พรางอารมณ์ -Ep7(2) : ความรู้สึกอ้างว้าง โดย...มาศอุไร

โดย  กนกรส มาศอุไร

พรางอารมณ์

Ep7(2) : ความรู้สึกอ้างว้าง โดย...มาศอุไร

ในช่วงเวลานั้นยาระงับการปล่อยฟีโรโมนยังไม่ถูกค้นพบ พ่อของไคล์จึงไม่สามารถควบคุมการปล่อยฟีโรโมนของตนเองได้ มีอัลฟ่าบางคนสงสารมอบเงินไว้ให้ใช้บ้าง บางคนได้สมใจอยากแล้วก็หนีออกไปเฉย ๆ มาเพื่อกอบโกยเอาเท่านั้น ไคล์จดจำเรื่องราวเหล่านั้นได้ดี จนเมื่อสองปีที่แล้ว ตอนเขาอายุได้สิบแปดปีกำลังเรียนจบชั้นมัธยมปลาย พ่อของเขาถูกเจ้าหนี้บุกมาทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัส และได้เสียชีวิตลงที่โรงพยาบาล จากอาการเลือดคั่งในสมอง โลกของไคล์มืดมนลงในทันที ทุกอย่างว่างเปล่าและเดียวดาย ห้องเช่าหลังเก่าโทรมถูกเจ้าของยึดเพราะไม่มีเงินไปจ่ายเขา ต้องระเห็จระเหเร่ร่อนไปตามท้องถนน อดมื้อกินมื้อ โชคดีที่ยังได้ทำงานในร้านอาหารแห่งหนึ่ง แต่พอผ่านไปสองเดือนทุกอย่างก็เริ่มเลวร้าย เมื่ออัลฟ่าในที่ทำงานเกิดได้กลิ่นฟีโรโมนจากตัวเขา และเกิดอาการหงุดหงิดควบคุมตัวเองไม่อยู่ ตอนนั้นเองที่ไคล์เริ่มตระหนัก ถึงความลำบากในการเกิดมาเป็นโอเมก้า

‘ไคล์นายจะเที่ยวปล่อยฟีโรโมนมั่วซั่วแบบนี้ไม่ได้รู้ไหม’ อัลฟ่าหนึ่งในเพื่อนร่วมงานตวาดใส่ ก่อนเดินมากระชากคอเสื้อของไคล์ จับเหวี่ยงออกไปใส่ผนังร้านในทันที

ปัง !

‘โอ๊ย !’

‘ผมขอโทษ ผมไม่รู้ว่าตัวเองปล่อยฟีโรโมนออกไป’

‘นายเป็นเด็กหรือไงกัน คนทำงานที่นี่เกินครึ่งเป็นอัลฟ่า แต่นายยังมาปล่อยกลิ่นเรี่ยราดเชิญชวนกันแบบนี้’

‘เชิญชวน?’ การควบคุมกลิ่นฟีโรโมนของตัวเองไม่ได้ กลายเป็นการเชิญชวนอย่างนั้นเหรอ ไคล์เพิ่งรู้ถึงความยากลำบากอย่างแท้จริงของการเกิดเป็นโอเมก้า และในตอนเย็นของวันเดียวกัน เจ้าของร้านอาหารเลือกตัดปัญหา ด้วยการให้เขาออกจากงานในทันที

ช่วงนั้นไคล์ได้ยินเรื่องราวของหมอนอกระบบเข้า จึงตัดสินใจเข้าไปขอซื้อยาระงับการปล่อยฟีโรโมนจากหมอเอริค ตอนแรกหมอเอริคก็ปฏิเสธ เพราะดูยังไงไคล์ก็ไม่น่าจะมีเงินจ่ายค่ายาได้ แต่ไคล์มองเห็นคนไข้ในคลินิกมีการให้เลือดกันอยู่ เลยเสนอตัวถ่ายเลือดเป็นการมัดจำค่ายา เพราะตอนนั้นเขายังไม่มีเงินจ่าย แต่พอเริ่มมีอาการฮีตในครั้งแรกเขาต้องการยาระงับอาการเพิ่ม จำนวนเงินที่ใช้จ่ายเลยเพิ่มตาม ไม่ว่าจะทำงานยังไงก็แทบไม่พอจ่ายค่ายา เพราะงานที่หาได้นั้นล้วนเป็นงานระดับล่าง ไม่ล้างจาน ก็เสิร์ฟอาหาร ค่าแรงค่อนข้างน้อย ขีดจำกัดเดียวที่กั้นเขาอยู่ คือคำว่า โอเมก้า ดังนั้นการกระเสือกกระสนหาไอดีปลอมจึงเกิดขึ้น


หลายวันต่อมาไคล์สามารถหางานได้ทำอย่างที่ตั้งใจ แม้จะเป็นการใช้แรงงานหนักตามงานก่อสร้างช่วงกลางคืนก็ตาม ปกติแล้วงานหนักแบบนี้ โอเมก้าแทบไม่มีสิทธิ์ได้ทำงานชนิดนี้เลย นอกจากจะใช้แรงงานอย่างหนักแล้ว ยังได้เงินค่อนข้างดีอีกด้วย เพราะกะกลางคืนใคร ๆ ก็ไม่อยากทำ เว้นแต่คนที่กำลังเดือดร้อนเรื่องเงินอย่างเขานี่แหละ

“ว่าไงไคล์งานหนักแบบนี้นายโอเคไหม” กวินเป็นรุ่นพี่ที่ทำงาน และเป็นคนสอนงานทุกอย่างให้ไคล์ เขาค่อนข้างดุแต่ไม่ถึงกับร้าย

“โอเคครับพี่ผมพอทำได้”

“นายน่ะถ้าบึกบึนกว่านี้หน่อยจะดีมาก กินให้เยอะ ๆ ล่ะ ผอมเกินไปเดี๋ยวจะทำงานไม่ไหว”

“ครับผมกำลังเร่งปั้นกล้ามอยู่ครับพี่” ไคล์ตอบแบบแบ่งรับแบ่งสู้ รู้ดีว่าโครงสร้างร่างกายของตัวเองนั้น เป็นคนผอมบางมาแต่กำเนิด ยิ่งขาดสารอาหารด้วยแล้ว ยิ่งผ่ายผอมขึ้นไปทุกวัน มีช่วงนี้ที่ทำงานหนักเลยมีเงินพอจะซื้ออาหารดี ๆ กินกับเขาบ้าง แต่ยังพูดได้ไม่เต็มปากว่าชีวิตสบายขึ้นแล้ว

ไคล์ทำงานที่ไซต์งานก่อสร้างในกะกลางคืนแห่งนี้ มาได้สองเดือนกว่า แม้ว่ายังไม่มีใครระแคะระคายเรื่องประวัติปลอมของเขา แต่การใช้ชีวิตในแต่ละวันยังต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เขาพยายามหลีกเลี่ยงการพบปะสังสรรค์กับเพื่อนร่วมงานหลังเลิกงาน ช่วงกินข้าวระหว่างพักก็แยกตัวออกมาต่างหาก จนหลายคนคิดว่าเขาเป็นพวกสันโดษไม่ชอบยุ่งกับใคร แรก ๆ พากันเข้ามาคุยกับเขาอยู่ แต่ระยะหลังนั้นเหมือนจะต่างคนต่างอยู่เสียมากกว่า ซึ่งเข้าทางไคล์อยู่พอดีเป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว แต่แล้วเรื่องไม่คาดฝันได้เกิดขึ้นกับเขาจนได้ในคืนหนึ่ง เรื่องที่จะเปลี่ยนชีวิตของไคล์ไปอีกแบบ

“ไคล์หมอต้องการเลือดของคุณด่วน ช่วยมาหาหมอตอนนี้เลยนะ เรื่องด่วนมาก !”

หมอเอริคไม่เคยมีน้ำเสียงเดือดเนื้อร้อนใจขนาดนี้มาก่อน ไคล์แทบไม่ต้องคิดอะไรมาก ผู้มีพระคุณของเขากำลังมีปัญหา ชายหนุ่มไปลางานกับหัวหน้า ด้วยเหตุผลว่าปวดท้องกะทันหันขอตัวไปโรงพยาบาล เขาถึงสามารถออกจากที่ทำงานไปได้ ไคล์โบกแท็กซี่คันหนึ่งตรงดิ่งไปยังคลินิกของหมอเอริคในทันที

ณ คลินิกของหมอเอริค ไคล์พบหยดเลือดอยู่บนพื้นเป็นหย่อม ๆ เขาเริ่มใจคอไม่ดี เกิดอะไรขึ้นกับหมอเอริค สายตามุ่งตรงไปยังห้องผ่าตัดของคลินิก และทันทีที่เปิดประตูบานนั้นเขาไป

“เฮ้ย !” ปืนหลายกระบอกเล็งมาที่เขาเป็นจุดเดียวกัน ไคล์หน้าซีดเป็นไก่ต้มเหงื่อซึมหน้าผากในทันที กวาดตามองทุกคนที่เล็งปืนมายังตนเอง แลดูสภาพร่อแร่กันหมด มีแต่รอยฟกช้ำบนใบหน้า บางคนมีคราบเลือดติดตามเสื้อผ้า แทบแยกไม่ออกว่าเลือดของเจ้าตัวหรือว่าของใครกันแน่

“พวกคุณใจเย็น ๆ ก่อนนะครับ คนนี้คือไคล์คนที่จะมาให้เลือดเจ้านายของพวกคุณ เชิญออกไปรอข้างนอกก่อนนะครับ ไคล์มานี่เร็วเข้า” หมอเอริครีบบอก แล้วไล่คนไม่เกี่ยวข้องออกจากห้องไปให้หมด

“มาถึงเร็วนะไคล์”

“ไซต์งานอยู่ใกล้ ๆ นี้เองครับคุณหมอ ว่าแต่คนนี้ใครครับ” ไคล์มองดูคนไข้ของหมอเอริค มีเลือดท่วมตัวไปหมด เปรอะเปื้อนไปถึงใบหน้า จนมองไม่ออกด้วยซ้ำว่ามีหน้าตาอย่างไร

“คนไข้ของหมอเองไคล์ แต่ว่าคนนี้เป็นอัลฟ่าให้เลือดทั่วไปไม่ได้ รับเลือดของคนอื่นแล้วไม่เข้ากันเลย หมอคิดว่าเลือดของไคล์สามารถช่วยได้ เพราะตั้งแต่หมอให้เลือดคนไข้มาเลือดไคล์ไม่เคยมีปัญหาเลย แต่มันหมดหมอเลยอยากให้ไคล์ช่วย” หมอเอริคไม่แน่ใจว่าเพราะคนไข้คนนี้เป็นอัลฟ่ายีนเด่นหรือเปล่า การให้เลือดเลยค่อนข้างลำบากกว่าคนอื่น เพราะต้องใช้ระดับยีนที่ใกล้เคียงกัน เลยอยากลองเลือดของไคล์ดูก่อน

“ช่วย” คิ้วคมเข้มของไคล์เลิกสูงขึ้น ในโลกห่วย ๆ ใบนี้ไม่มีการช่วยฟรีแน่นอน

“หมอขอซื้อเลือดคุณครับไคล์ ไม่ได้ให้ช่วยเฉย ๆ” หมอเอริคเข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดี

“ซื้อเลือดของผมอย่างนั้นเหรอครับ ผมคิดแพงนะครับหมอ” ปากพูดแบบนี้ก็จริงแต่ในใจกลับลิงโลดอย่างบอกไม่ถูก นี่คือครั้งแรกที่เขาได้ขายเลือดของตัวเอง ไม่ใช่การถ่ายเลือดไว้เพื่อมัดจำค่ายาเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา

“อย่ามาหัวหมอตอนนี้ นอนลงบนเตียงไคล์” หมอเอริคดันอกของไคล์ให้ลงไปนอนบนเตียงข้างคนไข้ แล้วจัดการเจาะเลือดต่อตรงให้อีกคน

“หมอครับ”

“อะไร”

“อย่าเอาเยอะจนผมตายนะครับ” นี่เป็นครั้งแรกที่เขาถ่ายเลือดตัวต่อตัวโดยตรง จึงอดระแวงไม่ได้

“หมอรู้น่าไคล์อย่าห่วงไปเลยครับ” หมอเอริคขำในความกลัวตายของชายหนุ่ม อุตส่าห์ทำทุกวิถีทางเพื่อให้รอด มีหรือเขาจะใจร้ายปล่อยให้เลือดหมดตัวตายได้

ไคล์หันไปมองคนที่นอนรอความตายอยู่ด้านข้าง เขาเดาว่าอัลฟ่าคนนี้คงไม่ใช่คนดีแน่ แต่เขาจะแคร์อะไรขอให้ได้เงินมาก็พอ ชีวิตมันก็โสมมแบบนี้แหละ มือต้องเปื้อนความไม่ถูกต้องอยู่เป็นประจำ ตั้งแต่เด็กแล้วเขาต้องลักเล็กขโมยน้อย ถูกจับได้ก็บ่อยครั้ง สามารถเอาตัวรอดมาได้ถึงทุกวันนี้ ถือว่าเป็นเรื่องโชคดีหรือเปล่านะ เขาหลับตาลงแน่นรับรู้ได้ถึงเลือดในตัว ที่ถูกถ่ายโอนไปให้คนด้านข้างอย่างชัดเจน

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว