ยังไงอากาศวันนี้ก็ค่อนข้างเย็นอยู่มาก ผ้าห่มและที่นอนในวัดมิได้มีอย่างครบครันอย่างที่เคยมี ยิ่งมีเจ้าตัวน้อยมาเพิ่มเกรงว่าผ้าห่มคงไม่พอให้กันหนาว ไหนๆก็ไหนๆแล้วเขาจะยอมทนให้เด็กนี่ค้างด้วยสักคืนคงไม่เป็นไร
“มีใครอยู่ข้างนอกบ้าง” ร่างสูงจึงตัดสินใจส่งเสียงเรียกผู้ติดตามที่อยู่ห้องข้างกันเสียงไม่ดังไม่เบาเท่าไหร่นัก ทว่าคนที่มีโสตประสาทสัมผัสไวย่อมรับรู้ได้โดยไม่ยากเย็น เป้าหมายเพียงต้องการเพียงเครื่องนอนที่ให้ความอบอุ่นเพิ่มขึ้นมาอีกสักหนึ่งชุด ต่อให้ไม่ใช่สถานที่ที่คุ้นเคย แต่สำหรับคนที่คอยทำหน้าที่ติดตามรับใช้มาตลอดย่อมจัดการกับคำสั่งง่ายๆเช่นนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
ทว่าคนตัวเล็กที่เพิ่งเข้าสู่ภวังค์นินทราไปเมื่อครู่กลับลืมตาตื่น จ้องเขม็งมาที่เขาอย่างคล้ายจะเอาเรื่อง
“จะทำอะไร?”
“เรียกคน” เป็นคำตอบที่ทำให้คนฟังแล้วทำให้เกิดอาการไม่สบอารมณ์ขึ้นมาได้ทันทีทันใด เฟิ่งหวงเริ่มหงุดหงิดกับความเจ้ากี้เจ้าการของคนตรงหน้าขึ้นมาตะหงิดๆ
หรือว่าเป็นเพราะนางแย่งของกินของเขา เขาถึงตั้งท่าจะไล่นางออกไปท่าเดียว
“เรียกทำไม แล้วเจ้าออกจากมนต์ของข้าตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
“มนต์เด็กเล่นแบบนั้นก็ไม่ต่างกับเสียงยุงบิน ในเมื่อเจ้าตื่นก็ดีแล้ว จะไปนอนที่ไหนก็ได้ แต่ไม่ใช่ที่นี้!”
“ไม่นะ ข้าไม่ไป ท่านอย่าใจแคบไปหน่อยเลย”เด็กหญิงตัวน้อยทำหน้ายู่ มือสองข้างกำสาบเสื้อเขาไว้แน่นพลางเขย่าไปมาแรงๆไม่หยุด
“ใจแคบเหรอ?” เจ้าของห้องเลิกคิ้วมองริมฝีปากน้อยๆที่นอกจากสวาปามอาหารได้มากราวกับทิ้งลงเหวแล้ว ยังสมารถส่งเสียงเจื้อยแจ้วได้อย่างน่ารำคาญอีกด้วย แถมยังตีเจตนาดีของเขาผิดได้อย่างน่าโมโห นี่ถ้าไม่เห็นกับที่นางยังเป็นเด็กเล็กอยู่ ป่านนี้นางได้ถูกเขาโยนออกไปนอกห้องนานแล้ว
“ถ้าข้าใจแคบจริง คงไม่ปล่อยให้เจ้ากินอาหารกับผลไม้อย่างสบายอกสบายใจเช่นนี้หรอก เป็นเจ้าต่างหากที่ได้คืบจะเอาศอก”
นั่นไง ที่แท้เขาก็แค่โกรธที่นางกินของบนโต๊ะ แถมยังว่ากระทบนางอีก
ได้คืบจะเอาศอก...ได้หมั่นโถวแล้วยังกินสาลี่...
โธ่!ก็มันหิวนี่นา
“เอ้า!ข้าคืนให้” ร่างเล็กตัดใจขอกัดสาลี่อีกคำเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนยื่นสาลี่หวานกรอบลูกที่เพิ่งกัดไปได้ไม่กี่คำจ่อที่ริมฝีปากคนตัวโต แต่หยางอี้หลงเองกลับเบือนหน้าหนี สีหน้าไม่สู้ดีนัก
รึเขาไม่เชื่อว่ามันอร่อยจริงๆ?
เสียงการเคลื่อนไหวที่ด้านหน้าห้องพัก ทำให้ปฏิกิริยาการระวังภัยในตัวที่ถูกฝึกฝนมาจนอยู่ในกระดูกและเลือดเนื้อมาหลายเดือน เตือนให้เด็กหญิงชะโงกหน้าไปเป่าเทียนบนโต๊ะทันที ความมืดเข้าครอบคลุมภายในห้องเหลือเพียงเสียงลมหายใจของคนสองคน และเสียงลมพัดหวีดหวิวแทรกมาเป็นระยะ เพียงไม่ถึงสองลมหายใจเงาร่างสีดำสองร่างก็ปรากฏขึ้นหน้าบานประตูห้องพักพร้อมเสียงถามแผ่วเบาราวกับเสียงกระซิบ
“พร้อมรับคำสั่ง!”
ทว่าเมื่อยืนนิ่งเงี่ยหูฟังอยู่พักใหญ่กลับไม่มีเสียงใดตอบกลับมา จู่ๆก็มีเสียงโครมครามคล้ายของน้ำหนักมากบางอย่างร่วงลงบนพื้นตามด้วยเสียงคนพูดคุยกันแม้จะเบาแสนเบาแต่หูของทั้งสองก็ยังพอจับสัญญาณเสียงได้บ้างแม้จะกระท่อนกระแท่นไปบ้างก็ตาม
ดูท่าว่าจะเกิดเรื่องบางอย่างขึ้นในห้องเป็นแน่
เงาทั้งคู่สบตาพยักหน้าให้กันเป็นสัญญาณเตรียมพยักประตูเข้าไปในห้อง แต่กลับมีเสียงที่คุ้นเคยจากด้านในดังขึ้นมาขัดไว้เสียก่อน
“หยุด!ไม่มีอะไรแล้ว พวกเจ้ากลับไปได้”
ร่างในชุดคลุมสีดำทั้งสองคนพลันชะงักขมวดคิ้วมองหน้ากันอยู่ครู่ใหญ่ ดวงตาฉายแววสับสนปนระแวดระวัง แต่ก็ไม่สามารถทำนอกเหนือคำสั่งได้
“รับทราบ” เงาทั้งสองร่างก็วูบหาบไปพร้อมกับสายลม เหลือทิ้งไว้เพียงความเงียบงันกับเงาร่างเล็กร่างหนึ่ง ใหญ่ร่างหนึ่ง
*******************************************************************************
ฝากทดลองอ่านนิยายอีกเรื่องจ้า ถ้าถูกใจกดโหลดซื้อเลยน้า^ ^
คมน้ำค้างกุลบดีwww.mebmarket.comเมื่อตัวต้นเหตุที่ทำให้น้องชายของเธอตายมานอนสิ้นสติอยู่ตรงหน้า...ระหว่างจรรยาบรรณและการทวงความยุติธรรมให้น้อง...แพทย์หญิงศศิราจะเลือกอะไร...ระหว่างความถูกต้องและหัวใจตัวเอง
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว