สร้างรัก [ มี Ebook ]-สร้างรัก l บทที่ 4 (1)

โดย  คีตมินทร์

สร้างรัก [ มี Ebook ]

สร้างรัก l บทที่ 4 (1)

จันทรากานต์บอกว่าจะไปดูการต่อสู้ แล้วนางก็หายไป ดารกาพยายามเดินหานางแทรกฝูงชนที่รายล้อมลานต่อสู้ นางโบกผ้าเขียวเป็นสัญญานแต่ก็ไม่มีสัญญานตอบรอบ นางนึกเสียใจเป็นครั้งแรกที่แอบหนีออกมาเที่ยวเล่นนอกวัง คนที่หายไปคือเพื่อน เจ้านาย และที่สำคัญรัชทายาทแห่งบัลลังก์จันทรา ดารกาเริ่มร้อนใจ
"เจ้าหญิง"
ศศิระนครเป็นเมืองกลางหุบเขา อากาศเย็นจัด คนส่วนใหญ่แต่งกายด้วยผ้าคลุมมิดชิด แต่ชายร่างสูงใหญ่กลางลานต่อสู้กลับเปลือยอกฟาดฟัดกันอย่างไม่สะท้านความหนาวเย็น ดารกาหมุนคว้างตามหาเจ้าหญิงจันทรากานต์ ปลายหางตาเห็นคล้ายร่างที่ตามหา ปรากฏอยู่ด้านหน้าหอโคมแดง
ที่แห่งนี้เมื่อแปดปีก่อนเปลี่ยนไปมากทีเดียว อย่างน้อยชายร่างอ้วนที่คอยดูแลแขกก็หายไป ซ้ำด้านล่างยังเต็มชายชาญที่ล้วนมาเที่ยสำราญ
"โอ๊ะ"
ดารการู้สึกว่าถูกกระแทกหลังเต็มแรง กลิ่นสุราเอียนๆลอยกระทบจมูกพร้อมเสียงเอะอะ
"ใครชนข้า"
ร่างสูงใหญ่ในชุดเนื้อหนาสีเปลือกมังคุดโอนเอนหันมาตวาดใส่นาง
"ไอ้หนุ่มนี่เองที่ซุ่มซ่ามชนข้า อยากตายนักใช่ไหม"
คล้ายกับไม่ได้ถาม มันสะอึกเขามาหาดารกาแทบจะทันที
นางไม่มีเวลาได้ตั้งตัว ทำได้แค่เบี่ยงกายหลบก่อนที่เท้าจะยกยันร่างประชิดโดยอัตโนมัติ เพราะแต่ตกใจนางจึงไม่รู้อีกนั่นแหละว่า ชายคนนั้นมีเพื่อนมาด้วยอีกคน ดาการู้ในตอนที่ปลายดาบแหลมวาววับตวัดสวนมา เมื่อพลิกกายหลบปลายดาบก็เกี่ยวผ้าคลุมศรีษะสีมืดของนาง เผยให้เห็นแพผมดำมันเป็นคลื่นสยายงดงาม เรียกทุกสายตาให้ตื่นตะลึง

"โอแม่เจ้าโว๊ย"
เสียงเป่าปากในหอโคมแดงดังขึ้น หากดารกาไม่มีเวลาสนใจ เพราะต้องรับมือคนเมาที่สร่างเมามามีฝีมือขึ้นมาเสียอย่างนั้น สองคนคนหนึ่งเสือกมีดสั้น อีกคนนั้นพอรู้ว่านางเป็นหญิงกลับโยนดาบแล้วย่างสามขุมเข้ามาแทน
ดารกาแตะมีดน้อยที่แหนบเอว หากเปลี่ยนใจ มีดนางอาบยาพิษ ตราบใดที่ยังไม่แน่ใจว่าสองคนนี้ต้องการชีวิตนางจริงหรือไม่ดารกาก็ไม่อยากดึงมันออกมา ดารกาจึงพยายามปัดป้องหาช่องทางหนี หากสองต่อหนึ่ง ซ้ำเป็นชาย นางเป็นหญิง รวดเร็วปานใดหากไม่ใช้อาวุธก็เสียเปรียบ ดารกาชั่งใจว่านางจะชักมีดหรือไม่ หนึ่งในสองก็ถูกทุ่มลงแอ๊กหมดท่ากับพื้นด้วยมือคนคนหนึ่ง แล้วเจ้าตัวก็ทิ้งให้ดารกาเผชิญหน้ากับชายขี้เมาคนเดิม ดารกาใช้ร่างกายที่เคลื่อนไหวเร็วกว่าให้ได้เปรียบ นางไม่ตอบโต้พร่ำเพรื่อเพราะรู้ว่ากำลังนิดเดียวย่อมสู้ไม่ได้ หากนางเชือกโจมตีอย่างที่ลุงฌาสอน ครั้งเดียวแต่เป็นจุดตาย
เสียงเป่าปากที่เคยมีในครั้งแรกหายเงียบไปแทบจะทันทีที่สาวงามนางนั้นฟาดชายร่างใหญ่สลบเหมือด
จังหวะเดียวกับที่ริมฝีปากหยักโค้งแยกยิ้มพึงใจ
ดารกาเพ่งมองคนที่ยื่นมือเข้ามาช่วยนาง กำลังจะเอ่ยขอบคุณแต่สายตาคมปลาบก็ราวกับจะตรึงนางไว้ ดวงตาดำจัดคู่นั้น กับคิ้วเฉียงตรง ความรู้สึกคุ้นเคยแล่นปราด พอร่างสูงใหญ่ยืดขยับกายตรง ดารกาก็รู้สึกเป็นตัวของตัวเอง
"ท่านเอ่อ...ช่วยข้า"
ไม่รู้ทำไมชายคนนั้นยิ้มแค่มุมปาก แต่ดารการู้สึกราวกับถูกเขามองลึกเข้ามาถึงก้นบึ้งจิตใจ นางคนที่มองคนอื่นแบบนั้นมาตลอด รู้สึกสะอึกเมื่อถูกมองกลับคืนบ้าง

ชั่วขณะที่รู้สึกเหมือนไม่ตัวเอง คนกลุ่มหนึ่งก็วิ่งเข้ามาด้านใน ชายประมาณห้าคนในชุดรัดกุม หากดารกามองออกทันทีว่าเป็นเครื่องแบบราชองครัษ์
"ดารกา!" นางแทบร้องไห้เมื่อเห็นคนที่วิ่งนำหน้าเข้ามา
"เกิดอะไรขึ้น"
"หายไปไหนมาคะ"
ทั้งคู่แทบจะเอ่ยพร้อมกัน
" ข้าจะเล่าให้ฟัง แต่เจ้าเล่า เป็นอะไรไหม บาดเจ็บหรือไม"

ดารกาไม่ตอบแต่นางสำรวจอีกฝ่ายแทนก่อนจะเบิกตากว้าง
"นี่มัน" แขนที่เอื้อมจับมือนางเปียกชุ่ม พอๆกับที่คนตรงหน้านิ่วหน้า สีหน้าก็ซีดบอกว่าเจ็บ
"ข้าเกิดเรื่อง ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว โชคดีได้คนของท่านโรธัยมาช่วยไว้"
ดารกามองไปยังทหารรักษาพระองค์ที่กำลังเก็บกวาด นางจำไชยยันต์ทหารเอกของท่านโรธัยได้ ส่วนอีกคนที่ยืนห่างออกไป นางไม่เคยคุ้น เพียงแต่ตอนนั้นแผลที่แขนเจ้าหญิงจันทรากานต์สำคัญที่สุด
เมื่อเห็นว่าดารกาปลอดภัย ไชยยันต์จึงทูลเชิญเสด็จ นางจึงออกมาจากตรงนั้น ก่อนมา สายตาอดมองหาร่างสูงของคนผู้หนึ่งเสียมิได้ นางยังไม่ได้เอ่ยขอบคุณเขาเลยด้วยซ้ำ แต่เขาก็เร้นกายหายไปจากตรงนั้นเสียแล้ว

"เกิดอะไรขึ้นเพคะ"
ทันทีที่มีโอกาส ดารการีบถาม
"เราถูกลอบทำร้าย มีคนชุดดำกลุ่มหนึ่งคิดจะฆ่าเรา แต่เจ้าคนนั้นมาช่วยเราไว้" ท้ายรับสั่งสะบัดน้อยๆแต่ก็เพียงนิดจนไม่อาจจับสังเกตุ คนฟังรู้เพียงไม่พอพระทัยยามเอ่ยถึงเจ้าคนนั้น ดารกาจึงได้มีโอกาสมองชัดแจ้งว่านอกจากไชยยันต์มีชายแปลกหน้าตามเขาไม่ห่าง และเมื่อได้เห็นใบหน้าในระยะใกล้ เธอก็แน่แก่ใจ เขาคนที่ตามพวกนางเข้าไปในโรงเรือนดอกไม้พิษนั่น
ดารกาถึงกับครางในอก หากคนขององค์นคเรศรู้ว่าพวกนางหนีออกมาจนถึงกับส่งคนตามคุ้มครองลับๆ แล้วพระองค์เองเล่า หญิงสาวนึกกังวลเพราะความผิดฐานลักลอบออกนอกเขตพระราชฐานโดยมิได้อนุญาตถือว่าร้ายแรง


กลับสู่ตำหนักน้อยแห่งองค์เจ้าหญิงจันทรากานต์ ท่านนมศรีประไพก็ก้าวย่างวนไปมาคอยอยู่ก่อนแล้ว ข้างกายนางคือท่านโรธัย ที่แม้วัยร่งงโรยแต่ก็ยังผึ่งผาย ร่างท้วมของท่านนมศรีประไพตรงดิ่งแน่วเมื่อเห็นว่าใครเข้ามา

"โธ่ทูลกระหม่อมแก้วของหม่อมฉัน เป็นอย่างไรบ้างเพคะ ทรงได้รับบาดเจ็บ นี่" คำอุทานตระหนกเมื่อเห็นว่าพระหัตถ์ต้องพระโลหิต ใบหน้าซีดเผือด

"หญิงไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกค่ะก็แค่มีดบาด นมทำตระหนกตกใจเป็นเรื่องใหญ่ไปได้"

"มีดเหรอเพคะ ทรงปดหม่อมฉันไม่ได้เลย เสด็จไหน ทำอะไรอย่าทรงนึกว่าไม่มีคนรู้"

ถ้าเป็นเวลาอื่นท่านนมจะดุเสียงเขียวกว่านี้ หากนี่ผู้คนเต็มนางจึงทำอะไรได้ไม่สะดวก ส่วนเจ้าหญิงทรงระบายปัสสาสะยาวพรางผินพระพักตร์ไปทางผู้ใหญ่อีกคน

"คนของหม่อมฉันถวายกาอารักขาบกพร่องมีโทษสมควรตายพระเจ้าค่ะ"

"จะไม่มีใครตายทั้งนั้นแหละ ตราบใดที่เรายังไม่ตาย คนอื่นจะตายได้อย่างไรกัน"

"ตรัสอะไรอย่างนั้นเพคะ รีบเสด็จไปให้หมอหลวงถวายการรักษาเถิดนะเพคะ หม่อมฉันเห็นแล้วใจไม่ดีเลย"

สุดท้ายพระองค์หญิงก็ถูกทูลเชิญเสด็จไปให้หมอถวายการรักษา ก่อนไปคนเจ้ากี้เจ้าการไม่วายคาดโทษ

"ที่แน่ๆเรื่องนี้ต้องมีคนรับผิดชอบ"


*****************


"ดารกาอยู่ไหน"

เมื่อเจ้าหญิงถามหาคนสนิท นางที่ถวายรับใช้อ้ำอึ้งหลุบตาก้มต่ำ ไมีใครกล้าเงยหน้าสบพระเนตรสักคนเดียว ยิ่งโหมกระพือให้พายุหมุนอาละวาดหนัก

"หูหนวกกันหรือไร เราถามว่าดารกาอยู่ไหน"

"เอ่อ คุณนมศรีเรียกนางไปเพคะ"

"เรียกเรื่องอะไรแล้วทำไมไม่มีใครไปบอกเรา" นางข้าหลวงเหลือบมองพระหัตถ์พันผ้าสีขาวอย่างขลาดๆ ยิ่งในยามที่พระพักตร์ทรงสิริโฉมยามนี้บึ้งตึงใครก็เข้าหน้าไม่ติด สุรเสียงแหลมไม่เสนาะหูเช่นเคย ขัดพระทัยจนแทบจะกระทืบเท้า เห็นเช่นนี้เหล่าข้าหลวงรีบหลบกันทั้งแถบ ใครหลบไม่พ้นก็เอออวยกันไปเพราะเป็นทางเดียวที่จะไม่ถูกเสียงกรีดร้องแหลมใส่หู หารู้ไม่ว่าการปิดหูปิดตาทั้งตำหนักเช่นนี้ นานวันเข้าแทนที่จะพระทัยเย็นกลับยิ่งเอาแต่พระทัยหนักขึ้น อย่างตอนนี้ไง พระบาทสาวยาวตึงๆเร่งเร้าสู่เรื่องที่ทำให้ขัดพระทัย ทันทีที่รู้ว่าคนโปรดถูกลงโทษ พระโอษฐ์งามก็เม้มแน่น

"คนที่คิดแผนการหนีออกนอกวังนั่นคือหญิง ทำไมนมไม่ด่าหญิงเอง ไปลงกับดารกาทำไมคะ"

คุณนมศรีประไพเปรียบดังพระมารดาคนที่สอง เจ้าฟ้าหญิงจันทรากานต์จึงลดเสียงลงหากไม่ได้อ่อนสักนิด

"ดารกาเป็นข้าหลวงควรทูลห้ามว่าอะไรควรไม่ควร เมื่อนางไม่ทำก็คือบอกพร่องในหน้าที่เพคะ"

"รู้ควรไม่ควรก็เป็นเรื่องของหญิงสิ หญิงผิดก็ลงโทษหญิง ทำไมต้องลงโทษคนของหญิง"

รู้กันทั้งตำหนักว่าเอาแต่พระทัยเพราะไม่เคยมีใครกล้าขัดพระทัย โดยเฉพาะคุณนม นางเลี้ยงของนางมา

"เสียงดังไม่งามเลยเพคะ"

"หญิงจะทำกว่านี้ถ้านมไม่หยุดลงโทษดารกา หญิงจะร้องกรี๊ดๆเหมือนคนบ้าเลยคอยดู"

"อย่านะเพคะ!" คุณนมรู้ฤทธิ์ว่ายามที่ขัดใจมากๆทำได้จริงๆ

"หรือนมจะให้หญิงไปหาทูลกระหม่อมพ่อ"

"นั่นยิ่งไม่ได้ใหญ่" ใครๆก็รู้ว่าทรงประชวร ไหนจะเรื่องราชกิจ คุณนมไม่ต้องการให้เรื่องน้อยนิดทำให้รำคาญพระทัย

"ปล่อยคนของหญิง จะลงโทษก็ลงโทษหญิงไม่ใช่ดารกา"

"พาองค์รัชทายาทหนีออกเที่ยวนอกวังตามอำเภอใจซ้ำยังต้องโลหิตกลับมา นางไม่ต้องโทษประหารก็ถือว่าเมตตาถึงที่สุดแล้วเพคะ หม่อมฉันปล่อยนางออกมาไม่ได้จริง"

"นม!"

นมศรีประไพพยักหน้ากับนางข้าหลวงคนหนึ่ง กุญแจพวงใหญ่ก็ถูกส่งสู่มือคุณนม

"กุญแจห้องมืดนมจะเป็นคนดูแลรักษาเอง หากไม่พอพระทัยจะเกรี้ยวกราดเอากับนม นมก็ไม่ว่าเลยเพคะแต่นมปล่อยนางออกมาไม่ได้จริงๆ"

"นมใจร้าย ดารกาผิดนิดเดียวแต่ต้องโทษขังในห้องมืด ซ้ำยังเป็นผู้หญิงตัวนิดเดียว แล้วก็เป็นเพื่อนคนเดียวของหญิงด้วย "

"อย่าพูดให้นมใจอ่อนเลยเพคะ โธ่ทรงเจริญพระชันษาถึงเพียงนี้แล้ว ใยไม่ยอมเข้าใจอะไรบ้าง"นมศรีประไพร้องอย่างอัดอั้นตันใจ สุดท้ายนางก็ซบหน้ากับฝ่ามือรำพันเพียงคำว่า

"ทำไมไม่เป็นเจ้าชายทำไม"

"เกิดอะไรขึ้นกันแน่คะนม" เจ้าหญิงจันทรากานต์เขม้นมองอย่างหวาดระแวง เพราะนมไม่เคยพูดแบบนี้ ต่อให้นางทำผิดร้ายแรง นมจะไม่พูดเหมือนกับเสียใจที่นางเกิดเป็นหญิงแน่ ซ้ำจะไม่พร่ำรำพันถึงเพียงนี้ นอกจากมีอะไรที่นางไม่รู้

"ถ้าทรงสนพระทัยราชกิจจากพระบิดาเสียสักนิด"

"นม!ถ้าไม่พูดหญิงจะเข้าเฝ้าเสด็จ"

"ไม่สังเกตหรือเพคะตอนนี้ทั้งราชวังมีแต่คนของท่านมหาเสนาบดีนรสิงห์เต็มไปหมด เวรยามที่ผลัดเปลี่ยนก็คนของเขาทั้งนั้น"

"ทำไม!ทำไมคะท่านตาเกี่ยวอะไรด้วย"

"ทำไมท่านโรธัยต้องส่งคนไปคุ้มครอง ทำไมถึงรู้ว่าจะเกิดเรื่อง ทรงนึกไม่ออกหรือเพคะ หรือกระทั่งคนสนิทขององค์นคเรศที่ถูกส่งออกไปว่าราชการตามเมืองน้อยใหญ่นอกศศิระด้วยเหตุอันทรงสนพระทัยบ้างหรือไม่"

"ไม่จริง ท่านตาเป็นตาของหญิง!"

องค์หญิงจันทรากานต์พระพักตร์ขาวซีดพระชานุไร้แรงจนต้องพะยุงพระวรกายซวนเซประทับกับเก้าอี้

"แต่พระองค์คือผู้เดียวที่มีสิทธิ์ในราชบัลลังก์นะเพคะ เมื่ออำนาจเข้าตา สายเลือดก็ไร้ความหมาย"

"ไม่ค่ะ หญิงไม่เชื่อ หญิงจะเฝ้าเสด็จพ่อ"

"คืนนี้จะได้เฝ้าเพคะ ส่งคนมาบอกหม่อมฉัน"

นับแต่คุยกับนมศรีประไพเจ้าหญิงก็มีเวลาใคร่ครวญ เรื่องราวผิดสังเกตที่เคยข้ามไปด้วยไม่เฉลียวก็ย้อยคืนมา พร้อมกับความรู้สึกเปลี่ยนแปลงและตำหนิพระองค์เอง


*************************************************************************



สำหรับองค์นคเรศแล้ว พระองค์คือคนขี้ขลาด คนขลาดที่ไม่กล้ารักและเลือกเก็บแต่ความหมางเมินไว้ใกล้ตัว นคเรศราชันย์ละอายแก่ใจรู้สึกผิดต่อศศิธราและลูกที่จากไป จึงไม่กล้าแสดงความรักต่อลูกสาวอีกคนที่เหลืออยู่ พระองค์รักและห่วงนาง แสดงออกว่าห่วงแต่ก็ไม่เคยแสดงความสนิทเสน่หาคุ้นเคย จนเจ้าหญิงน้อยจันทรากานต์เข้าใจว่าพ่อไม่รัก นางเอาแต่ใจ ก่อเรื่องและเรียกร้องความสนใจ องค์นคเรศราชันย์ที่เอาแต่โทษตนเองว่าไม่อาจปกป้องลูกจนมองข้ามความรู้สึกของลูกสาวอีกคนที่ยังมีชีวิต

วันหนึ่งจึงได้ทรงรู้ว่าแท้จริงแล้วมีเพียงจันทรากานต์ดวงเดียวในพระทัย พระธิดาองค์น้อยที่เฝ้ามองการเติบโตอย่างๆ ห่างๆ นางคงไม่รู้ว่าโอษฐ์ช่างจำนรรจา เสียงเจี้ยวแจ้วนั่นเองที่ครั้งหลายคราทำให้ภาระหนักหน่วงหายไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้น พร้อมกับความจริงบางอย่างแผ่ซ่านในพระทัย หากก็ทรงละอายต่อลูกน้อยอีกองค์ที่จากไปเกินกว่าจะกล้ายอมรับความจริง

เจ้าหญิงจันทรากานต์เป็นดั่งของชวัญล้ำค่าจากฟ้าฟ้าที่สวรรค์มอบให้

คืนนั้นทรงแอบมาพบระธิดา ประทับมองวรองค์แบบบางบรรทมกลางกองผ้าห่ม คล้ายพระธิดาองค์น้อยแสนดื้อดึงในกาลเก่าที่ทรงแอบมาเฝ้ามองยามบรรทมบ่อยครั้ง คงมีเพียงเวลานี้ที่จะทำเช่นนี้ได้ พระเนตรฉายความรักลึกซึ้งที่ไม่เคยแสดงออกมานับยี่สิบปี

จันทรากานต์ตื่นมากลางดึก ความรู้สึกเหมือนถูกจับจ้องแม้กระทั่งในความฝันทำให้นางขยับกายตื่น เงาดำทอดเงาพาดผ่าน แม้ในยามสบประกายตาอ่อนแสงที่มองเห็นเลือนลางในความมืดก็ยังตื่นตะลึง

สองพระองค์ทอดพระเนตรกันเงียบๆปล่อยใหความเงียบดำเนินไปชั่วครู่ เจ้าหญิงน้อยจึงตรัสอึกอักเพราะตกพระทัย

"เสด็จตั้งแต่เมื่อใดเพคะ ทำไมไม่ปลุกหม่อมฉัน"

หม่อมฉัน....นานเพียงใดหนอที่คำแทนตนว่าลูกกลายเป็นหม่อมฉัน นานๆพอความสนิทร่างหว่างพ่อลูกเกิดเป็นโพรงขนาดใหญ่ องค์ราชันย์แห่งนครจันทราขมในพระศอความรู้สึกคล้ายจมน้ำ ทรงไล้พระธำมรงค์หยกในพระหัตถ์คล้ายทรงมีอะไรในพระทัย

"ศรีประไพบอกว่าเจ้าแอบออกไปเล่นข้างนอกอีกแล้ว"

"จะทรงแค่ตำหนิหรือลงอาญาดีล่ะเพคะ"

"เจ้าเป็นหญิง เจ้าฟ้าหญิงที่มีสิทธิ์ครองบัลลังก์ต่อจากพ่อ"

"ที่แท้ก็ทรงห่วงความมั่นคงของบัลลังก์จันทรา"

พระปัสสาสะระบายยาวนาน

"พ่อแค่จะมาดูว่าไม่ไปก่อเรื่องมาอีก " เลี่ยงคำว่าห่วง ด้วยความไม่เคยชิน

"เพคะ หากหม่อมฉันทำอะไรจะไม่ให้ขัดเคืองพระราชหฤทัยและเสื่อมเสีย"

พระพักตร์หม่นแลดูอักอั้นพระทัยหากกลับประทับขึ้นมั่น

"จันทรากานต์ สถานการณ์บ้านเมืองในตอนนี้ไม่เหมือนก่อนพ่อเองก็แก่ตัวอ่อนแอลงมาก...บางทีคงป้องป้องเจ้าได้ไม่ดีเท่าที่ควร" เพราะกระแสรับสั่งสะเทือนพระทัยหรือพระเนตรหมองขององค์บิดาที่ทำให้พระทัยเจ้าหญิงอ่อนลงยวบ

"เกิดอะไรขึ้นเพคะ ร้ายแรงถึงเพียงนี้เชียวหรือ โอ๊ะ!" พระเนตรเบิกกว้าง จันทรากานต์ถลาลงจากแท่นพระที่เข้ามาหาพระบิดาซึ่งคุกเข่าลงเบื้องต่ำ นางคว้าพระหัตถ์ด้วยความตื่นตระหนกสุดขีด

"ทรงทำอะไรเพคะ...ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้นะ"ในตอนนั้นเจ้าหญิงสัมผัสได้เพียงพระหัตถ์อันสั่นเทา

"พ่อมีเรื่องจะวอนขอ เจ้าจะทำให้พ่อได้หรือไม่"

"เรื่อง! เรื่องอะไรเพคะ " ทำไมต้องทำถึงขนาดนี้

"ไม่ช้า บัลลังก์จันทราจะถึงคราวิกฤต เจ้าจงเร่งเดินทางไปยังสุริยาปุระ นำราชสาสน์จากพ่อถวายแด่องค์สุริยราชันย์ ในฐานะเจ้าหญิงพระคู่หมั้น"

"เสด็จพ่อ!"

"เจ้าคือความหวังเดียวของพ่อจันทรากานต์ เพื่อแผ่นดินของเรา เจ้าต้องทำ" เจ้าหญิงจันทรากานต์ทรุดนั่งเพียบกับพื้นนัยเนตรเต็มไปด้วยคำถาม

" ให้พระองค์รับรองฐานะพระคู่หมั้นแล้วนำกำลังเงากลับคืนสู่ศศิระนคร เมื่อถึงกาลนั้นต่อให้พ่อตาย เจ้า...ก็ต้องปกป้องบัลลังก์จันทราให้จงได้...อย่าให้บัลลังก์นี้ตกในมือคนชั่ว"

"แล้วลูกเดินทางเมื่อใดเพคะ" คำถามหลุดราวคนละเมอ

"อีกสองวันตามกำหนดการ เจ้าต้องเดินทางไปยังทะเลสาบจันเสี้ยวเพื่อบวงสรวงเทวีแห่งน้ำ คืนนั้นจะมีหมายกำหนดการว่าเจ้าเป็นหวัดและต้องการพักผ่อนที่นั่นต่ออีกเป็นเวลาครึ่งเดือน จะมีคนนำเจ้าไปในที่สุด"

"แล้วพระองค์" ถึงอย่างไรแไม่แสดงออกว่ารัก หากสายใยพ่อลูกก็เหนียวแน่นกว่าสิ่งใด

"พ่อไม่เป็นไร เพราะยังไงสำหรับเขาพ่อจะเป็นแค่คนแก่ที่นอนรอวันตายบนเตียงเท่านั้น อย่าห่วงเลยจันทรา ทำหน้าที่ของเจ้าให้ดีก็พอ ต่อแต่นี้พ่อคงไม่อาจพบเจ้าได้อีก เจ้าคงต้องเผชิญหน้ากับมันเพียงลำพัง...เจ้า..." รับสั่งขาดหาย องค์นคเรศทอดพระเนตรพระธิดาเพียงองค์เดียวด้วยความปวดร้าวในพระทัย

"พ่อคงต้องไปแล้วนานกว่านี้อาจมีคนสังสัย"

เจ้าหญิงจันทรากานต์นั่งอยู่ตรงนั้นทั้งคืน ดั่งจะทำให้ทุกอย่างเป็นแค่ความฝัน



รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว