เร้นรักใต้เงาจันทร์ - อาโกว ชะตารักนิรันดร์

16

บทที่ 16


เทพเซียนต่างพากันคุกเข่า มิมีผู้ใดกล้าปริปาก

เง็กเซียนฮ่องเต้กำมือแน่น ราชบุตรเขยทั้งเก้ากระทำเกินไปจริง ๆ สวรรค์กับโลกมนุษย์ แบ่งแยกชัดเจน มิควรมีผู้ใดล่วงเกินกันและกัน ซ้ำพวกตนเป็นเทพ ใช้วิธีต่ำทรามเช่นนี้ เสียศักดิ์ศรีอย่างมิอาจเรียกคืน

“เทพแห่งความยุติธรรม เจ้าเล่าเรื่องราวทั้งหมดมาให้ละเอียด อย่างให้ตกหล่นแม้เพียงครึ่งคำ”

“รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ”

เทพแห่งความยุติธรรม ยุติธรรมสมชื่อ ไม่เห็นแก่พวกพ้อง ไม่สงสารมนุษย์ที่อ่อนแอไร้หนทางสู้ เล่ารายละเอียดที่เกิดขึ้นทุกอย่าง อย่างชัดเจน ไม่เว้นแม้กระทั่งวิธีน่ากระอักกระอ่วนที่เทพศาสตราใช้สร้างอาวุธ ทุกเรื่องตรงไปตรงมาเสียผู้อื่นพากันเบือนหน้าหนี

เง็กเซียนฮ่องเต้สดับรับฟังทุกถ้อยคำ เหตุใดราชบุตรเขยของตนรวมถึงเทพบางองค์ จึงได้ใช้วิธีการน่าละอายเช่นนี้ ทว่าอีกใจ… ตนสูญเสียราชบุตรเขยไปถึงเก้าองค์ เรื่องนี้ยุ่งยากเสียจริง

เง็กเซียนฮ่องเต้รับฟังจนสมองพองโต จึงไล่เทพเซียนทั้งหลายกลับไป ส่วนตนตรงกลับพระราชวังรุ่งอรุณ จากนั้นสั่งปิดตำหนัก ไล่นางกำนัลรวมถึงราชองครักษ์ออกไป

เง็กเซียนฮ่องเต้ตรงไปหลังตำหนัก เพียงโบกมือ ร่างของเขาหายวับไป


นครฉางหลินกลับมาคึกคักอีกครั้ง แม้ต้องเริ่มต้นใหม่ ทว่าชาวบ้านทุกคนต่างเริ่มต้นด้วยความสุข

เช่นเคย โฮ่วอี้กับเฟิงเมิ่งมักเดินเล่นบนท้องถนน เพื่อดูแลสุขทุกข์ของชาวบ้าน หากผู้ใดต้องการความช่วยเหลือ พวกเขาจะรีบจัดการให้ทันที

ชาวบ้านหลายคนต่างรู้จักเฟิงเมิ่งเป็นอย่างดี เนื่องจากชายหนุ่มคือผู้ชักชวนผู้คนให้ไปร่วมชมการทำลายดวงอาทิตย์

ส่วนโฮ่วอี้ ชาวบ้านต่างเคารพรักนับถือ ยกย่องสรรเสริญมิขาดปาก

โฮ่วอี้ทักทายชาวบ้านด้วยใบหน้าเกลื่อนรอยยิ้ม ถามสารทุกข์สุกดิบอย่างเป็นกันเอง ทำให้ตลอดรายทางเต็มไปด้วยความชื่นมื่น ชาวบ้านบางคนถึงกับมอบสิ่งของเล็กน้อยให้เขาเพื่อตอบแทนพระคุณ ทว่าชายหนุ่มปฏิเสธอย่างนุ่มนวล นั่นยิ่งทำให้ผู้คนนับถือหมดใจ

โฮ่วอี้แหงนใบหน้ามองท้องฟ้า ดวงตะวันเพิ่งตรงศีรษะ จึงชวนน้องชายออกไปนอกกำแพงเมือง

ก่อนหน้าโฮ่วอี้กลับถึงนครฉางหลิน บังเกิดเหตุอัศจรรย์ แม่น้ำลำธารที่เคยแห้งเหือด กลับมีน้ำอยู่เต็มราวกับไม่เคยเหือดแห้งมาก่อน ต้นไม้ใบหญ้าต่างงอกเงยเขียวชอุ่ม ราวกับมิเคยแห้งเหี่ยวมาก่อน เขาจึงไพล่คิดไปว่า อาจเพราะดวงอาทิตย์ทั้งเก้าสลายไป สวรรค์จึงคืนความอุดมสมบูรณ์ให้โลกหล้า

“พี่ใหญ่คิดอันใดอยู่หรือ” เฟิงเมิ่งที่ขี่ม้าเคียงข้างพี่ชายถาม

“ทุกประการล้วนคล้ายความฝันหนึ่งตื่น ข้าสมควรตายก็ฟื้นขึ้นมาได้ ธรรมชาติที่คล้ายตายไปแล้วก็ฟื้นคืนอย่างน่าอัศจรรย์” โฮ่วอี้ยิ้ม “สวรรค์มิได้ทอดทิ้งโลกมนุษย์ เรื่องราวที่ผ่านมา นับว่าเป็นบททดสอบประการหนึ่ง”

“วันนั้นปักษาสวรรค์พาท่านลงมาจากยอดเขา ข้าคิดว่าต้องเสียท่านไปแล้วเสียอีก”

โฮ่วอี้ยื่นมือบีบบ่าน้องชาย “ข้าจะทิ้งเจ้าได้อย่างไร หากไร้เจ้า ข้าก็มิรู้จะทำทุกอย่างสำเร็จหรือไม่ เจ้าคือน้องชายที่ดีที่สุด”

เฟิงเมิ่งจับบ่าพี่ชายบ้าง “สำหรับข้า ท่านเช่นกัน” ปัดมือพี่ชายออกอย่างไม่เกรงใจ “เลิกเกรงอกเกรงใจกันได้แล้ว ย่ะ” เฟิงเมิ่งเร่งฝีเท้าม้าท้าทาย

โฮ่วอี้ส่ายหน้ายิ้ม ๆ มิได้ผ่อนคลายนานแล้ว จึงควบม้าไล่ตามน้องชายไป

สองพี่น้องควบม้าแข่งกัน ผลัดกันนำ กระทั่งม้าเริ่มเหนื่อยจึงลดฝีเท้าม้าลง ให้เดินเลียบลำธารไปเรื่อย ๆ

“พี่ใหญ่ ข้าจะไปหาอาหารในหมู่บ้านมา ท่านหาที่พักก่อน” เฟิงเมิ่งไม่รอคำอนุญาต ควบม้าจากไปทันที

โฮ่วอี้ส่ายหน้ายิ้ม ๆ ความจริงคิดชวนน้องชายนั่งตกปลาเล่นด้วยกัน มิคิดอีกฝ่ายจะไปหาอาหารเสียได้ เขาพลิ้วกายลงจากหลังม้า จูงมันไปยังใต้ต้นไม้ใหญ่ ปล่อยให้มันเล็มหญ้า ส่วนเขานำไม้ยาวมาเหลาปลายให้แหลม เตรียมแทงปลาในลำธาร

“โอย มีใครอยู่แถวนี้บ้าง โอย”

โฮ่วอี้วางไม้ลง เหลียวซ้ายแลขวาหาต้นเสียง ลุกขึ้นยืน สาวเท้าไปทางหินก้อนใหญ่ ด้านหลังก้อนหิน ชายชราผู้หนึ่งนอนหงาย ร้องโอดโอย จึงเข้าไปพยุง

“ท่านปู่ เจ็บที่ใดบ้าง”

“โอย” ท่านปู่ร้องโอดโอย คว้าจับข้อมือชายหนุ่ม ยึดไว้หมั่น “ข้าเดินไม่ระวังจึงล้ม”

โฮ่วอี้พาท่านปู่ไปนั่งที่โขดหินเตี้ย ๆ จากนั้นช่วยเก็บฟืนที่กระจายเต็มพื้น “บ้านท่านอยู่ที่ใด ข้าจะไปส่ง”

“หลานชายใจดีเหลือเกิน ข้าผู้เฒ่าบ้านอยู่ไกลนัก คงไม่รบกวนหลานชาย” ท่านปู่ว่าพลางเหนื่อยหอบ แววตาหม่นเศร้า “นับแต่เกิดเภทภัยครั้งใหญ่ เหลือแต่ข้าผู้เฒ่าที่รอดชีวิต ปรารถนาความตาย ความตายก็ไม่มาพรากลมหายใจสักที”

โฮ่วอี้คุกเข่าเบื้องหน้าชายชรา “ท่านปู่อย่าได้เอ่ยเช่นนั้น ผู้หลานพาท่านกลับบ้านดีกว่า”

โฮ่วอี้หมายไปพาม้ามาให้ชายชราขี่ ทว่าอาชาตัวโปรดกลับอันตรธานหายไป กวาดสายตามองรอบด้าน มิพบผู้คน จึงเดินกลับไปหาชายชรา นั่งหันหลังให้ท่าน

“ท่านปู่ ข้าจะแบกท่านกลับบ้านเอง”

“จะดีหรือหลานชาย”

“ขึ้นมาเถิดขอรับ ข้ามิอาจปล่อยให้ท่านเดินกลับบ้านเพียงลำพังได้”

“ขอบใจ เจ้าช่างมีน้ำใจนัก” ชายชรากดยิ้มมุมปาก ขึ้นหลังชายหนุ่มอย่างว่าง่าย “บ้านข้าอยู่บนเขา เจ้าจะไปส่งจริงหรือ”

“แน่นอนขอรับ”

โฮ่วอี้ลุกขึ้นยืน ทว่าต้องแปลกใจ ชายชรารูปร่างผอมบาง เหตุใดน้ำหนักจึงมากนัก ทว่ามิอาจคิดมากความ ออกเดินทางตามเส้นทางที่ชายชราชี้นำ

รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว