“คุณนุชนารี ...แหวนวงนั้นเป็นแหวนประจำตระกูลผมนะ! และมีนมีเพียงห้าวงในโลกเท่านั้น ถ้าเกิดมันหายไปโดยที่คุณไม่รู้ตัวใครจะรับผิดชอบ”
“หา! อะไรนะไหนคุณบอกไม่สำคัญอะไรไง ที่นี่มาบอกว่าเป็นแหวนประจำตระกูล...”
“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น” สิงห์หนุ่มกล่าวตัดบท พลางก้มมองนาฬิกา แล้วขึ้นใหม่ “ผมให้เวลาคุณเก็บข้าวของเสื้อผ้าสามสิบนาที”
“เดี๋ยวค่ะ แล้วฉันจะต้องไปอยู่กับคุณนานเท่าไหร่” นุชนารีถาม
“หนึ่งเดือนนับจากนี้” เสียงทุ้มประกาศก้อง ทำเอานางแบบสาวตาโต แบบนี้เธอก็ไม่ได้ทำงานนะสิ แล้วจะเอาอะไรกิน
“หนึ่งเดือน! ฉันขอวีซ่ามาแค่อาทิตย์เดียวเองนะ”
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง เดี๋ยวผมให้ลูกน้องจัดการให้”
เหมือนฟ้าถล่มลงมากองตกหน้านุชนารีอีกรอบ เธอไม่อยากไปอยู่กับเขา แล้วถ้ามีใครรู้เรื่องเข้าเธอได้เสียหายหมดเหรอ แล้วจะทำอย่างไรดีล่ะทีนี่
“แล้วไหนจะงานฉันอีกละ ฉันทิ้งไปไม่ได้หรอกนะคุณ” หญิงสาวยังไม่หยุดคิดหาทางให้ตัวเองรอดพ้นสภาพกลืนไม่เข้าคลายไม่ออกนี้
“ตลอดเวลาที่คุณอยู่กับผมหนึ่งเดือนที่นี่ คุณจะได้ค่าจ้างวันละหนึ่งแสนบาทพร้อมสวัสดิการชั้นหนึ่ง พอใจหรือยัง ไปเก็บกระเป๋าได้แล้ว ผมมีเวลาไม่มาก”
“แต่ว่าคุณ...”
“ไม่มีแต่ ไปเก็บของได้แล้ว”
ร่างบางจำต้องลุกขึ้น หันมามองเขาเป็นการขอร้องเป็นครั้งสุดท้าย แต่ความหวังก็หมดสิ้นเมื่อเขาส่ายหน้ากลับมาเป็นคำตอบ หญิงสาวยังไม่ขยับ จนถูกเขาส่งสายตาคมมาอีกครั้งนั้นแหละจึงยอมหันหลังกลับไป
เมวารีเดินเล่นอย่างสบายอารมณ์อยู่ที่สวนกว้าง ยังไม่รู้ว่าน้องสาวกำลังจะไปอยู่กับสิงห์หนุ่มแห่งฟานเซส ร่างบางเดินไปตามทางเดินที่เชื่อมกันยาวไปสุดลูกหูลูกตา มาหยุดนิ่งลงที่เก้าอี้ตัวยาวริมบึงกว้างของสวนสาธารณะ
ดวงตากลมเรียวหลับพริ้มรู้สึกสบายใจขึ้นมากแล้ว มีหูฟังเสียบหูทั้งสองข้างและเลือกฟังเพลงสากลเบาสบายไปเรื่อยๆ หลังจากที่ต้องจ่มอยู่กับความคิดมากมาย โดยเฉพาะเรื่องเมื่อเช้า!
ราวสิบนาทีดวงตากลมเรียวที่หลับพริ้มก็ลืมขึ้น เมื่อรู้สึกว่ามีคนมานั่งอยู่ข้างกาย จึงเอียงใบหน้านวลไปมองและต้องตกใจแทบจะตกเก้าอี้ เมื่อเห็นว่าเป็นใครกัน
“นาย! ...หยุดไม่ต้อง”
แจ็คสันหยุดนิ่งอยู่กับที่แทบจะทันทีที่หญิงสาวพูดจบ ร่างบางรีบลุกขึ้นแล้วก้าวถอยห่างจากเขาไปอย่างรวดเร็ว จึงไม่ทันระวังด้านหลัง
“ระวัง!”
รัฐภามก้าวพรวดเดียวถึงตัว แล้วดึงร่างบางกลับมาเข้าหาตัวอย่างรวดเร็วจึงทำหญิงสาวถลาเข้าตกลงอยู่ในอ้อมแขนแกร่งแบบไม่ทันตั้งตัว
“เป็นอะไรไหม!”
เมวารีส่ายใบหน้านวลดิก ตกใจไม่น้อยที่จู่ๆก็มีรถจักรยานพุ่งมาด้วยความเร็ว เคราะห์ดีที่ไม่ได้บาดเจ็บตรงไหน ถ้าไม่ได้เขาช่วยเอาไว้ เธอก็รู้ว่าจะได้กี่แผลเหมือนกัน
“กลับเถอะ เดี๋ยวผมไปส่ง”
แจ็คสันลากร่างบางให้เดินตาม ไม่รอฟังคำตอบจากหญิงสาว เมวารีมึนงงเหมือนสมองหยุดทำงานชั่วคราว กว่าจะรู้ตัวก็มาถึงโรงแรมที่พักแล้วเรียบร้อย
นุชนารีเดินทางเข้ามาถึงคฤหาสน์หลังใหญ่ที่กินอาณาเขตนับสิบไร่เศษ ตามข้อตกลงที่ทำกับสิงห์หนุ่มไว้ หญิงสาวนั่งนิ่งมาตลอดทางไม่พูดจาหรือเอื้อนเอ่ยสิ่งใดออกมานอกจากลมหายใจ บรรยากาศในรถจึงดูอึมครึม ชวนน่าอึดอัดเป็นที่สุดในความรู้สึกของสามหนุ่ม แต่ที่ทำให้ลูกน้องอย่างพวกเขาไม่เข้าใจก็คือ ไม่เคยมีสิงห์หนุ่มคนไหนพาผู้หญิงเข้าบ้าน ถ้าไม่ใช่ ‘สะใภ้’
อย่าบอกนะว่า... ไม่น่าถึงเลือกที่จะสวมแหวนประจำตระกูลให้…
“ขอต้อนรับสู่คฤหาสน์ฟานเซสครับ”
รัฐภาม ฟานเซส เดินนำเข้าไปด้านใน นุชนารีมองสำรวจห้องโถงใหญ่ด้วยความตื่นตาตื่นใจอย่างไม่เคยเห็นมาก่อน พื้นมันวาวถูกปูด้วยหินอ่อน พนังและบันไดก็เช่นกัน เรียกได้ว่าทำจากหินอ่อนเกือบทั้งหลังก็ว่าได้
“มาทางนี้สิ ผมจะพาชมบ้าน”
สิงห์หนุ่มพาสาวสวยชมรอบคฤหาสน์หลังงามที่มีเนื้อที่กว่าสิบเอเคอร์กินอาณาบริเวณกว้างขวาง ด้านหลังติดทะเลสาบ โดยเปิดเป็นที่พักผ่อนให้ทุกคนได้เข้าชม ซึ่งเป็นความคิดของมาดามเครือทิพย์ที่อยากแบ่งปันความสุขที่ครอบครัวเธอได้รับให้กับทุกคนในเมืองนี้นั่นเอง
“โอ้โห้ ไม่รวยจริงทำไม่ได้นะเนี่ย” พึมพำกับตัวเอง
นุชนารีก้าวมาหยุดลงหน้าเรือนกระจกขนาดใหญ่ ด้านในมีพันธุ์ไม้หายากนานนับร้อยสายพันธุ์ ไม่น่าเชื่อว่าจะอยู่ที่นี่ด้วย จะว่าไปเงินสามารถเนรมิตได้ทุกอย่างที่พวกเขาต้องการได้เพียงชั่วข้ามคืนอยู่แล้ว
รัฐภามเห็นหญิงสาวยืนจ้องอยู่นานแล้วพอจะเดาได้ว่าเธอกำลังคิดอะไร พลางเดินเข้าไปแตะศอกเรียวเดินสำรวจ
“มาทางนี้ครับ”
“ไปไหนค่ะ?”
นุชนารีเดินตามแรงรั้งที่เข้ามาลากเธอไป นัยน์ตาสีดำเบิกกว้างด้วยความตื่นตากับความงดงาม มีทั้งดอกไม้จากแถบเอเชียไปจนถึงพันธุ์ที่หายากตระการตาไปหมด
“ดอกไม้เยอะขนาดนี้พวกคุณดูแลยังไงคะ สวยๆ ทั้งนั้นเลย” ถามทั้งที่ใบหน้ายังอยู่กับกลุ่มดอกไม้นานาพันธุ์ตรงหน้า
“ดอกไม้ทั้งหมดเป็นตัวอย่างที่เรานำมาศึกษาเพื่อผลิตเป็นน้ำหอม ที่คุณถามใครดูแลเรามีทีมวิจัยดูอยู่”
“ไม่น่าล่ะกลิ่นภายในบ้านถึงมีกลิ่นหอมที่ไม่เหมือนใคร …แล้วต้นนี้ชื่ออะไรค่ะ ดอกสวยมากเลย” นุชนารีเดินมาหยุดตรงต้นไม้พุ่มที่มีดอกสีขาวทั้งต้น สวยงามมาก สามารถดึงดูให้เธอหยุดมองได้ ชายหนุ่มก้าวมาหยุดลงข้างร่าบางพร้อมกล่าวขึ้น ทำเอาโมเดลสาวทำหน้าไม่ถูก
“นุชนารี...”
“ชื่อเหมือนฉันเลย” หันมามองหน้าคนพูด แล้วกลับไปมองต้นดอกไม้แสนสวยแล้วยิ้มกว้าง
“คือผมเห็นว่าชื่อคุณเพาะดี จึงขอเอามาตั้งเป็นชื่อต้นไม้ คุณคงไม่ว่าอะไรนะ” ชายหนุ่มบอกยิ้มๆ
“เป็นเกียรติเสียด้วยซ้ำค่ะ ฉันไม่คิดว่าจะมีคนเห็นคุณค่าของชื่อฉัน” กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เศร้าลง จนสิงห์หนุ่มเองจับสังเกตได้
“…ฉันอยากพักแล้ว ขอตัวก่อนนะคะ”
ผละเดินออกจากโดมหลังใหญ่ ปล่อยให้สิงห์หนุ่มมองตามด้วยความงงงวย รัฐภามชักอยากจะรู้แล้วว่าที่เธอพูดมาเมื่อครู่มันหมายถึงใครกัน เขาต้องรู้ให้ได้เสียแล้ว มือหนาล้วงหยิบโทรศัพท์เครื่องบางขึ้นโทรหาใครคนหนึ่งที่จะทำให้เขาได้คำตอบ
“ฉันมีเรื่องรบกวนหน่อย...”
โปรดติดตามตอนต่อไป...
ลิ้งก์ ดาวน์โหลด EBook : ราคา 59 บาท (ช่วงนี้จัดโปรโมชั่น)
** รีบๆ ไปจัดการก่อนหมดโปร! **
---> https://www.mebmarket.com/ebook-51146-พบรักรัฐภาม-Men-Of-Lions <---
ฝากกด ติดตาม / คอมเมนท์ เป็นกำลังใจให้ด้วยน้า ^^
ติดตามข้อมูลข่าวสารได้ที่... ---> เฟชบุ๊คแฟนเพจ : Raniya.writer
** ขอบคุณทุกกำลังใจและการสนับสนุนทุกช่องทาง
รวมถึงการติดตาม คอมเม้นท์ ที่มาเพิ่มแรงฮึดให้ไรท์ตัวอ้วน
ขอบคุณมากๆ จากใจค่ะ ^___^
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว