The Fantasy Darkness Fate-บทที่1 The Monster ตอนที่24 ร้อนกว่าดวงอาทิตย์ก็หัวฉันนี่แหละ

โดย  Vasavi Shakti

The Fantasy Darkness Fate

บทที่1 The Monster ตอนที่24 ร้อนกว่าดวงอาทิตย์ก็หัวฉันนี่แหละ

บทที่1 The Monster

ตอนที่24 ร้อนกว่าดวงอาทิตย์ก็หัวฉันนี่แหละ


เสียงประตูเลื่อนอัตโนมัติดังขึ้นก่อนที่ลูกค้าชายคนหนึ่งจะเดินออกมาพร้อมขนมปังแต่เมื่อเขาออกมาก็เห็นกลุ่มคนกำลังยืนคุยกัน


“มีเรื่องอะไรเหรอฮิซายะ?”

“เสียงนั้นมัน คุโรกิเหรอ?!”

“หา ใครมันกล้าเรียก....ชื่อฉัน” คุโรกิชายหนุ่มผมดำน้ำเงินจ้องมองไปที่คนที่คุ้นเคยตรงหน้าเขา “ทาคามิจัง!”

“คนรู้จักเหรอ?” อิมเคียร์หันไปถามทาคามิยะด้วยสีหน้างงๆ

“อ่าแต่ว่า ทำไมล่ะ ทำไมถึงได้” ทาคามิยะมองไปที่ทั้งสองคน

“เห้ยจะมาคุยกันก็ไปหาที่นั่งคุยกันดีๆ คนมองกันเต็มแล้วน่าอายชะมัด” อดาลีพูดพลางใช้มือปิดหน้าด้วยท่าทางเขินอาย

“งั้นตามฉันมา มีที่ดีๆ เอาไว้อยู่” ฮิซายะเขาพูดพลางหันไปมองคุโรกิ “วันนี้แยกย้ายกันไปก่อนเจอคนรู้จักทั้งที่ไปหาที่นั่งคุยกันดีกว่า”

“เห้ยพวกแกน่ะไสหัวไปได้แล้ว” คุโรกิออกปากสั่งพวกนักเลงพวกนั้นทันที “ไสหัวมันซะพวกบ้าเอ๊ย!”


ณ บ้านหลังหนึ่งที่เป็นอู่ซ่อมรถ แบบแปลนรถยนต์ถูกปักติดผนังเอาไว้พร้อมกับเศษซากเหล็กที่กองอยู่บนพื้น ประตูบ้านถูกเปิดออกจากข้างนอกก่อนที่เจ้าบ้านจะเดินนำเข้าไปที่ห้องรับแขก

“ไปนั่งกันก่อนเดี๋ยวฉันจะเอาน้ำมาให้” ฮิซายะพูดพลางเดินเข้าไปในครัว

ทาคามิยะและคนอื่นๆ ต่างพากันเดินไปนั่งที่โซฟาและเก้าอี้ที่มีพอดีคน คุโรกิเดินตามฮิซายะเข้าไปในครัวก่อนที่ทั้งสองจะเดินออกมาพร้อมกับขนมขึ้นชื่อของเมืองและน้ำเปล่าจำนวน6แก้วก่อนที่พวกเขาจะมานั่งคุยกัน


“อะนี่ของทานเล่น ยังไงนี่ก็พึ่งค่ำคงไม่รีบกลับกันหรอกใช่มั้ย?” ฮิซายะหันไปถามทาคามิยะ

“ประตูมันจะปิดมั้ยก็ไม่รู้สิพอดีว่าฉันกับฟูจิโนะอยู่ในเขตปกครองพิเศษน่ะ” ทาคามิยะตอบคำถามนั้น “แต่ช่างเรื่องนั้นเถอะทำไมถึงมาที่นี่ได้ทั้งสองคนเลย!”

“งั้น นายมาคุยกับพวกฉันหน่อยสิ ส่วนพวกเธอก็ตามสบายเลยนะคิดซะว่าที่นี่คือบ้านของพวกนายแล้วกัน” ฮิซายะพูดเสร็จก็เดินไปที่โรงรถ

“ฉันดีใจนะที่ได้เจอนายอีกครั้งทาคามิจัง” คุโรกิพูดพลางเดินตามฮิซายะไปโรงรถ


ณ โรงรถที่ถูกเปิดไฟสว่างแต่กับรกด้วยเครื่องมือซ่อมรถทั้งที่ไม่มีรถมาให้ซ่อม สามหนุ่มไปยืนสามมุมพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องที่ค้างคาใจ


“เรื่องที่ฉันอยากจะถามคงเป็นเรื่องเดียวกับที่นายอยากถามฉันทาคามิยะนายก็โดนแสงนั้นดูดเข้ามาเหรอ?”

“เปล่า แสงอะไร?”

“แสงสีขาวสว่างไปทั่วญี่ปุ่น ไม่รู้สิอาจจะทั่วโลก ฉันโดนดูดมาโลกนี้เพราะแสงนั้น ฮิซายะคุงก็เหมือนกัน”

“เปล่าเลย ฉันกับไอรีนโดนอัญเชิญมาน่ะไม่สิความจริงมีแค่ไอรีนแต่เพราะฉันอยู่ติดยัยนั้นเลยโดนลากมาด้วย”

“ไอรีนก็มาที่นี่เหรอ?!” ทั้งสองคนแปลกใจกับคำพูดนั้นของทาคามิยะจนตาค้าง

“อืม จำเรื่องที่ไอรีนเล่าให้ฟังได้มั้ยล่ะเรื่องเวทมนตร์อะไรนั้น ตระกูลยัยนั่นแหละคือคนที่อัญเชิญมาแล้วยัยนั้นก็เหมือนจะเป็นพี่สาวของเจ้าหญิงของที่นี่ด้วย”

“แปลว่ามีวิธีกลับสินะ!!”

“ก็มี....แต่” เขาทำหน้ากังวลออกมาจนทั้งสองแปลกใจ “เรื่องคงยาวงั้นจะสรุปย่อๆ ให้แล้วกัน”

ทาคามิยะอธิบายเหตุการณ์ตั้งแต่ที่ตนมาโลกนี้ให้กับทั้งสองคนฟังจนจบรวมถึงที่พวกเขาเล่าเหตุการณ์ต่างๆ ให้ทาคามิยะฟัง คุโรกิได้พบกับคณะเดินทางของอาณาจักรเลยขอติดตามมาด้วยและเริ่มมาหางานในเมืองหลวงส่วนฮิซายะอยู่ในคณะเดินทางของผู้กล้าก่อนที่เขาจะขอตัวแยกออกมาทำงานในเมืองหลวง

“เพราะเหตุการณ์บุกชิงตัวเจ้าหญิงสินะเลยทำให้เขตปกครองถูกเพิ่มระดับการป้องกัน ฉันก็ไม่อยากยุ่งเรื่องวุ่นวายด้วยสิแต่เพราะนั้นเป็นน้องสาวไอรีนและน้องสาวไอรีนก็เหมือนน้องสาวฉัน ฉันจะช่วยอีกแรงแล้วกัน”

“จะช่วยยังไงไม่ทราบหา?!” คุโรกิเดินไปถามฮิซายะ “ทำอะไรให้มันเสร็จเป็นชิ้นเป็นอันก่อนมั้ยพี่ชาย?”

“เห็นงี้เส้นสายในคณะผู้กล้าฉันก็มีนะ ผ่านเป็นผ่านตายกันมาตั้งเยอะเชื่อใจฉันเถอะ” เขาเดินไปจับไหล่น้องชายทั้งสอง “ไว้เจอไอรีนทีหลัง แค่เจอนายก็โชคดีแค่ไหนแล้วที่รู้ว่ายังปลอดภัยทาคามิยะ”

“อ่าใช่มีเรื่องหนึ่งอยากให้ช่วย พี่ ช่วยสอนมวยไทยให้หน่อยสิ” ทาคามิยะพูดพลางมองไปที่ดวงตาของฮิซายะ “มันจำเป็นที่จะช่วยวีเรส”

“จะให้สอนมันก็ได้อยู่หรอกแต่นายไหวแน่เหรอที่จะให้สอน?”

“ลูกครึ่งไทยญี่ปุ่นอย่างพี่สอนผมได้สบายอยู่แล้ว!!!”

“ก่อนจะสอนอะไรกันพาหมอนี่กับเพื่อนๆ ไปส่งก่อนจะไม่ดีกว่าเหรอ ให้ตายสิ สองคนนี้” คุโรกิเดินกลับเข้าไปในห้องรับแขก

“นั้นสินะ เดี๋ยวฉันไปส่ง”


ในช่วงค่ำของวันนั้นฮิซายะได้ไปส่งพวกเพื่อนของทาคามิยะที่บ้านรวมถึงเข้าไปส่งทาคามิยะและฟูจิโนะหน้าปราสาทขนาดใหญ่ด้วยรถไม้ติดไฟฉาย


“ฉันพึ่งจะเคยเข้ามาข้างในนี้ครั้งแรก ถึงเส้นทางจะไม่งงเท่าไหร่แต่ปราสาทนี่คือที่พักของแกจริงดิ?” ฮิซายะหันไปถามทาคามิยะที่ลงจากรถพร้อมกับฟูจิโนะ

“อ่าก็ใช่น่ะสิ เสียดายที่คุโรกิมันไม่มาด้วยเพราะหนาว ตอนนี้คงจะนอนขดในผ้าห่มไปละ พี่ก็เดินทางกลับดีๆ แล้วกัน”

“ขอบคุณที่มาส่งค่ะ”

“ขอบใจไว้เจอกันทาคามิยะ”


ณ ห้องพักของพวกไอรีน

“กลับมาแล้วครับ~~~~”

ทาคามิยะเดินเข้าไปในห้องพักของตนพร้อมกับฟูจิโนะแต่มันก็ต้องทำให้เขาต้องชะงักและตกใจกับภาพที่เห็น ร่างของโทคิซาดะในสภาพบาดเจ็บเกือบทั่วร่างนอนอยู่ที่โซฟาห้องรับแขกโดยมีไอรีนดูแลอยู่ข้างๆ ใบหน้าของทาคามิยะและฟูจิโนะแปรเปลี่ยนไปทันทีเมื่อเห็นบาดแผลของโทคิซาดะ

“โทคิซาดะ!” ฟูจิโนะรีบวิ่งเข้าไปดูอาการของเพื่อนสนิท “ไปโดนอะไรมา!” เธอหันไปถามไอรีนที่ผงะถอยห่าง “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?!”

“วันนี้คงเป็นวันดีของทั้งสองคนแต่ไม่ใช่สำหรับฉันสินะ” เธอถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยล้า “วีเรสเข้าโรงพยาบาล เธอใช้มีดกรีดแขนตัวเองเลือดออกเยอะมากตอนนี้ปลอดภัยแล้วส่วนเคนจิเขาโทษว่าเป็นความผิดของวูฟเลยมีเรื่องกันน่ะ สภาพก็อย่างที่เห็น”

“เกิดเรื่องแบบนั้นได้ยังไงกัน” ฟูจิโนะหันไปหาทาคามิยะด้วยใบหน้าที่อาบไปด้วยน้ำตา

“มันอยู่ที่ไหน?” ทาคามิยะหันไปถามไอรีน

“ถ้าคิดจะไปหาเรื่องมันละก็นายสู้คนที่เคยสู้จริงมาไม่ได้หรอก นายแค่นักเลงที่ต่อยตีเก่งนะทาคามิยะ” ไอรีนหันไปเตือนเพื่อนของเธอด้วยความเป็นห่วง “นายสู้หมอนั้นไม่ได้หรอก”

“บอกมาว่ามันอยู่ที่ไหน” ทาคามิยะเดินไปหยุดอยู่ตรงร่างของโทคิซาดะที่นอนหมดสติ ‘AI วิเคราะห์รอยเลือดให้ทีนะ’ เขาหันไปหาไอรีน “จะแพ้หรือชนะก็ช่างขอซัดหน้าของมันสักครั้งก็แล้วกัน!”


“ไอ้บ้าเดี๋ยวก็ตายหรอก!” ไอรีนรีบเข้าไปดึงแขนทาคามิยะไว้ “ขอล่ะอย่าไป....อย่านะ”

“ไม่เป็นอะไรหรอก ฉันมีฟื้นฟูร่างกายอยู่เพราะงั้นไม่ต้องห่วง”


ทาคามิยะเดินออกจากห้องไป สายตาของเขาได้เปลี่ยนเป็นโหมดสแกนภาพทำให้เห็นรอยเลือดได้อย่างชัดเจนก่อนที่เขาจะออกวิ่งตามรอยเลือดนั้นไปด้วยความเร็วที่เขามีจนในที่สุดเส้นทางที่หยุดอยู่ก็คือสนามประลองสำหรับทหารที่ตอนนี้มีเพียงร่างของชายหนุ่มผมยาวยืนอยู่เพียงลำพังกลางสนาม


ทาคามิยะเดินข้ามรั้วไม้ตรงไปหาวูฟที่ยืนอยู่กลางสนาม เขาไม่พูดพร่ำอะไรให้เสียเวลา

Skill: เสริมพลัง ON

ทาคามิยะเสริมพลังไปทั่วร่างกายกระโจนเข้าไปต่อยวูฟในทันที แรงปะทะนั้นเกิดคลื่นสะท้อนออกไปรอบๆ วูฟยังคงยืนนิ่งใช้ดาบไม้รับการโจมตีของทาคามิยะได้อย่างง่ายดายก่อนที่ทาคามิยะจะปลิวกระเด็นหลังจากโดนดาบไม้อีกเล่มฟาดเข้าเต็มร่าง

‘เร็วชะมัด ดาบไม้เหรอ?!’

ทาคามิยะวิ่งตรงไปหาวูฟอีกครั้งก่อนจะง้างหมัดขวาสุดแขนก่อนจะต่อยลงไปที่วูฟ ทันใดนั้นแขนขวาของทาคามิยะก็ถูกดาบไม้ฟันจนแขนหักแต่ก่อนที่เสียงจะเล็ดลอดลำคอดาบไม้อีกเล่มก็แทงเข้าไปในปากจนร่างทาคามิยะกระเด็นถอยห่าง

เขาถึงกับสำลักออกมาจากการโจมตีเมื่อครู่แต่แขนและบาดแผลก็ถูกฟื้นฟูโดยเร็ว

Skill: กายาสีทอง On

แขนและขาถูกเคลือบไปด้วยทองคำแต่ก่อนที่เขาจะขยับตัวเขากับรับรู้ถึงน้ำหนักที่แขนกับขาจนแทบจะขยับตัวไม่ได้

‘เกิดอะไรขึ้นเนี่ย?!’ [แจ้งเตือน เนื่องจากแขนและขาถูกเคลือบไปด้วยทองน้ำหนักเลยถูกเพิ่ม ต้องการผ่อนน้ำหนักหรือไม่] ‘เออต้องการด่วนเลย!’

แขนและขาถูกผ่อนปริมาณทองลงแต่ถึงอย่างงั้นก็ยังหลงเหลือพอที่จะให้ต่อสู้ ทาคามิยะวิ่งตรงไปหาวูฟอีกครั้งก่อนจะง้างหมัดขวาขึ้นและต่อยออกมา

แรงปะทะของหมัดและตัวดาบนั้นก่อเกิดคลื่นลมกระจายออกเป็นวงกว้างก่อนที่ตัวดาบจะเกิดรอยร้าว วูฟที่สังเกตเห็นเขาก็รีบกระโดดถอยออกห่างแต่ทาคามิยะใช้จังหวะนั้นเตะสวนไปทันทีแต่ด้วยประสบการ์ณวูฟใช้สันดาบเป็นตัวป้องกันการโจมตีของทาคามิยะและเพื่อทำลายทองที่ขา

“อ่อนหัด สกิลที่เหมือนมีประโยชน์แต่กับไร้ค่ากับคนไร้สมอง”

“อะไรนะ?!”

“แบบนี้ไม่มีทางปกป้องเจ้าหญิงได้หรอกนะ” ทันใดนั้นตัวดาบไม้ก็ปรากฏแสงสีรุ้ง “Blade Fang”

ทันใดนั้นร่างของทาคามิยะกับกระเด็นไปด้วยบาดแผลจำนวนมากบนร่างกายจนร่างของเขากลิ้งไปกับพื้นแต่บาดแผลนั้นก็ถูกฟื้นฟูให้หายได้ในทันทีแต่ความเจ็บปวดยังคงอยู่

‘แสงเมื่อกี้มันอะไรกัน ชิ’ เขาพยุงร่างกายตัวเองขึ้นและเคลือบร่างกายด้วยทองคำจนกลายเป็นเกราะ

“โง่ซะจริงนะ สกิลนั้นมันไม่มีดีอะไรเลยนอกจากสร้างภาระให้แก”

“ของจริงมันเริ่มจากนี้ต่างหาก!”

ทาคามิยะกำหมัดสองข้างแน่นก่อนจะเร่งพลังของตนขึ้นเท่าที่จะทำได้ส่งผลให้บรรยากาศรอบๆ เริ่มปั่นป่วน ออร่าสีทองส่องสว่างขึ้นรวมถึงพลังของทาคามิยะ

‘ฉันจะเป็นทั้งเกราะและหอกในคนเดียวกันให้ดู!’

[แจ้งเตือน เนื่องจากเร่งพลังงานเกินขีดจำกัดทำการพัฒนาสกิล]

Skill: กายาสีทอง Lv.2

Skill: เสริมกำลังLv.2

*การเลเวลอัพของสกิลมีสองกรณี 1.ใช้งานสกิลไปเรื่อยๆ 2.การบังคับอัพสกิล ไม่แนะนำให้ใช้กรณีที่เนื่องจากเกิดผลเสียทำให้สกิลถูกทำลาย*

รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว