หลิวเฟยเซียน-ตอนที่10 สำรวจภายในมิติจิต

โดย  Wipaphorn Ruangthong

หลิวเฟยเซียน

ตอนที่10 สำรวจภายในมิติจิต

สองพ่อลูกปิดไฟสนิททำทีท่าว่าหลับไปแล้วแต่แววตาทั้งสองคู่ยังจ้องมองมาที่บ้านของอารียา นี่เป็นครั้งแรกที่ไก่โต้งแอบซุ่มดูและเพิ่งรู้ว่าพ่อของเขาเฝ้ามองดูพฤติกรรมของอารียามานานมากแล้ว ราเชนทร์ในร่างของพญานาคเลื้อยเข้ามาเพียงแต่เขาใช้ช่องว่างระยะมิติของกาลเวลา คนที่มองเห็นเขาในร่างของพญานาคจึงมีเพียงไก่โต้งและลุงบรรเจิดเพราะทั้งสองมีลายปีกครุฑ ซึ่งเป็นเวทมนตร์โบราณ

ราเชนทร์เลื้อยลงไปในแม่น้ำโขงเพื่อแปลงกายเป็นมนุษย์และเดินขึ้นไปยังห้องนอนของอารียา หญิงสาวหลับสนิทไปเรียบร้อยแล้ว เขาจึงทำได้เพียงแค่นั่งจ้องมองดูนางมนุษย์ที่เขารักสุดดวงใจอย่างห่วงใยและเป็นกังวล บาดแผลที่ถูกงูจงอางฉกนั้นถูกทำแผลเรียบร้อยแล้ว เขาลูบไล้ตามบาดแผลและใบหน้าของหญิงสาวอย่างแผ่วเบา

“ราเชนทร์ คุณมาหาไอร์” อารียาลืมตาขึ้นอย่างเชื่องช้า

“ไอริช ผมขอโทษที่ทำให้คุณต้องเจ็บตัว” ราเชนทร์จุมพิตเบา ๆ ที่บาดแผลของอารียา

“งูจงอางอีกตัวคือใคร” อารียาเอ่ยถามอย่างขุ่นเคือง

“มัลลิกา สหายคนสนิทของผมเอง”

“แล้วทำไมเธอคนนั้นถึงฉกกัดไอร์ ถ้าเป็นแค่เพื่อนสนิท”

“พันปีก่อน ตระกูลของผมถูกชิงบัลลังก์ทองจากเอมันต์ ผมและสหายส่วนหนึ่งได้ตีวงล้อมหนีออกมา ด้วยความช่วยเหลือของผู้ที่ยังภักดีกับบิดาของผมอยู่ ระหว่างต่อสู้สหายของผมก็เสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเหลือผมให้รอด สุดท้ายเหลือเพียงผมและมัลลิกาที่หนีรอดมาได้ เราสองคนซมซานขึ้นฝั่งที่เมืองมนุษย์เมื่อพันปีก่อน”

“ผมและมัลลิกาซมซานหนีตายไปตามห้วย หนอง คลอง บึง เราซ่อนกายอยู่ในถ้ำและหนีไปเรื่อยเพราะถูกตามล่า มัลลิกาจึงเป็นสหายคู่ทุกข์คู่ยาก”

“และเป็นคู่ชีวิตด้วยรึเปล่า” อารียาเอ่ยถามอย่างสงสัย

“เราสองคนร่วมรักกันเพราะเราคือพญานาค มันเป็นความต้องการทางกายแต่หัวใจของผมยังว่างเปล่า มัลลิกาให้ความสุขผมได้แค่ทางกายเท่านั้น แต่หัวใจของผมยังคงว่างเปล่าเสมอมา จนกระทั่งผมมาเจอคุณ คุณเหมือนสายน้ำที่ชโลมลงมากลางหัวใจของผม”

“ทำไมคุณเพิ่งมาบอกไอร์ คุณจะปิดบังไอร์ไปอีกนานแค่ไหน”

“ผมอยากจะบอกคุณมานานมากแล้ว แต่ผมกลัว ... กลัวว่าถ้าคุณรู้ความจริง ผมจะเสียคุณไป ไอริช ผมรักคุณ รักคุณคนเดียวเท่านั้น”

“แล้วผู้หญิงคนนั้นล่ะ เธอจะยอมเป็นแค่เพื่อนของคุณมั้ย”

“ผมเคยคุยเรื่องนี้กับมัลลิกาแล้ว เธอไม่ยอม เธอเป็นคู่ทุกข์คู่ยากร่วมชีวิตกับผมนานนับพันปี”

“ไอร์เองก็ไม่ยอมเหมือนกัน ราเชนทร์ ... คุณจะเลือกใครก็ได้ ไอร์ยอมรับได้ทุกอย่างแต่ต้องมีได้แค่หนึ่งไม่ใช่เก็บไว้ทั้งสองคน แต่ถ้าคุณเลือกไม่ได้ระหว่างไอร์กับผู้หญิงคนนั้น ไอร์ก็จะเลือกเอง ไอร์จะเลือกทางเดินชีวิตของตัวเองเพราะไอร์ไม่ชอบผู้ชายเจ้าชู้และเห็นแก่ตัว”

ราเชนทร์เดินลงมาด้วยแววตาที่ผิดหวัง รอยยิ้มค่อย ๆ เผยขึ้นมาบนใบหน้าของไก่โต้ง อารียาคงรู้ความจริงแล้วโดยที่เขาไม่ต้องบอกเล่าอะไร ไก่โต้งขอตัวเดินจากบิดาไปด้วยสีหน้าและแววตาที่มีความหวัง เขาหลับตาลงด้วยความสุขสุดหัวใจ ในขณะที่อารียาน้ำตาไหลพราก สาวสวยอย่างเธอเลือกที่จะรักผู้ชายสักคนมาโดยตลอดและทุกครั้งก็ต้องจบลงด้วยการจากเพราะคนที่เลือกนั้นทำให้เธอต้องผิดหวังเสมอมา

อารียาวิ่งไปตามเส้นทางเดินเลียบริมโขงเหมือนเช่นเคยและเช้าวันนี้เธอวิ่งเร็วกว่าทุกครั้งและหยุดพักหายใจที่รูปปั้นพญานาคท่าทางใจดีที่ตั้งอยู่ท้ายวัดใหญ่ ยิ่งยืนมองรูปปั้นนั้นก็ยิ่งโมโห หญิงสาวจึงระบายความโกรธด้วยการเตะเข้าไปที่รูปปั้นพญานาคนั้นเต็มแรงรัก

“เหตุของความทุกข์คือการยึดติดกับบางสิ่งที่ไม่ยอมปล่อยวาง” น้ำเสียงนุ่มและเยือกเย็นดังขึ้นเบื้องหลังของอารียา

“พระคุณเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าไอร์กำลังทุกข์” อารียาหันหน้ากลับมาเผชิญหน้ากับพระภิกษุสงฆ์ผู้อยู่ในท่าทีสำรวมตลอดเวลา

“อาตมาไม่รู้หรอก ถ้าโยมไม่แสดงออกมาโดยการเตะรูปปั้นพญานาคตนนั้น”

“ไอร์ไม่ทำลายของสาธารณะหรอกค่ะ ยังไงเสียรูปปั้นนี้ก็คงไม่หักหรือพังลงมาเพราะไอร์หรอก” อารียาจ้องมองไปยังรูปปั้นพญานาคนั้นอีกครั้งหนึ่งและรู้สึกเหมือนรูปปั้นนั้นกำลังหัวเราะเยาะเธอ

“คนเราเมื่อมีความทุกข์ก็ขาดสติ พอขาดสติก็ขาดปัญญา พอขาดปัญญาก็ค้นหาทางออกของชีวิตไม่เจอ”

“พระคุณเจ้า ไอร์ควรจะทำอย่างไรดี ปริศนาการตายของแม่ก็ยังไม่คลี่คลายและเสี่ยงตายขึ้นทุกวัน แถมยังมาเจอปัญหาหัวใจ คนที่ไอร์รักกลับมีคู่ชีวิตของตนอยู่แล้วและอยู่กินกันมายาวนานนับพันปี ไอร์จะแยกพวกเขาทั้งสองออกมาจากกันได้อย่างไร ถ้าไอร์ทำได้การจองเวรจะถือกำเนิดขึ้นมั้ย ความรักครั้งนี้มันจะกลายเป็นบ่วงมาคล้องคอไอร์รึเปล่าเพราะศัตรูหัวใจของไอร์คืออสรพิษ”

พระภิกษุสงฆ์ผู้มีอภิญญาจ้องมองใบหน้าของอารียาด้วยจิตที่เมตตา ความหยั่งรู้ที่พระคุณเจ้ามีนั้นสามารถมองทะลุถึงอดีต ปัจจุบันรวมทั้งอนาคตของหญิงสาวได้ แต่ทุกอย่างล้วนเป็นอนิจจังมันคือความไม่เที่ยงแท้แน่นอนและการเข้าไปชี้แนะ บอกกล่าวถึงสิ่งที่ผู้อื่นมองไม่เห็นหรือสัมผัสได้นั้นไม่ใช่สิ่งที่ผู้มีอภิญญาพึงปฏิบัติ แต่การเมินเฉยนั้นอาจจะทำให้ผู้ที่กำลังหลงทางถลำลึกเข้าไปอีก การเตือนสติจึงเป็นสิ่งที่ผู้มีเมตตาพึงกระทำ

“ที่ใดมีรักที่นั่นก็ย่อมมีทุกข์ ยิ่งความรักที่เกิดขึ้นนั้นมันผิดกฎของฟ้ายิ่งต้องทุกข์หนัก สิ่งที่โยมเห็น สิ่งที่โยมสัมผัสได้นั้นมันคือญาณวิเศษที่เกิดขึ้นเฉพาะตน มันเกิดขึ้นเพราะสิ่งเหนือธรรมชาติที่มีพลังงานมากพอ ...ดลบันดาลให้มันเกิด เรื่องราวนี้จึงรับรู้ได้ สัมผัสได้เฉพาะบุคคลเท่านั้น ผู้อื่นไม่อาจจะล่วงรู้”

“แต่ทุกสิ่งเมื่อมันเกิดขึ้นได้ มันก็ดับลงไปได้ เมื่อความรักที่เกิดขึ้นเป็นเหมือนเปลวเพลิงที่กำลังลุกไหม้ ถ้าโยมจ้องมองมันแม้ไม่เติมเชื้อฟืน มันก็จะไหม้ไปจนวอดวาย จงดับไฟนั้นเสียก่อนจะที่เหลือเพียงแค่เถ้าถ่าน”

อารียาเดินเท้ากลับมาในเส้นทางเดิม ราเชนทร์ในร่างงูจงอางเลื้อยตามหญิงสาวมาเรื่อย ๆ โดยที่เธอไม่รู้ตัว ด้านหลังของราเชนทร์นั้นคือไอ้ดอน ไอ้เขียดและชาวบ้านจำนวนหนึ่งที่ย่องตามมาติด ๆ สัญชาติของสัตว์นั้นย่อมระวังได้ดีกว่าคน ราเชนทร์ในร่างของงูจงอางนั้นหันขวับไปและใครคนหนึ่งในกลุ่มของลูกศิษย์แม่เฒ่าตาบอดก็ลั่นไกปีนขึ้นแต่ช้ากว่าราเชนทร์ เขาฉกมันเข้าที่ใบหน้าด้วยสัญชาตญาณในการเอาตัวรอดมากกว่าที่จะเป็นภัยคุกคามกับผู้อื่นก่อน

เสียงกรีดร้องของผู้คนดังลั่น ภาพที่เกิดขึ้นนั้นสยดสยองเกินกว่าที่ใครจะเข้ามาช่วยเหลือได้ ทุกคนต่างพากันวิ่งหนีตายกันอุตลุด ยกเว้นอารียาที่จ้องมองดูอย่างไม่แน่ใจว่านี่คือราเชนทร์หรือมัลลิกา จนกระทั่งงูจงอางอีกตัวเลื้อยเข้ามาใกล้ แม้งูอีกตัวจะตัวเล็กกว่าแต่ก็สามารถชูคอแผ่แม่เบี้ยขึ้นสูงได้ถึงไหล่ของอารียา

“ไปซะ ไม่งั้นจะหาว่าเราไม่เตือน” ไก่โต้งวิ่งตรงเข้ามาขวางหน้าอารียาเอาไว้ พร้อมกับตะโกนขู่ไล่มัลลิกา แต่มัลลิกานั้นไม่ได้เกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย และฉกลงมาที่ไก่โต้งอย่างเร็ว

ลมพัดมาอย่างแรงโดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า ไก่โต้งดึงร่างของอารียามาโอบกอดเอาไว้ ภาพที่ปรากฏขึ้นในสายตาของเขาคือท่านปู่ผู้เป็นพญาครุฑโผล่เข้ามาคว้าร่างของมัลลิกาไว้ได้ทันก่อนที่เขาจะตกเป็นเหยื่อพิษพญานาคอีกรอบ ราเชนทร์กลายร่างเป็นพญานาคสู้กับท่านปู่ของเขาเพื่อช่วยเหลือสหายตน

ร่างกายอันใหญ่โตมหึมาของท่านปู่กำลังต่อสู้กับสองร่างที่ใหญ่โตมหึมาเช่นเดียวกัน เพียงแต่ศึกนั้นเกิดขึ้นในอีกหนึ่งมิติ ผู้คนทั่วไปรวมทั้งอารียาจึงมองเห็นได้เพียงแค่ความว่างเปล่า และกระแสลมแรงที่พัดปลิวเพราะการกระพือปีกของพญาครุฑเท่านั้น

ทั้งสามสู่กันอยู่พักใหญ่ ในที่สุดท่านปู่ก็ยอมถอย โบยบินขึ้นไปสู่ท้องฟ้าโดยที่สองพญานาคไม่อาจจะดีดตัวตามขึ้นไป สู้ต่อไปก็เหนื่อยเปล่าและเป็นภัยกับมนุษย์เพราะสองพญานาคนี้พละกำลังรวมกันมหาศาลเหลือเกิน ไก่โต้งมองตามท่านปู่พญาครุฑไปอย่างนึกเคืองใจ ถ้าเขามีปีกและมีกำลังแรงกายเท่า เขาจะไม่ยอมถอยหนีเลย

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมจู่ ๆ ถึงมีพายุโหมกระหน่ำโดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแบบนี้” อารียาเอ่ยถามหลังจากเหตุการณ์สงบลง

“ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่ดิน ฟ้า อากาศมันแปรปรวนน่ะ ไอริชไม่เป็นอะไรใช่มั้ย” ไก่โต้งจับตัวหญิงสาวหมุนเพื่อสำรวจร่างกาย

“ไอร์ไม่เป็นไร แต่คนของแม่เฒ่าถูกงูจงอางกัดตายอีกคนแล้ว” อารียาจ้องมองไปที่คนตายอย่างรู้สงสาร และเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้เธอสามารถตัดใจจากราเชนทร์อย่างไม่ต้องลังเล

“ราเชนทร์ ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน ขอให้คุณรับรู้เอาไว้ ว่าไอร์จะไม่พบหน้าคุณอีก คุณมันฆาตกรเลือดเย็น” อารียาตะโกนลั่นออกไปเพื่อให้เสียงของเธอดังก้องไปถึงหูของราเชนทร์

ไก่โต้งที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ แอบกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจ เขาสามารถกำจัดศัตรูหัวใจไปได้โดยที่ไม่ต้องลงทุนลงแรง

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว