เพลิงมารผลาญพิภพ-ขอบเขตพลัง

โดย  พันปักษา อ่านจันทรา

เพลิงมารผลาญพิภพ

ขอบเขตพลัง

หน้านี้เป็นแบบร่าง เรื่องของสมดุลพลังในโลกสวรรค์
(อาจมีเปลี่ยนแปลงภายหลังเพื่อความเหมาะสม)

ขอบเขตพลังลมปราณและพลังวิญญาณ
(สมมุติคำเรียกขาน ขั้นปฐพี ถ้าฝึกสายพลังลมปราณ จะเรียกพลังลมปราณปฐพี แต่ถ้าเป็นสายวิญญาณจะเรียก พลังวิญญาณปฐพี ถ้าผู้แต่งพิมพ์ผิดแจ้งได้นะครับ จะตามไปแก้ บางทีเบลอๆพิมพ์ผิด)

ทั้งสองสายจะสามารถใช้เวทย์มนต์ได้ ต่างกันที่ ที่มาของพลัง ต้นกำเนิดของพลัง วิธีการฝึก วัตถุสิ่งของที่นำมาฝึก

ขอบขั้นปฐพี : เริ่มต้น

ขอบขั้นจิต : แรงดีกว่าคนปกติ 2 เท่า

ขอบขั้นฟ้า (1-10): แข็งแรง ทนทานกว่าคนปกติ วิ่ง กระโดด ได้ไกล ขึ้น 10 เท่า

ขอบขั้นหลอมวิญญาณ (1-10)
: - แข็งแรง ทนทานกว่าคนปกติ วิ่ง กระโดด ได้ไกลขึ้น 20 เท่า
: - ฝังยากลับวิญญาณ ที่ทำมาจากหญ้ากลับวิญญาณ ทำให้คนที่ถูกฝังยาไว้ฟื้นจากความตายได้ 1 ครั้ง (ฝังให้คนอื่นได้ และผู้ที่อยู่ขั้นนี้ขึ้นไปจะสามารถฟื้นได้เองอีก 1 ครั้งเช่นเดียวกัน(รวมแล้วก็ตายได้ 2 ครั้ง ครั้งที่ 3 ตายจริงๆไม่สามารถฟื้นได้อีก) การตายแต่ละครั้งจะทำให้ขอบขั้นลดลง 1 ขั้นหรือมากกว่านั้นขึ้นอยู่การบาดเจ็บ)

ขอบขั้นตัดวิญญาณ (1-10)
: - แข็งแรง ทนทานกว่าคนปกติ วิ่ง กระโดด ได้ไกลขึ้น 50 เท่า
: - ยืนนั่งบนเมฆ ขี่เมฆได้ ยืนนั่งบนน้ำได้
: - รูปร่าง หน้าตาจะไม่เปลี่ยนไปอีกตลอดชีวิต (ถ้าอยู่ในขั้นนี้ตอนอายุ 17 ก็จะรูปร่างหน้าตาเท่ากับเด็ก 17 นี้ไปตลอดชีวิตที่เหลือ สิทธิพิเศษนี้มีแต่กำเนิดของมนุษย์ธาตุไม้ที่เกิดจากต้นไม้วิญญาณ บุรุษผล และนารีผลเห็นผลทันทีเมื่อตัดขั้วผลไม้วิญญาณ(ตัดตอนที่อยู่ในขอบขั้นตัดวิญญาณ))

อสูรลมปราณที่สามารถฝึกตนอยู่ในขั้นตัดวิญญาณจะสามารถกลายร่างเป็นคน
และถ้าฝึกจนถึงขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งก็จะเป็นคนจริงๆไม่มีกลิ่นอายอสูรหลงเหลืออยู่อีก
และในทางกลับกันมนุษย์ที่สามารถฝึกถึงขั้นตัดวิญญาณก็จะสามารถแปลงร่างเป็นอสูรได้เช่นกัน
: - ฝึกทักษะความสามารถ (สกิล) ขั้นกลางได้

ขอบขั้นแรกก่อตั้ง (1-10)
: - แข็งแรง ทนทานกว่าคนปกติ วิ่ง กระโดด ได้ไกลขึ้น 100 เท่า
: - อายุยืนเพิ่มขึ้น 500 ปี
: - บินได้ มุดดินได้
: - สร้างมิติขึ้นมาได้เอง 50 ตารางเมตร
: - ฝึกทักษะความสามารถ (สกิล) ขั้นกลางได้

ขอบขั้นราชัน (1-10 (ขั้นล่ะ100ปี))
: - อายุยืนเพิ่มขึ้น 1 พันปี เปิดประตูมิติวาร์ปได้เอง 50 กิโลเมตร
: - สร้างมิติขึ้นมาได้เอง 1 ตารางกิโลเมตร
: - นับตั้งแต่ขอบขั้นราชันขึ้นไปสามารถฝึกทักษะความสามารถ (สกิล) ขั้นสูงได้

ขอบขั้นราชันจักรพรรดิ (1-10)
: - อายุยืนเพิ่มขึ้น 5 พันปี เปิดประตูมิติวาร์ปได้เอง 500 กิโลเมตร
: - สร้างมิติขึ้นมาได้เอง 100 ตารางกิโลเมตร

ขอบขั้นราชันยอดยุทธ (1-10(ระดับ11 เป็นครึ่งก้าวสู่ระดับเทวะ))
: - อายุยืนเพิ่มขึ้น 1 หมื่นปี เปิดประตูมิติวาร์ปได้เอง 5,000 กิโลเมตร
: - สร้างมิติขึ้นมาได้เอง 1,000 ตารางเมตร

ขอบขั้นเทวะ (1-10)
: - อมตะ
: - เปิดประตูมิติวาร์ปได้เอง 1,000 ล้านปีแสง
: - สร้างมิติขึ้นมาได้เอง 1,000,000 ตารางกิโลเมตร

ความสำคัญของแต่ละขอบขั้นคือ
: - พลังในการโจมตีและพลังในการป้องกันจะเพิ่มขึ้น
: - เสาพละกำลัง และเสาพลังชีวิต จะสูงขึ้นตามขอบขั้นต่างๆ
: - อาวุธและชุดเกราะจะสามารถใช้ได้เท่าๆกับขอบขั้นของตัวเองปัจจุบันเท่านั้น
: - ฝึกทักษะความสามารถ (สกิล) ได้ตามขอบขั้นต่างๆ

ทักษะความสามารถ (สกิล)
ของแต่ล่ะวิชา จะแบ่งเป็นขั้นเริ่มต้น ขั้นกลาง ขั้นสูง แต่ละขั้นมีขอบขั้น 1-10
ความสำคัญของแต่ละขั้น จะเพิ่มพลังในการโจมตีมากขึ้น ชำนาญมากขึ้น


นอกจากมีความสามารถในสกิลแล้วยังมีการเสริม ไขกระดูก เส้นเอ็น จะกล่าวถึงรายละเอียดวันหลัง

ความแตกต่างระหว่างมนุษย์กับอสูร
มนุษย์อายุ 1 พันปี
อสูรอายุ 5 พันปี
ครึ่งคนครึ่งอสูร 1,000 ปี
หากฝึกถึงขั้นราชันอายุค่อยเพิ่มอีก 1 พันปี ราชันยอดยุทธ 1 หมื่นปี

มนุษย์เมื่อแรกเกิดจะเริ่มนับขอบขั้นการฝึกใหม่ตั้งแต่ขั้นปฐพี
นอกจากลูกที่เกิดจากมนุษย์ธาตุไม้ที่มาจากต้นไม้วิญญาณหรือนารีผล
จะมีพลังเทียบเท่ากับแม่ แต่อายุจะน้อยลงเหลือ 1,000 ปี
มนุษย์ธาตุไม้อายุ 5 พันปี เท่ากับอสูร

อสูรแรกเกิด จะเริ่มนับขอบขั้นการฝึกใหม่ตั้งแต่ขั้นปฐพี เช่นเดียวกับมนุษย์

ธาตุต่างๆที่ตรงกับที่ตัวเองเกิด จะมีเพียงธาตุเดียวทั้งมนุษย์และอสูรเพราะมีดวงจิตเดียว

คนที่มีสองดวงวิญญาณถึงจะสามารถฝึกได้สองธาตุ แต่ทั้งสองดวงวิญญาณจะต้องไม่ใช่ธาตุ
เดียวกัน และถ้าสองดวงวิญญาณมีธาตุเดียวกัน ก็จะเท่ากับพลังคูณสอง

เสาพลังวิญญาณที่ตั้งอยู่ในทะเลลมปราณ ประกอบไปด้วย

เสาร่างกาย
เสาทักษะกาย
เสาพลังกาย
เสาดวงจิต
แต่ละเสาแบ่งเป็นขั้นสี ม่วง แดง ส้ม ทอง

แต่ละเสาตั้งอยู่ 4 มุม ตรงกลางทั้ง 4 เสายังยืนไว้ด้วยอีก 2 เสาซึ่งมีความสำคัญมาก

คือ

1. เสาพละกำลัง ซึ่งมีสีขาวทั้งเสา
เป็นเสาที่บ่งบอกถึงขีดความสามารถของพลังลมปราณและพลังวิญญาณรวมเรียกว่าเสาพละกำลัง เมื่อมีการใช้พละกำลังต่างๆในการบิน เหาะ กระโดด สร้างม่านพลังป้องกัน หรือเวทย์โจมตีต่างๆ มาน่าหรือน้ำไขกระดูกในเสาพละกำลังจะลดลงตามสัดส่วนที่ใช้ และค่อยๆฟื้นฟูเท่าเดิมเองตามระยะเวลา หรือกินยาเพิ่มพลัง เพิ่มเติมพลังที่พร่องไปในจุดนี้ก็ได้เช่นกัน

เมื่อร่ายเวทย์มนต์ เสาพละกำลังจะลดลง เวทย์ป้องกันจะใช้ได้ตามขอบขั้นพลัง
เช่น 3 ลมหายใจ 5 ลมหายใจ 10 ลมหายใจ 100 ลมหายใจ

และ

2. เสาพลังชวิต ก็มีสีแดงทั้งเสาเหมือนกัน

เมื่อถูกโจมตีน้ำสีแดงในเสาสีแดงของเสาพลังชีวิตจะลดลงไม่สามารถฟื้นฟูได้เอง แต่จะต้องใช้พลังเวทย์มนต์หรือทักษะวิชาดึงเอาพลังจากเสาพละกำลังมารักษาหรือเพิ่มเลือดในเสาพลังชีวิตนี้ หรือให้หมอหรือเทพโอสถมารักษาร่างกายก็ได้เช่นกัน หรือกินยาเพิ่มเลือดก็ได้เช่นกัน

หากต้องการฟื้นฟูอย่างเร่งด่วน ก็ต้องมีทักษะพิเศษที่ดึงเอาพลังจากเสาพละกำลังมาช่วยให้ฟื้นฟูได้เร็วขึ้น

เมื่อเสาพลังชีวิตฟื้นฟูขึ้นมาเต็มหลอดสรีระร่างกายก็จะถูกฟื้นฟูกลับมาเหมือนเดิมอีกครั้ง

ทั้ง 6 เสามันจะเพิ่มขึ้นตามขอบขั้นของการฝึกตน

สิ่งที่จะช่วยเสริมให้เพิ่มช่องสำหรับเพิ่มสีต่างๆในเสาพลังคือ สายลมปราณเรียกเส้นลมปราณ สายดวงจิตเรียก เส้นพลังวิญญาณ มีทั้งหมด 34 จุด คนปกติทั่วไปมักจะมีจุดชีพจรตีบตันไม่สามารถทลวงจนครบทั้ง 34 จุด ที่เมิ่งเฉินมีเพราะแหวนใยไหมทองของอีกาทองคำจินหลิงช่วยทะลวงให้ และแหวนใยไหมทองนี่เองก็สามารถทะลวงให้คนอื่นได้เช่นกันและแหวนใยไหมทองนี้ก็ยังเป็นเกราะไหมฟ้าขั้นราชันของจินหลิง และสามารถเพิ่มขึ้นได้โดยการเพิ่มพลังฝึกตนให้จินหลิงได้ด้วย


สัตว์อสูรมายาและอสูรลมปราณแบ่งเป็น
สัตว์อสูรธาตุดิน, ธาตุน้ำ, ธาตุลม, ธาตุไฟ, ธาตุทอง, ธาตุไม้
มีทักษะพลังตามธาตุต่างๆของตัวเองโดยกำเนิด
มีถิ่นที่อยู่ตามทวีปต่างๆ
ขอบขั้นการฝึกตนของสัตว์อสูร เหมือนขอบขั้นลมปราณของมนุษย์

ทวีปลมปราณปฐพี ถิ่นกำเนิด อสูรธาตุดิน
ทวีปลมปราณวารี ถิ่นกำเนิด อสูรธาตุน้ำ
ทวีปลมปราณวายุ ถิ่นกำเนิด อสูรธาตุลม
ทวีปลมปรารณอัคคี ถิ่นกำเนิด อสูรธาตุไฟ
ทวีปลมปราณทอง ถิ่นกำเนิด อสูรธาตุทอง
ทวีปลมปรารณไม้ ถิ่นกำเนิด อสูรธาตุไม้

อสูรแต่ละธาตุเมื่อกำเนิดแล้ว อพยพโยกย้ายไปตามทวีปต่างๆ แต่อสูรที่มีขอบขั้นสูงสุดมักอยู่อาศัยตามถิ่นกำเนิด

การฝึกตนของมนุษย์อาศัย พลังจากสัตว์อสูร แต่ละคนในชนเผ่าต่างๆ
สามารถฝึกได้ตามพรสวรรค์แต่กำเนิดตามธาตุที่ตัวเองสามารถฝึกได้

ทวีปที่ยังเป็นความลับยังไม่มีองค์ความรู้ใดกล่าวถึง
ทวีปทอง และไม้


เรื่องปลีกย่อย

นับศักราชตามเวลาการเริ่มต้นที่มีการฝึกยุทธ คือยุทธศักราช

นับเวลาตาม 12 นักษัตร ในหนึ่งวัน มี 12 นักษัตรกลางวันและ12 นักษัตรกลางคืน

1 นักษัตร คือ 1 ชั่วโมง

15 ลมหายใจ เท่ากับ 30 วินาที

30 ลมหายใจ เท่ากับ 1 นาที

100 ลมหายใจ เท่ากับ 3.3 นาที


มาตรวัด

1 วา เท่ากับ 2 เมตร

1 วา เท่ากับ 4 ศอก

1 ศอก เท่ากับ 50 ซม.

3 ก้าว เท่ากับ 1 เมตร

10,000 ก้าว เท่ากับ 3.3 กิโลเมตร

12,000 ก้าว เท่ากับ 4 กิโลเมตร

ถุงผ้าร้อยหลอมสีม่วง
มีพื้นที่ 200 ตารางวา (800 ตารางเมตร)

ถุงผ้าร้อยหลอมจองจำ
มีพื้นที่ 400 ตารางวา (1ไร่ หรือ 1,600 ตารางเมตร)

ถุงผ้าร้อยหลอมสีแดง
มีพื้นที่ 2,000 ตารางวา (5 ไร่ หรือ 8,000 ตารางเมตร)

ถุงผ้าร้อยหลอมสีทอง
มีพื้นที่ 4,000 ตารางวา (10ไร่ หรือ 16,000 ตารางเมตร)


อัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา

100 เหรียญทองแดง เท่ากับ 1 เหรียญเงิน

100 เหรียญเงิน เท่ากับ 1 เหรียญทอง

100 เหรียญทอง เท่ากับ 1 ตำลึงเงิน

10,000 เหรียญเงินเท่ากับ 1 ตำลึงเงิน

100 ตำลึงเงิน เท่ากับ 1 ตำลึงทอง

1,000,000 เหรียญเงินเท่ากับ 1 ตำลึงทอง

เทียบบัญญัติไตรยางค์

ข้าวสาร 1 กระสอบ (100 กิโลกรัม) ราคาขายอยู่ที่ 500 เหรียญเงิน

หนึ่งมี่ หนึ่งเมตร

หนึ่งมู่ หนึ่งไร่

หนึ่งชั่ง 600 กรัม
**************************************************************

อธิบายเรื่องปลีกย่อยเพิ่มเติมเฝื่อมีคนสงสัยว่า

การลงท้ายด้วยความเคารพของบุคคลในเรื่องทำไมไม่เหมือนกัน

ค่ะ = เป็นคำลงท้ายของคนระดับคุณหนูสูงศักดิ์ขึ้นไปพูดกับ สามี บิดา และก็คนในระดับเดียวกัน

เจ้าค่ะ = เป็นคำลงท้ายของคนที่ต่ำศักดิ์กว่า ผู้ที่พูดด้วย เช่น พูดกับเจ้านาย สามี หรือคนที่ให้ความเคารพอย่างสูงเทียบเท่าบิดาหรือสามีขึ้นไป

เจ้า = เป็นคำที่ย่อมาจากคำว่าเจ้าเหนือหัว หรือเจ้าชีวิต รวมกับคำว่า ค่ะ หมายถึงรับคำสั่งไว้เหนือหัวตัวเอง อย่างเช่นบ่าว รับคำสั่งจากเจ้านาย หรือภรรยารับคำสั่งจากสามี แต่ถ้าภรรยามีศักดิ์ฐานะเท่าเทียมกันหรือสูงกว่า จะลงท้ายด้วยคำว่า "ค่ะ" แทน แล้วตามด้วยตำแหน่งของคนที่คุยด้วย เช่น ค่ะพี่, ค่ะสามี, ค่ะพ่อ

เพค่ะ = คำลงท้ายสำหรับพูดกับคนในระดับ องค์หญิง องค์ชาย หรือระดับองค์หญิงองค์ชาย พูดคุยด้วยกันเองก็จะลงท้ายด้วยคำว่า เพค่ะ เช่นเดียวกัน

พ่ะย่ะค่ะ = คำลงท้ายสำหรับพูดกับเจ้าแผ่นดิน หรือพระราชา

พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท = คำลงท้ายสำหรับรับคำสั่งจาก เจ้าฟ้า เจ้าแผ่นดิน หรือพระราชาออกคำสั่งออกมาแล้วขุนนางก็รับคำสั่งด้วยคำนี้

ขอรับ = คำลงท้ายสำหรับผู้ชายพูดกับคนที่ฐานะสูงกว่าหรืออาวุโสกว่า หรือพูดกับคนที่ให้ความเคารพ

ครับ = คำลงท้ายสำหรับ คนที่อยู่ในระดับเดียวกัน หรือบิดา มารดา ปกติไม่นิยมใช้ แต่จะใช้รวมกันกับคำอื่นเช่นคำว่าท่าน เป็น ครับท่าน หรือนายรวมเป็น ครับนาย สำหรับคนชั้นสูงที่ลดเกียรติตัวเองเป็นไพร่ทาส หรือไพร่ทาส พูดกับเจ้านายของตัวเองอีกที ปกติก็ไม่นิยมใช้เช่นกัน

ซึ่งการลงท้าย ถ้าหากสูงศักดิ์กว่า ด้วยความเคารพอย่างสูงจะตามด้วยตำแหน่งของคนผู้นั้นอีกที

เช่น "เจ้าค่ะ ท่านพี่" หรือ "ขอรับ นายท่าน" , "ขอรับ นายน้อย"


ในทางกลับกัน ถ้าไม่มีคำลงท้าย แต่พูดจบไปห้วนๆ นั่นคือเวลาพูดกับคนที่ต่ำศักดิ์กว่า เช่นลูกน้อง หรือผู้ใต้บังคับบัญชา


พี่ท่าน (หลางยี้) = เป็นคำเรียกชายคนรัก ที่ยังไม่ได้แต่งงานกัน หรือหมั้นกันเอาไว้

เหล่ากง (ผัว) = เป็นคำเรียกของภรรยาเอาไว้เรียกสามี

เหนียงจื่อ (ภรรยา) = เป็นคำเรียกภรรยา

เหล่าผ่อ (เมีย) = เป็นคำเรียกภรรยา

ฮูหยิน = คำยกย่องภรรยาของคนอื่น

ฮูหยินน้อย = ภรรยาของนายน้อย (ไม่ใช่เมียน้อยอย่างที่หลายคนเข้าใจนะจ๊ะ)

ฮูหยินเมิ่ง = ภรรยาของคนแซ่เมิ่ง

ท่านพี่ (เซียงกง) = เป็นคำเรียกสามี อยู่กึ่งกลางระหว่าง ผัว(เหล่ากง)กับนายท่าน(เหลาแหย)

นายท่าน (เหล่าแหย) = ปกติเมียบ่าว หรืออนุ จะเรียกขานสามีตัวเองว่า นายท่าน รวมทั้ง ภรรยาเองถ้าหากว่าศักดิ์ฐานะต่ำกว่า หรือยอมลดเกียรติตัวเองลงก็จะเรียกนายท่าน เช่นกัน ปกติจะใช้ในยามที่คนผู้นั้นมีเมียหลายคน เมียทุกคนก็จะเรียกนายท่านหรือเหลาแหยกันหมดทุกคน รวมทั้งเด็กรับใช้ในบ้านก็จะเรียกเหลาแหยกันหมด (ภรรยาเรียกสามีตัวเองในคำเดียวกันไม่ต่างจากคนรับใช้) ปกติจะเป็นพวกคนชั้นสูง หรือคนตระกูลใหญ่


การพูดแทนตัวเองก็เช่นกัน จะมีคำว่า"ผู้นี้" ตามหลัง สำหรับคนที่สูงศักดิ์
เช่น "นายน้อยผู้นี้", "นายท่านผู้นี้", "คุณหนูผู้นี้", "ท่านอ๋องผู้นี้", "องค์หญิงผู้นี้"
แต่ก็แล้วแต่คน บางคนก็พูด บางคนก็แทนตัวว่า ข้า หรือ ข้าพเจ้าเหมือนกับคนทั่วไป

แต่การพูดกับผู้อาวุโสกว่าจะแทนด้วยคำว่า ผู้เยาว์ ผู้น้อง ผู้น้อย ผู้ลูก ผู้บุตร ผู้เขย แล้วแต่สถานะ


*** ระดับการปกครองระหว่างประเทศ แคว้น เผ่า จะแตกต่างกันตรงการแบ่งการปกครองส่วนท้องถิ่นและการจัดเก็บภาษี ถ้าเป็น แคว้นหรือประเทศ จะจัดเก็บภาษีสูงกว่า คล้ายคนในประเทศเช่าที่ทำกินภายในประเทศ หรือแคว้นนั้น จะต้องถูกเรียกเก็บภาษีทุกอย่างที่มีธุรกรรมการเงิน ส่วนระดับชนเผ่า ปกครองแบบพ่อปกครองลูก หรือทุกคนถูกมองเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน เป็นครอบครัวใหญ่ เมื่อได้ผลผลิตก็แบ่งกันกินแบ่งกันใช้ (คล้ายระบอบคอมมิวนิสต์) และกฏระเบียบ รวมทั้งบทลงโทษต่างๆระหว่างเผ่า แคว้น ประเทศ ก็จะไม่เหมือนกันด้วย

เพิ่มเติมคำศัพท์เฉพาะทั่วไป

จั้งเหยิน = พ่อตา

เอ๋อ หรือ เอ๋อร์ ตรงกับคำว่า หนู ของไทย
เซียนเอ๋อร์ = หนูเซียน
หลินเอ๋อร์ = หนูหลิน
ฉีเอ๋อร์ = หนูฉี

เสี่ยว(เซี่ยว) ตรงกับ เด็กหรือเด็กน้อย
เสี่ยวตง = ตงน้อย
เสี่ยวเฉิน = เฉินน้อย
เสี่ยวเป่า = เป่าน้อย

เหล่าเมิ่ง = คนแซ่เมิ่ง (ปกติเพื่อนฐานะเท่ากันเรียก)

จือฝู่ = ยศตำแหน่งเทียบเท่าผู้ว่าหรือเจ้าเมือง

กงจู้= คุณหนู หรือองค์หญิง (ลูกสาวผู้ครองแคว้น หรือลูกสาวระดับเจ้าแคว้น)

เซี่ยเฟิ่งอี๋ , มู่ปิงหยุน, กงเป่ยเหยียน, กงเป่ยผิง, เผิงหยวน, เสวี่ยไป๋ ,หลิวอี้ผิง, เมิ่งอี้

ถือว่าอยู่ในระดับ กงจู้ ถึงลงท้ายด้วยคำว่า ค่ะ เวลาพูดกับสามีหรือคนรัก ไม่ได้ลงท้ายด้วยคำว่าเจ้าค่ะ เหมือนอย่างคนอื่น


***************************************************************
***************************************************************

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว