กลรักเตชทัต-กลที่ 1 : คนที่ไม่เข้าตา

โดย  มัญนิตา จิณณ์

กลรักเตชทัต

กลที่ 1 : คนที่ไม่เข้าตา



ณ พื้นที่อันห่างไกลจากเมืองหลวง มีหมู่บ้านเล็กๆ ที่มีประชากรอาศัยอยู่ไม่กี่ร้อยหลังคาตั้งอยู่ แม้ประชากรจะไม่หลากหลาย แต่ทว่านาข้าวที่อยู่ล้อมรอบหมู่บ้านกลับมีพื้นที่นับพันไร่ เกินกว่าครึ่งที่นานั้นยังเป็นของ คุณย่าคำหอม ทรัพย์มหาศาล เศรษฐินีหญิงแกร่งแห่งหมู่บ้านนาทองคำ แหล่งผลิตและส่งออกข้าวหอมมะลิคุณภาพดีของประเทศ

แม้จะมีนาข้าวนับไม่ถ้วน แต่คุณย่ากลับมีทายาทน้อยนิด มีลูกก็มีแค่คนเดียว พอมีหลานก็เป็นหลานชายคนเดียวเช่นกัน ดังนั้นเมื่อหลานชายหัวแก้วแหวนอย่าง แดนดิน ทรัพย์มหาศาล อยู่ในวัยสร้างครอบครัว ท่านจึงพยายามคัดสาวๆ หุ่นแม่พันธุ์มาให้เขาได้พิจารณา สะโพกใหญ่ๆ แบบนั้นคงคลอดเหลนให้ท่านได้หลายคน

แต่แดนดินไม่เคยเห็นผู้หญิงพวกนั้นอยู่ในสายตา!

หนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ แดนดินผลักใสผู้หญิงที่ผู้เป็นย่าหามาให้ออกไปจากชีวิตของเขาด้วยวิธีการต่างๆ เช่นสาวเสื้อส้มที่ต้องกลับไป ‘ตาเปล่า’ ไม่ได้เห็นแม้เพียงเส้นผมของเขา...

“คุณย้า”

หญิงชราที่กำลังนั่งคัดเมล็ดถั่วเล่นอยู่บนศาลานั่งเล่น หันไปมองซุ้มบันไดทางขึ้นเรือนด้วยสีหน้ายิ้มๆ ไม่นานร่างสูงของหลานชายในชุดเสื้อยืดกับกางเกงเลก็เดินขึ้นมาบนเรือน

“อะไรกันเจ้าดิน เสียงดังจริงๆ เลยนะเราเนี่ย” แกล้งต่อว่าคนที่เดินมาทรุดนั่งลงใกล้ๆ เรือนไทยประยุกต์แบบอีสานหลังนี้ ปลูกขึ้นตั้งแต่สมัยท่านแต่งงานแล้วย้ายตามสามีมาอยู่ที่นี่ใหม่ๆ ตัวเรือนสร้างจากไม้ศักดิ์ทองทั้งหลัง ทำให้เรือนหลังนี้ตั้งตระหง่านมาหลายสิบปี เมื่อลูกชายคนเดียวมีครอบครัว เขาก็ปลูกเรือนไทยขึ้นมาติดๆ กัน แล้วสร้างชานเรือนเชื่อมต่อเข้ากับเรือนใหญ่ เพื่อให้ครอบครัวได้ใกล้ชิดกันเหมือนเดิม

“ขอโทษจ้ะ ดินแค่อยากเจอคุณย่าเร็วๆ”

คำหอมยิ้มน้อยๆ มองใบหน้าหล่อเหลาของหลานชายในเวลานี้บึ้งตึงจนอยากตีให้มันหายสักที ท่านเลยต้องวางมือจากงานอดิเรกของตน

“มีอะไรก็ว่ามา”

“คุณย่าเลิกหาผู้หญิงมาให้ดินดูตัวเถอะนะจ๊ะ” แดนดินบอกหน้าบูดกว่าเดิม หนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ เขาต้องคอยคิดหาวิธีเลี่ยงการเผชิญหน้าผู้หญิงพวกนั้นจนปวดหัวไปหมด

“ดินมีเมียเมื่อไหร่ ย่าก็หยุด”

“แต่ดินยังไม่อยากมีเมีย”

“แล้วทำไมไม่อยากมี” อันนี้คนเป็นย่าสงสัยจริงๆ คนอื่นรุ่นราวคราวเดียวกับแดนดินมีลูกสองลูกสามกันไปแล้วทั้งนั้น หลานท่านมันกลัวอะไร?

“ก็มีเมียแล้วไม่ดี ทำอะไร ไปไหนมาไหน ก็ไม่สะดวก”

“เคยมีรึไง ถึงได้รู้น่ะ”

“โอ้ย ผู้หญิงที่ดินเคยเจอมาไม่เคยจะว่าง่ายสักคนนี่จ๊ะ คอยแต่จะเจ้ากี้เจ้าการ สั่งโน่นสั่งนี่ ห้ามโน่นห้ามนี่ น่าปวดหัวจะตายไปจ้ะ”

“แล้วดินไปยุ่งด้วยทำไม ผู้หญิงดีๆ มีเยอะแยะ อย่างเช่น...”

“ห้ามเอ่ยชื่อใครออกมาอีกนะจ๊ะ ผู้ชายอย่างดินไม่เห็นต้องรีบเลย ยิ่งแก่ยิ่งแซ่บ!”

“เออ! แซ่บของแกคนเดียวนะสิ แบบนั้นย่าจะได้อุ้มเหลนเมื่อไหร่กัน เรี่ยวแรงก็หายไปทุกวันๆ แบนนี้ เห็นทีย่าคงไม่มีวาสนาแล้ว” หญิงชราวัยเจ็ดสิบที่ยังหน้าตาอิ่มเอิบและสุขภาพแข็งแรงดี แกล้งบีบน้ำตาใส่หลานชาย

“พอครับ มุขนี้คุณย่าเล่นมันบ่อยแล้ว”

หลานชายรีบยกมือเบรกอย่างรู้ทัน ทำให้คนถูกขัดตวัดค้อนใส่ก่อนจะประกาศออกมาอย่างไม่ยอมง่ายๆ

“ไม่รู้แล้ว ย่าอยากอุ้มเหลน ดินต้องรีบหาเมียมาทำเหลนให้ย่า”

แดนดินค้อนกลับคืนให้ทันที “นั่นเมียดิน หรือเครื่องผลิตเหลนกัน”

“ไม่รู้ไม่ชี้”

“เอาเป็นว่าดินจะหาเมียเอง รับรองว่าถึงตอนนั้นเมื่อไหร่ ดินจะขยันผลิตเหลนให้คุณย่านะครับ”

“แต่ว่าอีกไม่กี่วันข้างหน้าย่าแพงจะพาหลานสาวของท่านชายใหญ่มาอยู่ที่นี่ ชาติตระกูลดีอย่างนี้ ทำไมดินไม่ลองเปิดใจจีบเอามาเป็นคนของเราสักหน่อยล่ะ” หญิงชราบอกด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น เมื่อนึกขึ้นได้ว่าน้องสาวจะพาใครมา

“มาอยู่ที่นี่?”

“ช่าย”

“ดินไม่สนหรอก แล้วก็ไม่ให้มาอยู่ที่เรือนนี้ด้วย” แดนดินคัดค้านทันที จะให้เขาไปจีบเจิบมาเป็นคนของเราอะไรกันล่ะ แค่มาวันเว้นวันเขาก็แทบแย่ ถ้ามาอยู่ด้วยกันเลย เขาได้ตายห่ากันพอดีสิ!

“ไม่ให้อยู่ก็เรื่องของดินสิ แต่ย่าจะให้พวกเขามาอยู่ที่เรือนใหญ่กับย่า”

เรือนทั้งสองจะเชื่อมต่อกันก็จริง แต่ก็แยกส่วนกันชัดเจน แดนดินกับสมุนอาศัยที่เรือนเล็ก ส่วนคำหอมกับคนสนิทก็อาศัยอยู่ที่เรือนใหญ่ ใครจะมาอยู่กับท่านก็ไม่เกี่ยวกับเรือนเล็กอยู่แล้ว แค่เกริ่นให้ฟังเท่านั้นละ

“แต่ว่า...”

“ดินไม่สงสารย่าแพงก็เรื่องของดิน พอเขาก็ทำตัวดีๆ หน่อยแล้วกัน”

แดนดินพูดไม่ออก “ทำไมย่าแพงถึงจะมาอยู่ที่บ้านเราล่ะจ๊ะ”

“ย่าก็ยังไม่ได้ถามเรื่องถามราวอะไรกันหรอก”

ต้นสายปลายเหตุจริงๆ คำหอมก็ยังไม่รู้เหมือนกัน พอน้องสาววัยห่างกันครึ่งรอบโทรมาขอความช่วยเหลือ ท่านก็รับปากไปอย่างไม่คิดอะไร

“ผู้รากมากดีมักถือหน้าถือตา ถึงคุณย่าอยากให้ดินเปิดใจ แต่ฝ่ายนั้นเขาจะชอบคนบ้านนอกคอกนาอย่างดินเหรอจ๊ะ” คนปากดีเบ้ปากบอกทั้งที่ยังไม่ได้เจอหน้า

“ไม่รู้ ก็ดูกันเอาเองสิ เนื้อคู่กระดูกคู่จะมาพบบรรจบกันได้ล้วนขึ้นอยู่ที่โชคชะตา ที่ผ่านมาดินไม่สนใจใครเลยสักคน ก็อาจจะเป็นเพราะว่ารอคนนี้อยู่ก็ได้ ใครจะไปรู้ ดูอย่างย่าสิ อยู่ไกลแค่ไหนก็ยังมาพบรักกับปู่ของแกถึงที่นาทองคำ แล้วก็ต้องมานั่งปวดหัวเรื่องแกอยู่นี่ไง!” ประโยคหลังคุณย่าคำหอมหันมาว่าใส่หน้าหลานชายเสียงดัง

แดนดินหดคอหนี ก่อนจะบอกเสียงดังฟังชัดเช่นกัน “ไม่รู้แล้ว ยังไงดินก็ยืนยันคำเดิม ดินจะหาเมียเอง”

“โอเค หาเมียเองก็ได้ แต่ย่าขอให้ดินลองพิจารณาคนนี้ดูหน่อยนะ ถ้ายังไม่ถูกใจใช่เลยอีกคน ย่าก็จะเลิกยุ่งกับเรื่องเมียรักของดินเลย”

คำอ้อนวอนของคุณย่าคำหอมได้ผล เมื่อหลานชายพยักหน้าหล่อเหลาของเขากลับมาให้อย่างมั่นใจในความคิดของตัวเอง

หญิงชรามองหน้าหลานชายแล้วอดคิดไม่ได้ ถ้าส่งแดนดินไปประกวด ชายงาม รูปร่างสูงใหญ่กับใบหน้าหล่อเหลาคมคายอย่างชายไทยปนลาวของเขาคงเตะตากรรมการสักคน ไหนจะดวงตาสีน้ำตาลออกดำขลับ จมูกโด่งราวคันนา ริมฝีปากหนาสีแดงฉ่ำของเขา รวมๆ แดนดินแล้วต้องได้ตำแหน่งกลับบ้านแน่นอน

**********

ในที่สุดแขกที่คุณย่าคำหอมรอคอยก็มาเยือนนาทองคำ

“กราบคุณย่าจ้ะ”

สองมือของแดนดินกราบลงบนตักเล็กอย่างอ่อนน้อม หลังประคองร่างท้วมในชุดกระโปรงผ้าเนื้อดีนั่งลงบนเตียงไม้ของคำหอม

“ไม่เจอกันตั้งนาน ยังหล่อเหมือนเดิมเลยหลานย่า”

ฝ่ายหลานยิ่งระทวยเข้าหา ไม่ได้มีท่าทีจะเขินอายสักนิดที่ถูกชม แถมยังบอกด้วยสีหน้าระรื่น

“แดนดินเสียอย่าง ยังไงก็หล่อลั่นทุ่งเหมือนเดิมจ้ะ”

คำแพงหัวเราะเบาๆ ก่อนจะดันหลังร่างเล็กของคนที่ตนพามาด้วยออกมาอวดให้เห็นหน้าชัดๆ

“ขอแนะนำ ฤทัยรักษ์ บริรักษ์ภักดี หรือ หนูอุ่น คนที่น้องฟูมฟักมากับมือค่ะ”

“สวัสดีค่ะ” หญิงสาวหน้าสวยใสยกมือขึ้นไหว้เจ้าของบ้านทั้งสองคนอย่างอ่อนน้อม หากสังเกตดีๆ จะเห็นว่าแก้มอิ่มนั้นพองน้อยๆ เพราะกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้อย่างสุดความสามารถ เดี๋ยวคน ‘หล่อลั่นทุ่ง’ จะไม่พอใจที่เธอแอบหัวเราะฉายาเขา

“สวัสดีจ้ะ ย่าชื่อคำหอมนะ ส่วนคนนี้ก็พี่ดิน” คุณย่าคำหอมที่แต่งชุดเต็มด้วยเสื้อผ้าฝ้ายสีขาวผ่าหน้ากับผ้าซิ่นลายไทยรับไหว้แล้ว ก่อนจะแนะนำแดนดินให้รู้จักเสร็จสรรพ สายตาก็ประเมินไปพลางๆ เสื้อและกางเกงขายาวที่หญิงสาวสวมอยู่นั้นพอดีสัดส่วนของเธอจนมองเห็นรูปร่างอวบอิ่มกับสะโพกแน่นๆ ชัดเจน ผมสั้นประบ่าสีน้ำตาลเข้มก็ส่งใบหน้ารูปไข่ผุดผาด คิ้วโก่งงาม ดวงตาสีน้ำตาลสวย จมูกโด่งเชิดรั้นขึ้นนิดๆ มองก็รู้ว่าของแท้ไม่ผ่านมือหมอ เรียวปากอิ่มน่าจุมพิศ...เบื้อต้นสำหรับท่าน ถือว่าผ่าน!

แต่แดนดินที่สู้อุตส่าห์สลัดเสื้อยืดกางเกงเลมาสวมกางเกงยีนส์ กลับมองหญิงสาวด้วยความแปลกใจกับท่าทางนิ่งๆ ที่เธอแสดงออกมา ไม่คิดจะตะลึงในรูปลักษณ์แสนสะอาดของเขาหน่อยเหรอ?

“พอดีมีเรื่องให้ทุกข์กายทุกข์ใจ ยังไงพวกเราสองคนขอหลบอยู่ที่นี่ไปก่อนสักพักนะคะคุณพี่” คำแพงบอกเสียงอ่อนอย่างนึกเกรงใจ

เจ้าของเรือนโบกมือบอก “เรื่องนั้นไม่มีปัญหาหรอก ว่าแต่หนีอะไรกันมา มีอะไรที่ฉันพอจะช่วยได้หรือเปล่า”

“เรื่องไม่เป็นเรื่องค่ะ แต่น้องไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครที่ไหน นึกถึงคุณพี่ขึ้นมาเป็นคนแรก ก็เลยพากันมาขออาศัยใบบุญชั่วคราว” คำแพงบอกเสียงอ่อนพลางเอื้อมมือไปลูบแขนเรียวของฤทัยรักษ์ด้วยความสงสาร

“แล้วมันเรื่องอะไรเล่าแม่แพง”

“ก็คุณชายตะวันนะสิคะ เอาน้องสาวไปวางเดิมพันมั่วๆ กับคนอื่นจนเขาตามมาทวงถึงที่วัง พอคุณหญิงจันทร์เธอไม่ยอมไปทำงานใช้หนี้ให้อย่างที่ตกลงกันไว้ ก็มาบังคับหนูอุ่นให้ไปแทน แต่น้องยอมไม่ได้หรอกค่ะ น้องเลี้ยงของน้องมาแต่เล็กแต่น้อยทั้งสองคน คุณชายเธอสร้างปัญหาขึ้นมา ก็ต้องหาทางแก้ไขเองถึงจะถูก จะมาเอาน้องเอาหลานไปขัดดอกได้ยังไง” น้ำเสียงของแม่นมสูงวัยสูงขึ้นเรื่อยๆ ตามอารมณ์ที่สะสมไว้

“ใจเย็นก่อนแม่แพง ไม่มีคนไปขัดดอกให้แบบนี้ คุณชายของแม่แพงคงหาทางอื่นแก้ปัญหาเองนั่นละ ไหนๆ ก็มาอยู่ด้วยกันแล้ว ก็อยู่กันให้สบายใจนะ จะอยู่นานแค่ไหนฉันก็ไม่ว่าหรอก บ้านนี้เราก็มีกันอยู่แค่นี้เอง”

“ขอบคุณที่เมตตาพวกเรานะคะคุณพี่ นี่ไม่รู้ว่าคุณหญิงจันทร์จะหนีรอดหรือเปล่า”

“หนีออกมาหมดแบบนี้ ไม่สงสารคุณชายบ้างรึ”

“ช่างสิคะ”

“เอาเถอะๆ ว่าแต่หนีออกมาอยู่ที่นี่แบบนี้ จะไม่กระทบกับงานทางนั้นหรือจ๊ะ” หันไปถามหญิงสาวที่นั่งเงียบอยู่

ฤทัยรักษ์ยังไม่ได้อ้าปาก คุณนมก็ตอบคำถามนี้ให้แทน

“หนูอุ่นเป็นเลขาให้คุณชายตะวันค่ะ แต่สร้างเรื่องใหญ่ขนาดนี้ น้องเลยปล่อยให้ขาดเลขาเสียให้เข็ด”

“เอ จะว่าไปก็แปลกนะ ทำไมคุณชายของแม่แพงไม่เอาบริษัทไปวางเดิมพันแทนน้องสาวล่ะ” กิจการผลิตและส่งออกเครื่องเบญจรงค์ของหม่อมเจ้าวรรณวิจักษ์ผู้เป็นเจ้านายของคำแพงมูลค่าไม่ใช่จะน้อยๆ

“น้องเองก็สงสัยค่ะ แต่เห็นว่าบริษัทมีหนี้สะสมสูงแล้วก็ขาดทุนทุกปี เจ้าหนี้เขาเลยไม่อยากได้ แต่จะเชื่อได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ น้องไม่เคยเห็นคุณชายท่านบ่นว่าบริษัทมีปัญหามาก่อนเลยค่ะ”

“แต่หนูอุ่นเป็นเลขาให้คุณชาย คงจะรู้เรื่องนี้ดีอยู่แล้วใช่ไหมจ๊ะ” คุณย่าคำหอมหันมาถามฤทัยรักษ์บ้าง

“ค่ะ” ตอบพร้อมกับรอยยิ้มแห้งๆ ก่อนจะค่อยเบนสายตาหนีเนียนๆ

หญิงชราเจ้าของเรือนพยักหน้าตามอย่างไม่ติดใจอะไรอีก หันไปบอกน้องสาวคนเดียวน้ำเสียงตื่นเต้นดีใจ “เอาละๆ เดินทางกันมาเหนื่อยๆ เข้าห้องไปพักกันก่อนเถอะไป เดี๋ยวค่อยออกมาทำอะไรกินกัน ฉันรอกินข้าวรสมือแม่แพงมาหลายวันแล้วนะเนี่ย”

“แหม คุณพี่ก็...”

***************

ธอนอนไม่หลับ...

ร่างเล็กในชุดนอนแบบแขนยาวเปิดประตูเดินออกไปนั่งเล่นบนเก้าอี้ริมระเบียงใกล้ๆ ห้อง ดวงหน้าหมดจดแหงนมองดาวดวงน้อยที่กำลังทอแสงระยิบระยับบนฟ้าแล้วยิ้มออกมา นี่ค่อยรู้สึกว่านั่งมองดาวอยู่จริงๆ หน่อย ไม่ใช่มองไปทางไหนก็มีแต่ตึกกับควันรถ

“ไผนั่น!”

เสียงที่ดังขึ้นทางด้านหลังปุบปับทำให้ฤทัยรักษ์ตกใจสะดุ้ง พอหันไปมองก็เจอชายหนุ่มร่างใหญ่ยืนจังก้ามองมาที่ตนนิ่ง

“ว่าจั่งได๋ สิมาอ่อยนายดินแม่นบ่”

“เดี๋ยวๆ ไม่ใช่นะคะ” หญิงสาวปฎิเสธทันที ‘อ่อย’ ที่ได้ยินคงแปลได้ไม่เยอะหรอกใช่ไหม

“บ่แม่นอิหยัง ดึกดื่นเที่ยงคืนมานั่งแนมเบิ่งอิหยังอยู่นี่ บ่เมือเฮือนเมือซานเจ้า” ก้องหล้าที่เพิ่งกลับมาจากบ้านเพื่อนเดินปรี่เข้าไปถามหน้าตื่น ไม่ได้หรอก เขาต้องคุมเข้มตามคำสั่งของเจ้านาย

ฤทัยรักษ์ได้แต่ลุกขึ้นยืนเผชิญหน้ากับผู้มาใหม่ แต่ไม่ยอมพูดอะไรออกมา ด้วยฟังไม่รู้เรื่องเลยสักคำ

“ว่าจั่งได๋ มานั่งเฮ็ดหยังอยู่นี่”

“เสียงดังอะไรกัน!”

เสียงห้าวตระโกนมาจากอีกฝั่งของเรือนในตอนนั้น ฤทัยรักษ์รีบชะเง้อมองหาเจ้าของเสียงทันที

คนหล่อลั่นทุ่งมาช่วยเธอแล้ว!

“ผู้สาวทางได๋มานั่งอยู่เทิ่งเฮือนนายกะบ่ฮู้ ก้องเลยมาไล่หนีให้ แต่เว้าจั่งได๋กะบ่หือบ่อือ จักสิเฮ็ดจั่งได๋คึกันนาย” ก้องหล้ารีบเดินกลับไปฟ้องเจ้านาย

แดนดินมองหน้าทั้งสองฝ่ายแล้วส่ายหัว เดินเลี่ยงลูกน้องเข้าไปหาคนที่ยืนนิ่งอยู่ มองชุดนอนแสนเรียบร้อยของเธอแล้วเอ่ยถามเสียงเรียบ

“มานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้”

“ดูดาวค่ะ” ฤทัยรักษ์ตอบตามตรง พยายามปรับสีหน้าไม่ให้เขารู้ว่ากำลังเขินจนแก้มร้อน เมื่อกี้แดนดินยืนซ้อนกับคนของเขาอยู่ เธอเลยมองเห็นแค่หน้าหล่อๆ แต่เมื่อเขาเดินดุ่มๆ ออกมาหาแบบนี้ มันก็ชัดเจนเลยว่าทั้งตัวพ่อคุณมีแค่กางเกงเลสีน้ำตาลเข้มตัวเดียว เปลือยอกสีแทนล่ำๆ ให้เห็นเต็มตา จนเธอต้องหันหน้าหนี

นมชมพูเชียวพ่อคุณ...

“มันดึกแล้วเข้าไปนอนไป” คนหน้าไม่อายบอกหรือสั่งก็ไม่รู้

“นอนไม่หลับค่ะ”

“ทำไม” คิ้มเข้มๆ ขมวดเข้าหากันทันที

“แปลกที่ค่ะ”

“เดี๋ยวก็หลับ”

ฤทัยรักษ์มองคนพูดเขม่ง

“คนที่นี่เขานอนเร็ว เพราะต้องตื่นแต่เช้าไปทำงานในไร่ในนา เธอมาอยู่ที่นี่ ก็ควรทำตัวให้ชินเข้าไว้”

“มาอยู่นี่...” ก้องหล้าที่เอียงหูฟังอยู่ทวนตามด้วยความแปลกใจ

“ดูเหมือนคุณจะไม่เต็มใจให้ฉันมาอยู่ที่นี่” ฝ่ายหญิงก็เอ่ยถามตรงๆ

“ใช่”

“ทำไมเหรอคะ”

“เหตุผลส่วนตัว”

ก้องหล้ามองทั้งสองคนที่เถียงกันไปมาด้วยความสับสน สรุปผู้หญิงคนนี้จะมาอยู่ที่นี่และเจ้านายเขาก็ขัดขวางไม่ได้ด้วย?

“ค่ะ งั้นถ้าคุณไม่อยากให้ฉันอยู่ที่นี่ ก็ไปบอกคุณย่าสิคะ เพราะท่านเป็นคนอนุญาตให้ฉันอยู่” บอกแล้วฤทัยรักษ์ก็ไม่สนใจว่าเขาจะทำตามหรือไม่ ขยับตัวเตรียมกลับห้องตัวเอง หมดอารมณ์ดูดงดูดาวมันแล้ว

“เดี๋ยวก่อน” แดนดินรีบดึงแขนคนที่กำลังจะเดินหนี “บอกมาก่อนว่าคุณย่าให้เธอมาทำอะไรที่นี่กันแน่”

“คุณพูดบ้าอะไร ฉันมาที่นี่ทำไมคุณก็รู้ดี”

“อย่ามาโกหก” ว่าไปแรงบีบที่มือก็เพิ่มตามไปด้วย

“ปล่อย ฉันเจ็บ!”

“อย่าให้รู้นะ ว่าเธอมีแผนการจะเข้ามาวุ่นวายกับชีวิตโสดของฉัน ถ้าจับได้ขึ้นมาเมื่อไหร่ ฉันไม่เก็บเธอไว้แน่!” ขู่เสร็จเขาก็สะบัดแขนเล็กทิ้งแรงๆ ก่อนจะเดินปึงปังหนีไปทางเรือนของตัวเอง

คนถูกขู่ลูบแขนตัวเองด้วยความเจ็บ มองตามแผ่นหลังกว้างของเขาไปด้วยความตะลึง ในนิทานพื้นบ้านเงาะป่าถอดรูปออกมาเป็นพระสังข์หนุ่มเนื้อทองรูปงาม นี่พระเอกถอดรูปออกมาเป็นตัวร้ายอย่างนั้นเหรอ!

“เอ่อ สวัสดีครับ ผมชื่อก้องหล้านะครับ เป็นมือขวาของนายดิน คุณคงเป็นหลานสาวของคุณย่าคำแพง ที่จะมาพักที่เรือนนี้ใช่มั้ยครับ”

ฤทัยรักษ์หันกลับมาพยักหน้าให้ชายตัวใหญ่ที่ยืนอยู่ด้วยกันไม่ไปไหน

“เมื่อกี้ต้องขอโทษที่เสียมารยาท พอดีผมถูกเจ้านายสั่งไว้น่ะครับ คุณอย่าถือสาผมเลยนะ ถ้าจะถือสาก็ไปลงที่เจ้านายโน่น ผมเป็นเพียงผู้รับคำสั่งเท่านั้น ยังไงคืนนี้นอนหลับฝันดี ยินดีต้อนรับสู่นาทองคำครับผ๊ม”

‘คุณ’ ของก้องหล้ายังไม่ทันจะอ้าปากพูดอะไรออกมา ร่างสูงใหญ่ก็วิ่งตามหลังผู้เป็นนายไปติดๆ เสียแล้ว

เธอบอกตัวเองทันที ว่าควรอยู่ให้ห่างจากเจ้านายลูกน้องคู่นี้!




รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว