Love Destiny โชคชะตานำพารัก nc18+-ตอนที่ 39 คำเตือน

โดย  มาทิชนันท์ : มะยมหวาน

Love Destiny โชคชะตานำพารัก nc18+

ตอนที่ 39 คำเตือน

หม่าซ่วนฉีหลบอยู่หลังดอกบัวยักษ์ในสภาพเปล่าเปลือย หญิงสาวตกใจแทบสิ้นสติเมื่อเจ้าโจรราคะที่นางเรียกกำลังนั่งลงบนโขดหินริมลำธาร ข้าง ๆ บริเวณนั้นมีเสื้อผ้าของนางถอดวางไว้ หม่าซ่วนฉีมุดตัวลงต่ำ พยายามให้ดอกบัวยักษ์บังตัวเองให้มากที่สุด


“เจ้าโจรราคะ ข้าบอกให้เจ้าไสหัวไป เจ้าโจรบ้ากาม มาแอบดูหญิงสาวอาบน้ำ ช่างไร้มารยาทยิ่งนัก”


ชายหนุ่มได้ฟังก็หัวเราะเสียงดังลั่น “ฮ่า ฮ่า ฮ่า เจ้าเป็นเพียงดรุณีน้อย มิได้มีสิ่งใดให้น่ามองเลย แม้เห็นข้าก็ยังมิแน่ใจ ว่าส่วนใดเป็นหน้า ส่วนใดเป็นหลัง”


คราแรกฟ่งจิ่นตั้งใจจะมาอาบน้ำในลำธาร ครั้นมาถึง เขากลับได้ยินเสียงขับร้องแปลกประหลาดพร้อมกับเสียงหัวเราะสดใส เพลงที่ได้ฟังเป็นท่วงทำนองซึ่งไม่เคยได้ยินจากแห่งหนใด ชายหนุ่มจึงเผลอตัวเดินเข้ามาใกล้ ๆ จนพบดรุณีนางหนึ่งงดงามปานเทพธิดาจำแลง ฟ่งจิ่นผู้ไม่เคยใยดีหญิงใดกลับมิสามารถละสายตาไปจากนางได้ เขาค่อย ๆ เดินเข้ามาอย่างแผ่วเบาแล้วยืนพิงต้นไม้ใหญ่ อาศัยความมืดมิดเวลาค่ำคืนเร้นกายลอบมองนาง


ถึงอย่างนั้นฟ่งจิ่งก็มิได้พูดสิ่งใดผิด เพราะเขาเห็นเพียงด้านหลังของนางเท่านั้น ระยะทางจากใต้ร่มไม้ไกลพอที่จะไม่เห็นในส่วนซึ่งไม่ควรเห็น


ชายหนุ่มรู้ดีว่า การกระทำของเขามิต่างจากโจรราคะอย่างที่นางกล่าว แต่เขาละสายตาไปจากนางมิได้จริง ๆ ฟ่งจิ่นกลัวว่า หากเขาละสายตา นางจะกลายเป็นเพียงภาพลวงตา


หม่าซ่วนฉีกรีดร้องด้วยความอับอายปนกรุ่นโกรธ “กรี๊ด! เจ้า เจ้าโจรราคะ หากข้าขึ้นไปได้ ข้าจะสับเจ้าเป็นหมื่น ๆ ชิ้น แล้วนำร่างเจ้าโยนให้สัตว์อสูรกิน”


“ฮ่า ฮ่า ฮ่า แม่นางน้อย เจ้ากล้าเอ่ยวาจาเช่นนี้แสดงว่าคงมีฝีมือมิเลว ข้าอยากเห็นเป็นบุญตาเสียจริง” ฟ่งจิ่นโต้กลับ


“แต่เสื้อผ้าของเจ้าก็อยู่กับข้า เจ้าจะทำเยี่ยงไร หรือเจ้าจะขึ้นมาทั้งอย่างนี้แล้วมาฆ่าข้า ดีเหมือนกัน เผื่อข้าได้เห็นสิ่งแปลกตาก่อนตาย” ชายหนุ่มหยิบเสื้อนางขึ้นแกว่งไปมาราวกับต้องการยั่วโมโห


หม่าซ่วนฉีได้ยินดังนั้นก็โกรธจนอยากฆ่าคน แล้วควักลูกตาบุรุษตรงหน้าออกมาโยนให้หมาป่าแถวนี้กิน ติดก็ตรงที่นางไม่มีอะไรติดกายเลย ขณะนั้นเองที่หญิงสาวนึกขึ้นได้ นางมีเสื้อผ้าอยู่ในมิติเวทย์นี่นา


หม่าซ่วนฉีจึงหลบไปหลังกอบัวพลางหยิบเสื้อผ้าตัวในกับเสื้อคลุมออกมา


ฟ่งจิ่นเห็นดรุณีน้อยหลบหลังดอกบัวยักษ์แล้วเงียบไปก็เริ่มร้อนรน กลัวนางจะเป็นอันใดไป แต่ก็มิกล้าเหาะเข้าไปใกล้ด้วยเกรงว่าจะเป็นการล่วงเกินนาง ชายหนุ่มสองจิตสองใจอยู่พักหนึ่งจึงได้ยินเสียงเคลื่อนไหว ไม่นานร่างหนึ่งก็พุ่งทะยานขึ้นมาจากน้ำ


ฟ่งจิ่นซึ่งระวังตัวอยู่เสมอหลบการโจมตีได้ในทันที หม่าซ่วนฉีไม่ยอมแพ้ นางปล่อยพลังเวทย์อัคคี สร้างดวงไฟเข้าพุ่งโจมตีอย่างต่อเนื่อง


ฟ่งจิ่นยกยิ้มมุมปาก แววตามีร่องรอยความสนุกพาดผ่าน เขาเล่นด้วยโดยการโยกตัวหลบไปมา หม่าซ่วนฉีเห็นก็รู้ว่าบุรุษตรงหน้าพลังเวทย์สูงกว่าตนมาก หญิงสาวจึงเปลี่ยนแผน นางใช้วิชากายไร้เงาหลบเร้นไปข้างหลังฟ่งจิ่น วิชากายไร้เงานี้ไม่ได้ใช้พลังเวทย์ แต่ใช้ปราณกับกำลังภายใน ทำให้ผู้ที่มีแต่พลังเวทย์ไม่สามารถฝึกได้


ชายหนุ่มขมวดคิ้วแปลกใจเมื่อดรุณีน้อยหายไป สัญชาตญาณเตือนภัยทำให้เขารีบหันหลังกลับมา นางอยู่ข้างหลังในระยะที่ใกล้จนแทบจะรู้สึกได้ถึงลมหายใจ กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของนางโชยมาติดจมูก ฟ่งจิ่นดวงตาเบิกกว้าง นางนำชุดจากที่ใดมาใส่กัน ไม่ทันได้ตั้งตัวเขาก็เห็นรอยยิ้มชั่วร้ายประหนึ่งนางมารน้อย


หม่าซ่วนฉีอาศัยจังหวะนี้ใช้วิชายูโดจากมิติก่อนเข้าโจมตี ฟ่งจิ่นรู้สึกตัวอีกทีกลับพบว่าตนล้มลงนอนกับพื้น หม่าซ่วนฉีมิรอช้า นางรีบกระโจนขึ้นนั่งคร่อมแล้วประเคนหมัดเข้าที่เบ้าตาชายหนุ่ม


ฟ่งจิ่นแม้จะโดนดรุณีน้อยตรงหน้าทำร้ายก็มิคิดสู้ ถูกต่อยเพียงเท่านี้ไม่อาจเทียบได้กับก้นนุ่มนิ่มของนางบนตัวเขา ช่างคุ้มค่าเสียนี่กระไร


หม่าซ่วนฉีหลังต่อยจนพอใจจึงแค่นเสียงออกมา “เชอะ! อย่าได้คิดว่ายอมให้ข้าต่อยแล้วจะหาย แต่ข้ามิอยากเปลืองแรงกับโจรราคะเช่นเจ้าแล้ว ไสหัวไปเสีย” เอ่ยจบนางก็หยิบเสื้อตรงโขดหินขึ้นมาก่อนใช้วิชาตัวเบาเหาะหนี


ฟ่งจิ่นหยัดตัวลุกขึ้นเป็นเวลาเดียวกับที่ได้ยินเสียงสหายทั้งสองคนตะโกนเรียก ชายหนุ่มจึงหยุดความคิดที่จะตามนางไป


“เสด็จอา เกิดเหตุอันใด พวกข้าได้ยินเสียงต่อสู้ ท่านพบคนร้าย สัตว์อสูร หรือสิ่งอื่นใด” ฟ่งซื่อหยวนรีบเหาะมาพร้อมหม่าซ่งชิง


“มิได้มีอันใด ข้าเพียงพบกวางน้อยร้ายกาจตัวหนึ่งเท่านั้น”


ฟ่งซื่อหยวนกับหม่าซ่งชิงร้องพร้อมกัน “กวางน้อย”


หม่าซ่งชิงส่ายหน้าพลางพูดกลั้วหัวเราะ “ท่านอ๋อง กวางตัวนี้ท่าทางจะร้ายมิใช่น้อย ใบหน้าท่านถึงปูดบวมเช่นนี้ มิหนำซ้ำดวงตาก็เขียวช้ำ”


“ใช่แล้วเสด็จอา หากท่านบอกว่าโดนเสือสาวตะปบ พวกข้ายังจะเชื่อเสียยิ่งกว่า เสด็จอา ท่านไปโดนผู้ใดต่อยมา” ฟ่งซื่อหยวนเอ่ยถามด้วยความอยากรู้


“ข้าบอกว่ากวางก็คือกวาง พวกเจ้าถามวุ่นวายช่างมิต่างจากอิสตรี ข้าเหนื่อยมากแล้วจะแช่น้ำสักหน่อย ข้าต้องการความเป็นส่วนตัว” ฟ่งจิ่นหันหลังออกเดินโดยมิรอให้ได้ถามสิ่งใดอีก


ฟ่งซื่อหยวนหันมาสบตาหม่าซ่งชิง “เจ้าคิดเช่นเดียวกับข้าหรือไม่ซ่งชิง เสด็จอาท่าทางแปลก ๆ”


“ข้าก็คิดเช่นเดียวกันกับไท่จื่อ แต่ท่านก็รู้ดี หากท่านอ๋องมิยอมบอก ต่อให้เป็นท่านง้างปากก็คงมิได้คำตอบ” ทั้งคู่ส่ายศีรษะก่อนจะกลับกระโจมของตน


ฟ่งจิ่นกลับมายังลำธารหลังจากเลี่ยงสหายทั้งสองได้ ชายหนุ่มถอดเสื้อแล้วลงแช่น้ำ เขาว่ายวนรอบดอกบัวยักษ์ซึ่งดรุณีน้อยใช้หลบซ่อนตัวเมื่อครู่ เขาพบว่าด้านหลังมีแนวตลิ่ง ฟ่งจิ่นจึงพิงหลังกับขอบตลิ่งพลางหลับตา ในมือถือผ้าผืนที่นางทำหลุดมือก่อนจะยกขึ้นสูดดม


ฟ่งจิ่นแย้มริมฝีปากยิ้มกว้างอย่างที่หาได้น้อยนับครั้ง หากใครเห็นท่านอ๋องเวลานี้ มิแคล้วคงคิดว่าต้องเกิดสงครามใหญ่เป็นแน่


ขณะกำลังอยู่ในภวังค์ อยู่ ๆ ชายหนุ่มก็ได้ยินเสียงผู้บุกรุก เขารีบลืมตาขึ้นส่งเสียงถามพลางเตรียมปล่อยพลัง “เจ้าคือผู้ใด หากมิอยากตายจงแสดงตัวออกมา” ว่าจบฟ่งจิ่นจึงใช้พลังเคลื่อนดอกบัวยักษ์ออกเพื่อเปิดทางให้มองเห็นผู้บุกรุก ปรากฎภาพดรุณีน้อยที่เขากำลังนึกถึง นางกำลังก้มลงหยิบเสื้อผ้าของเขาซึ่งถอดวางไว้ “แม่นางน้อย เจ้าจะทำอันใด”


หม่าซ่วนฉีตั้งใจจะมาแก้เผ็ด แต่ไม่คิดว่าบุรุษหน้าหนาจะกล้าผลักดอกบัวยักษ์ออก น้ำใสสะอาดประกอบกับคืนจันทร์เต็มดวง ทำให้นางเห็นร่างเปลือยเปล่าของเจ้าโจรราคะแจ่มชัด


หม่าซ่วนฉีอาจเคยเห็นภาพผู้ชายเปลือยมาบ้างเป็นครั้งคราวในมิติก่อน แต่ไม่เคยเห็นต่อหน้าต่อตาเช่นนี้ ใบหน้าจึงแดงดั่งลูกตำลึง ก่อนจะพยายามทำท่าก๋ากั่นกลบเกลื่อน


“เจ้าคนหน้ามิอาย ว่าแต่ข้า น้องชายของเจ้าก็แคระแกร็นมิต่างกับไม้จิ้มฟัน ข้ามิอยากมองให้เสียสายตา”


ฟ่งจิ่นเมื่อโดนสบประมาทก็อยากพุ่งจากน้ำแล้วจับนางมาตีก้นสักทีสองที นางช่างเป็นเด็กสาวที่ปากคอเราะร้าย ใจกล้ายิ่งนัก มิรู้หรืออย่างไร หากเป็นบุรุษอื่นนางอาจมีอันตรายได้ เพราะไม่ว่าชายใดย่อมมิยินยอมให้หญิงสาวมาดูถูกน้องชายของตนแน่ แต่ยังมิทันทำสิ่งใด ดรุณีน้อยก็หยิบเสื้อผ้าของเขาเหาะจากไป นางเอ่ยคำทิ้งท้ายไว้อย่างเจ็บแสบ


“คราแรกข้าตั้งใจจะนำไปทั้งหมด แต่เห็นเยี่ยงนี้แล้ว ข้าจึงทิ้งกางเกงไว้ให้ท่านปกปิดไม้จิ้มฟัน ท่านจะได้มิอายผู้ใด” หม่าซ่วนฉีใช้วิชาตัวเบาเหาะจากไปอย่างรวดเร็ว


ฟ่งจิ่นรีบขึ้นจากน้ำ ชายหนุ่มหัวเราะเสียงดังลั่น “สักวันข้าจะทำให้เจ้าได้รู้ว่าน้องชายข้าคือมังกร หวังว่าเราจะได้พบกัน” เนื่องจากภารกิจตามหาสัตว์อสูรมีข้อห้ามมิให้พาองครักษ์เงามา เขาจึงเสียดายไม่น้อยที่ไม่สามารถสืบหาได้ว่านางคือผู้ใด


หม่าซ่วนฉีกลับมาถึงที่พักก็รีบเก็บกระโจมเข้ามิติ กลบร่องรอยของตัวเองก่อนย้อนกลับไปแก้แค้น เพื่อความปลอดภัย คืนนี้นางจึงตัดสินใจนอนบนต้นไม้ห่างจากที่ตั้งกระโจมเดิมครึ่งลี้


“ฮึ คิดว่าข้าจะปล่อยเจ้าไปเพียงเท่านี้หรือ ฝันไปเถอะ ข้าหม่าซ่วนฉีจะทำให้เจ้าจำจนวันตาย คนอย่างข้าฆ่าได้หยามมิได้” หม่าซ่วนฉีว่าพลางหัวเราะเมื่อคิดถึงสภาพของเจ้าโจรราคะที่ตอนนี้โดนฤทธิ์ของนางเข้าไป


ฟ่งจิ่นสวมกางเกงเสร็จจึงเดินกลับกระโจมด้วยกางเกงข้างในเพียงตัวเดียว ทำเอาสหายทั้งสองตาค้าง ก่อนทั้งสองจะได้เอ่ยถามสิ่งใด ฟ่งจิ่นก็ร้องออกมา “โอ้ย!”


ผงคันที่หม่าซ่วนฉีเทลงไปบริเวณกางเกงของฟ่งจิ่นเริ่มออกฤทธิ์ ชายหนุ่มเริ่มเกาส่วนต่าง ๆ ขณะรับรู้ได้ว่ามันลามขึ้นมาเรื่อย ๆ ฟ่งจิ่นไม่เคยเสียหน้าเช่นนี้ เขารีบเข้ากระโจมของตน แล้วเอ่ยน้ำเสียงเฉียบขาด


“พวกเจ้าทั้งสองคน หากยังอยากมีฟันไว้เคี้ยวข้าวก็ห้ามเข้ามา และห้ามถามสิ่งใดทั้งนั้น” จบคำของฟ่งจิ่น สองสหายจึงหัวเราะจนท้องแข็ง


ฟ่งจิ่นได้ยินเสียงหัวเราะยิ่งไม่พอใจ “พวกเจ้ามิอยากดูตะวันพรุ่งนี้ใช่หรือไม่” ได้ยินดังนั้นสองหนุ่มจึงกลั้นหัวเราะจนน้ำตาไหล


ฟ่งจิ่นรีบนำโอสถขับพิษซึ่งสามารถขับพิษได้ทุกชนิดมาโยนเข้าปาก หากอาจารย์ผู้ปรุงโอสถทราบ ว่าเขานำโอสถที่สามารถขับพิษร้ายแรงมาขับพิษผงคัน ท่านคงรีบเข้ามาแย่งชิงโอสถคืน


ชายหนุ่มผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยจึงหยิบผ้าของแม่นางน้อยตัวแสบขึ้นมา “แสบนักนะเจ้าตัวน้อย แสบแบบนี้ข้าชอบ เราต้องได้พบกันอีกแน่” แล้วฟ่งจิ่นก็กอดผ้าผืนนั้นนอนหลับไป


หนุ่ม ๆ เริ่มทยอยออกมาอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง อ๋อง13 เราออกมาแบบอลังการไม่กลัวโดนนางเอกตืบเลย เรามาเอาใจช่วยกันว่าพรุ่งนี้น้องฉีจะสามารถทำพันธสัญญากับพญาวิหคได้หรือไม่


ตอนนี้กลุ่มภารกิจพลิกชะตาฟ้าเปิดกลุ่มไลน์แล้วค่ะ ใครสนใจพูดคุย Add Line Phoenix-c แอดแล้วทักด้วยนะคะว่าอยากอยู่กลุ่มภารกิจพลิกชะตาฟ้า

ไรท์กำลังรีไรท์บางช่วงที่เวิ่นเว้อออก และใส่ช่วงหนุ่มขนอ้อย และเวทย์ที่นางเอกฝึก ช่วงนี้อาจทำผลโหวตเยอะนิดนึงนะคะ อย่าลืมมากดติดตามกันเยอะ ๆ นะคะ จะได้เป็นกำลังให้ไรท์สู้ต่อไป




อยากอ่านคอมเม้นท์จากรีด เพื่อเป็นกำลังใจ ส่งมาหน่อยนะคะ













special thanks



ขอบคุณรีดที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จครั้งนี้ ถ้าไม่มีพวกคุณคอยให้กำลังใจ ช่วยคิด ช่วยแก้ไขงาน เรื่องนี้คงไม่ออกมาดีแบบนี้ ไรท์ขอบคุณจากใจค่ะ




รีดที่น่ารักคะ กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักเขียนทุกคน ถ้าชอบ กด Like Share และ Favoriteให้ด้วย จะได้รู้ว่ามีคนอยากอ่านเรื่องของเราอยู่



กราบขอบพระคุณค่า


ไรท์










เหมือนเดิมนะคะ

1 เม้นท์ = 1 กำลังใจ

1 โหวต = 1แรงเชียร์

1 แชร์ = 1เสียงชื่นชม

1 กดติดตาม = 100 ล้านกำลังใจ เพราะไรท์จะได้รู้ว่ามีรีดชอบอ่านแค่ไหน


รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว