ตราบาปมลทิน-บทที่ 5 ยิ่งเจ็บช้ำ

โดย  r_mustang

ตราบาปมลทิน

บทที่ 5 ยิ่งเจ็บช้ำ

การเดินทางกลับกรุงเทพฯ ไม่ค่อยเร่งรีบนัก เนื่องจากถนนค่อนข้างโล่งพอสมควร คามินจึงขับรถไปเรื่อยๆ เพื่อให้ตัวเองได้พักด้วยการมองถนนและวิวของสองข้างทางมีต้นไม้แซมกับตึกที่มีคนอาศัยอยู่ ศรันยาช่วยมองทางและเปิดเพลงจากโทรศัพท์เผื่อว่าเขาฟังแล้วจะได้ไม่ง่วง มือหนาที่จับพวงมาลัยรถเต็มไปด้วยความมั่นใจ ทำให้เธอชะงักคำพูดที่ว่า...ช่วยขับไหม เอาไว้ก่อน

รถเริ่มซาลงมากแล้วซึ่งมันก็ดีและไม่ดี แม้จะทำให้ขับรถได้สบายขึ้น แต่ก็วังเวงพิกลเมื่อตลอดทั้งเส้นทางที่สายตาพอจะมองเห็นมีรถขับมาตามๆ กันมาไม่ถึง 5 คัน ศรันยาหันไปมองคามินที่เหลือบไปมองกระจกข้างบ่อยครั้ง แต่พอเธอมองตามก็ไม่เห็นจะมีอะไร จู่ๆ คามินก็ขับรถเร็วขึ้น พลอยทำให้รถของการ์ดต้องรีบขับตามมา ชายหนุ่มถอนใจพลางเบี่ยงให้รถมาอยู่เลนซ้าย คราวนี้หญิงสาวมั่นใจเต็มร้อยว่าต้องมีอะไรแน่นอน

“คุณตั้งสติดีๆ นะ ผมคิดว่าเรากำลังถูกตาม” คามินบอกศรันยาพลางรับโทรศัพท์จากคนของเขา “ผมเห็นแล้ว พวกคุณระวังตัวด้วยแล้วกัน”

คามินยังไม่ทันได้วางสายด้วยซ้ำรถคันหนึ่งที่เขาสังเกตการณ์มาพักหนึ่งแล้วก็ขับขึ้นมาเพื่อตีคู่ คนของคามินเปิดประจกเตรียมยิงหากฝ่ายนั้นเริ่มยิงมา แต่มันกลับไม่เป็นอย่างนั้นพราะรถที่ตีคู่กลับเบี่ยงเข้าหาแล้วกระแทกใส่รถการ์ดของคามินอย่างรวดเร็ว

โครม!!!

รถของการ์ดถูกขับเบียดจนตกลงไปข้างถนน แล้วมีรถเข้ามาตามคามินแทนในวินาทีนั้น เสียงปืนดังขึ้นเมื่อการ์ดของคามินลงมาจากรถที่พังยับเพื่อยิงสกัด คามินล้วงไปใต้เบาะเพื่อหยิบปืนออกมา แล้วส่งให้ศรันยาหนึ่งกระบอก ส่วนอีกกระบอกเขาถือไว้เอง

“ถือปืนไว้ บางทีอาจต้องใช้” ชายหนุ่มบอกแล้วหันมามองเร็วๆ เมื่อยังต้องควบคุมรถไม่ให้เสียหลัก “คุณกลัวหรือเปล่า”

ศรันยารับปืนมาถือไว้พลางมองคามินที่หันมาพอดี แม้จะเป็นแค่เสี้ยววินาที แต่ก็รู้สึกได้ถึงความห่วงใยผ่านสายตาคู่นั้น

“กลัวค่ะ แต่ยังมีสติ”

คามินขับรถต่อไปพลางมองกระจกข้างพร้อมกับโทรหาตำรวจไปด้วย แต่ยังไม่ทันได้คุยรถก็เสียหลัก เมื่อต้องหักหลบหลังจากถูกปาดหน้าในระยะกระชั้นชิด รถเสียหลักไถลลงข้างทางซึ่งเต็มไปด้วยหญ้ารก ยังดีที่ไม่มีต้นไม้ไม่อย่างนั้นเขาอาจชนไปแล้ว แต่เขากลับพบความโชคร้ายเมื่อล้อไปติดกับอะไรสักอย่าง แม้จะพยายามเหยียบคันเร่งให้รถแล่นไปข้างหน้าก็ไม่ได้ พอจะถอยหลังก็ทำไม่ได้เช่นกัน

คามินตัดสินใจในวินาทีนั้นปลอดล้อครถ แล้วรีบลงมาช่วยประตูรถที่เหมือนกับติดอะไรสักอย่างทางฝั่งของศรันยา เขาช่วยโอบเอวเธอลงมาเพราะแรงกระแทกเมื่อครู่ ทำให้เธอตัวงอเพราะถูกกระแทกอย่างจัง

“คุณหนีไปก่อน ผมจะล่อไปอีกทาง”

“ไม่ได้ค่ะ เราต้องหนีด้วยกัน” การไปสู้ 2 ต่อ 5 คนเท่าที่เธอนับได้จากเงาคนในรถที่กำลังมาตามล่า ให้มองอย่างไรก็รอดยาก “อย่ามัวแต่คิดว่าจะไล่ฉันยังไง รีบวิ่งไปด้วยกันดีกว่า”

คามินคว้าข้อมือของศรันยาแล้วพาวิ่งหนีไปจากตรงนั้นทันที เมื่อแน่ใจว่าลำพังตัวเขาเองคงต้านทานคนพวกนั้นไม่ง่ายเลย อีกทั้งทั่วบริเวณก็ไม่มีใครที่พอจะร้องขอความช่วยเหลือได้ ตนจึงเป็นที่พึ่งแห่งตนเท่านั้น ศรันยาวิ่งตามไปแม้รองเท้าที่ใส่จะไม่สะดวกเท่าไหร่นัก ไม่มีทางข้างหน้ามีแต่ป่าหญ้าคาที่ไม่สูง แต่ใบคมบาดแขนได้เลือดซิบๆ ทั้งสองคนยังคงวิ่งต่อไป แม้จะได้ยินพวกมันวิ่งตามมาใกล้แล้วจนกระทั่ง

ปัง ปัง!!!

คามินหันไปมองข้างหลัง แล้วยกปืนขึ้นมาเพื่อยิงกลับไปบ้าง ศรันยาก็ช่วยยิงอีกแรง

ปัง ปัง!!!

แล้ววิ่งต่อพร้อมกับยิงสกัดไปข้างหลัง แต่คนที่ไล่ล่ามีมากกว่าจนกลายเป็นว่าถูกล้อมกลายๆ ทั้งซ้ายและขวา แม้จะระยะห่างอยู่หลายเมตร แต่จำนวนคนที่มากกว่า คามินจึงไปต่อไม่ได้เมื่อไอ้โม่งสองคนวิ่งมาดักหน้าไว้ ตอนนี้พวกเขาถูกล้อมเอาไว้หมดทุกทางแล้ว ศรันยามองพวกมันที่สวมหมวกไหมพรมจนเห็นแค่ดวงตาด้วยความกลัว แต่มือยังจับปืนไว้แน่น

“หลบข้างหลังผมไว้”

คามินกระซิบบอกพลางจับข้อมือดึงให้ศรันยาไปยืนหลบข้างหลังของเขา มืออีกข้างยังเล็งปืนออกไปหากใครกล้าเข้ามาใกล้ เขายิงทันที ตัวเขาคงไม่อะไรมาก สู้แค่ตาย กังวลก็แต่ว่าจะพาศรันยาหนีไปยังไง

“พวกผมไม่ได้มาเพื่อฆ่าคุณ แต่มาเพื่อพาคุณไปพบใครบางคน ถ้าคุณยอมมาดีๆ กระสุนในปืนของผมจะไม่ต้องถูกใช้” เจ้าคนที่ยืนใกล้ๆ กับคามินที่สุดเอ่ย

“ไปพบใคร” คามินหันไปถาม

“ผมคงบอกคุณไม่ได้”

คนของไอ้โม่งทั้งหมดกำลังล้อมเข้ามา คามินตัดสินใจในวินาทีนั้นยิงปืนใส่ไอ้คนที่เพิ่งเจรจาแล้วพาศรันยาฝ่าวงล้อมออกมา แต่เสียงปืนกลับดังขึ้นอีกนัด เขาเข้าไปกอดแล้วเอาตัวมาบังเธอไว้ กระสุนแทบจะเฉียดแก้มของเขาไปทิ้งความร้อนบางเบาไว้ให้รู้ว่าพวกมันฆ่าได้จริงๆ ตอนนี้ถึงไม่ยอมก็คงต้องตามน้ำไปก่อนแล้ว

“ก็ได้ ผมจะไปกับพวกคุณดีๆ แต่ปล่อยผู้หญิงคนนี้ไป มันเป็นเรื่องของผมกับนายของคุณ”

“คงไม่ได้หรอก” ไอ้โม่งคนเดิมตอบ ขืนปล่อยผู้หญิงไป พวกเขาอาจจะเดือดร้อนในตอนหลังก็ได้ “พาตัวไป”

พวกมันเข้ามาแล้วยึดปืนของคามินกับศรันยาไป ศรันยามองคามินเมื่อรู้สึกกลัวจนไม่แน่ใจว่าควรทำยังไง ชายหนุ่มกระซิบบอกเสียงเบาพลางช่วยประคองหญิงสาวว่า

“ไปกับพวกมันก่อน”

ศรันยาพยักหน้า “ฉันขอโทษที่ทำให้คุณลำบากไปด้วย”

“ผมต่างหากที่ทำให้คุณต้องมาเจ็บตัวและเดือดร้อนเพราะผมอีกแล้ว”

คามินกอดศรันยาไว้แน่นไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเขาไม่ยอมแยกจากเธอเด็ดขาด ทั้งสองถูกพามาขึ้นรถอีกคันที่ขับเข้ามาจอด แต่มันแปลกตรงที่พวกมันไม่แม้จะมาปิดตาเราทั้งสองคน ทำให้น่าขบคิดว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ หากคนที่เขาต้องไปพบและการตกลงอันดีไม่เกิดขึ้น การถูกพาตัวกลับมาอย่างปลอดภัยคงไม่มีทางเป็นไปได้

เพราะฉะนั้นคามินต้องคิดให้ออกและหาทางให้ได้ว่าจะพาศรันยาหนีไปจากคนพวกนี้ยังไง ชายหนุ่มโอบไหล่ของหญิงสาวไว้พลางกระซิบบอกว่า...ขอโทษ ศรันยาบอกเสียงเบากลับไปว่า...ไม่เป็นไร ก่อนจะพยายามมองทางเผื่อจะพบวิธีในการหลบหนี


ปลายทางของการเดินทางคือท่าเรืองั้นหรือ?

คามินตั้งคำถามอยู่เงียบๆ พลางหันไปมองศรันยาที่เก็บอาการได้เก่งไม่น้อย เขารู้ว่าเธอกลัว แต่การโวยวายหรือร้องไห้จะทำให้สถานการณ์ยิ่งแย่ไปกว่าเดิม รถจอดนิ่งแล้วประตูก็เปิดออก คามินกับศรันยาถูกสั่งให้ลงมาเพื่อไปขึ้นเรือประมง เพียงครู่เดียวเรือก็เคลื่อนออกจากฝั่ง คามินยังไม่เห็นวี่แววคนของเขาซึ่งน่าหนักใจไม่น้อย

“น่าสงสัยนะคะว่าทำไมต้องไปพบกันกลางทะเลด้วย” ศรันยากระซิบคุยกับคามินเมื่อไอ้โม่งทั้งหลายเดินห่างเราสองคนไป อาจเพราะคิดว่าไม่มีอะไรน่าห่วง “ไม่ใช่ว่าถ้าคุยไม่รู้เรื่องแล้วจับโยนลงทะเลเลยหรอกนะคุณ”

“ผมว่าคราวนี้คุณคิดถูก แต่ผมไม่ยอมพวกมันง่ายๆ หรอก” คามินมองไปทั่วเรือเพื่อหาทางรอดให้กับเขาและศรันยา ตอนนี้เขาคิดว่ามีทางออกแล้ว

“แล้วคุณจะรอไอ้คนที่อยากมาเจรจาไหมคะ”

“เรื่องอะไรจะรอล่ะ ถ้าผมไม่ตกลง มันคงฆ่าได้เลยน่ะสิ” คามินหันมามองศรันยาแล้วรั้งใบหน้าของเธอให้แนบกับไหล่ของเขาเพื่อที่จะบอกแผน

“คุณรอผมบอกนะ ตอนนี้ทำเฉยๆ ไปก่อน”

คามินจับที่ส้นรองเท้าเพื่อดึงของที่มีลักกษณะเป็นแผ่นห่อกระดาษฟอยล์ที่ซ่อนไว้เผื่อเหตุฉุกเฉินออกมาทีละข้าง เมื่อครู่ที่ไม่ได้ใช้เพราะคิดว่าไม่น่าช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นมาได้ ตอนนี้สบโอกาสแล้ว

“แล้วเราจะหนียังไงคะ ไปจับมันทุ่มพื้นคงไม่ทันปืนละมั้ง”

“ก็แค่ไปเอาปืนของมันมา”

คามินมองไปยังเป้าหมาย 5 ต่อ 2 และ 2 ตัวช่วย มันน่าจะเป็นไปได้ ชายหนุ่มหันกลับมาก็พอดีศรันยากำลังถอดรองเท้าเพื่อเตรียมพร้อม

“คุณไหวนะ”

“ไหวค่ะ”

คามินกระซิบบอกศรันยาถึงแผนที่เขาคิดไว้ เพียงครู่เดียวหญิงสาวก็นั่งสั่นๆ ก่อนจะร้องด้วยความเจ็บปวด ชายหนุ่มตะโกนเรียกชื่อด้วยความเป็นห่วง

“รันเป็นอะไร” พลางหันไปทางชายที่ยังใส่หมวกไอ้โม่งให้เข้ามา “พวกนายมาช่วยดูหน่อยเร็ว แฟนของฉันเป็นอะไรก็ไม่รู้”

เจ้าหัวหน้าพยักหน้าให้ลูกน้อง 2 คนเข้ามาดู คามินขยับมาใกล้ศรันยามากกว่าเดิม คนร้ายนั่งลงใกล้ๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยศรันยายังไง ช่วงที่พวกมันกำลังคิดไม่ออกนั้นเองที่คามินทิ่มเข็มซึ่งปลายเคลือบยาสลบที่ขนาดช้างทั้งตัวยังต้านไม่ไหวใส่ที่หลังไปครึ่งเล่ม ก่อนจะแย่งปืนมาถือไว้ทั้ง 2 กระบอก

ศรันยาถีบพวกมันออกไปเต็มแรงก่อนจะรับปืนที่คามินส่งมาให้ พวกมันทั้ง 2 คนเข้ามาจะแย่งปืนกลับ แต่กลับเกือบล้มทั้งยืน คามินรีบคว้าตัวไว้เพื่อเป็นโล่กำบัง เพราะเวลานี้มันอีก 3 คนไม่ปล่อยพวกเขาไว้แน่

“ถ้าไม่อยากให้คนของแกตายก็วางปืนซะ” คามินขู่ถ่วงเวลาเมื่อเขาต้องหาทางจัดการไอ้ 3 คนที่เหลือ แล้วยึดเรือ

“พวกกูคนเยอะกว่าโว้ย” ไอ้หัวหน้าขู่กลับ “ยิงมัน ถ้าตายก็แค่บอกนายว่ามันจะหนี”

“รันหาที่หลบ!”

คามินตะโกนบอกพร้อมกับกระโจนหาที่หลบพร้อมกับคว้าตัวศรันยาไปด้วยกัน

เสียงปืนดังขึ้นจากทั้ง 2 ฝั่ง แต่คามินต้องประหยัดกระสุนปืนไว้เพราะมีเพียงแค่ 2 กระบอกและไม่มีกระสุนเพิ่ม ชายหนุ่มขว้างไม้พาเลทออกไปทำให้พวกมันยิงป้องกันตัวไปหลายนัด ศรันยาหาของใกล้ตัวโยนออกไปบ้าง แต่มันไม่หลงกลแล้ว ขืนเป็นอย่างนี้ต่อไป ทางฝั่งของพวกเขาคงเสียเปรียบแน่

“เอาไงดีคุณ ฉันเหลือกระสุนอีก 3 นัด”

“ผมเหลืออีก 4 นัด” คามินมองไปรอบตัวก่อนยิงกระจกในห้องเครื่องที่คนของมันไม่อยู่เพราะต้องมายิงสู้กับเขา

“คุณเข้าไปในนี้ เดี๋ยวผมจะเบี่ยงเบนความสนใจของมันเอง”

ศรันยาพยักหน้าแล้วรอสัญญามือจากคามินที่แบออก เขาออกมาจากที่กำบังพร้อมกับยิงออกไป ก่อนจะกระโดดลงน้ำ พวกมันยิงปืนลงไปในน้ำหมายจะสังหาร ศรันยาใจหายวาบไม่คิดว่าคามินจะทำแบบนี้ แต่ประวัติของเขาที่เธอรู้ การดำน้ำถือว่าอยู่ในระดับดีมาก เพราะฉะนั้นเธอต้องเข้าไปยึดห้องขับเรือให้ได้

“มันหายไปไหนแล้ววะ”

พวกมันมองไปทั่วท้องทะเล แต่ไม่ค่อยเห็นอะไรจึงหาไฟมองส่องเผื่อจะพบเลือดลอยบนผิวน้ำบ้าง ตอนนี้ใกล้เวลาที่นายจะมาสมทบแล้ว หากไม่จัดการให้เรียบร้อยล่ะก็พวกเขาแย่แน่ ยิงให้ตายๆ ไปเสียยังดีกว่าบอกว่ามันหายไปและไม่รู้ว่าตายหรือเปล่า


คามินซวยแล้ว ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านนะคะ

อัมราน&บรรพตี

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว