บทที่ 47 การแก้แค้นของเยี่ยเจียอี๋
งานสำคัญ?
หานชิงอวี่มองดูใบหน้าที่เคร่งขรึมของพ่อกับแม่ตรงหน้า และทันใดนั้นในใจก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีขึ้นมาทันที
ตามนิสัยของสองคนนี้ สีหน้าที่แสดงอยู่ตอนนี้ไม่ใช่เรื่องดีสำหรับเขาอย่างแน่นอน
อย่างที่คิดไว้เลย เมื่อหานเหวินซานเปิดปากพูดก็ทำให้หานชิงอวี่นิ่งงันทันที
“ลูกชาย ตอนนี้เรากำลังเตรียมที่จะเดินเรื่องร่วมมือกับโรงพยาบาลของลูก แต่ลูกไม่ต้องกังวล ตราบใดที่มันเป็นอาชีพที่ลูกอยากทำ พ่อกับแม่อย่างพวกเราจะสนับสนุนแน่นอน!”
อวี๋ฟางที่อยู่ด้านข้างก็เริ่มช่วยพูดสนับสนุนว่า “ใช่แล้ว ช่วงสองวันก่อนเราก็ไปดูโรงพยาบาลมาแล้ว สภาพแวดล้อมไม่เลวเลย และเราได้ติดต่อกับคณบดีของลูกและคนอื่น ๆ แล้ว แถมได้แอบเลียบเคียงถามเกี่ยวกับสถานการณ์ของลูกด้วย...”
“เดี๋ยวก่อนครับ!” หานชิงอวี่มองไปที่สองคนตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อ “พ่อกับแม่คง… ไม่ได้เปิดเผยตัวตนของผมออกไปแล้วใช่ไหม?”
หานชิงอวี่พยายามทำตัวไม่ให้เป็นจุดเด่นมาโดยตลอด แม้ว่าพ่อแม่ของเขาจะเปิดบริษัทการแพทย์ชั้นนำแห่งหนึ่งก็ตาม
ซึ่งตอนนี้เขาก็พบงานธรรมดาที่หาไม่ได้ง่าย ๆ แล้ว และเขาแค่อยากจะเข้ากับเพื่อนร่วมงานธรรมดา ๆ ในที่ทำงานได้เท่านั้น
ถ้าคณบดีและผู้บริหารระดับสูงคนอื่น ๆ ของโรงพยาบาลรู้ตัวตนของเขาเข้าละก็… จะต้องถูกล้อมรอบด้วยกระจกหลายชั้นเพื่อสังเกตและถูกปกป้องราวกับสมบัติแน่ ๆ
เมื่อหานเหวินซานและอวี๋ฟางได้ยินอย่างนั้น พวกเขาก็ปฏิเสธทันทีและพูดว่า “ลูกคิดว่าพ่อกับแม่ของลูกเป็นคนยังไงฮึ? พวกเราดูโง่ขนาดนั้นเลยเหรอจ๊ะ?”
หานชิงอวี่มองพวกเขาทั้งสองสลับไปมาอีกครั้ง แม้ว่าจะไม่เชื่อทั้งหมด แต่ก็ยังอกสั่นขวัญแขวนอยู่
ถึงอย่างไร เขาคิดว่าพ่อแม่มาที่นี่ในครั้งนี้เพียงเพื่อมาจับตาดูตนเท่านั้น
ตอนพวกเขาซื้อบ้านที่นี่เขาแค่รู้สึกสงสัย
แต่ตอนนี้เป็นอย่างนั้นจริง ๆ!
ทว่าเขาก็ยังแอบคิดอยู่ในใจ ธุรกิจของพ่อกับแม่ใหญ่โตขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เดิมทีพวกเขาค่อนข้างมีชื่อเสียงในวงการนี้ก็จริง แต่ดูจากสถานการณ์ปัจจุบัน ยังมีแผนจะเปิดตลาดตามสถานที่ต่าง ๆ ด้วยเหรอ?!
เพราะอีกฝ่ายคือพ่อแม่ของตัวเอง จึงพูดอะไรมากไม่ได้ ในความรู้สึกของพ่อกับแม่ ที่ทำอย่างนี้ก็เพื่อประโยชน์ของลูกชายเพียงคนเดียวนั่นแหละ
ดังนั้นหานชิงอวี่จึงเดินไปที่โซฟาอย่างเงียบ ๆ และเริ่มเพลิดเพลินกับช่วงเวลาอยู่ที่บ้าน แต่เขายังสงสัยเล็กน้อยว่า ตกลงพ่อกับแม่ได้เปิดเผยตัวตนของเขาหรือเปล่า?
แน่นอนว่าเขาไม่มีทางรู้ได้ในตอนนี้ ทำได้แค่รอจนถึงวันพรุ่งนี้เพื่อดูปฏิกิริยาของทุกคน
...
วันถัดมา
หานชิงอวี่มาโรงพยาบาลตามปกติ แต่แววตาของเขาในวันนี้แตกต่างไปจากปกติเล็กน้อย และเมื่อเดินผ่านเพื่อนร่วมงาน เขาจะหันไปมองเพื่อนร่วมงานที่อยู่ด้านข้างเสมอ แถมยังถือโอกาสไปเยี่ยมแผนกฉุกเฉินที่มีผู้คนค่อนข้างมาก เพื่อดูว่าทุกคนมีปฏิกิริยาอะไรกับเขาหรือเปล่า
โชคดีที่ทัศนคติของทุกคนที่มีต่อหานชิงอวี่ยังคงเหมือนเดิม
ชายหนุ่มถึงรู้สึกสบายใจแล้วกลับไปที่ห้องผู้ป่วยนอก
ทันทีที่มาถึงออฟฟิศ ก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่มีพุงป่องเดินเข้ามาในห้องผู้ป่วยนอก ดูจากสภาพแล้วเธอน่าจะเป็นหญิงตั้งครรภ์
เยี่ยเจียอี๋และหานชิงอวี่ลุกขึ้นพร้อม ๆ กัน ก่อนจะเข้าไปช่วยประคองหญิงตั้งครรภ์ที่อยู่ตรงหน้าให้นั่งลงอย่างระมัดระวัง
“คุณหมอช่วยตรวจดูให้หน่อยครับ ภรรยาผมช่วงนี้เอาแต่พูดว่าเธอเจ็บขา แต่เพราะเธอท้อง เราจึงไม่อยากมาโรงพยาบาลบ่อย ๆ”
“แต่เป็นเพราะเธอเจ็บมากจริง ๆ เราก็เลยมาโรงพยาบาลเพื่อตรวจดูสักหน่อยน่ะครับ”
หานชิงอวี่มองไปที่การแสดงออกของหญิงตั้งครรภ์ที่อยู่ตรงหน้า เป็นอย่างที่คิดไว้เลย แม้ว่าเธอจะดูมีสุขภาพค่อนข้างดี แต่ใบหน้าของเธอก็ยังคงมีสีหน้าเจ็บปวดอยู่ตลอด
ในระหว่างกระบวนการคลอดบุตร สำหรับสภาพจิตใจของหญิงตั้งครรภ์ยังมีข้อกำหนดที่เข้มงวดอีกด้วย หากหญิงตั้งครรภ์มีสภาพจิตใจที่หุนหันพลันแล่นเช่นนี้อยู่เสมอ ก็จะส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์ด้วย
แต่เนื่องจากสถานะของเธอเป็นหญิงตั้งครรภ์ คาดว่าระดับความยากในการรักษาก็จะเพิ่มขึ้นเช่นกัน นี่อาจเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขาจึงถูกย้ายจากแผนกอื่นมายังห้องทำงานเล็ก ๆ แห่งนี้
เมื่อเจิ้งอวิ๋นเห็นอย่างนั้นพูดขึ้นอย่างใจเย็น “พวกคุณไปตรวจร่างกายก่อน แล้วเราค่อยมาตัดสินใจตามผลการตรวจทีหลังนะครับ”
หานชิงอวี่พยักหน้า และพูดต่อเจิ้งอวิ๋น “ใช่ครับ ทางดีที่สุดควรตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือดและอื่น ๆ ด้วย อย่างนี้แล้วกัน ผมจะจัดทำรายการตรวจสอบให้ พวกคุณเพียงแค่ตรวจตามรายการนี้ก็ได้แล้วครับ”
เมื่อได้ยินประโยคนี้เยี่ยเจียอี๋ก็กระปรี้กระเปร่าขึ้นมา
เธอรีบพูดทันที “หมอหาน ให้คนไข้ทำการตรวจเยอะขนาดนี้ มันไม่ใจดำไปหน่อยเหรอ”
“คนเขาเจ็บขา นายให้ไปตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือดเนี่ยนะ? หมอหานคงไม่ได้เดินตามแนวทางเก่า ๆ เหมือนกับหมอใจดำไร้จรรยาบรรณบางคนใช่ไหม?”
เยี่ยเจียอี๋พูดคำเหล่านี้ต่อหน้าคนไข้โดยตรง เพื่อที่จะกอบกู้หน้าตนให้กลับมาเผชิญหน้ากับหานชิงอวี่ได้ รวมถึงแก้แค้นให้ตัวเองด้วย
คำว่าหมอใจดำ แน่นอนว่าเธอพูดถึงตอนที่หานชิงอวี่ชี้ให้เห็นถึงปัญหาในขั้นตอนการตรวจของเธอในครั้งที่แล้ว และเธอกำลังดูถูกตัวเองอยู่
ถ้าเขาไม่ได้ยกย่องตนเองว่าเป็นผู้สูงศักดิ์ แล้วจะดูถูกขั้นตอนการตรวจของตัวเธอหรือ?
ตอนนี้พอดีเลย เธอจะปฏิบัติต่อเขาแบบเดียวกับที่เขาทำ ทำให้เขาพูดไม่ออกไปเลย!
สมาชิกในครอบครัวของคนไข้ที่อยู่ด้านข้างได้ยินแล้วใบหน้าซีดทันที ผู้ชายที่อยู่ถัดจากหญิงตั้งครรภ์จึงรีบหยิบซองจดหมายสีแดงออกมาจากกระเป๋าของเขา ก่อนจะยัดมันลงในมือของหานชิงอวี่
“ขอโทษนะครับคุณหมอ จริง ๆ ผมเตรียมมันไว้ให้พวกคุณนานแล้วแต่ไม่ได้เอาออกมาครับ เป็นความผิดของพวกเราจริง ๆ ที่ไม่รู้ความเกินไป”
“แต่ตอนนี้ขาและเท้าของภรรยาผมไม่สะดวกอย่างมาก เธอไม่เหมาะกับการตรวจร่างกายที่เยอะเกินไปจริง ๆ”
“หากการตรวจไหนไม่จำเป็น คุณช่วยขีดฆ่าให้หน่อยนะครับ”
หานชิงอวี่ตกใจยิ่งกว่าเดิม เขาเคยเห็นซองจดหมายสีแดงนี้แค่ในช่วงตรุษจีนเท่านั้น
การถูกคนอื่นยัดอั่งเปาให้เป็นประสบการณ์ที่ได้รับตอนยังเป็นเด็กและเกิดขึ้นเมื่อเจอหน้ากับผู้ใหญ่เท่านั้น แต่นึกไม่ถึงเลยว่า หลังจากเป็นหมอแล้วยังได้รับอั่งเปาด้วย
ตอนนี้หานชิงอวี่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะไม่มีการตรวจข้างต้นอันไหนที่ไม่จำเป็น แม้แต่การตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือดที่เยี่ยเจียอี๋วิพากษ์วิจารณ์เมื่อกี้ เพราะอีกฝ่ายกำลังตั้งท้อง ดังนั้นถึงได้เพิ่มการตรวจนี้เข้าไป
เมื่อรู้ว่าหานชิงอวี่เพิ่งเข้าโรงพยาบาลมาได้ไม่นาน การเผชิญหน้ากับสถานการณ์แบบนี้ยังคงต้องใช้ประสบการณ์ไม่น้อย
ดังนั้นเจิ้งอวิ๋นซึ่งนั่งสังเกตอยู่ด้านข้างมาตลอดจึงพูดด้วยรอยยิ้ม
“การตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือดนี้ อาจไม่จำเป็นสำหรับคนทั่วไปที่มีอาการเจ็บขาก็จริง แต่ถึงอย่างไรตอนนี้ภรรยาของคุณกำลังตั้งครรภ์ เราให้ทำการตรวจนี้ก็เพื่อความปลอดภัยนะครับ”
จากนั้น เจิ้งอวิ๋นพูดคุยกับสามีของคนไข้ที่อยู่ตรงหน้าสักพัก ความมั่นใจของสามีคนไข้ถึงกลับคืนมาในที่สุด และพาภรรยาของเขาลงไปตรวจร่างกายชั้นล่าง
กระทั่งคนไข้กับญาติคนไข้เดินออกไปแล้ว สีหน้าของเจิ้งอวิ๋นก็ตึงขึ้นมาทันที
เขาทำหน้าดุมองไปทางเยี่ยเจียอี๋ และพูดว่า
“เยี่ยเจียอี๋ จู่ ๆ ที่คุณพูดแบบนี้ มีเหตุผลอะไรอย่างนั้นเหรอ?”
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว