ลูกน้องของแสนเข้าไปช่วยจำปีหอมเอาไว้ ก่อนจะเกิดการต่อสู้กันอย่างหนัก จู่ ๆ ไฟฟ้าในบ้านก็ดับลง นั่นทำให้เชิดและลูกน้องหนีไปได้
“พวกแกตามมันไปเดี๋ยวนี้ อย่าให้มันหนีไปได้เด็ดขาด” เขาพาลูกน้องมาเยอะ ทั้งลูกน้องบิดาด้วย จึงหันไปสั่งเสียงเข้ม อย่างไรก็ต้องจับเชิดมาจัดการตามกฎหมายให้ได้
ในขณะที่แสนหันไปสั่งลูกน้อง เขาก็ดึงร่างของยาหยีมากอดรัดเอาไว้แนบอก
ยาหยีโผเข้ากอดแสน ร้องห่มร้องไห้อย่างหนัก ในขณะที่จำปีหอมมองลูกสาวกับแสนด้วยสายตาที่คิดว่าไม่น่าเลย นางไม่คิดว่าลูกสาวเพียงคนเดียวจะหายเขาไปในกระท่อมกับผู้ชายสองต่อสอง จนทำให้เกิดเรื่องราวมากมายเช่นนี้
“หยี” เสียงเรียกหนัก ๆ นั้นคือเสียงของมารดายาหยีผละออกจากอ้อมแขนของแสน ก่อนจะโผเข้ากอดมารดาแนบอก
“แม่ไม่เป็นอะไรใช่ไหมจ๊ะ” เธอเอ่ยถามท่านอย่างขวัญเสีย
“แม่ไม่เป็นอะไร แล้วลูกล่ะ ได้รับบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”
“หยีก็ไม่ได้เป็นอะไรจ๊ะแม่” ประโยคนั้นก็ทำให้จำปีหอมโล่งใจไม่น้อย
“คุณแสน เราคงต้องคุยกันเรื่องที่คุณกับยาหยีเข้าไปอยู่ในกระท่อมสองต่อสองแบบนี้ ลูกสาวของน้าเสียหาย”
“ผมยินดีรับผิดชอบยาหยีทุกอย่างครับ” แสนยืดอก เขาเต็มใจที่จะรับผิดชอบเธอทุกอย่าง
“แม่จ๊ะ แต่เราไม่ได้มีอะไรกันนะจ๊ะ หยีแค่ไปทำแผลให้พี่แสนเท่านั้น” ประโยคของบุตรสาวทำให้นางโล่งใจไปเปราะหนึ่ง เพระบุตรสาวไม่เคยโกหกอะไรนางเลย แต่นั่นแหละ เหตุการณ์นี้ทำให้เชิดเข้าใจผิด ถึงขนาดบุกมาทำร้ายยาหยี นางคิดว่าคงต้องคุยกับยาหยีให้รู้เรื่อง ว่าคราวหลังไม่ควรทำเช่นนั้นอีก
“เป็นผู้หญิงควรรักนวลสงวนตัว อย่าทำอะไรผิดพลาดเหมือนที่แม่เคยทำอีก” จำปีหอมเอ่ยกับบุตรสาว หลังจากที่แสนกลับไปแล้ว
เชิดถูกคุมตัวไปให้ตำรวจ และแสนก็ไปเป็นพยาน
“หนูขอโทษจ้ะแม่ แต่พี่แสนถูกพี่เชิดทำร้ายจนเลือดตกยางออก หนูสงสารจึงแค่อยากช่วยทำแผลให้เท่านั้น”
“ไม่ใช่แค่สงสารใช่ไหม แต่หนูรักเขา”
“แม่!” เธอตกใจกับประโยคคำถามของมารดา
“ไม่ต้องตกใจหรอก แม่เลี้ยงหนูมา ทำไมจะไม่รู้ว่าหนูคิดอะไรอยู่ แสนก็เป็นคนดี ขนาดแค่สงสัยว่าเหตุการณ์วันนี้ที่หนูเป็นพยานให้เขาจะทำให้หนูต้องเดือดร้อน เขายังให้คนมาซุ่มดูเพราะกลัวหนูจะเป็นอันตราย ก็ถือว่าเขาเป็นห่วงเป็นใยหนูจากใจจริง ผิดกับเชิดที่ทำดีเพราะอยากได้หนูเท่านั้น”
“แต่ครอบครัวของเรากับเขาต่างกันมากเลยนะคะ”
“นั่นไม่ใช่ปัญหาหรอก เพราะแม่รู้จักคุณนายซ่อนกลิ่นดี ตอนที่เขามาสู่ขอหนู แล้วแม่ยังไม่ยกให้ เขาก็ไม่ได้เคืองโกรธ แถมยังพูดกับแม่อีกว่า ไม่เคยรังเกียจฐานะอะไร ไม่ว่าเป็นใคร หากลูกชายของเขารัก เขาก็รักด้วย เขาก็ถือว่าเป็นคนดีคนหนึ่ง”
รอยยิ้มของบุตรสาวทำให้จำปีหอมดึงร่างของยาหยีมากอด
“การที่เราจะแต่งงานนั้นไม่ใช่มีแค่เรากับเขา แต่ยังมีครอบครัวของทั้งเรากับเขาด้วย ครอบครัวของทั้งสองเข้ากันได้ดีจะทำให้ชีวิตครอบครัวราบรื่น ถ้าครอบครัวสองครอบครัวเขม่นกัน ก็เหมือนมีไฟร้อนอยู่กลางบ้าน เราจะแต่งงานก็ต้องดูคนในครอบครัวเขาด้วยว่ามีศีลเสมอกันกับเราไหม เป็นคนดีมีน้ำใจไหม การแต่งงานจึงไม่ใช่แค่เรื่องของคนสองคน แต่ถ้าเป็นเรื่องของคนสองคน คือแต่งกันสองคนไม่ต้องให้ผู้ใหญ่มารับรู้ ตัดขาดกันไปเลย อันนั้นไม่จำเป็นต้องสนใจอะไร”
“หนูเข้าใจที่แม่พูดค่ะ”
“หนูเป็นเด็กดี เป็นคนดีและเชื่อฟังแม่มาตลอด หนูจะได้เจอแต่คนดีๆ คอยช่วยเหลือ แม่เชื่อแบบนั้น” หลังจากในวันนั้นความสัมพันธ์ของแสนกับยาหยีก็พัฒนาไปในทางที่ดี
“มีใครอยู่บ้างจ๊ะ มีใครอยู่บ้าง” เสียงเรียกที่ดังอยู่หน้าบ้านทำให้กำนันสิงห์กับคุณนายซ่อนกลิ่นที่กำลังพักผ่อนนอนกลางวันกันอยู่ชะโงกหน้าออกมาดู
“ใครกันนั่น” กำนันสิงห์เอ่ยถาม มองคนแปลกหน้าสองคนอย่างสงสัย
ชายหญิงที่ยืนอยู่หน้าบ้านของท่านแต่งตัวดู ขับรถราคาแพง เครื่องประดับที่สวมใส่ก็ดูมีราคา
“เรามาหาผู้หญิงที่ชื่อจำปีหอมน่ะจ้ะ” ประโยคของอีกฝ่ายทำให้กำนันสิงห์ต้องหันไปมองหน้าภรรยา
"ชาวบ้านบอกว่าที่นี่เป็นบ้านของกำนัน คิดว่าหากจะตามหาคนก็ต้องมาที่นี่ เพราะกำนันน่าจะรู้จักลูกบ้านทุกคน”
“พวกคุณมาจากไหนกัน ขึ้นมาพักดื่มน้ำดื่มท่าพูดคุยกันให้รู้ความก่อน” กำนันสิงห์เอ่ยชวน คุณนายซ่อนกลิ่นจึงรีบหันไปสั่งสาวใช้ให้ไปนำน้ำเย็นๆ มาต้อนรับแขก
“ฉันชื่อศรีสุดาจ้ะ นี่สามีของฉันชื่ออาจหาญ เราสองคนมาตามหาผู้หญิงที่ชื่อจำปีหอมน่ะจ้ะ กำนันรู้จักไหมจ๊ะ”
“รู้จักสิ เป็นลูกบ้านของฉันเอง มีเรื่องอะไรกับแม่จำปีหอมรึ”
“ฉันเป็นน้องสาวคนเดียวของพี่ศักดิ์ชายจ้ะ”
“ศักดิ์ชายไหน” กำนันสิงห์เอ่ยถาม รู้สึกคุ้นๆ กับชื่อนี้เหลือเกิน
“พี่ศักดิ์ชายเคยมาเที่ยวที่นี่ นานหลายปีแล้ว พี่ชายของฉันพบรักกับสาวที่นี่ชื่อว่าจำปีหอม”
“อ้อ...” กำนันถึงบางอ้อ หันไปมองหน้าภรรยาในทันที
“แล้วมีอะไรกันหรือคุณ คุณศักดิ์ชายมาเที่ยวที่นี่จริง มารักกับจำปีหอม แถมยังทำให้จำปีหอมตั้งท้องแล้วทิ้งไป บอกว่าจะไปพาผู้ใหญ่มาทาบทามสู่ขอแต่กลับหายหน้าหายตาไปเลย” ด้วยว่ารู้จักกับจำปีหอมมาช้านาน ในตอนนั้นนางสงสารเพื่อนรุ่นน้องคนนี้จับใจ จึงพูดออกมาด้วยความเจ็บแค้นแทนจำปีหอม
“พี่ศักดิ์ชายกลับไปที่กรุงเทพฯ บอกคุณพ่อคุณแม่ว่าจะพามาสู่ขอผู้หญิงที่ชื่อจำปีหอม แต่โชคร้าย ก่อนวันเดินทางพี่ศักดิ์ชายประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต คุณพ่อกับคุณแม่เสียใจเป็นอันมาก ไม่นานก็ล้มป่วย สุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง ในตอนนั้นฉันอยู่ต่างประเทศ ตามคุณอาจหาญไปทำธุรกิจที่โน่น ไม่รู้ว่าผู้หญิงที่พี่ชายรักคือใคร อยู่ที่ไหน มีเพียงพี่ศักดิ์ชายเท่านั้นที่รู้ จึงไม่ได้ติดต่อมาแจ้งข่าวเรื่องการจากไปของพี่ศักดิ์ชายจ้ะ” ศรีสุดาเล่าไปน้ำตาซึมไป
“เรื่องเป็นแบบนี้นี่เอง” สองสามีภรรยาถึงกับครางออกมา หลงเข้าใจผิดคิดว่าศักดิ์ชายเป็นคนไม่ดี ทอดทิ้งไม่ไยดี ที่แท้ศักดิ์ชายก็เสียชีวิตแล้วนั่นเอง
เพื่อทำให้ประสบการณ์การใช้เว็บของคุณดียิ่งขึ้น และเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับคุณอย่างได้อย่างส่วนตัว ท่านสามารถอ่านนโยบายคุกกี้เพิ่มเติมได้ที่นี่
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว