอนให้อีกครั้ง
“ใส่ให้ด้วย” คนเอาแต่ใจกระซิบบอก หมุนร่างบางให้หันมาเผชิญหน้า
“พี่ติใส่เองสิคะ” เธอบอกเสียงสั่นๆ สายตาเผลอมองอกเปลือยเปล่าตึงแน่นไปด้วยมัดกล้าม ก่อนจะลอบกลืนน้ำลายลงสู่ลำคอที่แห้งผาก
“งั้นปล้ำ”
คำขู่ของคนเอาแต่ใจได้ผลเมื่อพิรวดีรีบยกเสื้อให้เขาสอดแขน รติภัทรก้มมองหน้าสวยที่ห่างจากเขาแค่คืบด้วยหัวใจร้อนระอุ ชายใดหนอที่อยู่ใกล้พิรวดีแล้วจะหักห้ามใจได้ หญิงสาวค่อยๆ ติดกระดุมเสื้อให้ชายหนุ่ม ก่อนจะหลุบมองเอวสอบที่พันด้วยผ้าขนหนู
“พี่ติใส่กางเกงนอนเองสิคะ”
เธอพูดอายๆ แก้มนวลแดงปลั่ง คนอยากแกล้งไปนั่งบนขอบเตียง ยกขาให้เธอสอดกางเกงให้เหมือนเด็กๆ หญิงสาวอดจะค้อนเสียไม่ได้ แต่ยอมคุกเข่าหน้าเตียง สอดกางเกงให้อย่างเลี่ยงไม่ได้
พิรวดีสอดกางเกงไปถึงหัวเข่าก็หยุด ใบหน้าแดงก่ำก้มมองเพียงแค่พื้น
“ดึงขึ้นอีกสิ” คนอยากแกล้งหาเรื่อง
“พี่ติช่วยวดีบ้างสิคะ” เธอขอร้อง เขาจะให้เธอทำทุกอย่างหรือไงกัน
รติภัทรช่วยดึงกางเกงนอนขึ้นมาสวม สลัดผ้าขนหนูออก พิรวดีเผลอถอนใจด้วยความโล่งอก รีบหยิบผ้าขนหนูของเขาไปใส่ลงตะกร้า
ร่างสูงของชายหนุ่มขึ้นไปนอนบนเตียงก่อนจะตบที่นอนข้างๆ เรียกเธอเข้าไปหา
“วดีไม่รบกวนพี่ติดีกว่าค่ะ เดี๋ยววดีนอนตรงนี้ก็ได้ค่ะ” พิรวดีทรุดนั่งลงข้างเตียง ก่อนจะปัดๆ พื้นพรมนุ่มๆ ที่ยืนอยู่และทิ้งตัวลงนอนหันหลังกอดตัวเองเอาไว้
“พิรวดี!!!” เสียงกร้าวบ่งบอกถึงอารมณ์หงุดหงิดมหาศาล
“ว้าย!” พิรวดีร้องเสียงหลงเมื่อร่างสูงก้าวพรวดลงจากเตียงตวัดอุ้มร่างเธอโยนบนที่นอนหนานุ่ม
“ใครใช้ให้ไปนอนตรงนั้น”
น้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความหงุดหงิดทำให้พิรวดีเผลอครางเสียงสั่นๆ “พี่ติ”
เธอขยับตัวแต่ไม่พ้นวงแขนแกร่งที่ดึงร่างเธอเข้ามา หลังจากก้าวขึ้นมาบนเตียง
“อยากดิ้นใต้ร่างพี่หรือไง”
รติภัทรขู่สำทับคนในอ้อมแขน และก็ได้ผลเกินคาดเมื่อหญิงสาวนอนตัวแข็งไม่กล้าดิ้นอีก
“ห้ามนอนตัวแข็ง” ชายหนุ่มดึงผ้าห่มมาห่มให้ กอดร่างนุ่มนิ่มหอมกรุ่นเอาไว้คล้ายเธอเป็นหมอนข้าง
“พี่ติ วดีอึดอัดค่ะ” เธอพ้อ แก้มนวลจึงได้รับจุมพิตจากริมฝีปากร้อนฟอดใหญ่
“ห้ามนอนตัวแข็ง เดี๋ยวปล้ำ”
เขายังขู่ไม่เลิก พิรวดีเม้มริมฝีปากแน่น เขาเล่นกอดไว้แบบนี้จะให้เธอนอนสบายได้ยังไง
แถมเธอก็ยังไม่ได้อาบน้ำนี่สิ!!!
“ยังอีก”
เสียงเข้มที่กระซิบดุๆ ข้างหูทำให้พิรวดีหลับตาลง บังคับตัวเองให้เลิกเกร็ง แต่ก็ทำไม่ได้ รติภัทรขยับพาดขาบนหมอนข้างหอมกรุ่นดิ้นได้อย่างแสดงความเป็นเจ้าของแล้วหลับตานิ่ง ไม่กวนเธออีก
พิรวดีคลายจากอาการเกร็งลงเมื่อเขาสงบไป หญิงสาวทำท่าจะขยับแต่อ้อมแขนแกร่งกลับรัดเธอนิ่ง
“ถ้ายังดิ้นอีก...”
เขากระซิบข่มขู่ พิรวดีอยากโต้ตอบกลับไปว่า จะไม่ให้เธอขยับกายบ้างเลยเหรอ แต่ก็นอนสงบนิ่งไม่กล้ากวนใจเขา หญิงสาวข่มตาให้บ้าง และเธอก็หลับลงจริงๆ ในที่สุด ด้วยความเหนื่อยจากงานศพในช่วงกลางวัน
สายใยรัก
ยิ่งดึกอากาศยิ่งหนาว รติภัทรที่เผลอหลับไปตื่นขึ้นมาในตอนดึก เขาก้มมองร่างหอมกรุ่นที่ซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนและเป็นหมอนข้างให้เขากอดอยู่เกือบชั่วโมง แสงจากโคมไฟส่องใบหน้าของเธอให้ผุดผ่องน่าปรารถนา รติภัทรลอบกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอที่แห้งผาก ความรู้สึกแห่งราคะอารมณ์อัดแน่นจนแทบระเบิด สายตาคมกริบไล่มองร่างที่บอบบางแต่ช่างซุกซ่อนความอบอิ่มเอาไว้เมื่อได้แตะต้องสัมผัส
ชายหนุ่มยังจำค่ำคืนเสน่หาที่เขามีร่วมกับเธอได้ดี เธอช่างน่าปรารถนาจุดความต้องการของเขาได้มากมายมหาศาล
ร่างสูงผละออกห่าง มือหนาลูบเส้นผมนุ่มสลวยของหญิงสาวเล่น เขาผ่อนลมหายใจหนักหน่วงเมื่อสุดจะหักห้ามใจอีกต่อไป
“พี่จะปกป้องวดีเท่าชีวิต”
ประโยคหนึ่งในวัยเด็กที่เขาจำได้ดีก้องเข้ามาในความนึกคิด ไม่ว่าจะนานแค่ไหน เขาไม่เคยลืมเด็กหญิงตัวน้อยที่นอนกอดหลับคาอ้อมแขนของเขาตั้งแต่เด็ก
“ทำไมวดีต้องมีแม่ใจร้ายแบบนั้นด้วย”
เขาถามคนที่นอนหลับตาพริ้มด้วยความรู้สึกหลากหลาย คราแรกเขาไม่เคยสงสัยว่าเหตุใดอนงค์ถึงทำกับลูกสาวถึงเพียงนี้ แต่เมื่อสืบรู้ประวัติเธอแต่หนหลังจึงได้รู้ความจริง ความจริงข้อนี้ทำให้เขาเป็นห่วงเธอสุดหัวใจ แม้จะไม่ค่อยได้พบปะกับบิดานัก ท่านสัญญากับเขาว่าจะดูแลพิรวดีให้ดีที่สุด รอให้ถึงวันที่หญิงสาวเติบโต และเขาสร้างฐานะเป็นปึกแผ่น เขากลับเชื่อถ้อยคำสัญญาของบิดาอย่างไม่น่าเชื่อ อาจเป็นเพราะแววตาของท่านตอนรับปากทำให้เขามั่นใจ
มือแกร่งลูบไล้แก้มนวลไปมา ก่อนจะประทับจุมพิตที่หน้าผากมน เกลี่ยปอยผมที่ปัดใบหน้าไปทัดที่ริมหูน่ารัก
“อื้อ...” พิรวดีครางอืออา ซุกใบหน้าหวานกับมือนิ่มเพื่อหลับต่อ
“ขี้เซาจริง” เขาพูดอย่างเอ็นดู สายตาอบอุ่นแฝงไว้ด้วยความเสน่หา
เธอควรเป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น!
ความรู้สึกอยากครอบครองเป็นเจ้าของทำให้เขาค่อยๆ ก้มลงจุมพิตใบหน้าสวยของคนใต้ร่างแผ่วเบา
เพื่อทำให้ประสบการณ์การใช้เว็บของคุณดียิ่งขึ้น และเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับคุณอย่างได้อย่างส่วนตัว ท่านสามารถอ่านนโยบายคุกกี้เพิ่มเติมได้ที่นี่
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว