เปียวเฟยฟง ในเวลานี้เต็มไปด้วยความน่าสมเพช น่าเวทนายิ่ง... เหมือนกับผู้ที่สิ้นหวัง ซึ่งกำลังร้องขอชีวิตก็มิปาน มันหวาดกลัวของ เหยาซาน อย่างมาก เนื่องจากจิตใจของมันค่อย ๆ ถูกกัดเซาะ... เหยาซาน บีบกระชั้นด้วยกระบวนท่าทั้งสาม และทุก ๆ การโจมตียังทวีความน่ากลัวมากขึ้นเรื่อย ๆ การทำเช่นนี้ส่งผลต่อจิตใจของ เปียวเฟยฟง โดยตรง...
จนภาพของ เหยาซาน ถูกสลักลงในก้นบึ้งจิตใจ...
ผลลัพธ์ที่ออกมาในครั้งนี้นั้น น่ากลัวยิ่งกว่า เหยาซาน ปิดฉากเอาชนะ เปียวเฟยฟง ในกระบวนท่าเดียวเสียอีก เนื่องด้วยการเอาชนะเช่นนั้นจะสร้างความโกรธแค้น มากกว่าความหวาดกลัว และอาจทำให้ เหยาซาน ต้องไปวุ่นวายกับพี่ชายของ เปียวเฟยฟง ที่เป็นศิษย์หลัก เป็นการก่อศัตรูขึ้นไปเรื่อย ๆ อย่างไม่รู้จบสิ้น...
ถึง เหยาซาน จะมิได้หวาดกลัวกับสถานการณ์เช่นนั้น แต่หากเลือกได้ก็ไม่อยากไปเสียเวลากับความวุ่นวายดังกล่าว สู้เอาเวลาไปมุ่งเน้นการฝึกฝนยังจะได้ประโยชน์มากยิ่งกว่า... เหยาซาน ย่อตัวนั่งลงให้อยู่ในระดับสายตากับ เปียวเฟยฟง มีรอยยิ้มประดับบนใบหน้าที่ดูใสซื่อไร้พิษภัย... ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน...
“ศิษย์พี่เปียว... ข้าเพียงแค่ล้อเล่นเท่านั้น ไหนเลยที่ข้าจะอยากทำร้ายศิษย์พี่ร่วมสำนัก ข้าเพิ่งเข้ามาสำนักในวันแรก ดังนั้นอาจจะยังไม่ค่อยเข้าใจในขนบธรรมเนียมของที่นี่มากนัก เรื่องการแย่งที่ฝึกฝนของท่าน ถือว่าข้ามิได้ตั้งใจก็แล้วกัน ศิษย์พี่คงไม่โกรธเคืองอะไรข้าใช่หรือไม่?!”
เปียวเฟยฟง ผงกหัวสั่นระรัวราวกับไก่จิกข้าวสาร....
“ขะ...ข้ายกให้เจ้าเลย ที่ฝึกฝนอะไรนั่น ข้ายกให้เจ้าไปเลย!! ประเดี๋ยวข้าและพรรคพวกจะไปฝึกฝนที่อื่น ถือว่าความบาดหมางของพวกเราจบสิ้นกันเท่านี้”
เหยาซาน ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มร่าออกมา ตบมือลงบนไหล่ของ เปียวเฟยฟง เบา ๆ
“ท่านช่างเป็นศิษย์พี่ที่ดียิ่งนัก... หวังว่าพวกเราจะไม่ได้เจอกันอีก... และหวังว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้จะไม่ถูกแพร่งพรายออกไปยังด้านนอก”
เปียวเฟยฟง ลุกพรวดขึ้นในทันที...
“ดะ...ได้ ๆ พวกเราจะไม่เจอกันอีก และไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นในวันนี้ ข้านึกขึ้นได้ว่ามีธุระสำคัญพอดี คงต้องขอตัวก่อน...”
เหยาซาน ประสานมือสุภาพ...
“ขอไม่ส่ง...”
เปียวเฟยฟง ผงกศีรษะตอบรับ ก่อนจะกุลีกุจอรีบออกไปจากที่นี่ พลางตวาดเสียงดังบอกให้เหล่าผู้ติดตาม ลากตัว เฉียนเป่ย เจียงฉุน และ เซี่ยวถัง ที่หมดสภาพออกมาด้วย... แน่นอนว่าไม่มีผู้ใดกล้ากล่าวอะไรออกมา รีบพาตัวทั้งสามออกจากถ้ำอย่างรวดเร็ว...
เหยาซาน เผยรอยยิ้มเจือจาง ก่อนจะมองกลับไปยัง เฟิงอี้จุน...
ชายหน้าหยก ถอนหายใจหนักหน่วง ก่อนจะหันต่อไปยังเหล่าสหายที่ติดตาม...
“พวกเจ้าทุกคนห้ามแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป และอย่าไปก่อความวุ่นวายให้ศิษย์น้อยเหยาเข้าใจหรือไม่”
“รับทราบ!!” สหายของ เฟิงอี้จุน ทั้งหมดตอบรับโดยไม่ต้องใช้เวลาฉุกคิด... หลังจากเห็นความสามารถก่อนหน้านี้ ไหนเลยจะมีใครอยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสัตว์ประหลาดที่เล่นงาน เปียวเฟยฟง ราวกับบิดข้อมือเด็กเช่นนั้น
สายตาของ เฟิงอี้จุน มองมายัง เหยาซาน ด้วยความนับถือ สถานะของศิษย์พี่ศิษย์น้องคล้ายกลับตาลปัตร ถึงแม้ เหยาซาน จะเพิ่งเข้าสำนัก และมีอายุน้อยกว่าผู้อื่น แต่ก็ได้รับความนับถือผ่านสายตาเหล่าศิษย์สายในระดับสูง ในสายปราณอัคคีไปเป็นที่เรียบร้อย...
ทุกคนกลับมาเริ่มฝึกฝนต่ออีกครั้ง จวบจนเวลาผ่านไปราว 2 ชั่วยาม ก็เริ่มมาถึงขีดจำกัดของสมาชิกในกลุ่ม เฟิงอี้จุน แล้ว เนื่องจากความร้อนภายในถ้ำอัคคี แม้จะทำให้พัฒนาเคล็ดวิชาได้รวดเร็ว แต่ก็ทำให้ร่างกายเกิดความเหนื่อยล้า มากกว่าการฝึกที่ด้านนอกหลายต่อหลายเท่า...
ด้าน เหยาซาน ไม่มีแม้แต่เหงื่อสักหยด เริ่มปรับสภาพร่างกายได้บ้างแล้วหลังเข้าถึงเคล็ดวิชาสายปราณอัคคีที่มากขึ้น เชื่อมั่นว่าต่อให้คนขยับตำแหน่งเข้าไปยังเขตระยะที่ 4 ในตอนนี้ ก็น่าจะสามารถทำได้... อีกทั้งยังจดจำเนื้อหาในตำราของเคล็ดวิชาเปลวเพลิงเอกลักษณ์ ได้ขึ้นใจทุกภาพทุกตัวอักษรเป็นที่เรียบร้อย หากแต่เคล็ดวิชานี้มิได้ทำให้ผู้ฝึกแข็งแกร่งขึ้น มากไปกว่าเพิ่มภูมิคุ้มกันต่อเปลวเพลิง...
เฟิงอี้จุน เห็นเหล่าสหายมาถึงขีดสุด ก็หันมองมายัง เหยาซาน...
“ศิษย์น้องเหยา... สำหรับวันนี้พวกเราคงฝึกฝนเพียงพอแล้วคงต้องขอตัวก่อน หวังว่าพรุ่งนี้จะได้เจอเจ้าอีกครั้ง...”
เหยาซาน เงยหน้าขึ้น ก่อนจะปรากฏรอยยิ้มอ่อนโยน...
“คงไม่แล้วล่ะ ศิษย์พี่เฟิง... ตอนนี้ข้าเข้าใจในพื้นฐานปราณอัคคีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพราะฉะนั้นในวันพรุ่งนี้ข้าคงไม่มาที่นี่แล้ว ตั้งใจว่าจะย้ายไปฝึกฝนที่หอธาตุอื่นต่อ...”
“!!!!!!!!!!” เฟิงอี้จุน เบิกตากว้างขึ้นทันที...
“จะ...เจ้าว่าอะไรนะ?! เจ้าจะไม่ฝึกต่อแล้วงั้นหรือ!!
ทั้งที่เจ้ามีความรู้แจ้งปราณอัคคี ถึงระดับนี้เนี่ยนะ!!”
เหยาซาน พยักหน้าตอบรับ...
“ข้าชื่นชอบที่จะศึกษาเรื่องที่ตนเองยังไม่แตกฉาน จึงตั้งใจว่าจะฝึกฝนปราณธาตุต่าง ๆ ให้ครบถ้วนเสียก่อน ในตอนที่ยังมีโอกาสเปลี่ยนแปลงได้ช่วงเป็นศิษย์สายนอก... หลังจากได้ลองฝึกฝนทั้งหมดแล้ว ค่อยพิจารณาอีกครั้ง ว่าจะเลือกเดินเส้นทางสายใดให้รู้แจ้งถึงระดับสูงสุด
ข้าประทับใจกับ ปราณสายอัคคี อยู่ไม่น้อย... ดังนั้นหากหอธาตุอื่น ๆ ไม่มีความน่าสนใจ ไม่แน่ว่าข้าอาจจะกลับมาที่นี่อีกครั้ง ถึงเวลานั้นก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยก็แล้วกัน ศิษย์พี่เฟิง...” เด็กหนุ่มเผยรอยยิ้มเจือจางตามประสา
หากแต่มันได้ทำให้ เฟิงอี้จุน หรือแม้แต่คนอื่น ๆ ในที่นี้ รู้สึกราวกับขนาดตัวของพวกมันเล็กจ้อยลงอย่างยิ่ง เมื่อเปรียบเทียบกับเด็กหนุ่มตรงหน้า ทั้งเป้าหมายและมุมมองต่อการฝึกฝนของ เหยาซาน แตกต่างไปจากคนอื่น ๆ อย่างชัดเจน
หากแต่ถ้าไม่มีพรสวรรค์อยู่ในระดับนี้ หรือทุกคนยังไม่เห็นความสามารถแท้จริงของ เหยาซาน ก่อนหน้านี้แล้วล่ะก็... วาจาที่ เหยาซาน กล่าวออกมาคงจะดูมีความเย่อหยิ่งไม่ประมาณตนเสียมากกว่า...
เฟิงอี้จุน ขืนยิ้มออกมา แววตาสลด...
“นั่นสินะ... ช่างน่าอิจฉาพรสวรรค์ไร้เพดานของเจ้าจริง ๆ เช่นนั้นหากมีเรื่องอันใดให้ช่วยเหลือ ก็สามารถแวะเวียนมาหาข้าที่นี่ได้เสมอ... ข้า เฟิงอี้จุน ยินดีที่ได้รู้จักเจ้า”
“เช่นกันศิษย์พี่...”
เหยาซาน ตัดสินใจออกจากถ้ำอัคคีในช่วงค่ำของวันนั้น โดยเลือกที่จะไม่เข้าไปยังเขตระยะที่ 4 เพราะไม่อยากสร้างข้อพิพาทกับเหล่าศิษย์หลักโดยไม่จำเป็น อีกทั้งก็ยังมิได้ปักใจมั่น ว่าตนจะก้าวเดินในสายปราณอัคคีต่อไปหรือไม่ จวบจนกว่าจะได้เห็นรูปแบบของปราณธาตุอื่น ๆ เสียก่อน...
ด้านนอกถ้ำอัคคี...
เหยาซาน เห็นว่า ตงเหยียน กำลังเดินวนไปวนมาด้วยท่าทีวิตกกังวล...
“ศิษย์พี่ตง ปลอดภัยดีงั้นหรือ?! กำลังนึกอยู่ว่าท่านจะปลอดภัยดีในตอนที่ เปียวเฟยฟง และพรรคพวกเข้ามาเจอท่านที่เป็นศิษย์สายนอก อยู่ภายในถ้ำหรือไม่...”
ตงเหยียน แสดงสีหน้าปิติยินดียิ่ง ที่เห็น เหยาซาน ยังคงปลอดภัยดี...
“ศิษย์น้องเหยา!! พอดีว่าข้าจดจำเวลาที่ ศิษย์พี่เปียว เข้ามาเป็นประจำได้ รู้ดีว่าศิษย์พี่ผู้นี้อันตรายกว่า ต้วนไห่ นับร้อยเท่า จึงรีบปลีกตัวออกมาจากถ้ำก่อนถึงเวลานั้น... ข้ากำลังนึกหวาดหวั่นเกี่ยวกับเจ้าอยู่เช่นเดียวกันว่าจะเป็นอย่างไร... ยิ่งได้เห็น ศิษย์พี่เปียว และพรรคพวกออกมาจากถ้ำอัคคีเมื่อหลายชั่วยามก่อนด้วยท่าทีตื่นตระหนก หลงนึกว่า ศิษย์พี่เปียว วิตกกังวลเรื่องที่พลั้งมือสังหารเจ้าไปเสียแล้ว!!”
เหยาซาน ได้ยินเช่นนั้นก็อดหัวร่อเบา ๆ ขึ้นมาไม่ได้...
“หึหึ... ศิษย์พี่ตง ท่านช่างมองโลกในแง่ร้ายยิ่งนัก ศิษย์พี่เปียว ก็ออกจะเมตตาข้าเป็นพิเศษอยู่บ้าง... แต่เรื่องมันแล้วไปแล้วข้าไม่อยากกล่าวถึง ได้ออกมาพบเจอท่านก็ดีเหมือนกัน เพราะข้ากำลังต้องการผู้ช่วยแนะนำอยู่พอดีเลย...”
ตงเหยียน แสดงสีหน้าฉงนขึ้น...
“มีสิ่งใดให้แนะนำอีกงั้นหรือ?!”
…………………………………….
หออัคคี...
เหยาซาน วางตำราพื้นฐานปราณอัคคี และเคล็ดวิชาเปลวเพลิงเอกลักษณ์ ตรงหน้าผู้อาวุโสเฟิง... แน่นอนว่ามันได้สร้างความงุนงงให้กับชายชราเป็นอย่างมาก เพราะเด็กหนุ่มเพิ่งจะนำตำราออกไปเมื่อช่วงสายของวันนี้ แต่พอตกค่ำกลับนำตำรามาคืนเสียแล้ว...
“นี่มันอะไร?! ข้าบอกแล้วใช่หรือไม่ หากเจ้าคิดจะย้ายไปหอธาตุแห่งอื่น ค่อยนำกลับมาคืน ไม่จำเป็นต้องนำกลับมาคืนวันต่อวัน...” ผู้อาวุโสเฟิง กล่าวขึ้น
เหยาซาน ยิ้มแห้ง ๆ แสร้งทำสีหน้าว่าผิดหวัง...
“ผู้อาวุโสเฟิง ดูเหมือนว่าเคล็ดวิชาปราณอัคคีมันจะยากเกินไปสำหรับข้า ดังนั้นข้าจึงอยากลองย้ายไปศึกษาสายลมปราณที่หอธาตุแห่งอื่นก่อน...”
ชายชราได้ยินเช่นนั้นก็กดหัวคิ้วต่ำลงทันที แน่นอนว่ามันย่อมสร้างความขุ่นเคืองใจไม่น้อย...
“เพียงแค่ครึ่งวัน เจ้าก็บอกว่ามันยากเสียแล้วงั้นหรือ!! ช่างไร้ความอดทนและไร้ความพยายามสิ้นดี!! เช่นนั้นก็สุดแล้วแต่เจ้าเถอะ หากจะไปข้าก็ไม่ห้ามอยากไปลองฝึกฝนที่อื่นก็ตามใจเจ้า หากแต่บอกเลยว่ามันก็มิได้แตกต่างจากที่นี่นักหรอก...”
เสียงพ่นลมหายใจท้ายประโยค บ่งบอกถึงความไม่พอใจอย่างยิ่ง...
เหยาซาน มิอยากอธิบายให้มากความ อยู่นานไปรังแต่จะถูกตำหนิมากขึ้น จึงรีบประสานมือขออภัยและถอยกลับออกจากหออัคคีในทันที... เป็นความบังเอิญอีกครั้ง ที่สวนทางกับ เฟิงอี้จุน ซึ่งกำลังจะเข้าไปภายในหออัคคี...
“อ้าว... ศิษย์น้องเหยา ใยจึงเร่งร้อนนัก?!”
เหยาซาน ยิ้มอ่อน...
“ดูเหมือนว่าปู่ของท่านจะโกรธข้าไม่น้อยที่เอาตำรากลับมาคืน... เช่นนั้นข้าขอตัวก่อนแล้วกันศิษย์พี่เฟิง ไว้มีโอกาสครั้งหน้าค่อยคุยกับใหม่...” กล่าวจบเด็กหนุ่มก็เร่งเดินจากไปทันที สร้างความงุนงงให้กับ เฟิงอี้จุน อยู่ไม่น้อย...
แต่เมื่อ เฟิงอี้จุน เข้าไปด้านในหออัคคี ก็พบว่าปู่ของตนกำลังแสดงท่าทีฉุนเฉียวอยู่จริง ๆ
“เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือท่านปู่?!”
“เหอะ!! ไม่มีอะไร เพียงแค่สมเพชใจในความอ่อนหัดของศิษย์สายนอกคนใหม่... คราแรกที่ได้เจอปู่ยังอดชื่นชมมันไม่ได้ ทั้งการรัศมีพลังและออร่าที่แผ่ออกมาจัดว่าน่าสนใจยิ่งนัก ทั้งยังเลือกสรรตำราเคล็ดวิชาเปลวเพลิงเอกลักษณ์ออกไปอีกด้วย ทำให้ปู่รู้สึกคาดหวังกับผลลัพธ์ในภายภาคหน้าจากเด็กคนนั้นอยู่ไม่น้อย
แต่ที่ไหนได้!! มันกลับเป็นคนเหลาะแหละ หนักไม่เอาเบาไม่สู้ ไร้ความอดทน ไม่มีความพยายาม!! เจอเรื่องยากเย็นเข้าหน่อย เพียงครึ่งวันก็ตัดใจยอมแพ้เสียแล้ว!! เฟิงอี้จุน หลานอย่าได้เอามันเป็นเยี่ยงอย่างโดยอันขาดเชียว!!” ผู้อาวุโสเฟิง สบถก่นด่าตามหลังอีกมากมายตามวิสัยผู้ชรา ที่ภาคภูมิใจในเคล็ดวิชาสายปราณอัคคี
เฟิงอี้จุน ได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ ตอบรับ...
“ท่านปู่ อย่าบอกนะว่าคนที่ท่านกำลังกล่าวถึง คือศิษย์น้อง เหยาซาน?!”
ผู้อาวุโสเฟิง ค้างชะงักไปเล็กน้อย...
“ก็ใช่น่ะสิ!! เจ้าเด็กนั่นมันเพิ่งเข้าสำนักวันนี้วันแรก และดูเหมือนว่า ท่านหัวหน้าแผนกวรยุทธประยุกต์ จะให้ความสนใจเจ้าเด็กนี้อย่างมาก ถึงขั้นติดต่อเข้ามากำชับให้ข้าช่วยดูแลอีกแรงหนึ่ง
ชิ!! คิดแล้วก็น่าโมโหยิ่ง ข้ายังไม่รู้เลยว่าจะตอบท่านหัวหน้าแผนกออกไปอย่างไร...”
เฟิงอี้จุน ถึงกับสะอึกในลำคอ ก่อนจะขืนยิ้มแสดงสีหน้าเจื่อนลง...
“เช่นนั้นท่านปู่จงวางใจเถอะ... ข้าคงไม่มีทางเอาศิษย์น้องเหยาเป็นแบบอย่างแน่นอน ไม่สิ! หากกล่าวให้ถูกต้อง ควรบอกว่าข้าไม่มีปัญญาจะไปเลียนแบบศิษย์น้อยเหยาเสียมากกว่า...”
ชายชรา คล้อยสายตามองสวนกลับมาทันที...
“เจ้าหมายความว่ายังไง? ว่าแต่เจ้าเถอะ รู้จักเจ้าเด็กนั่นด้วยงั้นหรือ?!”
............................................
เพื่อทำให้ประสบการณ์การใช้เว็บของคุณดียิ่งขึ้น และเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับคุณอย่างได้อย่างส่วนตัว ท่านสามารถอ่านนโยบายคุกกี้เพิ่มเติมได้ที่นี่
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว