เล่ห์ลีอา-9 กลับเอจา

โดย  แสงแข

เล่ห์ลีอา

9 กลับเอจา

ตอนที่ 6

“ฉัตรจะรอฟังคำตอบของเขานะครับ ไม่เปลี่ยนใจแน่นอนครับ ทันทีที่คุณภวัฒน์ตกลงแต่งงานฉัตรก็พร้อมที่จะเข้าพิธีทันทีครับปู่ลพ ขอบคุณนะครับ สวัสดีครับ” ฉัตรปวีร์วางสายจากปู่ของภวัฒน์ซึ่งท่านโทรศัพท์มาบอกเล่าถึงเงื่อนไขที่ให้ไว้กับหลานชาย หากแต่ภวัฒน์ยังปฏิเสธและต้องการเอาชนะด้วยการขอแต่งงานกับยุวเรศโดยไม่สนถึงสมบัติจากท่านแม้แต่นิด

“คุณพี่หมายความว่ายังไงคะที่บอกว่าพร้อมแต่งงาน แต่งกับใครคะ” รสาที่มาพักรักษาตัวที่บ้านกับฉัตรปวีร์ซึ่งเป็นบ้านของปู่ที่แยกมาจากบ้านพ่อแม่เอ่ยถามพี่ด้วยความสงสัย ฉัตรปวีร์ล้มตัวลงนอนข้างน้องแล้วเอ่ยเล่าอย่างไม่ปิดบัง

“พี่ตัดสินใจจะให้บทเรียนคนใจร้ายพวกนั้นด้วยการทำให้ไม่มีความสุข พี่จะแต่งงานกับคุณภวัฒน์เพื่อขัดขวางไม่ให้ยุวเรศสมหวัง”

“คุณพี่!” น้องสาวอุทานออกมาด้วยความตกใจ ก่อนจะละล่ำละลักเอ่ยถาม “แต่คุณพี่ไม่เคยคิดที่จะแต่งงานเลยนี่คะ คุณพี่บอกว่าชอบชีวิตอิสระแบบนี้ อยากไปเที่ยวหรืออยากทำอะไรก็ได้ ทำไมถึงตัดสินใจจะแต่งงาน”

“เพราะเขาใจร้ายกับรสาของพี่มากน่ะสิ แค่คิดว่าคืนนั้นรสาเป็นอะไรไป น้าวรรณ พ่อ พี่ ทุกคนจะเป็นยังไง ยิ่งโดยเฉพาะน้าวรรณต้องหัวใจสลายอย่างแน่นอน พี่ปล่อยคนพวกนั้นให้มีความสุขไม่ได้หรอก”

“แต่คุณพี่เองก็จะไม่มีความสุขไปด้วยนะคะ คุณพี่เล่าว่าคุณภวัฒน์กับคุณพี่ไม่ชอบขี้หน้ากันเลยไม่ใช่เหรอคะ แล้วจะอยู่ด้วยกันได้ยังไง” น้องสาวถามอย่างเป็นกังวลใจ คาดไม่ถึงว่าการเอาตัวลงไปเล่นในเกมนี้ของพี่คือการยอมแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักเพื่อแก้แค้น

“ถ้าคิดจะทำการใหญ่ก็ต้องแลกความสุขของตัวเองเป็นธรรมดา แต่พี่ทนได้เพื่อที่จะไม่ให้คนพวกนั้นได้เจอความสุข” ฉัตรปวีร์เอ่ยอย่างเด็ดเดี่ยว

“โถ่ รสาแท้ๆที่พาเรื่องเดือดร้อนมาให้คุณพี่ รสาเสียใจจริงๆค่ะ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้รสาจะไม่อ่อนแอจนโดนหลอกพลาดท้องแบบนี้ รสา…”

“ชู่วส์ ไม่ต้องพูดแล้ว มันผ่านไปแล้ว อย่าเอ่ยถึงมันขึ้นมาให้เจ็บปวดเลย มองไปข้างหน้าก็พอ ให้มันเป็นบทเรียนที่ทำให้รสาเติบโตขึ้นและไม่ทำผิดซ้ำอีก ต่อจากนี้แค่อย่าเจ็บปวดอีกก็พอนะคนดีของพี่” ฉัตรปวีร์โอบกอดร่างบอบบางของน้องสาวต่างมารดาไว้ด้วยความสงสาร เด็กสาวที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นลูกเมียน้อยของพ่อต้องเติบโตมากับการถูกคนในสังคมบางคนที่ไม่ยอมรับฟังความจริงตราหน้ามาตลอดหรือแม้แต่บางครั้งความเงียบขรึมของแม่ก็ทำให้เกิดระยะห่างระหว่างกันอย่างไม่ตั้งใจ ฉัตรปวีร์ด้วยซ้ำที่ใกล้ชิดน้องมากกว่าและแกกล้าที่จะพูดทุกเรื่องให้ฟังมากกว่าผู้เป็นมารดา

“รสาโชคดีมากที่ได้เกิดเป็นน้องของคุณพี่ แต่คุณพี่คงรู้สึกเหนื่อยที่มีน้องไม่ได้เรื่องแบบรสา ขอโทษนะคะคุณพี่ ฮึก”

“อย่าร้องไห้เลยเดี๋ยวตาสวยๆจะช้ำเปล่าๆ พี่ก็ดีใจที่มีรสาเป็นน้อง รสาของพี่เป็นเด็กดีมาตลอดเพียงแต่เจอคนไม่ดีเท่านั้น ต่อไปอย่าไว้ใจใครง่ายๆ อย่าให้ใจใครง่ายๆนะ เวลาจะคบใครขอให้มองให้รอบด้าน ที่สำคัญที่สุดขอให้รักตัวเองเป็นอันดับแรก โอเคมั้ย”

“โอเคค่ะ ต่อจากนี้รสาจะรักตัวเอง ถ้าจะทำอะไรก็จะคิดถึงคนรอบข้างให้มากๆและรสาตัดสินใจแล้วว่าจะไปเรียนต่างประเทศตามที่คุณพี่แนะนำ รสาจะไปเริ่มต้นใหม่ที่โน่นค่ะ”

“โอ ดีมากจ้ะคนสวย พี่ไม่อยากให้รสาจมปลักกับอดีต พี่จะจัดการเรื่องมหาวิทยาลัยให้เอง ส่วนมหาวิทยาลัยที่ไทยลาออกได้เลยจะได้ไม่ต้องไปเจอน้องของยุวเรศ ระหว่างนี้รสาก็ถามตัวเองนะว่าสนใจอะไรเป็นพิเศษ พี่จะไปพูดกับพ่อแล้วก็น้าวรรณเรื่องไปเรียนต่อให้ ถ้าพี่พูดยังไงทั้งสองก็ยอมแน่ หนึ่งปีต่อจากนี้คือการเตรียมตัวอย่างเข้มข้นก่อนจะไปผจญภัยในที่ใหม่ โอเคไหม”

“ได้ค่ะคุณพี่ รสาจะไปผจญภัยในโลกใหม่และจะเป็นรสาที่เก่งขึ้น เข้มแข็งอย่างคุณพี่ให้ได้” น้องสาวซบหน้าลงกับอกแล้วกอดไว้แน่น แม้จะเพิ่งผ่านความเสียใจมากที่สุดในชีวิตอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน หากทว่าการถูกโอบอุ้มและช่วยเหลืออย่างอ่อนโยนจากพี่ก็ทำให้จิตใจอันบอบช้ำของเด็กสาวค่อยๆดีขึ้นมาได้ ถึงแม้จะยังรู้สึกผิดไม่หายกับความผิดพลาดอันใหญ่หลวง

คนอื่นๆอาจจะมองว่าฉัตรปวีร์เป็นคนหยิ่งด้วยบุคลิกที่ดูเหมือนเชิดอยู่ตลอดราวกับนางพญา หากทว่าสำหรับคนที่ใกล้ชิดโดยเฉพาะน้องสาวด้วยแล้วจะรู้ว่าเป็นคนที่อ่อนโยนและชอบช่วยเหลือใครต่อใครเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงมีความสนิทสนมกับผู้คนมากมายแต่ทว่าก็มักถูกเข้าใจผิดว่าการที่ผู้คนนิยมชมชอบเพราะหวานเสน่ห์ไปทั่ว รสาเองตอนเล็กๆเคยกลัวว่าตัวเองจะถูกพี่คนละแม่รังเกียจเพราะแม้แต่คุณฉายผู้เป็นปู่ก็ไม่ชอบหน้าเธอกับแม่เท่าไหร่นักเพราะแม่ของรสาเข้ามาในช่วงที่แม่ของฉัตรปวีร์เพิ่งเสียไปจนถูกครหาว่าเป็นเมียน้อย หากทว่าฉัตรปวีร์กลับปฏิบัติตัวกับแม่เลี้ยงอย่างสนิทใจมาโดยตลอดและแสดงความเป็นพี่อย่างอ่อนโยนสม่ำเสมอรสาจึงรักและเคารพพี่มาก

รวิวรรณแม่ของรสาเองก็ทั้งรักและเกรงใจในลูกเลี้ยงคนนี้เช่นกัน ถึงอย่างนั้นฉัตรปวีร์ก็ไม่เคยใช้ความเป็นหลานคนโปรดของปู่มากดแม่เลี้ยงและน้องคนละแม่เลยสักนิด แถมยังเป็นคนทำให้บรรยากาศน่าอึดอัดระหว่างลูกสะใภ้คนใหม่ที่ปู่ไม่ชอบหน้าและพยายามคัดค้านไม่ให้ลูกชายแต่งงานด้วยโดยการย้ายมาอยู่กับปู่ที่บ้านใหญ่เพื่อตัดปัญหาไม่ให้ปู่ไปที่บ้านของพ่อกับแม่เลี้ยงบ่อยๆแล้วพูดกระทบแม่เลี้ยงให้ไม่สบายใจ ฉัตรปวีร์จึงเติบโตมากับปู่แต่ก็ยังมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับพ่อและแม่เลี้ยง เรียกได้ว่าเป็นศูนย์กลางที่เชื่อมทุกคนในครอบครัวไว้ด้วยกันก็ว่าได้

“เลิกติดต่อกับผู้ชายคนนั้นอย่างเด็ดขาดได้ไหม ถือว่าพี่ขอร้อง รสาดีเกินกว่าที่จะคบคนแบบนั้นนะ” ฉัตรปวีร์เอ่ยกับน้องที่ซบอยู่ในอก

“ได้ค่ะ รสาจะไม่ติดต่อกับเขาอีก รสาจะเป็นคนที่ดีขึ้นให้คุณพี่เห็นค่ะ ฮึก ขอโทษสำหรับทุกอย่างนะคะคุณพี่” น้องสาวร้องไห้โฮออกมาด้วยความเจ็บปวด ฉัตรปวีร์ไม่ดุแม้จะรู้ว่าไม่ควรเสียน้ำตาให้ผู้ชายแบบนั้น เข้าใจว่ารสายังอยู่ในวัยแรกรุ่น มีความอ่อนไหว ความเปราะบางแบบที่ตัวของฉัตรปวีร์เคยผ่านมาแล้ว แต่เพราะการเอาตัวรอดของแต่ละคนไม่เหมือนกัน รสาจึงพลาดเกิดเรื่องเลวร้ายนั้นขึ้นได้





“สำหรับคนสวยที่สุดในค่ำคืนนี้ครับ” ภวัฒน์ยื่นช่อดอกไม้ที่เตรียมไว้ให้ยุวเรศขณะที่เดินทางมาดินเนอร์กันที่ห้องอาหารในโรงแรมหรูที่ประจำที่มักควงคู่กันมาบ่อยๆ

หญิงสาวเบิกตาโตมองค้างด้วยความตกใจก่อนจะรับกุหลาบสีแดงช่อใหญ่ไปดูด้วยดวงตาเต็มไปด้วยประกายสดใส “อะไรกันคะพี่วัฒน์”

“เซอร์ไพรส์จากพี่ครับ”

“ขอบคุณนะคะ กุหลาบสวยมากค่ะ” ยุวเรศยกช่อกุหลาบขึ้นสูดกลิ่นหอม

“แต่ยังไม่หมดแค่นี้นะเรศ พี่ยังมีเรื่องสำคัญจะพูดกับเรศอีก” ภวัฒน์เอ่ยน้ำเสียงมีความสุขแล้วล้วงกล่องแหวนในกระเป๋าเสื้อสูทออกมาเปิดวางลงตรงกึ่งกลางโต๊ะตรงหน้าหญิงสาว ยุวเรศมองแหวนทั้งอ้าปากค้างทันทีเพราะรู้ว่านั่นคือแหวนแต่งงานอย่างไม่ต้องสงสัย คนตัวโตยื่นมือมากุมมือไว้แล้วเอ่ย “แหวนที่พ่อของพี่สวมให้แม่พี่วันแต่งงานครับ”

ยุวเรศมองกล่องกำมะหยี่สีแดงที่มีแหวนวางลงตรงกึ่งกลางด้วยความตื่นเต้นระคนยินดีอย่างยิ่ง ในที่สุดความพยายามของเธอที่จะได้เป็นสะใภ้แห่งเรืองรังสิต ภรรยาของว่าที่ประธานบริษัทในเครือที่ใหญ่ติดอันดับต้นๆของเอเชียก็ใกล้เข้าทุกที เพียงคืนนี้เธอตอบตกลงชีวิตราวซินเดอเรลล่าที่ก็จะเป็นจริงขึ้นมาทันที

“แต่ก่อนที่พี่จะเอ่ยคำขอนั้นกับเรศ พี่อยากจะบอกเรื่องสำคัญกับเรศก่อน ถึงรู้ว่ามันคงไม่สำคัญกับการแต่งงานของเราเลยสักนิดแต่พี่ก็อยากบอกให้เรศรับรู้ไว้ครับ”

“พี่วัฒน์พูดมาได้เลยค่ะ เรศจะตั้งใจฟังทุกอย่างที่พี่วัฒน์พูด” ยุวเรศเอ่ยอย่างยินดี หัวใจพองโตคับอกจนแทบอยากกระโดดโลดเต้นและป่าวประกาศให้คนที่ดูถูกเหยียดหยามเธอได้รู้ว่านับจากนี้เป็นต้นไปเธอจะชูคอในวงสังคมได้อย่างสง่างามในฐานะภรรยาของ ภวัฒน์ เรืองรังสิต

“การแต่งงานของเราจะไม่ได้รับการยอมรับจากปู่ ถึงอย่างนั้นท่านก็ไม่ได้ขัดขวางหรอกนะเพียงแต่ท่านจะไม่ยกตำแหน่งประธานบริษัทในเครือทั้งหมดของเรืองรังสิตให้พี่สานต่อ รวมถึงทรัพย์สมบัติที่เป็นของท่านทั้งหมด ท่านจะยกให้การกุศล พี่จะเป็นเพียงผู้บริหารบริษัทและได้รับมรดกในส่วนของพ่อแม่ที่ท่านทิ้งไว้ให้แต่เดิมรวมถึงหุ้นที่คุณปู่โอนให้ตอนที่มาช่วยงานตั้งแต่แรกเท่านั้น นอกจากนั้นจะไม่มีอะไรเป็นของพี่อีก” ภวัฒน์เล่าด้วยสีหน้ายิ้มๆ เขาทำใจได้แล้วว่าจะไม่ได้ตำแหน่งที่หวัง หากแต่ถ้าแลกกับการได้แต่งงานกับคนรักและไม่โดนบีบให้แต่งงานกับฉัตรปวีร์เขาย่อมยอมรับได้

“ว่าไงนะคะ พี่วัฒน์จะไม่ได้ตำแหน่งประธานบริษัทแถมทรัพย์สมบัติของคุณท่านจะยกเป็นของการกุศลเหรอคะ” ยุวเรศอุทานออกมาอย่างตกตะลึง ดวงตาคู่สวยเบิกค้างด้วยความช็อกเป็นอย่างมากเมื่อสิ่งที่เธอหมายมั่นปั้นมือว่าจะได้กำลังหลุดลอยจากมือไป

“ครับ เป็นตามที่เรศพูดมาทั้งหมด” ภวัฒน์พยักหน้าย้ำคำตอบ

“ไม่ยุติธรรมกับพี่วัฒน์เลย พี่วัฒน์ทุ่มทำงานอย่างหนักจนบริษัทก้าวหน้าไปมากตั้งแต่กลับมาแต่คุณท่านกลับจะให้คนอื่นรับตำแหน่งสำคัญไปเหรอคะ ไหนจะทรัพย์สมบัติที่ควรตกทอดมาสู่ทายาทคนเดียวอย่างพี่วัฒน์แต่กลับจะบริจาคการกุศล คุณท่านทำอย่างนี้ไม่ใจร้ายกับพี่วัฒน์มากเกินไปหรือคะ” ยุวเรศเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเจือคร่ำครวญด้วยความเสียดาย หากแต่ภวัฒน์กลับมองว่าคนรักกำลังรู้สึกเจ็บปวดที่เขาถูกปู่ปฏิบัติแบบนั้นจึงเอ่ยปลอบโยน

“ไม่เป็นไรหรอกครับ เรื่องตำแหน่งพี่ทำใจได้แล้วส่วนทรัพย์สมบัติที่มีอยู่ก็กินใช้ไม่มีวันหมด ทั้งของพี่และของพ่อแม่ที่ท่านทิ้งไว้ให้ พี่ไม่ลำบากหรอกถึงจะไม่ได้อะไรจากปู่ อ้อ หุ้นที่ท่านให้ไว้ก็มากพอที่จะเลี้ยงเราและลูกๆเราแล้ว เรศไม่ต้องกังวลไปนะ”

“แต่เรศไม่ยอมให้การแต่งงานของเราทำให้พี่วัฒน์พลาดในสิ่งที่ควรเป็นของพี่วัฒน์ไปหรอกนะคะ คิดดูสิคะพี่วัฒน์ตรากตรำทำงานมาอย่างหนัก ช่วงแรกที่มารับตำแหน่งแทบจะกินนอนที่บริษัท ทำพลาดต้องหาวิธีแก้ไขล้มลุกคลุกคลานอยู่ตั้งหลายครั้ง ทำไมคนอื่นที่ไม่ได้มาลุยด้วยต้องเป็นคนได้ในสิ่งที่พี่วัฒน์ควรได้ด้วยล่ะคะ ไหนจะทรัพย์สมบัติคุณท่านที่มันควรเป็นของพี่วัฒน์อยู่แล้วอีกแต่กลับจะถูกยกให้คนอื่นง่ายๆ เรศยอมไม่ได้หรอกค่ะ” ยุวเรศเอ่ยด้วยน้ำเสียงเสียอกเสียใจแทนชายหนุ่มแม้ที่จริงแล้วเธอกำลังเสียดายและโกรธแค้นแทนตัวเองที่ถูกปู่ของภวัฒน์เล่นงานอย่างเจ็บแสบแบบนี้ ทั้งที่เธออดทนอยู่เคียงข้างเขามานานแม้จะถูกรังกียจจากผู้เป็นปู่มาโดยตลอด

“หมายความว่าเรศจะปฏิเสธคำขอแต่งงานจากพี่เหรอครับ” ภวัฒน์ถามเสียงแผ่ว ใบหน้าเต็มไปด้วยความสับสนและไม่แน่ใจ

“เรศไม่ได้คิดจะปฏิเสธค่ะ เพียงแต่ไม่อยากให้พี่วัฒน์พลาดสิ่งที่อยากได้เพียงเพราะมีเรศเป็นตัวถ่วง”

“เรศไม่ใช่ตัวถ่วงของพี่เลยครับ พี่รักเรศและเราก็รักกันมากคนดี อย่าพูดให้ร้ายตัวเองแบบนั้นและก็ลืมมันไปเสียเถอะ ของนอกกายไม่ตายก็หาใหม่ได้ ของของปู่ท่านมีสิทธิ์จะทำยังไงกับมันก็ได้ พี่เองก็จะรับไว้ในส่วนที่พี่ควรได้เท่านั้น”

“ลืมไม่ได้หรอกค่ะ เรศอยากให้พี่วัฒน์ได้รับในสิ่งที่พี่วัฒน์สมควรจะได้ พี่วัฒน์รักบริษัทมากคงไม่อยากปล่อยให้คนอื่นขึ้นมาบริหารแล้วทำเละเทะในสิ่งที่พี่วัฒน์สร้างมากับมือแน่ๆใช่ไหมคะ เรศเองก็ทนเห็นพี่วัฒน์เจ็บปวดเสียใจไม่ได้หรอกค่ะ บอกเรศมาสิคะว่าทำยังไงคุณท่านถึงจะไม่ใจร้ายกับพี่วัฒน์แบบนี้” ยุวเรศแสดงสีหน้าเสียใจต่อสิ่งที่ชายหนุ่มต้องเจอได้อย่างแนบเนียน เก็บกดความเจ็บช้ำและโกรธแค้นไว้อย่างมิดชิด แน่นอนว่าภวัฒน์ที่ปักใจเชื่อในตัวคนรักมาตลอดจะไม่ระแคะระคายว่าที่จริงแล้วหญิงสาวกำลังรู้สึกเสียดายที่ตัวเองจะพลาดสิ่งเหล่านั้นไปต่างหาก

ภวัฒน์นิ่งมองหน้าคนรักอยู่สักพักแล้วเอ่ยถึงเงื่อนไขที่ปู่เสนอมาให้อย่างไม่เต็มใจนัก “ท่านจะยกตำแหน่งประธานบริษัทรวมถึงทรัพย์สมบัติให้ก็ต่อเมื่อพี่แต่งงานกับคนที่ท่านพอใจ”

“ใครคือคนนั้นคะ” ยุวเรศถามอย่างเจ็บใจ นึกชังปู่ของภวัฒน์ขึ้นมาอีกหลายร้อยเท่าจนแทบอยากให้ตายๆไปเสียเดี๋ยวนี้

“ฉัตรปวีร์ วรรณพิทักษ์”

“ฉัตรปวีร์เหรอคะ!!!” ยุวเรศอุทานออกมาเสียงแหลม รู้สึกเหมือนมีฟ้าผ่าลงมากลางใจจนชาไปทั้งตัว

“คุณหนูนิสัยเสียคนนั้นคงโกรธมากที่บุกมาหาเรื่องเราถึงบ้านแต่ไม่สำเร็จเลยเข้าทางคุณปู่ให้เอาเงื่อนไขเรื่องแต่งงานมาบีบพี่ คนอะไรอันธพาลหาเรื่องไปทั่วจริงๆ ยอมรับไม่ได้เพราะตัวเองโดนหักหน้า” ภวัฒน์เอ่ยอย่างหัวเสียถึงคู่กรณี ด้านยุวเรศในอกร้อนเป็นไฟขึ้นมาทันทีเมื่อรู้ว่าฉัตรปวีร์กำลังถือไพ่เหนือกว่า ยิ่งเป็นแบบนี้เธอยิ่งต้องแพ้ไม่ได้และสูญเสียอะไรไม่ได้สักอย่าง

“แล้วคุณฉัตรปวีร์ยอมแต่งกับพี่วัฒน์เหรอคะ เรศนึกว่าเขาเกลียดพี่วัฒน์จนไม่อยากเข้าใกล้แล้วเสียอีก”

“หึ คนนิสัยเสียที่เข้าใจผิดว่าตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาลจนใครต่อใครต้องรุมล้อมรักไปหมดแบบนั้นทำไมจะไม่ยอมล่ะ เขาคงคิดว่าพี่จะเสียดายกับตำแหน่งและทรัพย์สมบัติจนยอมทุกอย่าง แต่ไม่เลยพี่ไม่สนใจสักนิด ถึงไม่ได้พวกนั้นแต่พี่ได้แต่งงานกับเรศก็เพียงพอสำหรับพี่แล้ว”

“ไม่ได้นะคะ พี่วัฒน์ห้ามยอมเด็ดขาด ยิ่งเป็นฉัตรปวีร์ยิ่งห้ามยอม เขาเป็นคนอื่นไม่ควรเป็นคนมากำหนดว่าพี่วัฒน์ควรจะได้ไม่ได้อะไรจากคุณท่าน ทำแบบนี้เขายิ่งจะได้ใจว่าตัวเองมีอิทธิพลใหญ่โต พี่วัฒน์ต้องไปจัดการฉัตรปวีร์ให้เลิกจุ้นจ้านเรื่องในครอบครัวค่ะ”

“แต่พี่ไม่อยากไปยุ่ง คนแบบนั้นหน้ายังไม่อยากมองเลย เชิดคอตั้งอย่างกับนางพญาทั้งที่ทำตัวง่ายไปทั่ว” ภวัฒน์เอ่ยอย่าชิงชังหากแต่ยุวเรศร้อนใจจนแทบระเบิด วางดอกไม้ที่กอดไว้ในอกลงแล้วเอื้อมมือมากุมมือของคนรักแน่น เอ่ยด้วยท่าทีจริงจัง

“แต่พี่วัฒน์ต้องยุ่งแล้วล่ะค่ะเพราะเรศไม่อยากให้ยอมแพ้ง่ายๆเลย เขาไม่มีสิทธิ์มาทำตัวแบบนั้นกับพี่วัฒน์ เรศขอร้องนะคะ พี่วัฒน์ต้องจัดการฉัตรปวีร์ให้เป็นคนถอนความต้องการแต่งงานออกไปเองให้ได้ค่ะ ถ้าเป็นแบบนั้นคุณท่านจะไม่มีข้ออ้างในการขัดขวางเราและยกสิ่งที่ควรจะเป็นของพี่วัฒน์ให้ทั้งหมด” ยุวเรศพยายามตะล่อมกล่อมชายหนุ่ม

ภวัฒน์นิ่งคิด อันที่จริงเขาก็ทั้งขัดใจและแค้นใจเล็กๆที่ปู่เอาคนอื่นมาเป็นข้อกำหนดในการที่จะให้หรือไม่ให้อะไรเขา ทั้งที่เขาเป็นทายาทคนเดียวและทุ่มทำงานเพื่อบริษัทมาตลอด

“คิดดูสิคะว่าใครจะหัวเราะเยาะดังที่สุดถ้าหากว่าพี่วัฒน์ชวดในสิ่งที่ควรจะได้อยู่แล้ว ต้องเป็นฉัตรปวีร์แน่ๆ เขาไม่พอใจพี่วัฒน์และจ้องจะเล่นงานมาตลอด พี่วัฒน์จะยอมให้คนแบบนั้นมามีอิทธิพลเหนือพี่วัฒน์จริงๆเหรอคะ”

ยุวเรศฉลาดมากที่ปลุกความโกรธแค้นในใจของภวัฒน์ขึ้นมา จากที่ชายหนุ่มทำใจไว้แล้วว่าเขาสามารถปล่อยสิ่งเหล่านั้นไปโดยไม่เสียดายก็เริ่มรู้สึกแค้นใจต่อการเข้ามาจุ้นจ้านของฉัตรปวีร์ได้

“งั้นพี่จะไปคุยให้คุณฉัตรปวีร์ถอนความต้องการแต่งงานให้ได้แล้วค่อยไปคุยกับปู่อีกที พี่เสียดายแค่ตำแหน่งประธานบริษัทที่พี่ตั้งใจทำงานเพื่อมันมาโดยตลอด ส่วนเรื่องทรัพย์สมบัติปู่พี่ไม่ได้คิดอยากได้แต่แรกอยู่แล้ว มันเป็นสิ่งที่ท่านสร้างมา ถ้าท่านจะไม่ให้สิ่งนั้นพี่ก็จะเคารพการตัดสินใจของท่าน”

“ไม่เป็นไรค่ะ คิดถึงแค่ตำแหน่งงานก็พอ สิ่งนั้นพี่วัฒน์ควรค่าที่จะได้มันที่สุดแล้วนะคะ อย่าปล่อยให้มันหลุดมือไปได้ค่ะ” ยุวเรศรีบเอ่ยเชียร์ต่อทันที เธอจะต้องได้ครอบครองทั้งหมดทั้งตำแหน่งภรรยาของประธานบริษัทและผู้ให้กำเนิดทายาทอาณาจักรหมื่นล้านอย่างเรืองรังสิต ถ้าเธอมีลูกแน่นอนว่าทรัพย์สมบัติของทวดก็จะต้องแบ่งมาให้เหลนแน่นอน คนแก่มักใจอ่อนกับเด็กเสมอแม้จะไม่ชอบแม่ของลูกหากแต่ก็ต้องยอมรับว่าเป็นเลือดเนื้อเชื้อไข เธอจะไม่ยอมเสียอะไรไปให้คนอย่างฉัตรปวีร์ วรรณพิทักษ์ แน่นอน!




…………………….



รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว