คืนหวาม

บทที่ 2

“ข้าไม่ยอมแพ้สวรรค์ ข้าไม่ยอมแพ้โชคชะตา อย่างไรเราต้องหาทางได้อยู่ด้วยกันตลอดไปให้ได้” อ๋องหนุ่มคว้าตัวนีรวามานั่งบนตักแกร่ง แนบหน้ากับแผ่นหลังหญิงสาว สองมือรวบกอดเอวบางไว้แน่นหนา ดังจะไม่ปล่อยนางจากไป


“ได้เพคะ เราจะมีแต่ความหวัง แต่เช่นไรในหกเดือนนี้ที่ท่านกำลังมีภัยถึงชีวิตอยู่ ทุกวันเราจะมีแต่ความสุขกันดีไหมเพคะ” นีรวาเอียงศีรษะน้อยๆหันไปประสานสายตา


“ใช่! เราจะมีแต่ความสุข” ชายหนุ่มยิ้มกว้างตอบกลับมา พร้อมแววตาที่เริ่มมีประกายแห่งความสุข


“เริ่มจากวันพรุ่งนี้เลยดีไหมเพคะ หนี่เอ๋อร์รู้จากเหนียงว่า พรุ่งนี้เป็นวันเกิดท่าน พรุ่งนี้เราทำ 'ขนมเค้ก' กันนะเพคะ”


“ขนมเค้ก คืออันใด” น้ำเสียงสงสัยเนื่องจากไม่เคยได้ยินมาก่อน


“คือขนมในโลกเดิมของหม่อมฉัน ใช้อวยพรวันเกิดเพคะ”


“ถ้าเช่นนั้น ข้าจะรอชิมฝีมือเจ้า” ชายหนุ่มดวงตาเป็นประกายคาดหวังถึงเค้กวันพรุ่งนี้


“ไม่เพคะ ฝีมือเราต่างหาก เช่นไรท่านก็ไม่มีงานทำช่วงนี้ถูกไหมเพคะ เช่นนั้นมาเป็นลูกมือหนี่เอ๋อร์ดีกว่าเพคะ” มือบางกระชับสองมืออ๋องหนุ่มที่วางทาบที่หน้าท้องของตนไว้ ยิ้มหวานส่งไปให้


“ข้าไม่เคยเข้าครัว” ชายหนุ่มเริ่มทำหน้ามุ่ยบ้างแล้ว


“เดี๋ยวหม่อมฉันสอนให้เพคะ สอนให้ทรงทำเป็นไว้ทำให้หนี่เอ๋อร์ทานบ้างได้ไหมเพคะ”


“หากหนี่เอ๋อร์ยอมทาน ข้าย่อมทำให้” ชายหนุ่มยิ้มกว้างอย่างยินยอมพร้อมใจตอบกลับไป


สายลมยามดึกที่พัดผ่านมาเบาๆต้องเทียนแดงเล่มงามไหววูบกระทบเงาร่างทั้งสองที่เริ่มเปล่งประกายแห่งความสุขออกมา



เช้าวันรุ่งขึ้น


“ร่อนแป้งเบาๆเพคะ ไม่ใช่เขย่าแป้ง แป้งกระจายหมดแล้วเพคะ” นีรวาได้แต่ต้องอ้อมตัวเฉิงอ๋อง เอื้อมสองมือจับหลังมือชายหนุ่ม ค่อยๆร่อนแป้งเบาๆให้ดู อ๋องหนุ่มได้ทีจึงหันไปหอมแก้มหญิงสาวเต็มแรง แต่แก้มหญิงสาวเต็มไปด้วยแป้งจึงทำให้จมูกปากชายหนุ่มเลอะแป้งไปด้วย นีรวาได้แต่หัวเราะชอบใจ


“หน้าท่านเหมือนลูกหมาเลยเพคะ ฮ่าฮ่าฮ่า” นีรวาหัวเราะยกยิ้มกว้าง


“หากข้าเป็นลูกหมาเจ้าก็เป็นลูกแมว” ชายหนุ่มใช้เรียวลิ้นเลียเบาๆลากช้าๆ เป็นเส้นสามเส้นสองข้างแก้มหญิงสาว เมื่ออยู่บนพื้นสีขาวที่เป็นแป้งเปรอะเปื้อนสองแก้มนุ่ม พิศดูแล้วก็เหมือนแมวมอมๆตัวหนึ่งจริงๆ


“ทรงเป็นลูกหมาจริงๆด้วย” นีรวาพูดเหมือนว่า แต่ปากกลับยิ้มหวาน ยิ่งยิ้มยิ่งเหมือนลูกแมวมากขึ้น


“ลูกแมวน้อยของจื่อเหยี่ยน” ยกมือหนึ่งขึ้นมาลูบแก้มที่เต็มไปด้วยแป้งเบาๆ ส่งสายตาอบอุ่นไปให้ ก่อนจะจุมพิตหนักๆที่เรียวปากบางหนึ่งครั้ง


“เพคะ ลูกหมาน้อยของหนี่เอ๋อร์” นีรวายืดตัวจูบกลับไปอีกครั้งเบาๆ


ทั้งคู่หัวเราะให้กัน เป็นบรรยากาศยามเช้าที่อบอุ่นอ่อนหวาน


“หนี่เอ๋อร์ว่าเราร่อนแป้งกันเช่นนี้ แป้งน่าจะกระจายหมด ท่านคงไม่ได้กินขนมเค้กฝีมือหนี่เอ๋อร์ เช่นนั้นให้ท่านช่วยส่งแรงใจให้หนี่เอ๋อร์ด้วยการไปนั่งมองด้านหลังดีกว่าเพคะ”


นีรวาได้แต่สั่นหัวไล่ชายหนุ่มก่อนที่จะไม่มีแป้งเหลือให้ทำเค้ก


“ได้ข้าเอาใจช่วยเจ้าเช่นนี้แล้วกัน” ชายหนุ่มจึงขยับตัวออกแล้วหยิบเก้าอี้มานั่งซ้อนแผ่นหลังหญิงสาว ให้ร่างบางยืนอยู่ระหว่างต้นขาสองข้างของตน สองแขนแกร่งกอดกระชับเอวบางไว้ แนบแก้มกับแผ่นหลัง ถูไถแก้มสากไปมา


“อืม เจ้าได้พลังจากข้าหรือไม่”


“ท่านี้ยิ่งเหมือนลูกหมาตัวโตๆจริงๆเพคะ คิกคิกคิก” หญิงสาวได้แต่หันไปหอมกลางกระหม่อมของชายหนุ่มที่อยู่สูงขึ้นมาถึงกลางหลังแรงๆ ชายหนุ่มก็จูบแรงๆไปที่แผ่นหลังหญิงสาวเช่นกัน


เฉิงอ๋องสองแขนกอดเอวนีรวาไว้ แต่มือกลับอยู่ไม่สุขเริ่มไหลขึ้นไปด้านบน ริมฝีปากหนาก็พรมจูบแผ่วๆขึ้นไปกลางแผ่นหลัง มือเคลื่อนไปเกือบจะถึงฐานอกอยู่แล้ว หญิงสาวเดิมกำลังฮัมเพลงอย่างมีความสุขอยู่เริ่มรู้สึกตัวมีสติได้แต่ดุขึ้นเบาๆว่า


“มือไปอยู่ตรงไหนแล้วเพคะ”


“มือว่างๆก็หาอะไรทำ” มือหนายังคงลูบไล้ขึ้นด้านบนต่อ


“เดี๋ยวจะอิ่มเต้าหู้ก่อนเค้กนะเพคะ” หันหลังมามองค้อนชายหนุ่ม


“ข้ากินจุ กินได้หมดทั้งคู่” ชายหนุ่มยกยิ้ม ยิ้มเจิดจ้าเข้าใส่ตาหญิงสาวเริ่มมีแววตาเร่าร้อนถูกจุดขึ้นมาบ้างแล้ว


“เอามือลงไปหน่อยเพคะ หม่อมฉันไม่ถนัด ศอกจะแทงหน้าท่านนะเพคะ”


“ได้ๆ” ปากบอกว่าได้ครั้งนี้มือจึงเลื่อนลงข้างล่าง แต่ก็ล่างจนเลยลงไป มือหนึ่งถูไถสะโพกมน มือหนึ่งค่อยๆเคลื่อนมาลูบไล้หน้าท้อง นิ้วโป้งวนไล้รอบสะดือแผ่วเบา


“อุ๊ย! ต่ำไปแล้วเพคะ มือเพคะมือ”


“โธ่ มือมันว่างจะให้ไปวางไว้ที่ใดกัน”


“ถ้าเช่นนั้นเอาไปกอดตัวเองไว้เลยเพคะ”


“โธ่ มือก็ต้องอยู่บนร่างหญิงงามสิ”


“เอาเป็นว่าอย่าเพิ่งวุ่นวายมากเพคะขอหม่อมฉันทำเค้กเสร็จก่อนเพคะ”


“เจ้าทำเค้กไป ข้าก็ให้กำลังใจเจ้าไป เจ้าอย่าสนใจสิ ว่ามือข้าอยู่ตรงไหน”


“เพคะ เชิญเพคะ กินเต้าหู้ให้พอใจ แต่อย่ามากไปนะเพคะ หม่อมฉันไม่มีสมาธิ เดี๋ยวเค้กไม่อร่อยอย่ามาว่ากัน”


“ไม่ว่าน้องหญิงทำอะไร สามีคนนี้ก็จะกินให้หมด” ชายหนุ่มยิ้มทะเล้นส่งไปให้หญิงงามที่หันมาทำเสียงอ่อนใจ


“ถ้าเช่นนั้นกินเค้กให้หมดนะเพคะ ถึงขมๆดำๆ เหมือนอาหารช่วงก่อนก็ต้องกินให้หมดนะเพคะ"


“ได้สิ” ถึงจะทำหน้ายู่ลงเล็กน้อยตอนคิดถึงอาหารช่วงแรกๆ ที่ผสมยา ทั้งเฝื่อนทั้งขม สุดท้ายก็ได้แต่ยิ้มรับคำหญิงสาว


หญิงสาวยุ่งกับการทำเค้ก ชายหนุ่มก็ยุ่งกับการใช้มือปัดป่ายไปทั่วกายหญิงงาม ต่างคนต่างมีงานยุ่ง ต่างคนต่างมีความสุข




“เค้กเสร็จแล้วเพคะ ท่านอยากให้หนี่เอ๋อร์แต่งหน้าเค้กอย่างไรดีเพคะ" นีรวาเอียงข้างไปสบตาพูดคุยกับชายหนุ่ม


"แล้วแต่เจ้า" สองมือยังคงลูบไล้หน้าท้องแบนราบของหญิงสาวเบาๆ


"อย่างนี้ดีไหมเพคะ 'สุขสันต์วันเกิดปีที่ยี่สิบเอ็ด หลงจื่อเหยี่ยน' "


"เติม 'ที่รักของจ้าวหนี่วา' ด้วยสิ" เสียงทุ้มห้าวตอบมาจากแผ่นหลังบาง มุมปากยกยิ้ม


"แหม ไม่ค่อยจะหวานเลยนะเพคะ" มือบางบีบแก้มชายหนุ่มโดยแรงด้วยความหมั่นเขี้ยว


"เสร็จเรียบร้อยแล้วเพคะ เดี๋ยวเรารอทานเค้กพร้อมเหนียงมื้อเย็นเลยนะเพคะ”


“นี่ก็สายแล้ว ท่านเคยทานเส้นหมี่อายุยืนไหมเพคะ1” หันหน้ามาถามหลังจากนำเค้กไปเก็บแล้ว


“ไม่เคย คืออาหารอะไรรึ” ครั้งนี้ชายหนุ่มก็ได้ยินอาหารแปลกๆจากหญิงสาวอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มีเสียงท้องร้องเบาๆประสานเสียงขึ้นมาด้วย


“ฮิฮิฮิ หิวแล้วใช่ไหมเพคะ ถ้าเช่นนั้นหม่อมฉันทำให้ทานเพคะ แต่หมี่ชนิดนี้ ยิ่งเส้นยาวยิ่งดีเพคะ จึงต้องใช้สมาธิมาก ดังนั้นถือว่าท่านจะช่วยหม่อมฉันมากๆหากนั่งดูเฉยๆเพคะ"



นีรวาเริ่มตั้งอกตั้งใจทำบะหมี่ ครั้งนี้ชายหนุ่มไม่ได้เข้าไปรบกวนเนื่องจากดูแล้วก็รู้ได้ว่าการทำเส้นบะหมี่น่าจะยากเย็น ได้แต่ยืนยิ้มมองหญิงสาวตั้งอกตั้งใจทำอาหารให้ตนกินอย่างมีความสุข เก็บบันทึกทุกช่วงเวลาไว้ในความทรงจำ


เห็นหญิงสาวใช้แรงมากจนเริ่มมีเหงื่อออกมาแล้ว ชายหนุ่มจึงก้าวเดินเข้าไปค่อยๆซับเหงื่อที่หน้าผากมน


หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมายิ้มหวานขอบคุณ “ขอบพระทัยเพคะ ทรงน่ารักมาก” ก่อนยืดตัวขึ้นหอมแก้มชายหนุ่มเต็มแรง แล้วจึงก้มลงกลับไปตั้งใจทำเส้นบะหมี่ต่อ พยายามยืดเส้นให้ยาวที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่ออวยพรให้ชายหนุ่มมีชีวิตยืนยาวยิ่งยาวยิ่งดี ยืดจนยืดไม่ได้อีก ยืดจนเหงื่อโซมกายจึงหยุดมือ


ค่อยๆนำเส้นมาต้มในหม้อต้มขนาดใหญ่ สองมือคอยสาวไม่ให้เส้นพันกัน จนชายหนุ่มทนไม่ไหวที่เห็นหญิงสาวเหนื่อยขนาดนี้ จึงได้แต่ส่งสัญญาณให้หยุดมือแล้วตนก้าวเข้าไปลวกเส้นให้แทน ชายหนุ่มหลังจากยืนสังเกตมานาน นีรวาสอนอยู่ชั่วครู่ สักพักก็สามารถลวกเส้นได้เป็นอย่างดี



“เหมาะเป็นลูกมือหม่อมฉันจริงๆเพคะ รับรองหกเดือน ท่านอยากทำอะไรกินย่อมทำเป็นทุกอย่างเพคะ” ครั้งนี้เป็นหญิงสาวยืดตัวขึ้นซับเหงื่อให้ชายหนุ่มบ้าง


“ข้าอยากทำให้เจ้ากินมากกว่า ข้าจะตั้งใจเรียนรู้จากแม่ครัวใหญ่” ชายหนุ่มหันหน้าให้หญิงสาวซับสะดวกยิ่งขึ้นแล้วแอบหอมแขนหญิงสาวฟอดใหญ่


“อยากรู้จริงว่ามือที่จับดาบ หากมาจับตะหลิวแล้วจะทำได้ดีหรือไม่” นีรวาได้แต่ลดแขนหนีกล่าวกลั้วหัวเราะเสียงเบา


“อัจฉริยะรอบหมื่นปีอย่างข้าทำสิ่งใดย่อมยอดเยี่ยมเจ้ารอกินได้เลย” ชายหนุ่มคุยโอ้พร้อมยืดอกขึ้นสูง ยิ้มกว้างอย่างอวดๆ


“เพคะหม่อมฉันจะล้างปากรอ” นีรวาพยักหน้าแววตาฉายประกายแห่งความสุข ทั้งคู่ต่างยิ้มหัวเราะให้แก่กันและกัน


เป็นยามบ่ายแสงแดดแรงกล้าที่มีแต่เสียงหัวเราะสดใสก้องดังไปทั้งครัวกว้างแห่งนี้



Talk###

รอตอนหน้าให้ดีนะฮ้าบ ไรท์นอนคิดฉากหน้าหลายคืนมากว่าจะ NC13+,15+,18+ แบบไหนดี แต่สุดท้ายกลัวโดนแบนเลยคิดว่าเอาแบบหน้ารักละมุนๆละกันนะค้า

เหนียงยังคงมีส่วนช่วยคู่นี้แน่นอนค่า555


เชิงอรรถ


1.หมี่อายุยืน

ในอดีตชาวแต้จิ๋วจะจัดงานวันเกิดก็ต่อเมื่ออายุ ๕๐ ปี เรียกงานนั้นว่า “ต้าโซว่” (大寿:da shou) หรืองาน “อายุยืน” ในงานฉลองดังกล่าวจะมีอาหารจานหนึ่งที่ขาดไม่ได้ นั้นคือ บะหมี่ถ้วยหนึ่ง อันว่าบะหมี่ถ้วยนั้นเรียกในภาษาไทยว่า “หมี่ซั่ว” ส่วนภาษาจีนกลางเรียกว่า “โซว่เมี่ยน” แปลว่า “หมี่อายุยืน” ก่อนที่เจ้าของวันเกิดและแขกเหรือจะรับประทานบะหมี่ ทุกคนจะต้องคีบบะหมี่ขึ้นมาและร่วมแรงร่วมใจอุทานว่า “ยาวจริงๆ ยาวมากๆเลย” หลังจากออกอุทานเสร็จแล้วจึงเริ่มรับประทานได้ วิธีการเช่นนี้ถือเป็นการอวยพรให้ผู้ชรามีอายุมั่นขวัญยืน


ปรกติแล้วบะหมี่อายุยืน หรือที่คนไทยเรียกว่าหมี่ซั่วจะทำมาปรุงเป็นอาหารด้วยวิธีใดก็ได้ ขอเพียงแค่ว่าเส้นหมี่นั้นอย่าได้ตัดลง ธรรมเนียมคนแต้จิ๋วนั้นเวลากินหมี่ซั่วจะนำมาปรุงเป็นอาหารคาวหรืออาหารหวานก็ได้ แต่ว่าต้องตอกไข่ลวก หรือไข่ต้มใส่ลงไปในถ้วยเส้นหมี่สองฟอง ไข่สองฟองนี้เป็นสัญลักษณ์ดวงดาวคู่ (双星:shuang xing) อันหมายถึงดาวอายุยืน อย่างไรก็ตามถ้าท่านสงสัยว่าหมี่ซั่วคืออะไร หมี่ซั่วก็คือหมี่เซี่ยน (面线:mian xian) หรือบะหมี่ไข่สีเหลืองนั้นเอง


รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว