จอมนางผู้พิทักษ์-บทที่ 1 สวะแห่งราชวงศ์ชิง

โดย  ชงเมิ่ง(聪梦)

จอมนางผู้พิทักษ์

บทที่ 1 สวะแห่งราชวงศ์ชิง

บทที่ 1

สวะแห่งราชวงศ์ชิง

1000 ปีก่อน ราชาแห่งดินแดนราชาใต้ฝึกวิชาดรรชนีทลายอสูรหากแต่ระหว่างฝึกฝนเกิดถูกธาตุไฟเข้าแทรกปราณมารเข้าควบคุม จิตใจเข้าสู่แดนมารสังหารผู้คนดื่มเลือดเพื่อฝึกตน

กล่าวกันว่ายามนั้นในแผ่นดินแดนราชาเหนือใต้นับเป็นกลียุคครั้งใหญ่ ผู้คนล้มตายชนิดที่ว่ากองศพสูงเหนือวิหารเทพมังกรและวิหารเทพจันทรานำมาต่อรวมกันเสียอีก เพื่อยุติเรื่องเลวร้ายสามดินแดนอันได้แก่ ดินแดนกษัตริย์ ดินแดนราชา และดินแดนจักรพรรดิ จึงรวมพลังกันเข้ากำราบราชามารแดนใต้

ผู้มีพลังปราณทั่วทั้งสารทิศร่วมมือกันเข้าต่อกรราชามารแดนใต้ แต่เพราะผู้มีพลังปราณแดนกษัตริย์นั้นมีเพียงพลังปราณขั้นกษัตริย์ 4สัตว์เทพแห่งตำนานที่มิเคยยินยอมทำพันธสัญญากับมนุษย์จึงยินยอมเลือกคู่พันธสัญญาจากแดนกษัตริย์เพื่อร่วมมือสยบราชามารแดนใต้ผู้นี้

สงครามสามดินแดนนี้ใช้เวลาถึง 9 วัน 9 คืนในที่สุดจึงปราบราชามารแดนใต้ผู้นั้นลงได้ แต่ความสูญเสียที่เกิดขึ้นก็หนักหนาทีเดียว




ชิงเฉินหลงคือหนึ่งผู้ถูกเลือกในคราวสงครามราชามารแดนใต้ มังกรน้ำสัตว์เทพในตำนานแห่งสายน้ำยินยอมผูกพันธสัญญากับเขาสองแรงผสานเป็นหนึ่งเข้าโรมรันมิกลัวเกรง หลังจากปราบราชามารแดนใต้สำเร็จมังกรน้ำที่บาดเจ็บสาหัสจึงคืนร่างสัตว์เทพมังกรกลับลงสู่เมืองบาดาลเพื่อบำเพ็ญตน ส่วนชิงเฉินหลงได้รับการยกย่องจากชาวเมือง แต่งตั้งขึ้นเป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ชิงปกครองแคว้นชิงหลงสืบมา

ผ่านมานับ 1000 ปีเรื่องราวเหล่านี้กลายเป็นตำนานที่นักเล่านิทานนำมาเล่าซ้ำไปวนมาจนผู้คนเบื่อหน่าย นานวันเข้าเรื่องของราชามารแดนใต้ก็กลายเป็นเพียงความทรงจำอันรางเลือนเท่านั้น หนึ่งเดียวที่ยังคงชัดเจนคือราชวงศ์ชิงคือผู้สืบเชื้อสายแห่งเทพล้วนเกิดมาพร้อมปราณขั้นสาม

แคว้นชิงหลงปัจจุบันปกครองโดยองค์ฮ่องเต้ชิงไห่หลง ตลอดเวลา 20 ที่ทรงครองราชย์ประชาชนล้วนอยู่ด้วยความสงบสุข ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล พืชผลล้วนผลิดอกออกผลประชาชนแซ่ซ้องสรรเสริญ

หากแต่นับจากองค์ชายน้อยชิงเฮยหลงถือกำเนิดก็บังเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ ฝนตกหนักติดต่อกันหนึ่งเดือน เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ที่ชายแดนตะวันออกเมืองชิงไฉทั้งเมืองถูกทะเลชิงไห่กลืนกิน ประชาชนต่างเดือดร้อนเหล่าขุนนางจึงได้ขอร้องต่อองค์ฮ่องเต้ไห่หลงจัดการทุกอย่างโดยเร็ว เพื่อความสงบสุขของแผ่นดินองค์ฮ่องเต้ชิงไห่หลงจึงตัดสินใจเนรเทศองค์ชายน้อยและพระมารดาออกจากเมือง สองเดือนหลังจากนั้นฝนจึงหยุดตกทุกอย่างกลับคืนสู่สภาวะปกติ

หวงซูเยี่ยนนับจากถูกเนรเทศก็ค่อยๆ ตรอมใจ ชีวิตพระสนมขั้นเฟยผู้สูงส่งตกต่ำนับจากคลอดบุตรชาย เขาช่างเป็นตัวซวยสำหรับนางเป็นสวะแห่งราชวงศ์ ความแค้นเคืองต่อบุตรในสายเลือดตีตื้นในอก ตลอดสามปีที่เลี้ยงดูไม่เคยโอบอุ้มแม้เพียงครั้งเดียว เลือดในอกแม้เพียงหยดมิให้ได้ดื่มกิน สุดท้ายในปีที่สี่หลังจากคลอดเขาตัวนางก็ตรอมใจตายจากไป

หูเย่หรงมององค์ชายน้อยที่กำลังนั่งร่ำไห้ที่มุมเสาเรือนด้วยความสงสาร นับจากที่ใต้เท้าหวงเหว่ยซือเจ้าเมืองแห่งเมืองชิงเถาได้มอบหมายให้นางดูแลองค์ชายน้อยไม่มีวันใดที่เขาไม่ถูกรังแก ว่ากันว่าราชวงศ์ชิงนั้นสืบเชื้อสายแห่งเทพเชื้อพระวงศ์ล้วนเกิดมาพร้อมปราณขั้นสาม หากแต่องค์ชายน้อยตรงหน้าไม่เพียงเกิดมาไร้พลังปราณตัวเขายังเกิดมาพร้อมภัยพิบัติใหญ่หลวง ทั่วทั้งแคว้นชิงหลงล้วนเรียกเขาว่าตัวซวย

“องค์ชาย”

“แม่นม!!!”

ร่างเล็กส่งเสียงเรียกสั่นเทา สองดวงตาแดงก่ำไปด้วยหยาดน้ำตาแม้เนื้อตัวช้ำไปทั่วแต่ขาเล็กๆ นั่นกลับวิ่งสุดกำลังเพื่อโผเข้าหาสตรีเพียงนางเดียวที่ปกป้องเขา ในชีวิตนี้นอกจากนางแล้วไม่มีใครสักคนที่คอยเคียงข้างเขา หูเย่หรงโอบกอดร่างอันสั่นเทามือบางลูบแผ่นหลังเล็กอย่างปลอบประโลม

“ไม่เป็นอะไรแล้วเพคะ หม่อมฉันอยู่นี่แล้ว”

“จื่อหานกับจื่อโม่ พวกเขารังแกข้าอีกแล้ว”

หวงจื่อหานและหวงจื่อโม่ เป็นบุตรชายของหวงจื่อเหว่ยผู้เป็นบุตรชายคนโตของหวงเหว่ยซือ เด็กน้อยทั้งสองแม้อายุเพียง 7 ขวบและ9ขวบตามลำดับแต่กลับมีพลังปราณสายพละกำลังขั้นสอง แน่นอนว่าพวกเขาคือความภาคภูมิใจของหวงเหว่ยซือ เรื่องที่พวกเขารังแกองค์ชายน้อยชิงเฮยหลงผู้เป็นที่รังเกียจของผู้คนจึงไม่มีผู้ใดคิดห้ามปราม

“องค์ชาย...เจ็บมากไหมเพคะ หม่อมฉันจะทายาให้นะเพคะ”

หูเย่หรงอับจนหนทางจะช่วยเหลือจะอย่างไรตัวนางก็เป็นเพียงบ่าวในจวนเจ้าเมืองหวงเท่านั้น สุดท้ายจึงทำได้เพียงเอ่ยปลอบโยนแล้วพาเขาเข้าเรือนเพื่อล้างบาดแผลตามตัว

ชิงเฮยหลงขมวดคิ้วเข้มยามเห็นว่าแม่นมของตนกำลังร่ำไห้ มือของนางสั่นเทายามป้ายยาให้เขา เป็นเพราะข้าอ่อนแอจึงทำให้แม่นมเสียใจ

“แม่นม...ข้าไม่เจ็บแล้ว”

หูเย่หรงยิ้มบาง มือหยาบวางที่ข้างแก้มช้ำๆ ของเด็กน้อยตรงหน้าอย่างอ่อนโยน

“ต่อไปต้องระวังให้มากนะเพคะ”

“อืม!!”

แม้จะกล่าวเช่นนั้นแต่สุดท้ายเคราะห์กรรมมิอาจหลีกเลี่ยง ในช่วงที่หูเย่หรงไปรับอาหารที่เรือนครัวหวงจื่อหานและหวงจื่อโม่กลับลักลอบมาที่เรือนของชิงเฮยหลง ฝ่ายหนึ่งคือเด็กน้อยวัยสี่ขวบอีกฝ่ายคือเด็กชายวัย7ขวบและ 9 ขวบตามลำดับ แม้ฝ่ายบุกรุกจะเป็นเพียงเด็กน้อยธรรมดาที่ไร้ปราณชิงเฮยหลงก็ยากจะต่อกร ยามนี้ทั้งสองยังเป็นผู้มีพลังปราณสายพละกำลังขั้นสอง แน่นอนว่าทุกครั้งยามลงมือชิงเฮยหลงจึงเจ็บหนักเป็นสิบเท่า ดวงตาคมจดจ้องสองพี่น้องด้วยจิตใจอาฆาต

“มองหน้าข้าไม่พอใจหรือไอ้สวะ”

หวงจื่อโม่ผู้เป็นน้องเอ่ยเสียงเย้ยหยันใส่เด็กน้อยที่นอนตัวงอบนพื้นหากแต่สายตากลับไม่มีความหวาดกลัวแม้แต่น้อย ท่าทางเช่นนี้ช่างกวนอารมณ์ของเขาให้โมโหยิ่งนัก เท้าเล็กจึงเตะไปที่ใต้ชายโครงของเด็กน้อยเลือดมังกรตรงหน้าอีกหนึ่งครั้ง

“พอเถอะเสี่ยวโม่”

“พี่ใหญ่ห้ามข้าทำไม ไม่เห็นหรือว่าไอ้สวะนี่มันมองหน้าข้า”

“เช่นนั้นไม่สู้เจ้าควักตามันออกมาดีหรือไม่”

หวงจื่อหานเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบราวเอ่ยเรื่องดินฟ้าอากาศทั่วไปกับผู้เป็นน้องชาย ตั้งแต่ต้นเขาเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์ยืนมองน้องชายตนเล่นสนุกกับไอ้สวะตรงหน้า มิคิดว่าเพียงครั้งเดียวที่เขาจะลงมือกลับโหดเหี้ยมยิ่งนัก

ใบหน้าของหวงจื่อโม่พลันซีดเซียวมองเด็กชายที่ขดตัวอยู่บนพื้นด้วยแววตาหวาดกลัวแทน

“พี่ใหญ่มันไม่รุนแรงไปหรือ”

“ก็แค่สวะคนหนึ่งเท่านั้น”

กล่าวจบร่างสูงโปร่งของหวงจื่อหานก็ลุกเดินมาที่คนเจ็บ ชิงเฮยหลงมิได้ถอยหนีแววตาบ่งบอกชัดเจนถึงความกล้าหาญ หวงจื่อหานยิ้มบางหากน้องชายของเขามีความกล้าสักครึ่งหนึ่งของเจ้าสวะตรงหน้าคงดีไม่น้อย แต่จะอย่างไรสวะก็คือสวะจะเทียบน้องชายเขาได้อย่างไร

ชิงเฮยหลงมองสายตาเหี้ยมเกรียมของหวงจื่อหานแล้วได้แต่ขบกรามแน่น แม้ตลอดเวลาที่เขาถูกรังแกคนผู้นี้ไม่เคยลงมือกับเขา แต่เขารู้ดีว่าในบรรดาลูกหลานสกุลหวง หวงจื่อหานคือผู้ที่เหี้ยมโหดที่สุด

“ไอ้สวะ!!หากเจ้าเอ่ยอ้อนวอนข้า ข้าจะปล่อยเจ้าไปดีหรือไม่”

น้ำเสียงกระซิบเอ่ยเยือกเย็นเหี้ยมเกรียม แม้ใบหน้าจะมีรอยยิ้มหากแต่มือหนากลับลงน้ำหนักบีบที่คอเล็กพร้อมยกตัวเขาขึ้นจากพื้น

ชิงเฮยหลงดิ้นรนไปมา ลมหายใจเริ่มติดขัดอากาศในร่างกายเริ่มหดหาย หากแต่ริมฝีปากยังขบเม้นแนบแน่นไม่มีท่าทางเอ่ยขอร้องหรือสายตาที่อ้อนวอนแม้เพียงนิด หวงจื่อหานยิ้มกว้างอย่างพอใจสิ่งที่เขาชื่นชอบที่สุดคือการเห็นคนทุรนทุรายอย่างทรมานก่อนตายเช่นนี้

หวงจื่อโม่มองการกระทำของพี่ชายตนแล้วลำคอแห้งผาก แม้เขาชื่นชอบการกลั่นแกล้งเจ้าสวะนี่แต่เขาไม่ได้ต้องการให้มันตายเช่นนี้

“พี่ใหญ่ข้าว่าท่านปล่อยมันเถอะ ท่านปู่เพียงแค่ให้เรากลั่นแกล้งมันเท่านั้น”

“ท่านปู่บอกว่ามันอยู่มานานเกินไปแล้ว นี่มิใช่หมายความว่า มันสมควรตาย หรอกหรือ”

คำกล่าวของเด็กน้อยผู้ที่กำลังจะเป็นยมทูตเอ่ยเสียงเหี้ยมเกรียม ที่แท้มิใช่ว่าหวงเหว่ยซือไม่รู้เรื่องที่เขาถูกรังแก แต่เป็นท่านตาผู้นี้ที่บงการเรื่องราวทั้งหมด

หวงเหว่ยซือ เลือดตระกูลหวงในกายของข้าถือว่าคืนให้เจ้าในวันนี้ก็แล้วกัน

......................................................................................................................



รีวิวจากผู้อ่าน 2 รีวิว
  • Hathaitip Kak
    เมื่อ 4 ปี 4 เดือนที่แล้ว
    โหดมาก เด็ก เล็ก ๆ ก็ทำได้ลงคอ
    • อ่านถึง : บทที่ 1 สวะแห่งราชวงศ์ชิง
  • blue2560
    เมื่อ 4 ปี 6 เดือนที่แล้ว
    ขอบคุณ​มาก​ก​ก​
    • อ่านถึง : บทที่ 1 สวะแห่งราชวงศ์ชิง

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว