เขตลงทัณฑ์ของนายไนซัส-แครักเตอร์

โดย  SUNISAYOK

เขตลงทัณฑ์ของนายไนซัส

แครักเตอร์

“อื้อห์ พอแล้ว” เสียงหวานเอ่ยห้ามสายตาเลื่อนลอยรู้สึกร่างกายร้อนรุ่มหวิววาบทั่วกาย ริมฝีปากหนาเลาะเล็มครอบครองยอดอกชูชันดูดดึงดูดน้ำนมจากเต้านุ่มเบา ๆ ให้สะท้านก่อนจะออกแรงดูดดุนหนักเรื่อย ๆ หน้าสวยแดงก่ำสะบัดหน้าสะบัดตัวไปมาพยายามดิ้นหนีกลายเป็นการบิดเร้ากระตุ้นให้ยิ่งกระสันอยากสำหรับเขา

“หยุดสักที” เสียงสุดท้ายเปล่งออกก่อนสติจะดับลง เขาหยุดการกระทำจาบจ้วงแล้วถอนริมฝีปากออกอ้อยอิ่งเหยียดกายขึ้นเบียดดันตัวเข้าแนบชิดกายสาวพร้อมกับเสียงทุ้มนุ่มลึกที่ทำให้ละมุนเสียวสันหลัง

“ไม่อยากเหี่ยวเฉาจนแก่ไม่ใช่เหรอ”

“ไม่ได้นะ!” ละมุนตกใจรีบร้องห้ามทว่าริมฝีปากอุ่นกลับประกบจูบแน่นไม่ให้ส่งเสียง หน้าสวยบิดเบี้ยวกรีดร้องอู้อี้ในลำคอพยายามดึงมือตัวเองออกจากการกดตรึงออกแรงดิ้นเท่าที่จะทำได้แม้ขาจะสั่นแทบทรุด กายหนาโถมทับบดเบียดไม่ยอมปล่อยเหยื่อให้หลุดมือกลิ่นเบียร์อบอวลอยู่ในโพรงปากนุ่มลื่นลิ้นน้อยคอยหลบหลีกลิ้นหนาที่ตวัดหยอกหมายดูดดุนขืนตัวต่อต้านสู้แรงผู้ชายจนหน้าแดงสุดท้ายแล้วเขาก็ยอมถอนริมฝีปากออกแล้วผละห่างคลายข้อมือบางให้เป็นอิสระ ละมุนรีบเอามือมาปิดหน้าอกอวบอิ่มหลบตาลงน้ำตาไหล หน้าหล่อเคร่งเครียดหายใจแรงขบขยี้กรามพยายามอดกลั้นความต้องการที่ไม่ควร

“ฉันต้องการเซ็กซ์ไม่ได้อยากข่มขืน ขอโทษที่ทำรุนแรง” เสียงทุ้มกดต่ำก้มลงหยิบผ้าขนหนูขึ้นมายื่นให้เธอหยิบผ้ามองหวาดระแวง เขาหน้านิ่งหันหลังเดินห่างออกไปดื้อ ๆ ละมุนยืนนิ่งกอดตัวเองร่างกายเปลือยเปล่าน้ำตานองหน้าริมฝีปากบวมเจ่อสั่นระริกยังกลัวและสับสนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น........

เช้าวันรุ่งขึ้น

ห้องอาหารในคฤหาสน์

คุณหญิงย่านั่งรับประทานอาหารเช้ากับอธิกรมีละมุนคอยดูแลลูกกำลังหัดตักอาหารกินเอง พสุธรเดินมานั่งบนโต๊ะอาหารด้วยสีหน้าเรียบเฉยอย่างเช่นทุกวันเขาก้มหน้าก้มตารับประทานอาหารเสร็จก็ลุกมาอุ้มลูกชายไปเล่นที่ห้องนั่งเล่น ละมุนลอบมองเขาตั้งแต่เข้ามาจนอุ้มลูกออกไปอย่างประหม่าแต่เขาไม่พูดกับเธอไม่แม้แต่ชายตามองเธอสักนิด บรรยากาศกดดันกับท่าทีเมินเฉยเป็นปกติแต่วันนี้เธอกลับรู้สึกไม่สบายใจ

ในห้องนั่งเล่นของอธิกร พสุธรกำลังเล่นกับลูกชายภายในห้องมีละมุนและนุ่มนั่งจัดเช็ดของเล่นอยู่ใกล้ ๆ เมื่อลูกต้องเปลี่ยนผ้าอ้อมสำเร็จรูปพสุธรจะเรียกให้นุ่มพาไปเปลี่ยนและเรียกใช้นุ่มทั้งวัน ข้ามหัวละมุนไปมาเหมือนเธอไม่ได้นั่งอยู่ตรงนั้น สถานการณ์อึมครึมแบบนี้ดำเนินต่อมาเรื่อย ๆ ทำให้ละมุนรู้สึกแย่และอึดอัด

ผ่านมาหนึ่งอาทิตย์

ร้านหมูปิ้งหน้าร้านสะดวกซื้อ

ขณะกำลังรอลูกค้ามาซื้อหมูปิ้งละมุนนั่งเหม่อลอยคิดวนเวียนหาทางออกให้กับความอึดอัดไม่ได้ แม่พลอยยืนปิ้งหมูบนเตาคอยมองลูกสาวที่หงอย ๆ ซึม ๆ ตั้งแต่มาช่วยขนของจัดร้านจนถึงตอนนี้

“เป็นอะไรลูก?”

“เหนื่อยนิดหน่อยจ้ะแม่” เสียงหวานเนือย ๆ ถอนหายใจตามหลัง แม่พลอยนิ่วหน้าไม่สบายใจรีบเช็ดมือแล้วลูบหัวลูกแผ่วเบาพร้อมกับรอยยิ้มอ่อนโยน

“เหนื่อยก็กลับไปพักเถอะ เดี๋ยวจะไม่สบายนะลูก”

“แม่ถ้าเรารู้สึกเศร้าเวลาที่คน คนหนึ่งไม่สนใจเราทั้งที่เขาทำแบบนี้ตลอดเป็นเพราะอะไรจ๊ะ” ดวงตากลมโตช้อนขึ้นมองแม่ผู้เป็นที่ปรึกษาที่ดีสุดในชีวิต

“เพราะหนูแคร์เขาไงลูก ถ้าเรารู้สึกดีกับใครแล้วถูกเมิน เราก็จะเสียใจแต่ถ้าเป็นคนที่เราไม่รู้สึกอะไรด้วยเขาจะทำยังไงเราก็ไม่รู้สึกอะไร เหมือนตอนหนูทะเลาะกับปราง หนูก็ร้องไห้เสียใจแต่พอยอมลดทิฐิคุยปรับความเข้าใจกันก็กลับมาเป็นเพื่อนสนิทกันเหมือนเดิม” น้ำเสียงแม่ราบเรียบค่อย ๆ พูดอย่างใจเย็น ละมุนก้มหน้าลงครุ่นคิด แม่พลอยจึงจับบ่าลูก

“ลองปรับที่ตัวเราก่อนแล้วพูดคุยกับคนที่ทำให้เศร้าเพื่อเคลียใจ แม่ว่าไม่น่ายากหรอก” แม่พลอยห่วงใยลูกสาวที่กำลังคิดมากและเดาว่าคนที่ทำให้ลูกไม่สบายใจคือคนในคฤหาสน์เพราะวัน ๆ หนึ่งลูกไม่ค่อยได้ไปไหนนอกจากคฤหาสน์กับบ้านของพ่อแม่

ช่วงค่ำท้องฟ้ามืดครึ้มคนในคฤหาสน์ต่างแยกย้ายกันเข้าไปพักห้องนอนของตัวเอง

ภายในห้องนอนของอธิกร

ลูกชายตัวน้อยนอนซบอกแกร่งฟังพ่ออ่านนิทานและมองภาพประกอบในหนังสือ ด้านละมุนกลับมาจากการขายของก็เข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอนเดินมานั่งบนโซฟาเปิดโทรทัศน์ดูรายการต่าง ๆ ระหว่างรอให้พสุธรกลับไปห้องนอนของเขา

“พี่มุน พี่มุน” เสียงน้อย ๆ เอ่ยเรียกยกสองมือขึ้นสื่อสารให้รู้ว่าอยากให้ละมุนเดินมาหา พสุธรหน้าตึงอ่านนิทานต่อเนื่องไม่สนใจเธอ ละมุนอึกอักค่อย ๆ ลุกขึ้นเดินอ้อมมาทางฝั่งเบาะกั้นเตียงนอนของลูก

“ว่าไงครับคนเก่ง?” ละมุนเสียงอ่อนนุ่มลูบหัวมองลูกอย่างอ่อนโยน

“กอด” อธิกรตาปรือยกสองแขนขึ้นอ้อนพี่เลี้ยง ละมุนชะงักเหลือบมองหน้าพสุธรที่ทำไม่แยแสมองแต่หนังสือนิทาน

“ขออนุญาตนะคะ” เธอเอ่ยขอลอย ๆ ก่อนจะเอาเบาะกั้นปลายเท้าลงค่อย ๆ ปีนขึ้นบนเตียงแล้วยกเบาะกั้นขึ้นคลานไปแทรกตัวข้างหลังลูกแล้วยกแขนโอบกอดร่างเล็กที่กำลังคล้อยจะหลับเต็มที พสุธรนอนอ่านนิทานอยู่บนเตียงเดียวกันกับละมุนมีอธิกรนอนคั่นกลางเหมือนครอบครัวอบอุ่นพ่อแม่ลูกราวภาพฝันทั้งที่ไม่มีอะไรเป็นความจริง

เพียงไม่นานเด็กน้อยเข้าสู่ห้วงนิทราข้างอกพ่อ พสุธรค่อย ๆ ขยับตัวลุกนั่งเบา ๆ ไม่ให้ลูกตื่น เขาวางหนังสือนิทานบนหัวนอนเขยิบตัวจะก้าวลงจากเตียงนอน

“คุณไม่พอใจหนู เรื่องคืนนั้นใช่ไหมคะ” ละมุนเอ่ยถามเสียงอึกอักหนักใจก่อนเขาจะออกไป

“เปล่า”

“แต่ว่าคุณเย็นชา”

“ฉันเป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้ว” เขาสวนกลับทันควันไม่อยากคุยด้วย ละมุนกะพริบตาถี่รวบรวมความกล้าที่จะคุยกับเจ้านายมาดขรึม

“ตอนนี้คุณเป็นมากกว่าเมื่อก่อน”

“ฉันเว้นระยะห่างเพราะเผลอกับเธอมากเกินไป” กายหนาถอนหายใจเฮือกใหญ่เอียงหน้ามามองเธอเล็กน้อย

“คืนนั้นคุณเมาเลยแค่เผลอเหรอคะ” ละมุนหน้าเศร้าบีบมือตัวเองแน่นสิ่งที่เกิดขึ้นเขาแค่เผลอแต่สำหรับเธอเหมือนถูกเขาตีตราจองไปแล้ว

“ใช่ หรือคิดว่าฉันพิศวาสเธอ”

“ค่ะ” เสียงหวานสั่น ๆ แววตาวูบไหวกับความหวังลม ๆ แล้ง ๆ คิดเข้าข้างตัวเอง

“เจียมตัวหน่อยละมุน ถ้าไม่ใช่เพราะเมาฉันไม่เข้าหาเธอแน่” พสุธรเบือนหน้าหนีไม่สบตากังวลว่าเธอจะเห็นว่าเขาลังเล

“หนูเจียมตัวเสมอ คุณนั่นแหละอย่าเผลอมาลวนลามหนูอีกไม่ว่าจะด้วยร่างกายหรือสายตา เพราะหนูไม่ใช่เด็กที่จะมองไม่ออกว่าคุณมองหนูด้วยสายตาแบบไหน” หน้าสวยเชิดขึ้นแม้น้ำตาคลอเชื่อด้วยสัญชาตญาณว่าเขารู้สึกหวั่นไหวไม่ต่างกัน ทว่าเขายังปากหนักไม่พูดความจริง พสุธรขบฟันจนสันกรามขึ้นหลุกหลิกเมื่อถูกหญิงสาววัยใสจับทางได้เลยแก้เกมด้วยการหันมาเผชิญหน้าส่งสายตากรุ้มกริ่มให้กับเธอ

“แล้วตอนนี้ฉันมองเธอแบบไหน?”

“คุณแกล้งทำเวลาที่คุณไม่แสดง ตาดุ ๆ ของคุณจะหวานมีเสน่ห์ทำให้หนูใจเต้นแรงแต่นี่ไม่ใช่” ละมุนจ้องตาสู้เพราะนี่ไม่ใช่สายตาที่ทำให้เธอหวั่นไหว พสุธรหน้าเหวอทำตัวไม่ถูกรีบหลบเลี่ยงสายตาของเธอ

“ไปหลอกเด็กอ่อนหัดนะคะ”

“เพ้อเจ้อ” กายหนาลุกพรวดเดินจ้ำหนีไม่หันกลับมามอง ละมุนแววตาสั่นไหวพ่นหายใจโล่งอกที่ตัวเองใจกล้าสวนกลับเจ้านายเพราะเชื่อว่าเขาก็รู้สึกเหมือนกัน


รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว