เขาได้ยินหัวหน้าพยาบาลแนะนำว่า “มีห้องพักผู้ป่วยสองห้องบนชั้น 4 ของโรงพยาบาล ซึ่งปกติแล้วจะสงวนไว้ให้สำหรับบรรดาผู้นำเท่านั้น เมื่อเร็ว ๆ นี้มีชายชราคนหนึ่งได้จองห้องพักผู้ป่วยและอาศัยอยู่ที่นั่นเป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้ว คุณสามารถลองไปถามท่านดูได้ แล้วมาดูกันว่าพวกเราจะสามารถได้เตียงสำรองนี้หรือไม่”
“มีห้องพักผู้ป่วยว่างใช่ไหมครับ” หลี่ซีเหวินขมวดคิ้ว
“ถูกต้องค่ะ ชายชราคนนี้จริง ๆ แล้วสบายดีและไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเลย ท่านแค่ต้องการมาพักผ่อนอยู่ที่นี่เท่านั้น” หัวหน้าพยาบาลหัวเราะเบา ๆ “มันก็ดูแปลก ๆ เหมือนกันนะคะ”
“ถ้าอย่างนั้น ให้ผมไปลองถามท่านดูครับ!” หลี่ซีเหวินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “เพราะตอนนี้พวกเราไม่สามารถทำอะไรได้จริง ๆ และไม่มีโรงพยาบาลที่ดีกว่าที่นี่ในเมืองเฉาโจวอีกแล้วด้วย”
“ฉันจะพาคุณไปเองค่ะ” หัวหน้าพยาบาลบอก
ไม่กี่นาทีต่อมา คนทั้งหลายก็มาถึงชั้น 4 และยืนอยู่ที่หน้าประตูของห้องพักผู้ป่วย หัวหน้าพยาบาลพูดว่า “เข้าไปข้างในแล้วลองถามดูเถอะค่ะ ครั้งที่แล้วฉันมาขอแทนคนอื่น แต่ถูกท่านปฏิเสธกลับมา”
“ฉันจะไปขอร้องท่านเองค่ะ!” โจวเหวินจิ้งกล่าว
“คุณรออยู่ที่นี่เถอะครับ ผมจะไปเอง” หลี่ซีเหวินหยุดโจวเหวินจิ้งเอาไว้ เขาไม่ต้องการให้อีกฝ่ายไปร้องขอความช่วยเหลืออย่างพินอบพิเทาอีก จากนั้นจึงเคาะประตูแล้วเดินเข้าไป
“เขาเปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ” หัวหน้าพยาบาลพึมพำโดยไม่รู้ตัว
“ใช่ค่ะ เขาเปลี่ยนไปแล้ว” โจวเหวินจิ้งยิ้มอย่างมีความสุขบนใบหน้า
ภายในห้อง
ทันทีที่หลี่ซีเหวินเดินเข้ามา เขาก็ได้กลิ่นหอมจาง ๆ เตียงในห้องพยาบาลสองเตียงนี้ได้รับการทำความสะอาดและเครื่องนอนก็ถูกพับอย่างเป็นระเบียบ มีชายชราสวมแว่นตานั่งอ่านหนังสืออยู่บนเก้าอี้โยก เขาอ่านหนังสือพิมพ์และเพิกเฉยต่อการเข้ามาของหลี่ซีเหวินโดยสิ้นเชิง
“ถ้าการดมกลิ่นของผมถูกต้อง นี่น่าจะเป็นเครื่องหอมจากประเทศไทยและใช้วัตถุดิบธรรมชาติคุณภาพสูงที่มีแต่เชื้อพระวงศ์เท่านั้นที่สามารถใช้เครื่องหอมชนิดนี้ได้” หลี่ซีเหวินมองไปที่เครื่องหอมบนโต๊ะข้างเตียงซึ่งเป็นกระถางธูปแล้วกล่าวอย่างช้า ๆ
“คุณค้นคว้าเกี่ยวกับธูปกำยานด้วยหรือ” เสียงของชายชราดังขึ้น แต่เขากลับไม่ได้วางหนังสือพิมพ์ลง
“ไม่ได้ค้นคว้าอะไรหรอกครับ แต่แค่ผมชื่นชอบที่มันช่วยทำให้เรารู้สึกสบายใจและช่วยฟื้นฟูได้มากกว่าน่ะครับ” หลี่ซีเหวินตอบ
“ถูกต้อง มันไม่ง่ายเลยที่จะมีสถานที่ที่เงียบสงบแบบนี้” ชายชราพูดและชำเลืองมองมาที่หลี่ซีเหวิน “คุณไม่ใช่หมอ ถ้าอย่างนั้น มีอะไรจะพูดกับฉันก็พูดมาเถอะ”
“ลูกสาวของผมครับ เธอป่วยหนักและไม่มีเตียงในโรงพยาบาล ดังนั้นผมจึงอยากจะรบกวนท่าน ท่านผู้เฒ่า ช่วยสละเตียงให้เธอได้ไหมครับ” หลี่ซีเหวินพูดเบา ๆ
“ฉันไม่อยากถูกรบกวน คุณออกไปเถอะ” ชายชราตอบอย่างเย็นชา
“ขออภัยด้วยครับ” หลี่ซีเหวินค้อมศีรษะอย่างขอโทษ จากนั้นก็หันหลังและจากไป เขาก้าวไปได้เพียงสองก้าวเท่านั้น เมื่อได้ยินเสียงของชายชราดังขึ้นอีกครั้ง
“ฉันสงสัยว่า ทำไมคุณถึงไม่ขอร้องฉันต่อล่ะ”
“ตั้งแต่วินาทีที่ผมก้าวเข้ามาในห้องนี้ ผมก็รู้ว่าตัวตนของท่านไม่ธรรมดา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้เห็นท่าทีที่สงบนิ่งของท่าน จึงเดาได้ไม่ยากว่าท่านคงเป็นบุคคลที่แข็งแกร่งและเด็ดขาด ดังนั้นตราบใดที่ท่านไม่ต้องการที่จะตอบตกลง ไม่ว่าผมจะคุกเข่าลงไปเพื่อขอร้องท่านหรือไม่ก็ตาม ท่านก็คงจะปฏิเสธอยู่ดี ดังนั้นมันจึงไม่สมเหตุสมผลที่ผมจะรบกวนท่านต่อไป” หลี่ซีเหวินตอบอย่างช้า ๆ
“คุณน่าสนใจทีเดียว เด็กน้อย” หลังจากชายชราพูดจบ เขาก็หยิบหนังสือพิมพ์ออกมาจากลิ้นชักและพูดเบา ๆ ว่า “ฉันมีคำถามที่ค้างคาใจมานานแล้ว หากคุณตอบได้ ฉันจะให้เตียง”
“ถามมาได้เลยครับ” หลี่ซีเหวินพูด
“ฉันอ่านสติวเดนท์เดลี่เมื่อเร็ว ๆ นี้ พวกเขาลงโฆษณาให้กับโรงงานไส้กรอกแฮม ฉันไม่รู้ว่าหลู่ชูหังกำลังคิดอะไรอยู่”
หลี่ซีเหวินผงะไปครู่หนึ่ง ชายชรายังคงอ่านสติวเดนท์เดลี่ด้วยวัยเท่านี้แล้วหรือนี่ เขาเหลือบมองไปที่กองหนังสือพิมพ์ด้วยความอยากรู้อยากเห็น และพบว่ามันมีทั้งสติวเดนท์เดลี่และเฉาโจวอีฟเวอนิ่งนิวส์ของทุกวันเลย
เขาจึงเข้าใจว่าการอ่านหนังสือพิมพ์อาจจะเป็นความสุขอย่างหนึ่งของชายชรา
“ท่านอยากรู้ว่าหลู่ชูหังคิดอย่างไรหรือครับ” หลี่ซีเหวินถาม
“ฉันไม่ได้สนใจที่จะรู้ความคิดของเขาแล้วล่ะ แต่มีคำถามหนึ่งข้อ ไส้กรอกแฮมไร้เนื้อจะสามารถทำเงินได้จริงหรือไม่”
“ไม่จำเป็นต้องคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยครับ คำตอบของผมคือได้” หลี่ซีเหวินกล่าวอย่างหนักแน่น
“เหตุผลล่ะ” ชายชรามองไปที่หลี่ซีเหวินอย่างสงสัย
“เพราะผมเป็นเจ้าของโรงงานไส้กรอกแฮมไซอิ๋วครับ” หลี่ซีเหวินยิ้มจาง ๆ
***
หลังจากออกจากโรงพยาบาล หลี่ซีเหวินยังคงคิดถึงการสนทนาระหว่างเขากับนายท่านผู้เฒ่าซ่ง แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้อธิบายรายละเอียดมากนัก แต่เขาสามารถบอกได้เลยว่านี่คือบุคคลที่ทรงพลังอย่างมาก
ในตอนเย็น เขาไม่ได้กลับบ้าน แต่ไปที่โรงงานโดยตรง ตั้งแต่เขาพบว่าลุงตงทำลับๆ ล่อๆ เมื่อครั้งที่แล้ว เขาก็วางแผนที่จะอาศัยอยู่ในโรงงาน
ส่วนเหตุผลที่ยังไม่ได้ไล่ลุงตงออกไปทันที เป็นเพราะเขายังต้องการใช้เบี้ยหมากตัวนี้อยู่
หลังจากกลับมาถึงที่โรงงาน เขาก็ไปที่อาคารโรงงานเพื่อดูพนักงานทำงานล่วงเวลา จากนั้นก็ไปที่โกดังเพื่อตรวจสอบอีกครั้ง หลังจากแน่ใจแล้วว่าทุกอย่างไม่มีอะไรผิดปกติ เขาจึงกลับไปที่อาคารสำนักงาน
นอนลงบนโซฟา มองไปที่แสงไฟยามค่ำคืนที่มืดมิดและตั้งตารอผลลัพธ์ของวันพรุ่งนี้
แม้ว่ามันจะดีที่สามารถขายไส้กรอกแฮม 1,000 ชิ้นในตอนแรก แต่ในอีกไม่กี่วันข้างหน้าคือการทดสอบผลลัพธ์ เพราะสินค้าชุดแรกสามารถใช้ประเมินความนิยมของยี่ห้อสินค้าได้ ว่ามันจะสามารถขายได้ในอนาคตหรือไม่ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับคุณภาพของสินค้าที่มี
คุณภาพของสินค้าเป็นการทดสอบที่ใหญ่ที่สุดว่า สินค้านี้จะกลายเป็นสินค้าที่ขายดีได้หรือไม่
และผลลัพธ์นี้ก็ไม่ได้ทำให้เขาผิดหวังเลย ในอีกไม่กี่วันต่อมา ไส้กรอกแฮมไซอิ๋วไม่เพียงขายได้เร็วมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังได้รับคำสั่งซื้อมากขึ้นเรื่อย ๆ ร้านขายของชำหรือซุปเปอร์มาร์เก็ตบางแห่งถึงกับต้องโทรมาเร่งที่โรงงานให้ไปขนส่งสินค้าเร็วขึ้น เพราะทางโรงงานส่งสินค้าได้ไม่ทันใจนั่นเอง
วันที่ 14 พฤศจิกายนหรือวันที่ 4 ของไส้กรอกแฮมไซอิ๋ว เขายังคงขายตามจำนวนปกติ สินค้าถูกแย่งชิงโดยนักเรียนทันทีที่พวกเขาไปส่งสินค้าที่หน้าร้าน และตามมาด้วยเสียงโทรศัพท์ที่ไม่รู้จบ
“พี่เหวินครับ ตอนนี้คอของผมแทบจะหายไปแล้ว พวกเราส่งสินค้าได้เพียงวันละ 1,000 ชิ้นเท่านั้น แล้วเมื่อไหร่จะเริ่มได้สักทีล่ะครับ!” ฉางไห่ร้องคร่ำครวญและพูดว่า “นี่มันคือเงินที่โปร่งใสนะครับ!”
“อย่าบ่น เอาไว้หลังจากที่เสร็จงานนี้แล้ว ฉันจะหาพนักงานลูกค้าสัมพันธ์มืออาชีพมาให้” หลี่ซีเหวินหัวเราะเบา ๆ เพราะเขาทำให้ฉางไห่ลำบากเสียแล้ว ตอนนี้ฉางไห่เป็นทั้งนักบัญชีและทำหน้าที่เป็นฝ่ายบริการลูกค้าไปพร้อม ๆ กัน
“ผมไม่ได้บ่นนะครับ แค่เป็นห่วงพี่เท่านั้น” ฉางไห่เพิ่งจะพูดจบ โทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“สวัสดีครับ ที่นี่คือโรงงานแปรรูปไส้กรอกแฮมไซอิ๋วครับ” หลังจากที่ฉางไห่พูดจบเขาก็มองไปที่หลี่ซีเหวินและพูดว่า “พี่เหวินครับ หัวหน้ากองบรรณาธิการหลู่โทรมา”
หลี่ซีเหวินรีบไปรับโทรศัพท์ “สวัสดีครับพี่หลู่ ทำไมมีเวลาว่างโทรหาผมได้ล่ะครับ!”
“ไม่ใช่ว่าโทรมาเพื่อแสดงความยินดีกับนายหรอกหรือ ฉันได้ยินมาว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้ ธุรกิจของนายกำลังเฟื่องฟูทีเดียว ฉันยังต้องกดเบอร์โทรซ้ำ ๆ อยู่หลายรอบกว่าจะโทรติดได้” หลู่ชูหังกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“พี่หลู่อย่าล้อเล่นสิครับ ตลาดยังไม่ได้แพร่ไปมากเลย นี่เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น” หลี่ซีเหวินตอบ
“ฉันได้ยินมาว่าเป็นเพราะการจัดส่งสินค้าน้อยเกินไป จึงทำให้สินค้าของนายยังไม่แพร่หลาย” หลู่ชูหังหยุดเล็กน้อย “ถ้านายเจอปัญหาอะไร สามารถบอกกับฉันได้นะ ฉันจะพยายามช่วยอย่างเต็มที่ แต่ถ้านายประสบปัญหาอื่น แค่แสร้งทำเป็นว่าฉันไม่ได้พูดอะไรออกมาก็แล้วกัน”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของหลู่ชูหัง หลี่ซีเหวินก็รู้สึกสะเทือนใจเล็กน้อย อีกฝ่ายคิดว่าเขากำลังมีปัญหาอยู่ก็เลยโทรมาหาเขาสินะ
“พี่หลู่ คำพูดของพี่เท่านี้ก็เพียงพอแล้วล่ะครับ ผมไม่ได้มีปัญหาอะไรในตอนนี้เลย” เมื่อหลี่ซีเหวินพูดจบ เสียงของหลินชูก็ดังขึ้นจากข้างนอก “บอสครับ ผมกลับมาแล้ว”
“หากนายไม่ได้มีปัญหาอะไร ก็ไม่เป็นไร” หลู่ชูหังได้ยินเสียงของหลินชูจากระยะไกลและพูดอย่างเข้าใจว่า “เอาล่ะ เอาไว้พวกเราค่อยคุยกันใหม่เมื่อนายมีเวลา”
หลังจากที่เขาพูดจบ ก็วางสายไปทันที