บ่วงราคีสีรุ้ง-บทที่ ๑ รอยราคีสีหม่น (๑)

โดย  นาฬิกาเวลา

บ่วงราคีสีรุ้ง

บทที่ ๑ รอยราคีสีหม่น (๑)


บัลลังก์กำลังนึกถึงอดีตที่เขาไปดูแลกิจการของครอบครัวที่เชียงใหม่ จนกระทั่งเขาได้พบกับสาวน้อยนัยน์ตาหวานซึ้งคนหนึ่งเข้า จนเกิดเป็นความรัก...ความผูกพันอย่างลึกซึ้ง

ทั้งคำพูดทั้งแววตาของเธอเขายังจำได้ไม่เคยลืม

แต่เรื่องราวต่างๆในชีวิตนั้น...บางครั้งเราก็ไม่อาจคาดเดาสิ่งที่จะเกิดขึ้นในกาลข้างหน้าได้

จู่ๆมารดาส่งข่าวไปบอกว่าบิดาของเขาป่วยหนัก ให้รีบกลับเป็นการด่วน

ด้วยความเร่งรีบทำให้รถยนต์ที่เขาขับมาด้วยความเร็วสูงประสบอุบัติเหตุอย่างรุนแรงจนทำให้เขาไม่

รู้สึกตัวและนอนพักรักษาอยู่ในโรงพยาบาลเกือบปี

เมื่อจะติดต่อไปหาหญิงคนรักก็ได้รับทราบข่าวอันน่าตกตะลึงว่าเธอได้แต่งงานกับพ่อเลี้ยงคนหนึ่งไปแล้ว

นับตั้งแต่นั้นมาความรักของเขาก็ถูกฝังลง ณ แผ่นดินเชียงใหม่ไปตลอดกาล

ราวกับสวรรค์เห็นใจ…

หัวใจที่ร้าวรานได้ชไมพรช่วยดูแลทำให้เขาสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้เป็นผู้เป็นคนอีกครั้งหนึ่ง

แต่ความสุขก็อยู่กับเขาได้ไม่นาน

ชไมพรตั้งครรภ์และเสียชีวิตขณะคลอดบุตรชายคนแรก เขาจึงต้องเสียใจอีกเป็นครั้งที่สอง

ช่วงเวลานั้นพี่สาวของเขาได้เข้ามาปลอบใจและพาลูก ๆซึ่งมียุทธภูมิเป็นลูกชายคนเล็กรวมอยู่ด้วย

ความน่ารักและช่างพูดของหนูน้อยทำให้เขามีกำลังใจมากขึ้นและได้ขอรับตัวหลานชายคนนี้มาเป็นลูกบุญธรรมของตนเองและรู้สึกพอ...กับชีวิตครอบครัวเสียที

ถึงจะคิดอย่างนั้นมาตลอดหลายสิบปี แต่เมื่อได้กลับมาพบกับทักษิณาอีกครั้งความรู้สึกลึก ๆที่ยังคงหลงเหลืออยู่เหมือนจะถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้งราว และมันก็ช่างทรมานจิตใจเขาเหลือเกิน

โดยเฉพาะหญิงสาวที่ชื่อกังสดาล...ผู้ที่มีใบหน้าและแววตาละม้ายคล้ายกับรักเดียวในดวงใจของเขา...และอาจเป็นพยานรักระหว่างเขากับเธอ

บัลลังก์ยกมมุมปากขึ้น ดวงตาเป็นประกายเมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้

เรื่องนี้หากจะพิสูจน์ก็ง่ายเสียยิ่งกว่าพลิกฝ่ามือ

หลายเดือนมานี้เขาจ้างนักสืบเพื่อหาข้อมูลทุกอย่างที่เขาอยากรู้...และก็ได้รู้จริงๆ

เมื่อคิดว่าทุกอย่างพร้อมแล้ว เวลานี้เขาก็ไม่รีรอที่จะฟังคำยืนยันจากปากของคนที่เขาอยากจะฟังมากที่สุด...ทักษิณา

มือถือในมือถูกกดออกไปยังเบอร์ที่ถูกส่งมาให้เขานานแล้ว...แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาตัดสินใจโทรออกไปเพื่อถามสิ่งที่คั่งค้างในใจอยากรู้ออกไป ทันทีที่ได้ยินเสียงปลายสายและแน่ใจว่าเป็นเธอ...คนที่อยู่ในหัวใจเขาเสมอมา

“สวัสดีค่ะ...ทักษิณาค่ะ”

“กังสดาลเป็นลูกสาวผมใช่ไหม?”

คำถามที่ไม่คิดว่าจะได้ยินกับเสียงที่คุ้นเคยทำให้ปลายสายถึงกับตะลึงงันกำโทรศัพท์มือถือแน่น

“คุณพูดอะไร?”

น้ำเสียงสั่นเครือที่ตอบกลับมทำให้คนถามยิ่งรู้สึกว่า ‘ข้อมูลสำคัญ’ที่อยู่ในมือเขานั้นมีเค้าลางของความจริงชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ

“ก็ชื่อแล้วก็แหวนนั้นไงล่ะหลักฐาน ทำไมคุณไม่บอกผม แล้วสามีคุณรู้เรื่องนี้รึเปล่า?”

ทักษิณาเงียบไปแต่ก็สุดท้ายก็ต้องพูดออกมา

“เรื่องมันนานมาแล้วให้มันจบๆกันไปเถอะค่ะ... ” เสียงเธอแผ่วลงราวกับเสียงกระซิบ

“ในเมื่อคุณไม่ทำตามสัญญาที่ให้ไว้ เราก็คง...ไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก” เสียงสื้นแทรกเข้ามาจนคนฟังรู้สึกได้

“ไม่ใช่คุณหรอกเหรอที่หนีผมไปแต่งงานกับคนอื่น?”

“คุณเอาอะไรมาพูด ฉันเห็นคุณเงียบหายไปนานถึงได้ติดต่อไปทางบ้านคุณ แต่ที่บ้านคุณบอกไม่ให้ฉันติดต่อกลับไปอีก เพราะว่าคุณมีคู่หมั้นที่กำลังจะแต่งงานกันแล้ว อีกอย่าง คุณจะให้ฉันแบกหน้าท้องโย้โดยไม่มีพ่อเด็กอย่างนั้นเหรอคะ ฉันทำไม่ได้หรอก” นึกน้อยใจนักเมื่อนึกถึงครั้งที่เขาทิ้งขว้างเธอกับลูกอย่างไม่ใยดี

“หมายความว่า....”

“ใช่ เดือนเป็นลูกคุณ แต่มันจะมีความหมายอะไรล่ะคะ ในเมื่อคุณไม่เคยต้องการเราสองคนแม่ลูกเลย”

“ ไม่ใช่นะหนูณา วันที่ผมกลับเกิดอุบัติเหตุเป็นตายเท่ากัน กว่าจะฟื้นก็ร่วมปี คนที่ผมคิดถึงทุกลมหายใจเข้าออกมีแต่คุณคนเดียวเท่านั้น...”

“พอเถอะค่ะ...ฉันไม่อยากฟัง”

“แต่คุณต้องฟัง!”

เสียงคำรามรอดไรฟันที่ส่งผ่านมายังทักษิณานั้นทรงอานุภาพจนเธอนิ่งงันและฟังสิ่งที่กำลังจะได้ยินด้วยใจระทึกจนลมหายใจสะดุด

“หลายปีมานี้ผมพยายามตัดใจเพราะรู้ว่าคุณมีครอบครัวที่อบอุ่นแล้ว แต่สุดท้ายพอผมเห็นหน้าคุณกับลูก...ผมถึงรู้ว่าจะไม่มีวันยอมเสียคุณทั้งคู่ไปอีกแล้ว”

“คุณว่าอะไรนะคะ?”

“กังสดาล...เป็นลูกสาวผมใช่ไหม?”

บังลังก์ถามย้ำอีกครั้ง...ไม่ใช่ไม่แน่ใจ...แต่เพราะต้องการให้เธอยอมรับความจริงที่ปกปิดทั้งเขาและลูกมานานหลายปี

“ไม่....ไม่มีทางแน่นอน...ยายเดือนเป็นลูกสาวฉัน...คนเดียวเท่านั้น!”

เสียงละล่ำละลักที่พร่างพรูออกมายิ่งยืนยันได้ดีว่าคนที่เขาส่งไปทำงานนั้นช่างทำงานได้อย่างถูกต้องแม่นยำสมอย่างที่เขาวาดหวังไว้จริงๆ

“หนูณา...คุณยอมรับมาเถอะ ผมมีหลักฐานและเอกสารยืนยันได้ว่าหนูเดือนเป็นลูกสาวของผม...”

คนพูดผ่อนลมหายใจยาวน้ำเสียงหนักแน่นจริงจังจนคนฟังใจหายวูบ

“ไม่สิ...ลูกสาวของเรา”

ความเงียบเข้าครอบงำอยู่อึดใจใหญ่ก่อนที่ผู้เป็นแม่ของหญิงสาวที่ถูกกล่าวอ้างจะตัดสายลงดื้อๆกลางคัน

“มันไม่จบง่ายๆอย่างนั้นหรอก”

รอยยิ้มเย็นปรากฏขึ้นที่มุมปาก หากคนอย่างเขาต้องการไม่ว่าจะต้องทำยังไงหรือใช้วิธีไหนก็ต้องเอามาให้ได้

ไม่เชื่อคอยดูกันต่อไป


รีวิวจากผู้อ่าน 2 รีวิว
  • เฟิง เฟิง
    เมื่อ 5 ปี 11 เดือนที่แล้ว
    okkkkkkkkkkk
    • อ่านถึง : บทที่ ๑ รอยราคีสีหม่น (๑)
  • Thofa Srivoralakhna
    เมื่อ 6 ปี 2 วันที่แล้ว
    Thanks you
    • อ่านถึง : บทที่ ๑ รอยราคีสีหม่น (๑)

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว