เปลี่ยนเทพบุตรคนนั้นเป็นสามี

บทที่ 8 ขายตัว

"บะหมี่อะไรจะอร่อยขนาดนั้น เจ้าไปทำมาสามชามซิ"

สุยอันได้ยินคำสั่งก็พลันรับคำและออกมาด้านนอก เมื่อเดินมาถึงห้องน้ำชาก็ทรุดลงไปกองกับพื้นทันที ยกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผาก ซึ่งขณะนี้ได้แห้งไปหมดแล้ว

เจ้านายสามารถเหยียบย่ำบ่าวไพร่ได้ตลอดเวลา เขานอนห่มผ้าห่มของนางก็ไม่ว่าละ หนำซ้ำยังทำลายไม่เหลือชิ้นดี นางก็ไม่กล้าบ่นสักแอะ นางแค่ไม่ได้ต้มบะหมี่ให้เขาเท่านั้น กลับทำให้เขาไม่พอใจถึงเพียงนี้

เจ้านายที่เป็นบุรุษเรือนอื่นต่างก็ใจกว้างขนาดที่สามารถให้สาวใช้ลงไปพายเรือลำน้อยกันได้ทั้งนั้นมิใช่หรือ ไฉนนางถึงโชคร้ายที่ได้มาเจอเจ้านายจอมอาฆาต มีแค้นขี้ปะติ๋วก็ต้องชำระผู้นี้ได้เล่า

หลายปีมานี้ สุยอันจดจำคำพูดของฉู่ยี่เมื่อพบกันครั้งแรกได้ขึ้นใจ นางรู้ว่าเขาเป็นคนที่ทนให้ผู้อื่นมาชอบพอสิ่งของที่เป็นของเขาไม่ได้ ดังนั้นจึงรักษาระยะห่างกับเจ้านายผู้ชายคนอื่นๆ อยู่เสมอ และนางก็ไม่ได้คิดว่าฉู่ยี่จะพิสวาสอะไรตนขนาดนั้น นางแค่อยากจะทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุดจึงต้มบะหมี่ให้หวางจื่ออวี๋

แม้แต่หวางจื่ออวี๋ นางก็ไม่เคยพูดจาหยอกล้อด้วยเลย ทว่าวันนี้นางกลับรู้สึกได้ว่าทั้งสองต่างผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด กระทั่งสายตาของฉู่ยี่ที่มองมาก็ดูอันตรายชอบกล

สุยอันยกบะหมี่น้ำใสสามถ้วยเข้าไปในห้อง นางไม่มองหน้าใครทั้งนั้นและรีบถอยออกมาอย่างรวดเร็ว เมื่อถอยออกมาถึงหน้าประตู ก็เห็นวู่ยิงกวักมือเรียกนางอยู่ที่หน้าประตูเรือน

"คนจากประตูเล็กบอกว่าบิดาของท่านพี่มาหาขอรับ"

สุยอันตะลึงงัน พลันคิดว่าต้องเกิดเรื่องเป็นแน่ จึงรีบไหว้วานวู่ยิง "เจ้าช่วยข้าดูที่นี่สักครู่ ข้ารีบไปรีบมา" นางเดินกลับที่พักอย่างรีบร้อน นำเงินเก็บทั้งหมดติดตัวไปด้วย และรีบเดินไปที่ประตูเล็กทันที

ฉู่ชิวส่วยนิสัยเหมือนชื่อของเขา เขาเป็นชายหนุ่มรูปงามที่พบได้ยาก ทว่าขณะเดียวกันก็เป็นบัณฑิตอ่อนแอผู้ไม่มีแรงแม้กระทั่งฆ่าไก่ ผู้อื่นสอบซ้ำแล้วซ้ำอีกก็สอบไม่ติด ทว่าเขาไม่มีแรงแม้แต่จะไปสอบ บ้านสกุลฉู่อยู่ห่างไกล ไปกลับต้องใช้เวลามากกว่าสามชั่วยาม ฉะนั้นการที่สามารถทำให้ฉู่ชิวส่วยมาถึงเมืองหลวงได้ นั่นแสดงว่าต้องเกิดเรื่องใหญ่แน่นอน

พ่อลูกไม่ได้พบกันนานปี สุยอันพิจารณาบิดาอย่างถี่ถ้วน แม้ว่าเสื้อผ้าของเขาจะเก่า ทว่าสะอาดสะอ้าน ทำให้นางเบาใจไม่น้อย

ฉู่ชิวส่วยเห็นสายตาเป็นห่วงของบุตรสาวก็อดนึกถึงสายตาอารีของมารดาเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่มิได้ จึงห้ามน้ำตาไม่อยู่

สุยอันรู้ว่าบิดาชอบร้องไห้ จึงยื่นผ้าเช็ดหน้าให้เขาเช็ดน้ำตา ก่อนถามอย่างตรงไปตรงมา "ท่านพ่อเดินทางมาไกลทั้งที่อากาศหนาวเหน็บเช่นนี้ มีเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ พี่ซงเล่าอยู่ที่ไหน"

ฉู่ชิวส่วยร้องไห้อย่างอ่อนแออยู่สักพัก จึงตอบสะอึกสะอื้น "นี่ก็ใกล้จะปีใหม่แล้ว เขาบอกว่าจะเข้าเมืองหลวงมาซื้อหนังสัตว์สองผืน ข้าจึงตามมาด้วย"

"แล้วท่านกินข้าวเช้ามาหรือยัง มื้อเที่ยงคงจะยังไม่ได้กินอะไรเป็นแน่" สุยอันรู้สึกว่าตนมีเรื่องให้กังวลใจไม่จบไม่สิ้น เมื่อหันไปเห็นร้านซาลาเปาตรงข้ามถนน จึงเอ่ยขึ้นว่า "ท่านพ่อรอข้าสักครู่" จากนั้นก็รีบวิ่งไปซื้อซาลาเปามาสามลูก พลันนึกได้ว่าหลี่ซงก็อาจจะยังไม่ได้กินอะไรเช่นกัน จึงซื้อเพิ่มอีกห้าลูก

ฉู่ชิวส่วยเห็นสุยอันซื้อซาลาเปามาเยอะแยะ พลันเอ่ยอึกอัก "ข้ากินไม่หมด"

"ข้าซื้อเผื่อพี่ซงด้วย" สุยอันดึงบิดาไปข้างประตูเพื่อหลบลมหนาว นางเดินเข้าไปขอน้ำร้อนกับหญิงรับใช้อาวุโสที่เฝ้าประตู พลางมองดูฉู่ชิวส่วยที่กำลังนั่งหันหลังกินซาลาเปาด้วยท่าทางเหนียมอายและสงบเสงี่ยม แล้วเริ่มถามความ "ท่านพ่อเข้าเมืองมีเรื่องหรือ เรื่องอะไรเจ้าคะ"

ไม่ถามเสียยังจะดีกว่า พอเริ่มถาม น้ำตาของฉู่ชิวส่วยก็พลันพรั่งพรูออกมาอีกครา "ฮือฮือ...พ่อมันไร้ประโยชน์เอง ถึงตายก็ไม่มีหน้าไปพบแม่ของเจ้า..."

สุยอันมุมปากกระตุกเล็กน้อย ประโยคนี้ประโยคเดียวสามารถพูดซ้ำแล้วซ้ำอีกได้เป็นสองสามปี ทุกครั้งที่เจอนางก็มักจะมาไม้นี้เสมอ

"ข้าบอกท่านพ่อแล้วมิใช่หรือ เพียงท่านใช้ชีวิตดีๆ ก็ไม่มีทางได้ไปพบท่านแม่ในเร็ววันนี้ ทว่าหากท่านดึงดันจะลงไปพบนางตอนนี้ให้ได้ นางคงจะโมโหมาก ไม่แน่ว่าอาจจะใช้ไม้กวาดไล่ตีท่านอีก ครานี้คงจะขายหน้าไปถึงยมโลกเป็นแน่"

ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงคนหัวเราะดังมาจากข้างหลัง สองพ่อลูกหันกลับมามองพร้อมกัน

ทางเดินที่เชื่อมติดกับประตูเล็กขณะนี้มี ฉู่ยวี่ หวางจื่ออวี๋ หลินซ่งเฟิง หลินซ่งหลุน และฉู่ยี่ยืนอยู่ สายตาของทุกคนกำลังมองมาที่พวกเขาสองพ่อลูก

หญิงรับใช้อาวุโสและบ่าวรับใช้หนุ่มที่เฝ้าประตูต่างคารวะคุณชายเจ็ด คุณชายเก้า และคุณชายหวางกันใหญ่ สุยอันจึงฉุดให้ฉู่ชิวส่วยไปยืนรวมอยู่ด้านข้าง

ฉู่ยวี่คลี่ยิ้มพลางเอ่ยกับหลินซ่งเฟิง "ประตูนี้ติดกับถนนด้านนอก หากคนในจวนอยากจะออกไปเดินเล่น ก็มักจะใช้ประตูนี้เพราะสะดวกยิ่งนัก"

หลินซ่งเฟิงกล่าวขอบคุณ หลินซ่งหลุนหยิบหมวกคลุมหน้าออกมาหนึ่งใบราวกับเสกได้ จากนั้นสองพี่น้องก็ขอตัวทุกคนออกไป

หวางจื่ออวี๋เอ่ยตะกุกตะกัก "เอ่อ ต้องใส่หมวกนั่นด้วยหรือ เวลาที่บรรดาพี่สาวน้องสาวในจวนออกไปข้างนอก ไยไม่เคยเห็นพวกนางใส่เสียที"

ฉู่ยวี่มักจะออกเดินทางอยู่ข้างนอก ทำให้หูตากว้างไกล เมื่อได้ยินเช่นนั้นจึงเอ่ยปนยิ้ม "วิถีของชาวใต้คงจะเป็นเช่นนี้กระมัง พวกเขาออกไปครั้งนี้ ครั้งหน้าหากออกไปอีกก็คงจะไม่ใส่แล้ว"

สุยอันเห็นฉู่ยี่หมุนตัวเดินจากไป พลันนึกขึ้นได้ว่าตนไม่ได้ลางานก็แอบออกมาเช่นนี้ จึงรีบควักเงินและยื่นซาลาเปาให้ฉู่ชิวส่วยทันที "ช่วงนี้ฟ้ามืดเร็ว หากพวกท่านเดินทางกลับตอนกลางคืนจะลำบากเกินไป ไม่สู้ไปพักที่โรงเตี๊ยมสักคืน ดื่มน้ำแกงร้อนๆ สักถ้วย จะได้ไม่ป่วย"

ฉู่ชิวส่วยไม่รับเงิน "ข้าไม่ได้มาเพื่อขอเงินเจ้า"

สุยอันเห็นว่าถามไม่ได้ความจึงเอ่ยตัดบท "หากพวกท่านยังไม่กลับคืนนี้ เช่นนั้นท่านพ่อก็ให้พี่ซงมาหาข้าสักรอบเถิด" เมื่อเห็นว่าฉู่ยี่เดินไปไกลจนเกือบลับตาแล้ว จึงรีบเอ่ยลา "ท่านพ่อได้โปรดดูแลสุขภาพด้วย ข้าต้องรีบกลับไปทำงานก่อน"

พูดจบสุยอันก็เลิกชายกระโปรงขึ้นและวิ่งเหยาะแหยะตามฉู่ยี่ไป

หวางจื่ออวี๋มองฉู่ชิวส่วยที่มองสุยอันที ปากขยับมุบมิบทว่าไม่ได้เอ่ยอะไรออกไป ฉู่ยวี่เห็นเช่นนั้นจึงหัวเราะออกมา "พี่สะใภ้ของเจ้าบอกว่าอยากกินขนมดอกหอมหมื่นลี้ร้านเฟิ่งจี้ ไหนๆ เราก็เดินมาถึงนี่แล้ว ไปซื้อติดไม้ติดมือสักนิดเถิด ซื้อไปเผื่อท่านย่าด้วย เจ้าไปกับข้าดีกว่า จะได้ไม่ถูกน้องเก้าลากไปแต่งกลอนอีก"

ในที่สุดสุยอันก็ไล่ตามฉู่ยี่ทันก่อนเข้าประตูเรือน นางเอ่ยถามวู่ยิงกระหืดกระหอบ "ไฉนถึงไปที่ประตูเล็กกันได้" นางเพิ่งเคยถูกจับได้ว่าอู้งานเป็นครั้งแรก

"คุณหนูหลินเข้ามา เห็นตอนที่ท่านพี่วิ่งออกไปอย่างรีบร้อนพอดี นางนึกว่าท่านมีธุระอะไร จึงเข้ามาถามข้าเพราะอยากจะช่วยท่าน ข้าจึงบอกไปว่าท่านไปพบครอบครัว ใครจะคิดว่าจู่ๆ นางจะบอกว่า ไม่มีอะไรทำอยากออกไปเดินเล่น แต่ไม่รู้ถนนหนทางในจวน...คุณชายเจ็ดรู้ว่านางเป็นครอบครัวของอาจารย์หลิน จึงบอกว่าตนก็จะออกไปข้างนอกเช่นกัน สุดท้ายทุกคนจึงยกโขยงไปที่ประตูเล็ก"

ฉู่ยี่เดินเข้าไปในห้องหนังสือแล้ว

สุยอันช่วยวู่ยิงและวู่เจี๋ยเก็บโต๊ะอาหาร เปิดหน้าต่างระบายอากาศ จุดไม้หอมเพื่อดับกลิ่นสุรา และคอยปรนนิบัติฉู่ยี่เขียนการบ้านดังเดิม

เมื่อท้องฟ้าแปรเปลี่ยนเป็นสีดำ วู่ยิงหาโอกาสเข้ามาบอกสุยอันว่ามีคนมาหาที่ประตูเล็ก นางเหลือบมองฉู่ยี่เล็กน้อย พบว่าเข้ากำลังก้มหน้าก้มตาคัดอักษรอยู่ ไม่มีทีท่าจะพักผ่อนแม้แต่น้อย ผ่านไปหนึ่งเค่อ* ในที่สุดนางก็เดินพิรี้พิไรไปหน้าโต๊ะของเขา

"คุณชายเก้าเจ้าคะ บ่าวอยากขอลางาน"

ฉู่ยี่ไม่เอ่ยอะไร จนกระทั่งคัดเสร็จไปหนึ่งหน้า ค่อยวางพู่กันลงและเงยหน้ามองนางแวบหนึ่ง เขาเห็นตั้งนานแล้วว่านางกะจิตกะใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เขากำลังรอให้นางเป็นคนเอ่ยปากเองอยู่

สุยอันขยุ้มชายเสื้อ ร้อนใจประหนึ่งถูกไฟลน เพราะกลัวว่าหลี่ซงจะรอไม่ไหวและกลับไปก่อน กลัวว่าบิดาจะเกิดเรื่องอะไรจริงๆ กลัวว่าฉู่ยี่จะไม่อนุญาตให้ลาเพราะโกรธนางอยู่ นางภาวนาให้เขาเอ่ยอะไรสักอย่างออกมา แต่อีกใจหนึ่งก็กลัวว่าเขาจะพูดอะไรที่ไม่น่าฟังออกมาเช่นกัน

"เจ้าเป็นคนทำเส้นหมี่เองหรือ"

"เจ้าค่ะ ฟางต้าเหนียงที่อยู่เรือนข้างๆ เป็นคนสอนบ่าว บ่าวทำเส้นหมี่พร้อมกับนาง หลายวันก่อนค่อนข้างยุ่งจึงลืมไปรับอาหาร เลยต้องต้มบะหมี่ให้คุณชายหวางแทน มะ ไม่ได้อร่อยเหมือนที่คุณชายหวางบอกหรอกเจ้าค่ะ"

ฉู่ยี่หัวเราะออกมา "เจ้าลนลานอะไร กลัวว่าข้าจะว่าเจ้าประจบเจ้านายใหม่เช่นนั้นหรือ"

สุยอันตกใจจนคุกเข่าลงกับพื้น "คุณชายเก้า คืนนั้นบ่าวน้อมรับคำสั่งของท่านให้ไปดูแลคุณชายหวาง บ่าวเพียงแต่ทำหน้าที่ของตน การไปดูแลคุณชายหวางก็ไม่ใช่ความต้องการของบ่าวเลย"

ฉู่ยี่มองท่าทางหวาดกลัวของสุยอันที่คุกเข่าอย่างเชื่อฟังอยู่บนพื้น ใจก็เกิดลำพอง สาวใช้คนอื่นๆ ของเขาต่างถูกอบรมสั่งสอนจากคนอื่นถึงส่งมาให้เขา มีเพียงสุยอันเท่านั้นที่เขาเป็นคนอบรมสั่งสอนตามความต้องการของเขาเอง เขาให้นางไปซ้ายนางก็ไม่มีทางกล้าไปขวา ซ้ำยังฉลาดเฉลียว เขาเพียงส่งสายตาให้นาง นางก็รู้แล้วว่าต้องไปทำอะไร เพียงเขาเอ่ยประโยคแรก นางก็รู้แล้วว่าจะต่อประโยคที่สองอย่างไร...สาวใช้เช่นนี้ แม้ปากเขาจะบอกว่าจะส่งให้คนนั้น จะมอบให้คนนี้ ทว่าความจริงกลับไม่เคยคิดเช่นนั้น และคำพูดเช่นนี้ เขาสามารถพูดได้แต่เพียงผู้เดียว ไม่อนุญาตให้คนอื่นพูดเด็ดขาด และยิ่งยอมให้สุยอันมีความคิดที่จะไปหาเจ้านายคนใหม่ไม่ได้เด็ดขาด

เมื่อคิดถึงตรงนี้เขาก็อารมณ์ดีไม่น้อย ยื่นมือไปบีบคางของนาง ดวงตาเป็นประกาย "ข้าสั่งให้เจ้าทำอะไรเจ้าก็จะทำตามเช่นนั้นจริงหรือ"

สุยอันชะงักไปเล็กน้อย มองดวงหน้าสุขุมของฉู่ยี่ที่แฝงความคึกคะนองของเด็กหนุ่ม มิว่าเช่นไรนางก็คิดกับเขาแบบนั้นไม่ได้จริงๆ หัวสมองของนางตอบสนองออกไปอย่างรวดเร็ว "คุณชายเก้าเป็นนาย บ่าวพร้อมจะทำตามบัญชาของคุณชายเก้าเสมอ"

ทว่าฉู่ยี่กลับไม่พอใจคำตอบของนาง จึงรุกถามไม่เลิกรา "เช่นนั้นหากให้เจ้าคอยปรนนิบัติข้าเล่า ฮูหยินผู้เฒ่าบอกว่าปีหน้าจะทำพิธีหมั่งหมิ่ง* ให้เจ้า และให้เจ้ามาคอยปรนนิบัติอยู่ในห้องของข้า..."

สุยอันพลันหน้าแดงแปร๊ด คนผู้นี้หน้าหนาเสียจริง เขาเพิ่งอายุเท่าไรกัน คิดจะหลับนอนกับสตรีแล้วหรือ หน้าไม่อายเกินไปแล้ว!

ฉู่ยี่กลับคิดว่านางกำลังเขินอาย จึงปล่อยมืออย่างรังเกียจ เอ่ยอย่างลำพองแฝงแววกระแนะกระแหน "ดูท่าดีใจของเจ้าสิ" มุมปากของเข้ายักยิ้มขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ เคาะโต๊ะนิ้วกับโต๊ะหนึ่งที "เอาล่ะ อนุญาตให้เจ้าลาได้ มิใช่จะไปหาครอบครัวหรอกหรือ"


สุยอันเดินมาที่ประตูเล็กอย่างทุลักทุเล เมื่อหลี่ซงเห็นนางก็เอ่ยอย่างร้อนรน "เจ้าไม่ต้องรีบ อย่างไรเสียข้าก็รอเจ้าเสมอ" มือที่กำลังจะหยิบผ้าเช็ดหน้าของเขาชะงักไป เพราะกลัวสุยอันจะรู้สึกสกปรก เขาลังเลเล็กน้อยก่อนเอ่ย "เจ้ารีบเช็ดเหงื่อบนหน้าผากเร็วเข้า"

สุยอันยกมือปาดอย่างลวกๆ เอ่ยอย่างกระหืดกระหอบ "พี่ซง ข้าไม่เป็นอะไร ข้าเพียงอยากถามว่าท่านพ่อข้ามาที่นี่มีเรื่องอะไรหรือ"

หลี่ซงอ้าปากค้าง กว่าค่อนวันจึงเค้นเสียงออกมาได้ "ลุงฉู่ไม่ได้บอกเจ้าหรือ"

"ไม่ได้บอก พอเห็นข้าเขาก็เอาแต่ร้องไห้ พอถามอีกก็บอกว่ารู้สึกผิดต่อข้า ไม่มีหน้าไปพบท่านแม่ ตกลงมีเรื่องอันใด รีบบอกข้าเร็วเข้า ข้าร้อนใจจะตายอยู่แล้ว"

หลี่ซงลูบหัวอย่างลำบากใจ "ลุงฉู่ก็ไม่ได้บอกข้าเช่นกัน เขาได้ยินว่าข้าจะเข้าเมืองจึงตามมาด้วย ข้าเห็นเขาดูอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไรจึงไม่กล้าถามอะไรมากนัก"

"เช่นนั้นที่บ้านเกิดเรื่องอะไรหรือไม่"

"ไม่มี ไม่มีเรื่องอะไร ทุกอย่างเรียบร้อยดี ปีนี้บ้านเจ้าไม่ได้ขายธัญพืชเลย น่าจะพอกินช่วงฤดูหนาว"

สุยอันเอาใจที่ออกมาถือไว้เก็บใส่เข้าไปในอกเช่นเดิม ไม่แน่ว่าฉู่ชิวส่วยอาจจะแค่คิดถึงนางเท่านั้น จึงมาเยี่ยมดูนาง

"พี่ซง ข้าขอรบกวนท่านช่วยดูแลท่านพ่อของข้าด้วย"

หลี่ซงมองดวงตาสุกสกาวของสุยอัน เมื่อคิดถึงซาลาเปาที่ฉู่ชิวส่วยเอากลับไปเมื่อตอนเที่ยง ความรู้สึกในใจของเขาก็เอ่อล้น เขารวบรวมความกล้าก่อนเอ่ย "นันนัน ข้า ข้าเก็บเงินได้ห้าตำลึงเงินแล้ว"


*พิธีมังหมิ่ง หรือในภาษาจีนกลางเรียกว่าไคเหลี่ยน เป็นพิธีที่ผู้หญิงที่ใกล้จะแต่งงานใช้เส้นด้ายกำจัดขนอ่อนบนใบหน้าและลำคอ และถือเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของผู้หญิงสมัยโบราณที่กำลังจะแต่งงาน


***ติดตามตอนต่อไปก่อนใครได้ที่ https://www.readawrite.com/a/b42d15240c9075c343f762590f4baa36

***เวลาแชร์หรือเมาท์มอยนิยายเรื่องแม่สาวใช้ตัวดีในจวนท่านแม่ทัพที่ไหน ขอฝากแฮชแท็ก #แม่สาวใช้ตัวดีในจวนท่านแม่ทัพ #readAwrite ด้วยน้า

รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว