เมื่อถังหวนกลับถึงสำนัก หมิงซินรีบเข้ามาบอกว่าอาจารย์เรียกพบ
จิตใจร่าเริงเบิกบานพลันสลายสิ้น ยายแก่ใจร้ายคิดจะรังแกอะไรนางอีกล่ะ ถังหวนสูดหายใจลึกยาวก่อนก้าวตรงไปยังห้องอาจารย์
“ทำไมวันนี้กลับมาช้านัก” อาจารย์จิ้งฉือหลับตาถามเสียงเรียบ
“เรียนอาจารย์ ระหว่างทางกลับข้าไม่ระวังทำมีดผ่าฟืนหล่นหาย เสียเวลาตามหาอยู่นาน จึงกลับมาช้า แต่อาจารย์โปรดวางใจ ต่อไปหมิงฮุยจะระวัง ไม่ให้เกิดเรื่องเช่นนี้อีกเจ้าค่ะ”
ใบหน้าอาจารย์จิ้งฉือคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “ที่ข้าให้เจ้าคุกเข่าในห้องสวดมนต์เจ็ดคืน เจ้าได้อะไรบ้างล่ะ”
“หมิงฮุยนั้นโง่เขลา เจ็ดคืนในห้องสวดมนต์ไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลยเจ้าค่ะ แต่ข้ารู้ว่าที่อาจารย์ลงโทษให้ข้าทำงานใช้แรงคนเดียว แท้จริงเพื่อฝึกฝนหมิงฮุย ทั้งหาบน้ำเก็บฟืน ช่วยฝึกให้หมิงฮุยไม่ถอดใจเกียจคร้าน พอเจอเรื่องลำบากก็ไม่ท้อถอย ไม่ทำอะไรครึ่งๆ กลางๆ...อ๊ะ!” ถังหวนลอยหน้าลอยตาตอบเพราะคิดว่าอีกฝ่ายหลับตาไม่เห็น กว่าจะรู้ตัวอาจารย์จิ้งฉือก็กำลังมองจ้องตนอย่างเย็นชา ถังหวนยิ้มเจื่อนก่อนพยายามฉีกยิ้มประจบ แต่ชัดเจนว่าไร้ประโยชน์
ยายแก่หน้าเหี่ยวโมโหนางอีกแล้วหรือ นี่ไม่รังแกกันเกินไปหน่อยหรือไง ถึงนางจะกลับช้า แต่ก็ทำงานเสร็จทุกอย่าง ตักน้ำเติมเต็มครบทั้งสี่โอ่ง ฟืนก็เก็บมาได้ไม่น้อย ยายแก่นี่ยังไม่พอใจอีกหรือ
“หมิงฮุย” เสียงผู้เป็นอาจารย์เย็นเยียบนัก “ที่อาจารย์ให้เจ้าคุกเข่าในห้องสวดมนต์เพื่อให้เจ้าทบทวนการกระทำของตนเอง ไม่ใช่ให้เจ้าไปนอน”
“อาจารย์ ข้าถูกใส่ร้าย...”
“หุบปาก! ยังจะพูดจาลื่นไหลเอาตัวรอดอีกหรือ” อาจารย์จิ้งฉือตวาดเสียงดุ “เมื่อคืนหมิงจิ้งเห็นทุกอย่างด้วยตาตนเอง บอกว่าเจ้าเอาเบาะรองนั่งทั้งหมดในห้องมาปูเป็นที่นอน หลับสบายตลอดคืน จะให้ข้าเรียกนางมายืนยันต่อหน้าหรือไม่ ทำผิดยังไม่สำนึก ตั้งแต่วันนี้ให้เจ้ามาคุกเข่าสำนึกผิดในห้องอาจารย์ อาจารย์จะเป็นคนเฝ้าเจ้าเอง ป้องกันไม่ให้ผู้อื่นใส่ร้ายเจ้า ดีหรือไม่”
หน็อย! ที่แท้ก็มีคนปากมากมาฟ้องยายแก่นี่เอง
ถังหวนคิดทบทวนถึงหน้าตาแม่ชีหมิงจิ้ง อีกฝ่ายเป็นแม่ชีน้อยรูปร่างอ้วนกลม หน้าตาธรรมดา ไม่คิดว่าจะมีนิสัยปากยื่นปากยาวแบบนี้ หญิงสาวขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างโมโห ระหว่างสองคนไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกัน ทำไมนางชีตัวอ้วนต้องมาแอบจับตาดูนางได้ นิสัยแย่เช่นนี้ยังเรียกตัวเองเป็นแม่ชีได้อีกหรือ!
ความโมโหอัดแน่นอยู่ในอกไม่อาจระบาย ทั้งยังไม่สามารถแสดงท่าทีแข็งกร้าวต่อหน้าอาจารย์จิ้งฉือได้อีก คืนนั้นถังหวนต้องก้มหน้าคุกเข่าอย่างไม่อาจเลี่ยงทั้งคืน หลายครั้งที่นางอยากเอนตัวลงนอน แต่ยายแก่จิ้งฉือเหมือนมีหูแมว ทุกครั้งที่นางขยับตัว อีกฝ่ายจะส่งเสียงกระแอมไอเตือนเสมอ
ค่ำคืนแสนทรมานผ่านไปอย่างเชื่องช้า หลังแข็งเกร็ง สองขาปวดชาราวกับไม่ใช่ขาตัวเอง
ฟ้ายังไม่ทันสว่าง อาจารย์จิ้งฉือก็สั่งลูกศิษย์ตัวดี “ไปเถอะ ถึงเวลาต้องไปตักน้ำแล้ว”
โชคดีที่อาจารย์นอนหันหลังให้ถังหวน จึงไม่เห็นสายตาอาฆาตแค้นของลูกศิษย์
ถังหวนกัดฟันหิ้วถังน้ำไปหาซ่งโม่ที่บ้าน เช้านี้ใบหน้านางขาวซีด ใต้ตาดำคล้ำ ท่าทีอิดโรย ต่างกับหญิงสาวท่าทีกระตือรือร้น ใบหน้าแดงระเรื่อคนเมื่อวาน ซ่งโม่รีบก้าวเข้าไปกุมมือเล็ก ถามเสียงเป็นห่วง
“หมิงฮุย เกิดอะไรขึ้น ทำไมเจ้ามีสภาพเช่นนี้”
ถังหวนถลาเข้าซุกอกชายหนุ่ม ร้องไห้เสียงดังอย่างเจ็บแค้น แต่ยังสามารถพลิกลิ้นบิดเบือนเรื่องราว จากที่ตนถูกลงโทษเปลี่ยนเป็นอาจารย์จิ้งฉือไม่อนุญาตให้นางสึก
“ซ่งต้าเกอ ข้าคงไม่มีวันได้เป็นภรรยาท่านแล้ว ข้าต้องติดอยู่ในสำนักชีไปชั่วชีวิต ไม่สามารถเป็นภรรยาท่าน ไม่มีโอกาสคลอดลูกให้ท่าน ฮือๆๆ ซ่งต้าเกอ พวกเราควรทำอย่างไรดี ถ้าข้าสึกไม่ได้ ท่านจะไม่ต้องการข้าอีกแล้วใช่ไหม”
ซ่งโม่ทั้งโมโหทั้งสงสาร ลูบหลังไหล่นางอย่างปลอบโยน
“อย่าร้องไห้ไปเลย เรื่องออกสึกให้ข้าคิดหาวิธีก่อน เจ้าอย่าเพิ่งร้อนใจ หรือต่อให้เจ้าสึกไม่ได้ ในใจข้าก็ยึดถือว่าเจ้าเป็นภรรยาของข้าแล้ว”
ถังหวนเงยหน้ามองเขา ดวงตาคู่สวยฉ่ำน้ำตา “ซ่งต้าเกอ รอท่านหายแล้ว พวกเรา... มาเป็นสามีภรรยากันจริงๆ เถอะ ข้าอยากเป็นของท่าน”
เดิมซ่งโม่อยากปฏิเสธว่าไม่สมควร แต่พอเห็นน้ำตาที่ไหลรินเป็นสาย เขาก็พยักหน้า เอ่ยเสียงจริงจัง “ได้ รอให้ข้าหายก่อน พวกเราค่อยแต่งงานกัน เจ้าวางใจ ข้าสัญญาว่าจะดีต่อเจ้าแน่นอน”
ถังหวนพยักหน้าซุกอกเขาอย่างเขินอาย
เรื่องเผด็จศึกซ่งโม่ถือว่าถังหวนใกล้ทำสำเร็จแล้ว ปัญหาใหญ่ตอนนี้คือยายแก่จิ้งฉือ นางจะจัดการอีกฝ่ายอย่างไรดี วางยาก็ไม่ได้เพราะนางไม่มียาพิษ จะเอาผ้าปิดปากเอาเชือกมัดก็ไม่ได้ ยายแก่เป็นเจ้าสำนัก ทุกวันมีลูกศิษย์คอยเข้าหาตลอด ไม่นานย่อมต้องมีคนพบเห็น
ตลอดเวลาที่ทำงาน ทั้งตักน้ำและเก็บฟืน ถังหวนหมกมุ่นอยู่กับความคิดที่จะจัดการอาจารย์จิ้งฉือ จึงไม่สังเกตว่ามีคนแอบตามตนอยู่ กว่าจะรู้ตัวก็ถูกอีกฝ่ายพุ่งเข้ามากอดแล้ว
“หมิงฮุย คิดถึงพี่ลิ่วหรือไม่”
ถังหวนถูกดันปลายคางขึ้น นางจึงได้เห็นว่าผู้ที่โอบกอดตนอยู่เป็นผู้ใด
“พี่ลิ่ว...”
เสียงพลิ้วสั่นช่างถูกใจเฉียวลิ่วนัก “ดีมากหมิงฮุย ไป พวกเราไปทางนั้นกัน” พูดพลางแย่งมีดผ่าฟืนในมือเล็กโยนทิ้งข้างทาง โอบเอวดึงร่างแม่ชีน้อยเข้าไปในป่าที่ลับตาคน
ยามนี้แขนขาถังหวนอ่อนล้าไปหมด เข่าก็เจ็บช้ำ ไม่มีทางสู้ขัดขืนเฉียวลิ่วได้ นางจึงโอนอ่อนผ่อนตาม ระหว่างก็คิดหาทางเอาตัวรอด
เฉียวลิ่วนั่งลงกับพื้นโดยที่โอบกอดถังหวนไม่ปล่อย ก้มลงเม้มติ่งหูขาวเล็ก ริมฝีปากไล่จูบทั่วทั้งใบหน้างดงาม “ทำพี่ลิ่วคิดถึงแทบตาย หมิงฮุยคิดถึงพี่ลิ่วบ้างไหม”
ตั้งแต่อายุสิบสี่ เฉียวลิ่วก็รู้จักการฉุดคร่าลักพาตัวภรรยาผู้อื่นมาข่มเหงแล้ว ถึงวันนี้ก็จำได้ไม่ชัดว่าตนเองทำร้ายผู้หญิงไปมากมายเท่าไหร่
วันนั้นไม่รู้เพราะเหตุใดถึงเกิดความคิดอยากร่วมสวาทกับแม่ชีสักครั้ง เขากับลูกน้องจึงแอบซ่อนอยู่ในป่า เฝ้ามองแม่ชีขึ้นเขากลับสำนัก หลายคนผ่านไปไม่มีถูกใจเขาสักคน กระทั่งได้เห็นแม่ชีน้อยหมิงฮุย นางช่างงดงามเหลือเกิน ไม่เพียงงดงาม ยังฉลาดมีไหวพริบไม่เลวด้วย ถึงกับกล้าล่อหลอกเขาเพื่อเอาตัวรอด
ยิ่งฉลาดยิ่งถูกใจ เฉียวลิ่วเชื่อว่าแม่ชีที่รู้จักล่อลวงคนได้ ยามเสพสมต้องไม่ใช่สตรีที่จะนอนตัวแข็งเป็นท่อนไม้แน่ วันนี้เพื่อให้หมิงฮุยหลงใหล เขาตั้งใจอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายอย่างเต็มที่ เปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ ตั้งแต่บนลงล่างดูดีผิดกับวันนั้นราวกับเป็นคนละคน
ถังหวนสังเกตเห็นว่าวันนี้เฉียวลิ่วเปลี่ยนไป ชัดเจนที่สุดคือไม่มีกลิ่นปากน่าสะอิดสะเอียนเหมือนวันนั้น คล้ายว่าจะมีกลิ่นลูกท้ออ่อนๆ ด้วย ขณะที่เฉียวลิ่วกำลังจะดึงทึ้งเสื้อผ้านางออก ถังหวนก็รีบซุกหน้ากับอกอีกฝ่าย เอ่ยเสียงอ่อนหวานอย่างขัดเขิน
“คิดถึงสิ พี่ลิ่วท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหม ท่านหายหน้าไปหลายวัน ทำข้ากังวลยิ่งนัก กลัวจะเกิดเรื่องกับท่าน”
เฉียวลิ่วสอดมือเข้าไปในเสื้อคลุมชุดแม่ชี มือหยาบเคล้นคลึงอกอวบนุ่ม ใบหน้าซุกไซ้ซอกคอขาวเนียนอย่างหื่นกระหาย
“วางใจเถอะ ร่างกายพี่ลิ่วผู้นี้แข็งแรงมาก เจ้าบอกว่าคิดถึงข้างั้นหรือ มีตรงไหนคิดถึงข้าบ้าง ตรงนี้ใช่ไหม” พูดพลางเม้มคอขาวเนียนแรงๆ
“พี่ลิ่วอย่ากัดข้านะ” ถังหวนครางห้ามเสียงแผ่ว
ไม่อยากเชื่อว่าเฉียวลิ่วจะกระตุ้นอารมณ์ปรารถนานางให้ลุกโชนได้ ตอนอาจารย์ยังมีชีวิตเคยสัญญาว่า หลังนางอายุครบสิบแปดจะหาบุรุษชั้นเลิศมาให้ บอกว่าครั้งแรกของหญิงสาวควรได้ร่วมสวาทกับบุรุษที่ดีที่สุด ไม่คิดว่าสามเดือนก่อนนางอายุครบสิบแปด อาจารย์จะถูกฟ้าผ่าตาย ถังหวนร้องไห้เสียใจไม่กี่วันก็ลงจากเขาเพื่อหาบุรุษชั้นเลิศด้วยตัวเอง สุดท้ายได้เจอซ่งโม่และถูกอีกฝ่ายเชือดคอตายอนาถ
เฉียวลิ่วแตกต่างกับซ่งโม่ บรรยากาศรอบตัวเฉียวลิ่วบอกชัดว่าเขาเชี่ยวชาญเรื่องบนเตียงแน่นอน หากไม่ใช่เพราะนางจะหลับนอนกับใครไม่ได้นอกจากซ่งโม่ ถังหวนก็อยากลองร่วมสวาทกับเฉียวลิ่วสักครั้งจริงๆ
เมื่อมือหยาบของเฉียวลิ่วพยายามจะถอดกางเกงนางออก ถังหวนก็ร้องไห้เสียงดัง ทำอีกฝ่ายหยุดชะงัก มองแม่ชีน้อยอย่างสงสัย เมื่อครู่นางยังครวญครางไม่ขัดขืนอยู่เลยไม่ใช่หรือ เฉียวลิ่วปล่อยมือจากอกอวบอิ่ม พลางเอ่ยเสียงอ่อนอย่างเอาใจ
“ร้องไห้ทำไม พี่ลิ่วชอบเจ้าจริงๆ ขอเพียงเจ้าเชื่อฟังไม่ขัดขืน พี่ลิ่วต้องทำให้เจ้าสุขสมแน่นอน”
เพื่อทำให้ประสบการณ์การใช้เว็บของคุณดียิ่งขึ้น และเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับคุณอย่างได้อย่างส่วนตัว ท่านสามารถอ่านนโยบายคุกกี้เพิ่มเติมได้ที่นี่