อุบายรัก เล่ห์ลวงใจ 我們戀愛吧!-บทที่ 11 เคืองใจ 100%

โดย  Red:cute98

อุบายรัก เล่ห์ลวงใจ 我們戀愛吧!

บทที่ 11 เคืองใจ 100%

“เป็นอะไรมากรึเปล่าคะ? น่าจะทานอะไรสักหน่อยนะคะ รึว่าจะให้ฟ้าเอาขึ้นไปให้ วันนี้มีปลาผัดฉ่ากับหมูทอดกระเทียมนะคะอร่อยมากเลย”

“ไม่ล่ะ วันนี้ฉันกินอะไรไม่ลงจริง ๆ แค่นี้นะ”

อ้าว...วางสายไปซะแล้ว

ในขณะเดียวกันโจวไห่เซิ่งก็นั่งมองข้าวผัดหมูที่ใส่จานมาวางตรงหน้าด้วยอารมณ์เซ็ง ๆ

ที่จริงเขาอยากรับประทานปลาผัดฉ่ากับหมูทอดกระเทียมพริกไทยของม่านฟ้ามากกว่า เธอเล่นมาพูดให้เขาน้ำลายไหล

วันนี้โจวไห่เซิ่งให้เลขาหน้าห้องสั่งแม่บ้านให้ไปซื้อข้าวผัดหมูจานนี้มาให้ ชายหนุ่มอ้างกับเลขาว่าขี้เกียจเดินลงไป แต่ที่จริงแล้วเขาไม่อยากเห็นหน้าม่านฟ้าให้เจ็บใจ

ผู้หญิงอะไร ตีหน้าซื่อเก่ง ทำจนเราเชื่อว่าใสซื่อจริงใจ คงคิดจะจับเราอีกคนล่ะสิ มีคุณเควินกับคุณอลันแล้วคงยังไม่พอสินะ จะโลภมากไปถึงไหน

โจวไห่เซิ่งหงุดหงิดมาหลายวัน และยิ่งหงุดหงิดเพิ่มขึ้นที่เมื่อเช้านี้วริศราไม่เชื่อที่เขาพูด เธอยังคงเชื่อว่าคุณเควินเป็นคนดี ทำไม....

ผู้ชายคนนั้นมีอะไรดี ทำไมใคร ๆ ต้องหลงรัก


“อุ้ย..คุณหวานมาเร็วจังเลยนะฮ้า นี่ยังไม่บ่ายโมงเลย เจ๊เขาออกไปทานข้าวนะฮ้ายังไม่กลับเข้ามา”

หมีร้องทักวริศราที่เดินเข้ามาในสปา

“หวานรอได้ค่ะคุณหมี พอดีไปที่บริษัทคอฟฟี่มาเมื่อเช้าคุยงานถึงเกือบสิบเอ็ดโมง เลยทานข้าวแล้วก็มาที่นี่เลย อยู่ที่โน่นก็ไม่มีคนคุยด้วยน่ะค่ะ”

“ทานข้าวกับคุณโจวไห่เซิ่งเหรอฮ้า” หมีถามหยั่งเชิง

“ไม่ใช่หรอกค่ะ หวานออกมาทานคนเดียว วันนี้อาเซิ่งเขาดูอารมณ์ไม่ค่อยดีนะคะไม่รู้เป็นอะไร”

พูดเหมือนที่ม่านฟ้าบอก

หมู่นี้พี่เซิ่งอารมณ์ไม่ดี

“เออ...คุณหมีทานข้าวรึยังคะ? ”

“หมีรอเจ๊เขาเข้ามาก่อนค่า แล้วค่อยผลัดกันออกไป บางทีลูกค้าเยอะ ยังไงก็ต้องให้ฮองเฮาเขาเสวยก่อน บางทีกะเทยรอจนจะไส้ขาดเลยฮ่า”

“ฉันไม่เห็นแกจะหิวจนไส้ขาดสักทีนะ มีแต่จะใจขาดถ้าไม่ได้ยุ่งเรื่องชาวบ้านน่ะ” เสียงเยือกเย็นของหนึ่งฤทัยดังขึ้นพร้อมกับร่างระหงในชุดเดรสสั้นสีน้ำเงินงามสง่าควงคู่เข้ามากับหวังเค่อเหว่ย

“ชะอุ้ย! เจ๊ แหะ ๆ ” หมียิ้มแห้งเมื่อเห็นเจ๊ของหล่อน

ส่วนวริศราใจเต้นโครมครามเมื่อสบกับดวงตาโตของหวังเค่อเหว่ย ก่อนจะยกมือไหว้ทักทายสองสามีภรรยา ทั้งสองรับไหว้ หนึ่งฤทัยมองเห็นเงาเสน่หาในดวงตาของวริศราที่มีต่อหวังเค่อเหว่ย แต่แววตาของหวังเค่อเหว่ยนั้นดูเป็นปกติดี

บื้ออีกตามเคย ผัวฉัน....หนึ่งฤทัยรำพึงในใจ

“เชิญคุณหวานตามสบายนะครับ ผมขอกลับไปเคลียร์งานก่อน” หวังเค่อเหว่ยกล่าว ในขณะที่วริศรามีสีหน้าผิดหวังเล็กน้อยที่ได้พบเขาแค่ครู่เดียว

“เจอกันที่บ้านนะจ๊ะ” หวังเค่อเหว่ยส่งยิ้มหวานให้หนึ่งฤทัยก่อนจะเดินออกไป

รอยยิ้มหวานหยดที่เขามีให้ภรรยานั้นกลับทำให้หัวใจของวริศราขมปร่าพิกล

หมีแอบเห็นสายตาของหญิงสาวก็รำพึงในใจ

ชอบใครไม่ชอบดันมาชอบคุณเควินที่แสนซื่อบื้อและจงรักภักดีต่อเจ๊ของเราคนเดียว ต่อให้สวยขนาดไหนหรือยั่วให้ร้อยกระบวนท่าก็มีแต่แห้วสถานเดียว...เวรกรรมของแม่หนูหวานคนนี้จริง ๆ


เวรกรรมจริง ๆ...

หลินอี้เสียงรำพึงในใจอย่างเซ็ง ๆ ขณะที่นั่งดูดอมยิ้มลายก้นหอยสีขาวสลับชมพูสดใสอยู่หน้าจอโทรทัศน์ที่ฉายรายการบันเทิงภาคดึก พอโจวไห่หลินยกมือถือขึ้นมาเล็งไปที่ชายหนุ่ม ฝ่ายนั้นก็เก๊กท่าแอ๊บแบ๊วน่ารักได้อย่างมืออาชีพก่อนจะกลับเข้าสู่โหมดหน้าบูดเหมือนเดิมเมื่อผู้จัดการสาวถ่ายภาพเขาเสร็จ และจัดการอัพโหลดลงโซเชียลเน็ตเวิร์คในทันที

“น่ารักมาก” โจวไห่หลินชม

หลินอี้เสียงค้อนขวับแล้วว่า

“ฮึ! ยัยหน้าแมว เธอคิดได้ไง ให้ฉันงดเหล้าเป็นเดือน อย่าให้ถึงทีฉันเอาคืนบ้างแล้วกัน”

“งดเหล้ามันไม่ดีตรงไหน...” หญิงสาวยืนกอดอกมองเขา เห็นหน้าบูด ๆ ของชายหนุ่มแล้วโจวไห่หลินรู้สึกสนุกสนานเสียเหลือเกิน

หญิงสาวถึงกับลืมไปว่าหน้าบูด ๆ ของหลินอี้เสียงกลับเรียกรอยยิ้มของเธอได้หลายครั้งหลายครา

“นายก็ไม่ได้ดื่มหนักไม่ใช่เหรอ ไม่ได้ดื่มแค่เดือนครึ่งคงไม่ทำให้ตายหรอก มิหนำซ้ำมันจะทำให้นายดูหล่อและเฟิร์มขึ้นกว่าเดิมด้วยนะ”

ที่จริงหลินอี้เสียงก็ไม่ได้ดื่มหนักจริง ๆ และเขาก็ไม่ได้ทุกข์ทรมานกับการงดเหล้าแค่เดือนครึ่งแน่นอน

แต่อาการที่ชายหนุ่มกำลังเป็นก็คือความดันทุรังต่างหาก คุณชายอย่างเขาไม่เคยมีใครบังคับได้ แต่ครั้งนี้ที่ต้องยอมให้โจวไห่หลินมันทำให้เขารู้สึกเสียหน้าและขัดใจเป็นอย่างยิ่ง

“ฉันก็หล่ออยู่แล้ว” หลินอี้เสียงย่นหน้าใส่ผู้จัดการสาว

“ฉันรู้...เสี่ยงเสียงที่มากด้วยความสามารถทั้งร้องเพลง แสดงละคร พิธีกร ถ่ายโฆษณา แต่ตกม้าตายกับการงดเหล้าแค่เดือนครึ่ง ถ้านายทำไม่ได้ล่ะก็ ฉันยกเลิกให้ก็ได้นะ” โจวไห่หลินแกล้งทำหน้าสงสารเขาเต็มทน

เท่านั้นเองหลินอี้เสียงก็ลุกพรวดขึ้นมาพร้อมกับอมยิ้มในมือ

“ใครบอกว่าฉันตกม้าตาย! ไม่มีทาง! คนอย่างเสี่ยงเสียงไม่เคยยอมแพ้! แค่งดเหล้าเดือนครึ่ง โธ่เอ๊ย...มันจะไปยากอะไร คอยดูละกัน! ” พูดจบก็เอาอมยิ้มใส่ปากนั่งเชิดหน้าตามเดิม

พลันเสียงมือถือของชายหนุ่มก็ดังขึ้น หน้าจอปรากฏว่าเป็นชื่อม่านฟ้า พอรับสายก็ได้ยินเสียงหัวเราะเบิกบานจากปลายสาย

“วะฮ่า ๆ ๆ พี่เสียง ฟ้าเพิ่งรู้นะว่าเดี๋ยวนี้พี่เสียงดูดอมยิ้มอยู่บ้านแทนที่จะออกไปดื่มเหล้าเคล้าแสงสีข้างนอกแล้ว”

“นี่! ยัยตัวเล็ก หยุดหัวเราะฉันเดี๋ยวนี้นะ! ” หลินอี้เสียงโวยวายก่อนจะหยิบแทบเล็ตบนโต๊ะมาเปิดดูโซเชียลเน็ตเวิร์คของตนจึงได้เห็นภาพที่โจวไห่หลินโพสต์ไปเมื่อครู่นี้พร้อมกับข้อความใต้ภาพ

‘เสี่ยงเสียงของทุกคนน่ารักจริง ๆ เขาบอกว่าจะงดเหล้าสี่สิบห้าวัน ทุกคนเป็นพยานและเป็นกำลังใจให้เขาด้วย’

“มันน่าขำตรงไหนหะ! ถ้าไม่ใช่เพราะเธอหาผู้จัดการแบบนี้มาให้ฉัน ฉันก็คงไม่ต้องลำบากขนาดนี้” เขาจงใจพูดให้โจวไห่หลินได้ยิน แต่ฝ่ายนั้นกลับยักไหล่ยิ้มเยาะเขาเสียนี่

“แต่ฟ้าว่าตั้งแต่พี่เสี่ยวหลินมาเป็นผู้จัดการให้พี่เสียงนี่ชีวิตพี่เสียงรุ่งขึ้นตั้งเยอะนะ ทั้งภาพลักษณ์ต่อหน้าสื่อมวลชนที่ดูดีกว่าเดิม แล้วยังมีงานเข้ามาเยอะกว่าเดิมอีก เฮงจะตาย อย่างนี้เขาเรียกว่าดวงมันถูกกันนะ”

“เป็นเพราะฉันมีความสามารถเองต่างหากล่ะ” ชายหนุ่มยังหลงตัวเอง

“ความสามารถในการหาเรื่องทะเลาะกับเพื่อนดาราด้วยกัน แล้วก็ชอบเหวี่ยงใส่นักข่าวน่ะเหรอ อ้อ...แล้วยังมีภาพหลุดเมาเละตอนปาร์ตี้กับเพื่อนอีก ความสามารถพี่เสียงนี่มันช่างล้นเหลือจริง ๆ นะเนี่ย” ม่านฟ้าหัวเราะคิกคัก

“นี่ตกลงเธอโทรหาฉันมีธุระอะไรเนี่ย” หลินอี้เสียงไม่สบอารมณ์

“ฟ้าขอสายพี่เสี่ยวหลินหน่อย”

“จะพูดกับยัยหน้าแมวนั่นทำไมไม่โทรหากันเอง มาโทรเข้าเครื่องฉันทำไม”

“ฟ้าจะโทรมาหัวเราะให้พี่เสียงฟังก่อนน่ะซิ ฮิ ๆ ๆ ”

“ติ๊งต๊อง ไร้สาระจริง ๆ ” หลินอี้เสียงบ่นก่อนจะส่งมือถือให้โจวไห่หลินแล้วว่า

“ยัยต๊องนี่จะคุยกับเธอ”

โจวไห่หลินอมยิ้มรับมือถือมา แค่นึกถึงหน้าตลก ๆ ม่านฟ้าเท่านี้ก็ทำให้เธอยิ้มได้แล้ว

“ว่าไง? ” เธอกรอกเสียงลงไป

“พี่เสี่ยวหลิน หมู่นี้คุยกับพี่เซิ่งรึเปล่า? ” ม่านฟ้าเข้าเรื่องทันทีไม่มีอ้อมค้อม

“คุยซิ เมื่อวานยังคุยอยู่เลย มีอะไรรึ? ”

“หมู่นี้พี่เซิ่งอารมณ์ไม่ดีเลย ไม่รู้เป็นไร ทำท่าเหมือนโกรธฟ้า แต่ฟ้าไม่ได้ทำอะไรซะหน่อยนะ พี่เซิ่งเขาคุยอะไรให้พี่เสี่ยวหลินฟังรึเปล่า? ”

“เปล่านี่ เธอก็เจอเขาทุกวันไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่ถามเขาเองล่ะ”

“ใครจะกล้าถาม เห็นทำหน้าขรึม ๆ ”

“ฉันว่าพี่เซิ่งเขาคงเครียดเรื่องงาน คงจะแค่หงุดหงิดน่ะ สักพักก็คงหาย เธออย่าเพิ่งไปแหย่เขาตอนนี้ก็แล้วกัน”

“ฟ้าไม่แหย่หรอก แค่เห็นพี่เขาหน้าเครียดฟ้าก็ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแล้ว” ม่านฟ้าเสียงอ่อย

“เธอไม่หายใจแล้วใครจะทำอาหารให้พี่ชายฉันกินล่ะ ไม่เอาน่า...อย่าคิดมาก พี่เซิ่งเขาไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยหรอก แล้วก็ไม่เคยโกรธใครนานด้วย”

สองสาวสนทนากันอยู่ครู่หนึ่งจึงวางสาย หลินอี้เสียงซึ่งกำลังนั่งดูดอมยิ้มอยู่เงยหน้าขึ้นมามองโจวไห่หลินแล้วถาม

“ถามจริงเหอะ เธอรับได้เหรอที่จะมีพี่สะใภ้ต๊อง ๆ แบบยัยฟ้าน่ะ”

โจวไห่หลินยิ้มเยือกเย็นก่อนจะกล่าวว่า

“แรก ๆ ก็รับไม่ได้แต่ตอนนี้ ฉันชินกับความติ๊งต๊องแล้ว เพราะต้องอยู่กับคนติ๊งต๊องทุกวัน”


ม่านฟ้าวางสายแล้วล้มตัวลงบนเตียง พลางคิด

เธอมาเป็นพนักงานในร้านกาแฟตั้งหลายเดือนแล้ว แรก ๆ ก็ยอมรับว่าแค่นึกอยากจะทำอะไรสนุก ๆ ก่อนที่จะได้ทำงานจริง ๆ

ม่านฟ้าคิดเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าถึงอย่างไรเธอก็หนีไม่พ้นต้องทำงานกับพ่อแม่อยู่แล้ว เธอเลือกเรียนด้านบริหารธุรกิจที่ไต้หวันเพื่อที่จะกลับมาบริหารงานที่นี่ เพียงแต่ยังไม่แน่ใจว่าจะทำร้านอาหารของพ่อที่ไร่ม่านฟ้า จะทำงานที่บริษัทพ่อ จะสอนภาษา หรือทำสปากับแม่ดี จะว่าไปแล้วเธอก็ชอบทั้งหมด เพราะสิ่งที่พ่อแม่ทำนั้นเป็นสิ่งที่หล่อหลอมอยู่ในตัวเธอตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว

แต่สุดท้ายสิ่งที่เธอคิดว่าจะทำให้เป็นเรื่องสนุกมันกลับไม่สนุกอย่างที่คิด เธอชักจะนึกไม่ออกเสียแล้วว่าจะเปิดเผยความจริงกับโจวไห่เซิ่งอย่างไรดี ถ้าเขารู้ว่าพนักงานในร้านกาแฟกลายเป็นหลานเจ้าของบริษัทอย่างอลัน

เท่าที่เคยเห็นในละคร รูปการณ์นี้พระเอกโกรธแน่

แค่เห็นโจวไห่เซิ่งหน้าบูดมาระยะหนึ่ง เธอก็อึดอัดแทบตาย แล้วถ้าเขาโกรธเธอล่ะ?

โอย...ไม่กล้าคิด

หญิงสาวปิดไฟนอนหนีปัญหา

เช้าวันต่อมาเป็นวันหยุดของทุกคน ม่านฟ้าซึ่งปกติทำงานเป็นกะ ดังนั้นวันหยุดแต่ละเดือนจึงไม่เหมือนกัน แต่เดือนนี้วันหยุดของเธอตรงกับวันหยุดของพ่อแม่พอดี เมื่อวานพ่อเธอบอกว่าจะพาเธอกับแม่ไปเที่ยว แต่ตัวเขาต้องออกไปไซด์งานในช่วงเช้าก่อน

ม่านฟ้าได้ยินเขาขับรถออกบ้านไปแต่เช้า สวนกับรถของน้าหมีที่ขับเข้ามา เธอรู้ว่าพ่อไม่อยากเสียเวลาที่ให้กับครอบครัว แต่ไหนแต่ไรเขาหลีกเลี่ยงที่จะประชุมพนักงานหรือนัดลูกค้าในตอนเย็นหรือวันหยุดถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ

ช่วงนี้ตั้งแต่รับโครงการอภิรมย์ซิตี้ของวริศราแม้ว่าเขาจะยุ่งขึ้นบ้าง แต่สำหรับการให้เวลากับครอบครัวนั้นนับว่าไม่ขาดตกบกพร่อง สมเป็นแฟมิลี่แมนโดยแท้

หญิงสาวแต่งตัวสวยเดินลงไปชั้นล่างก่อนจะหยุดชะงักอยู่มุมบันไดเมื่อได้ยินเสียงน้าหมีคุยกับแม่ของเธอ

“นี่เจ๊ ปล่อยให้คุณเควินไปกับคุณหวานนั่นบ่อย ๆ หมีว่ามันไม่ดีนะ ทำไมวันนี้เจ๊ไม่ออกไปกับคุณเควิน”

“อาเหว่ยเขาไปแป๊บเดียว แล้วเขาก็ไปเรื่องงาน แกจะให้ฉันไปเสนอหน้าเฝ้าได้ไง น่าเกลียดตาย เดี๋ยวเขาจะหาว่าหวงผัวไม่เข้าเรื่อง”

“ผัวใครใครก็หวงนะเจ๊ คุณหวานน่ะท่าทางจะชอบคุณเควินเอามาก ๆ ขนาดพยายามแอ๊บเก็บอาการแล้วก็ไม่วายรั่วให้เห็นกันชัด ๆ หมีรู้ว่าคุณเควินไม่ใช่คนเจ้าชู้”

“คุณหวานเขาก็ไม่ได้....” หนึ่งฤทัยอ้าปากจะพูดแล้วก็ถูกหมีเบรก

“เจ๊จะบอกว่าคุณหวานเขาก็ไม่ได้เป็นคนชอบแย่งของชาวบ้านใช่มั้ยล่ะ อันนั้นหมีก็รู้ แต่เรื่องของหัวใจนะเจ๊มันห้ามกันไม่ได้หรอก เขาถึงว่าความรักทำให้คนตาบอด เกิดหน้ามืดขึ้นมาอะไรก็ไม่สนแล้ว แล้วคุณเควินก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูนซะหน่อย หมีไม่ได้จะมายุเจ๊นะ แต่ผู้ชายกับผู้หญิงมันเหมือนไฟกับน้ำมัน ยังไงมันก็ทำปฏิกิริยาทางเคมีกันได้นะ”

พี่หวานชอบพ่อเหรอเนี่ย?....ม่านฟ้าอึ้ง

หรือว่าที่พี่เซิ่งหงุดหงิด เป็นเพราะเรื่องนี้?



รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว