ข้ามภพข้ามรักเหมันต์-บทที่26 Draft

โดย  ningalo

ข้ามภพข้ามรักเหมันต์

บทที่26 Draft

28

ณ ตำหนักรับรองอันงดงามในวังหลวงแห่งชิงหลาง

หลังจากที่ผู้คนได้รับชมการแสดงอันน่าตระการตา วันนี้เหล่าภาคีนางได้มารวมตัวกันที่ตำหนักนี้ เพื่อฉลองให้กับความสำเร็จที่พวกเขาทุ่มแรงกายแรงใจมานาน ทุกคนต่างพูดคุยเสียงดัง พยายามแย่งกันเล่าถึงความตื่นเต้นระหว่างแสดง เหล่าชายหนุ่มก็ยิ้มขำหรือปลอบหญิงสาวที่ตนรู้จักมักคุ้น พวกเขาก็สนุกสนานและได้เปิดโลกใหม่ ถึงแม้จะเคยเห็นตอนซ้อมแล้ว แต่มันไม่ได้ออกมางดงามเท่าเมื่อวานเลย อิงเพียวตอบรับทุกคนที่กล่าวออกมาทั้งยังเสนอความคิดเห็น อย่างผู้ที่เล่นเครื่องดนตรีนางก็บอกเล่าถึงการเล่นแบบสมัยใหม่ให้ลองไปฝึกฝนดู ผู้ที่ชอบร้องนางก็ร้องเพลงจีนยุคปัจจุบันให้พวกนางฟัง จดจำเผื่อนำไปประยุกต์ใช้กับเพลงที่ตนชอบ และลงท้ายด้วยการวางแผนให้ภาคีทำงานร่วมกันได้สะดวก ทำให้เกิดการสมัครสมานสามัคคีและไม่ต้องลองผิดลองถูก ประหยัดเวลาในการพัฒนาบ้านเมืองแว่นแคว้นของตน

ภาคีของนางจึงกล่าวล่ำลาพร้อมรอคอยการเจอะเจอกันครั้งหน้า นางจึงออกไปเดินส่งพวกเขา ไม่นานก็ได้เห็นเหล่าสหายนางมาลากลับ นางกำลังจะชวนสหายไปนั่งพักดื่มชากัน แต่พวกเขาต้องปฏิเสธนางด้วยความเสียดาย ทุกคนต่างชมเชยนางเรื่องการแสดงของเมื่อวานอีกครั้ง แถมพังเผยยังอยากให้นางร้องเพลงให้ฟัง ณ ที่พวกเขายืนคุยกันเลย จนโดนเหลียงเผยทำท่าจะเขกหัว ถึงได้หนีหลบไปอยู่หลังเจ้าหน้าหวานแทน พวกนางได้แต่ขบขำความเป็นเด็กและสนิทสนมของพี่น้องคู่นี้

"ข้าดีใจกับพวกท่านมากนะพี่ทั้งสองของข้า ส่งเทียบเชิญงานแต่งแล้วข้าจะรีบไปหาพวกท่าน" นางกล่าวกับเหอลู่เหมยลี่

"แน่นอนจะขาดเจ้าไปได้เช่นไร รักษาตัวด้วยแล้วพบกันใหม่" เหอลู่กล่าวยิ้มพร้อมเอื้อมมาลูบหัวนางอย่างที่เคยทำ

"เจ้าเองก็มาเยี่ยมพวกเราได้นะ กว่าจะเดินทางกันก็หลังแต่งงานแล้ว พวกเราพร้อมต้อนรับองค์หญิงอิงเพียวทุกเมื่อ" เหมยลี่กล่าวชวนนางและเอ่ยลากอดกัน

"ข้าถ้าว่างเมื่อไหร่จะมาเป็นแขกประจำของพี่นะ อาจจะมีสองหนุ่มติดตัวมาด้วย พี่อิงเพียวคงไม่ว่ากระไร จากกันรอบนี้ไม่รู้อีกนานเท่าได้จะได้อยู่พร้อมเช่นนี้อีก แต่พวกเราจะไม่ลืมเลือนที่จะติดต่อกัน" พังเผยกล่าวกับนาง ลงท้ายด้วยการเอ่ยลากับทุกคน

แล้วก็ลากตัวนางมาคุยส่วนตัวเหมือนที่ชอบทำ ทำหน้าทำตามีลับลมคมใน "พี่มินชิวเหตุไฉนถึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ เขากลายเป็นหนุ่มหล่อเหลา แทบจะคนละคนกับที่พวกเราเคยพบเจอ แต่พวกท่านยังสนิทกันเช่นเดิมหรือไม่" พังเผยกล่าวด้วยความกังวล เพราะรู้สึกได้ถึงความห่างเหินที่อิงเพียวและมินชิวมีให้กัน

อิงเพียวจึงเล่าเรื่องราวความรักที่ผ่านมาของนางกับมินชิว พังเผยแทบจะอยากไปตบมินชิวให้ได้สติ แต่นางก็รีบห้ามและเกรงว่าเขาจะยิ่งไม่ชอบนาง พังเผยจำใจล้มเลิกความคิดนั้นไป ทั้งสองได้ยินเหลียงเผยเอ่ยว่าต้องออกเดินทางเสียแล้วให้เลิกรบกวนนางซะ พังเผยจึงยอมกล่าวลาและกอดให้กำลังใจนางแล้วเดินไปยืนกับเสาวัง เจ้าหน้าหวานทำความเคารพนางเป็นการลา

"ขออภัยในความพูดไม่หยุดของนาง เจ้าเองก็ติดต่อพวกเราได้เสมอ ถ้าผ่านมาแทบนี้ ข้าจะคอยมาเยี่ยมเยือน" เหลียงเผยกล่าวพร้อมตบบ่านางเบาๆเป็นการลา นางเองก็ตอบรับและลาเขาอย่างสนิทสนม

ตอนนี้เหล่าภาคีและสหายของนางได้เดินทางออกจากวังหลวงเป็นที่เรียบร้อย ยังไม่ทันจะได้พัก ทางคนของเสด็จพ่อก็เรียกนางไปหา เจ้าจาฟาเห็นนางกำลังเดินจากไปจึงติดตามไปด้วย เมื่อนางเดินไปถึงห้องนั้น ก็ได้เห็นแขกจากกวางโจวอยู่กันครบ ส่วนพวกฮ่องเต้มานเหอและฮองเฮาหยางมี่ก็ตกใจอย่างมากกับเสือตัวโตที่อยู่ข้างกายนาง นางจึงรีบกล่าวออกไปว่า "ขออภัยด้วยเพคะเสด็จลุงเสด็จป้า หม่อมฉันไม่นึกว่าพวกพระองค์อยู่ด้วย จึงให้เจ้าเสือน้อยตามมาด้วยนะเพคะ"

นางกล่าวจบก็พึ่งเห็นมินชิวเดินเข้ามาจากอีกทาง นางจึงถวายความเคารพ มินชิวหันไปมองจาฟาแล้วกล่าวว่า "มันช่างติดเจ้าเหลือเกินนะ" นางเพียงยิ้มรับกลับ แต่ผู้คนในห้องที่เหลือกลับดีใจที่ทั้งสองเริ่มพูดคุยกันมากขึ้น นางจึงเดินมานั่งที่ตั่งงาม จาฟาทำตัวไม่เกรงใจใครกระโดดขึ้นมานอนบนตักของนาง ทำให้นางได้แต่ก้มหัวขออภัยเสด็จลุงเสด็จป้าที่เสียมารยาท

"เจ้าเสือตัวนี้คงเป็นลูกเสือน้อยในวันงานนั้นหรือไม่ ไหนเจ้าบอกว่าจะปล่อยมันไปไม่ใช่รึ" ฮ่องเต้มานเหอกล่าว

"ใช่เพคะ หม่อมฉันนำเจ้าเสือทั้งสองไปปล่อยในป่าของเรา แต่ทั้งคู่กลับไม่ยอมจากไป พวกมันไม่ให้หม่อมฉันขึ้นรถม้าอยู่นาน จึงตัดสินใจเลี้ยงทั้งสองให้ดีที่สุด จนอย่างที่ทอดพระเนตรเพคะ" นางกล่าวยิ้มแย้ม

"เมื่อวานเจ้าแสดงได้งดงามมากเลย ไม่มีผู้ใดได้เคยชมการเรียบเรียงร้องประสานเสียงเช่นนี้มาก่อน หากป้าจะขอฟังเมื่อเจ้าไปอยู่กับพวกเราอีกหลายครั้งจะได้หรือไม่" ฮองเฮาหยางมี่กล่าวถาม นางยิ้มอย่างจนใจก่อนจะตอบรับพระองค์

และแล้วฮ่องเต้มานเหอก็เข้าเรื่อง "อิงเพียว การหมั้นของเจ้ากับมินชิว ข้าเองก็ได้ให้เวลาเจ้าทั้งสองอย่างยุติธรรม ปีหน้านี้พวกเราจะทำพิธีหมั้นหมายอย่างเป็นทางการละนะ เจ้าต้องเตรียมตัวเองให้พร้อม" เสด็จลุงกล่าวยิ้มอย่างโล่งใจ ส่วนนางได้แต่ฟังอย่างงงงวย พร้อมมองไปที่มินชิวผู้ที่ไม่ได้มีสีหน้าอันใด

นางอดไม่ได้ที่จะกล่าวเตือนว่า "แต่องค์รัชทายาทมีนางในใจอยู่ และหม่อมฉันเองก็ต้องการแต่งกับชายที่รักหม่อมฉันนะเพคะ หากเราแต่งกันเช่นนี้ อาจจะกลายเป็นความบาดหมางก็เป็นได้นะเพคะ"

รอยยิ้มของเสด็จลุงก็จางไปในทันที เสด็จป้าจึงรีบกล่าว "อิงเพียว หากแต่การแต่งครั้งนี้ย่อมหมายถึงการดองของแว่นแคว้นทั้งสองเรา แล้วนางผู้นั้นก็ไม่สามารถมายืนตำแหน่งนั้นได้ ทั้งการไม่ยอมรับจากประชาชนและเหล่าขุนนางของแคว้นข้า มินชิวเองก็ได้สัมผัสกับความแตกแยกนี้แล้ว ทั้งพร้อมที่จะรักเจ้าครองคู่กันในฐานะฮ่องเต้และฮองเฮานะ"

ได้ฟังดังนั้นนางจึงสับสนยิ่งนัก นางไม่อยากจะเชื่อตามคำกล่าวของทั้งสองพระองค์ ดูได้จากท่านพ่อท่านแม่ที่นิ่งเงียบไม่เอ่ยกล่าวอันใด นางย่อมรู้ว่าทั้งสองพร้อมยินยอมคำตอบของนาง จึงไม่ได้ชักจูงเห็นดีเห็นชอบไปด้วย นางคิดว่าต้องสอบถามมินชิวเสียหน่อยว่าเกิดอันใดขึ้น ทำไมทั้งๆที่เขาเป็นคนที่ปฏิเสธกับการหมั้นนี้มาต่อหลายครั้ง ถึงได้ปล่อยให้ทั้งสองพระองค์กล่าวมาขนาดนี้ นางจึงเอ่ยออกไปว่า "หม่อมฉันขอออกไปคุยกับองค์รัชทายาทได้มั้ยเพคะ" แล้วทั้งสี่พระองค์ก็รับคำ

นางกับมินชิวจึงออกมาสนทนาที่สวนข้างตำหนัก นางกล่าวทันทีว่า "ท่านทำไมถึงยอมรับการหมั้นนี้ละเพคะ ทำเช่นนี้นางผู้นั้นทำใจได้หรือเพคะ"

"ข้าเองก็คิดเช่นเจ้าว่าต้องแต่งกับคนที่รัก แต่เจ้าลืมแล้วหรือว่าพวกเรามีฐานะอันใด การหมั้นนี้ส่งผลกระทบวงกว้างเพียงใด ยิ่งชื่อเสียงของเจ้าโด่งดังไปทั่วสารทิศเช่นนี้ ตอนนี้ทั้งแคว้นข้าชื่นชอบเจ้านัก ข้าเองก็ไม่ได้รังเกียจอะไรเจ้า หากถ้าเจ้ายอมตกแต่งมาเป็นฮองเฮา ข้าสัญญาว่าจะดูแลเจ้าอย่างดี" มินชิวกล่าวด้วยเสียงที่ปลงตก

นางนิ่งอยู่ครู่นึง "ข้าไม่ต้องการดูแลจากท่าน พี่มินชิวฟังข้านะ การถ่วงดุลอำนาจสานสัมพันธ์ยังมีอีกร้อยแปดพันเก้าวิธี เราไม่จำเป็นต้องแต่งกันไปหรอก เชื่อข้าเถอะ" นางพยายามกล่าวโน้มน้าวอย่างเต็มที่ พร้อมเรียกขานอย่างที่เคยทำ

เมื่อมินชิวได้ฟังดังนั้น เขาก็แปลกใจว่าทำไมนางถึงไม่อยากแต่งเพียงนี้ นางจะได้เป็นฮองเฮาทั้งสองแคว้น มีเขาคอยหนุนหลังช่วยกันบริหารบ้านเมือง เขาย่อมดูแลให้เกียรตินางอย่างดี เขาไม่เข้าใจจึงกล่าวไปว่า "แล้วทำไมเจ้าถึงไม่อยากแต่งกับข้าละ"

อิงเพียวนิ่งงัน เวลาเหมือนไหลไปอย่างเชื่องช้า ทำให้นางคิดไปมา แล้วก็ค้นพบว่าทำไมถึงเป็นเช่นนี้ นางจึงตัดสินใจกล่าวออกไป เผื่อจะทำให้เขาเข้าใจนางและหยุดยั้งการหมั้นนี้ "พี่มินชิวคงนึกว่า หากข้าเป็นฮองเฮาของท่านจะมีความสุข อยู่บนอำนาจที่ยิ่งใหญ่ของสองแคว้น เพียงแต่ข้าติดอยู่อย่างเดียวคือ เออ ข้า ไม่สามารถร่วมใช้ชีวิตกับชาย ที่ข้ารักได้ แล้วเขาผู้นั้นยังมีใจรักหญิงอื่น ยิ่งหญิงผู้นั้นยังเข้ามาอยู่ในครอบครัวเดียวกัน เป็นท่านจะทำเช่นไร ต้องคอยมองคนที่รักแสดงความรักให้กับผู้อื่น ทั้งที่ตนเองไม่มีวันจะได้" นางกล่าวพลางมองเขาเข้าไปในตา นึกไม่ถึงว่าการบอกรักจะไม่หวานชื่นเหมือนที่นางเคยอ่านดู ช่างน่าเสียดาย

มินชิวตกใจมาก เขานึกไม่ถึงว่า นางจะรักเขา แต่จะให้เขาทำเช่นไรในเมื่อเขาหลงรักผู้อื่นไปแล้ว เขานึกว่าจะอยู่กับนางเฉกเช่นสหายพันธมิตร ไม่เคยนึกว่าจะอยู่กับนางดั่งเช่นคนรัก เขากล่าวอันใดไม่ออก ได้แต่เบิกตามองนางด้วยความตื่นตระหนกใจ ยังไม่ทันที่ทั้งสองจะสนทนาหาทางแก้ไปมากกว่านี้ ทั้งสองได้เห็นองครักษ์ของมินชิววิ่งเข้ามาแล้วกล่าวกระซิบบางอย่างกันเอง เมื่อมินชิวฟังเสร็จก็รีบเดินออกไปโดยไม่หันมามองนางเลย

นางนึกสงสัยจึงให้บุรุษเจ้าหน้าที่ไปสืบดู และเดินกลับเข้าไปหาทั้งสี่พระองค์ ยังไม่ทันจะได้นั่งลงอย่างสงบสุข มีสาวใช้ประจำตัวฮองเฮาหยางมี่วิ่งเข้ามากล่าวว่า "แย่แล้วเพคะ หญิงผู้นั้นเดินทางมาที่แห่งนี้ พร้อมกับป่าวประกาศในเมืองหลวงว่า องค์หญิงแย่งคนรักนางไปเพคะ"

สีหน้าของเสด็จพ่อและเสด็จแม่ย่ำแย่ถึงขีดสุด ใครจะทำอันใดพวกท่านไม่เคยก้าวก่าย แต่การมาให้ร้ายลูกสาวสุดที่รักพวกพระองค์ย่อมไม่มีทางยอม ทั้งสองพระองค์จึงเดินดุ่มออกไปเผชิญกับหวังมู่ทันที สถานที่หวังมู่ป่าวประกาศคือลานร้องทุกข์ของเมืองหลวง ทั้งนางและเสด็จลุงเสด็จป้ารีบตามไป นางแทบจะวิ่งไปขัดขวางท่านพ่อท่านแม่ทันที กลัวว่าทั้งสองจะทำบางอย่างที่ใช่อารมณ์มากกว่าสติ ทว่านางไปห้ามพวกท่านไม่ทันเสียแล้ว รถม้าของทั้งสองพระองค์ได้ข้ามประตูวังไปเสียแล้ว เจ้าจาฟายังตามนางอยู่ นางจึงให้มี่วังรีบดึงตัวมันไว้ก่อน ทั้งนางเชียงเชียงและปาหลันต่างให้รถม้าประจำตัวแล่นออกไปด้วยความเร็ว

หากแต่เมื่อนางไปถึง ภาพที่เห็นคือบุรุษเจ้าหน้าที่และสาวใช้ประจำตัวทั้งเสด็จพ่อเสด็จแม่ กำลังชูคำสัญญาหมั้นหมายที่ทั้งเสด็จพ่อเสด็จลุงเคยลงนามไว้ พร้อมกับแสดงหลักฐานการไปมาหาสู่ระหว่างนางกับมินชิว ส่วนเสด็จพ่อเสด็จแม่ได้ออกมายืนหน้ารถม้าประจำตัวพระองค์มองดูเหตุการณ์ ฮ่องเต้มานเหอและฮองเฮาหยางมี่ยินดีนัก หากทำเช่นนี้นางย่อมไม่สามารถหลุดจากการแต่งครั้งนี้ได้เสียแล้ว

ส่วนนางได้แต่นิ่งอึ้ง นางรู้ว่าท่านพ่อท่านแม่ไม่ยอมให้ใครมาลบหลู่นาง ยิ่งอยู่ในแคว้นนางยิ่งออกโรงปกป้องอย่างสุดชีวิตแน่ แต่การกระทำเช่นนี้ทำให้นางไม่เหลือทางเดินอื่นอีก ผู้คนที่มายืนฟังย่อมไม่พอใจหวังมู่อยู่ก่อนแล้ว ยิ่งพอรู้ว่าหญิงนางนี้ต่างหากที่เป็นผู้แย่งคนรักขององค์หญิง พวกเขาก็ยิ่งโกรธเคืองแทนพร้อมใจกันตะโกนด่า บุรุษเจ้าหน้าที่และสาวใช้ประจำตัวเสด็จพ่อเสด็จแม่ย่อมไม่ยืนอยู่นาน ประกาศเสร็จก็เดินกลับมาหาทั้งสองพระองค์ทันที คราวนี้ผู้คนต่างปาไข่ไก่ ผักสด ร้องด่าหวังมู่อย่างเผ็ดมัน

หวังมู่โดนคนสาปแช่ง ทั่วร่างมีแต่รอยสกปรกทำให้ดูน่าสมเพช แต่สำหรับมินชิวแล้วน่าสงสารยิ่ง กว่าเขาจะฝ่ามาถึงก็ได้ฟังหวังมู่กล่าวคำเหล่านั้นเรียบร้อยไปแล้ว เขาไม่อาจออกไปเก็บตัวหวังมู่ได้ จึงให้เหล่าผู้ติดตามไปเอาตัวนางออกมา แต่ยังไม่ทันจะถึงตัว ฮ่องเต้และฮองเฮาแห่งชิงหลางก็มาด้วยพระองค์เอง ทำให้เกิดเหตุการณ์หายนะนี้ เขาเองก็ไม่สามารถทนดูนางในดวงใจโดนคนรุมประณามและสาดใส่เช่นนี้ได้ จึงสาดพลังน้ำแข็งหยุดของที่โยนใส่หวังมู่ พร้อมกับกระโดดไปหา และดึงหวังมู่ออกมาแล้วรีบหลบหนีไปในทันที

ทั้งสี่พระองค์มองการกระทำของมินชิวด้วยสีหน้าตึงเครียด ส่วนนางก็มองด้วยหัวใจที่เจ็บช้ำ นางผู้นั้นกล่าวว่านางถึงเพียงนี้และสิ่งที่โดนกระทำก็เพราะทำตัวเองล้วนๆ แต่เขายังไม่เห็นความแย่ของนางแม้แต่เสี้ยวเดียว ปล่อยให้นางผู้ที่ถูกหวังมู่กล่าวให้ร้ายยืนหัวโด่โดดเดี่ยว สาวใช้ทั้งสองเห็นนางไม่สู้ดีจึงรีบนำนางขึ้นรถม้า ให้ผู้คนที่ยังตกตะลึงมองมาไม่ทันเห็น และสั่งให้สารถีออกรถม้ากลับวังในทันใด ตอนนี้นางรู้แล้วว่าหากแต่งเข้าไปจะหายนะเพียงใด นางไม่สนอันใดแล้วจะต้องล้มเลิกให้ได้ นางได้นึกคิดเช่นนี้วนไปวนมาจนถึงตำหนักส่วนตัวนาง

เชียงเชียงและปาหลันรับนางที่เดินอย่างล่องลอยเข้าตำหนักโดยเร็ว เมื่อมี่วังเห็นดังนั้นจึงรีบถามว่าเกิดเหตุอันใด เมื่อได้รับฟังทั้งหมดก็หันมามองนางด้วยความสงสาร ทั้งสามรีบเข้าไปจัดเตรียมของว่างน้ำชาที่นางชื่นชอบ หวังว่าจะปลอบประโลมจิตใจนางได้ พวกจาฟาเมลาเหมือนได้กลิ่นความเศร้าลอยออกมาจากตัวนาง พวกมันเข้ามาคลอเคลียกับนางที่นั่งตรงม้าหินในสวน นางเหม่อลอยคิดอันใดไม่ออก ไม่รู้ว่าชีวิตจะเดินไปทางไหน ยังไม่ทันที่ทั้งสามจะนำของมาบรรเทาใจนาง เหล่าองครักษ์และยามประจำตำหนักนางก็รีบถืออาวุธชี้ไปยังกลุ่มก้อนหิมะที่ลอยเข้ามา

เมื่อหิมะนั้นลอยถึงพื้นสวนของนาง ก็เผยให้เห็นมินชิวที่กำลังประคองหวังมู่ซึ่งได้ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ความโกรธและความเสียใจที่นางพยายามเก็บไว้ก็ได้ระเบิดออกมา "ท่านกล้าดียังไงนำนางผู้นี้มาถึงตำหนักส่วนตัวข้าเช่นนี้!" นางตะโกนออกไปอย่างที่ไม่เคยมีใครเห็น เจ้าเสือทั้งสองรับรู้ถึงความโกรธนางได้ จึงเผยเคี้ยวกรงเล็บขู่คำรามออกไปอย่างน่ากลัว หวังมู่กลัวเจ้าเสือทั้งสองมากจึงรีบเข้าไปกอดมินชิวไว้แน่น

มินชิวเห็นท่าไม่ดีก็รีบกล่าวกับนางว่า "อิงเพียวใจเย็นก่อน ข้าพาหวังมู่มาขอโทษเจ้าที่กล่าวร้าย อย่าพึ่งทำอันใด"

"แล้วที่นางว่าร้ายป้ายสีข้าในบ้านเมืองของข้า! ท่านจะให้ข้าเย็นได้อย่างไร หากไม่ใช่ท่านพ่อท่านแม่ออกไปช่วยขนาดนี้ ชื่อเสียงความดีข้าต้องป่นปี้ เพราะคนเช่นนางอย่างนี้นะหรือ!" นางเดือดถึงขีดสุดกล่าวตะคอกเขาไป

นางหันไปมองหวังมู่กล่าวเสียงดังด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า "ข้าไม่เคยทำร้ายยุ่งเกี่ยวอันใดกับเจ้า เหตุใดถึงหน้าด้านไร้ยางอายถึงเพียงนี้! คนอย่างเจ้าไม่ได้รักพี่มินชิวหรอก อยากได้อำนาจนักใช่มั้ยฮะ! จะบอกให้ ถ้าข้าแต่งเป็นฮองเฮาแล้ว จะกุ้ยเฟยหรือแม้กระทั่งสนมตำแหน่งใด ข้าก็ไม่มีวันให้เจ้าเข้ามา!"

แล้วนางก็หันไปมองมินชิว "ฟังให้ดี! หากข้าแต่งกับท่าน นางผู้นี้จะไม่สามารถมีตำแหน่งใดๆได้อีกเลย! ข้าอดทนกับพวกท่านมานานแล้ว ข้าจะไม่ยอมทนกับคนที่ปกป้องแม้แต่คนเลวอย่างนางได้อีกต่อไป!" อิงเพียวยืนตะคอกเสียงดังชี้หน้าไปทั้งมินชิวและหวังมู่

มินชิวเองก็หน้าตาตึงเครียดและเริ่มโมโห เขาอุตส่าห์นำหวังมู่มาขอโทษนาง แล้วเหตุใดถึงยังต้องทำขนาดนี้ ทันใดนั้นผู้คนทั้งหมดก็ได้ยินเสียงดังฟังชัดของฮ่องเต้มานเหอ "ในวันนี้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ผู้หญิงคนนี้จะนำพาความหายนะมาแด่บ้านเมืองข้า ในเมื่ออิงเพียวเองก็ไม่ยอมให้นางผู้นี้เข้ามาเป็นสนมใดๆ ข้าและแคว้นกวางโจวก็จะไม่มีนางผู้นี้เข้ามาอยู่ในราชวงศ์เราอย่างเด็ดขาด! ต้องรอให้ข้าตายไปแล้วเท่านั้น หากข้ายังอยู่ หญิงผู้นี้จะไม่มีวันมีอำนาจใดๆในแคว้นเรา!"

ทั้งมินชิวและหวังมู่ต่างตกตะลึงและหน้าเสียอย่างมาก หวังมู่กลายมาเคียดแค้นนางที่ทำลายโอกาสอันดีไป ส่วนมินชิวไม่พอใจนางจนพาลว่าหากนางไม่กล่าวออกไปเช่นนั้น เรื่องก็จะไม่วุ่นวายจนกลายมาเป็นเช่นนี้ ทั้งฮองเฮาหยางมี่เองก็ประกาศเห็นดีเห็นงามและไม่มีวันที่จะยอมรับหวังมู่ด้วย ไม่เพียงเท่านี้ ยังมีคนอีกกลุ่มที่มาเยือนด้วยความไม่พอใจ

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว