อยู่ดี ๆ ฉันก็กลายเป็นภรรยาตัวแสบของนายพลผู้เย็นชา-บทที่ 32 ประสบการณ์ของคุณยังน้อยเกินไป

โดย  ตำหนักรัก

อยู่ดี ๆ ฉันก็กลายเป็นภรรยาตัวแสบของนายพลผู้เย็นชา

บทที่ 32 ประสบการณ์ของคุณยังน้อยเกินไป


รถม้าวิ่งติดต่อกันสามวันสามคืนออกห่างจากเมืองหลวงนับร้อยหลี่ อู๋ซวงนั่งหลังตรง ดวงตาปิดสนิท ไม่พูดไม่จาไปตลอดทาง

เสียงร้องดังขึ้น รถม้าหยุดกะทันหันจนข้าหน้าคะมำไปข้างหน้า อู๋ซวงยื่นมือออกมาจับเอวของข้าไว้ เสียงหัวใจเต้นตึกตักแรงเร็วดังจนได้ยิน

เมื่อรู้ตัวว่าล้มเข้ามาในอ้อมกอดของอู๋ซวง ข้าก็ผลักเขาออกอย่างกระอักกระอ่วน เขาเหลือบมองข้า จากนั้นก็หันไปถามลุงฝูว่า

“เกิดอะไรขึ้น”

“มีคนมาขวางทางไว้ขอรับ” ลุงฝูตอบ

อู๋ซวงเลิกผ้าม่านขึ้น เห็นคนชุดดำห้าคนอยู่ตรงหน้า ที่เอวแขวนกระบี่ยาว สวมหน้ากากกระเบื้องสีขาว มีตัวอักษรสีแดงเขียนว่า ‘ผี’ อยู่ตรงหน้าผาก เป็นพวกเดียวกันกับทูตลับสำนักภูตผีที่ปรากฏตัวขึ้นในคืนนั้น

หรือว่าพวกเขามาช่วยกัน

ข้านึกดีใจขึ้นมาในทันที

อู๋ซวงดึงข้าไปด้านหลัง นิ้วชี้แตะที่มุมปาก เสียงผิวดังกังวาน จากนั้นก็มีคนชุดดำพุ่งเข้ามาจากทั้งสี่ทิศ ล้อมคนจากสำนักภูตผีเอาไว้

“รีบเดินทางต่อ” อู๋ซวงสั่งการ

ม่านทิ้งตัวลงมา รถม้าวิ่งต่อไป เสียงต่อสู้ดังห่างออกไปเรื่อยๆ

“ตามมาทันรวดเร็วขนาดนี้เชียวหรือ” อู๋ซวงแค่นเสียงเย็น เหลือบตามองข้า “ดูเหมือนว่าตวนมู่เช่อจะปฏิบัติกับเจ้าไม่เลวเลยนะ”

ข้ามองอู๋ซวงด้วยความโมโห สองแขนพยายามขัดขืนแต่ก็ไม่อาจสลัดเขาออกได้ รู้สึกร้อนใจจนแทบทนไม่ไหว

ผ่านไปสักพักรถม้าก็หยุดลงอีกครั้ง ลุงฝูเอ่ยว่า “คุณชาย ข้างหน้ามีคนควบม้ากำลังวิ่งเข้ามาทางนี้ขอรับ”

“เป็นผู้ใด” อู๋ซวงเอ่ยถาม

“รุ่ยอ๋องแห่งแคว้นมู่หลิว ตวนมู่เช่อ”

เมื่อได้ยินดังนั้น ดวงตาของอู๋ซวงก็มีรอยเย็นเฉียบสว่างวาบ เขาเลิกม่านขึ้น ลากข้าลงมาจากรถม้า

เสียงฝีเท้าม้าดังขึ้นไม่ไกลทำให้เกิดฝุ่นตลบอบอวล ตรงกลางมีคนขี่ม้าในเครื่องแบบสีทอง มงกุฎทำจากหยกหลันเถียน เขาคือตวนมู่เช่อ!

ความยินดีปรี่เข้ามาในหัวใจ ข้าร้องเสียงดังว่า “ท่านอ๋อง!”

อู๋ซวงเข้ามาปิดปากของข้าเอาไว้ เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นดวงตาเรียวยาวของเขามีแรงอาฆาตพวยพุ่งออกมา

“ลุงฝู ลงจากม้า ให้รถม้าวิ่งไปทางเล็กๆ ด้านซ้าย” อู๋ซวงกล่าว จากนั้นก็กดร่างของข้าไว้ในพุ่มไม้หนาแน่น

ตวนมู่เช่อหยุดลงห่างออกไปสิบจั้ง มีคนร้องเรียก “ท่านอ๋อง ตรงนั้นมีรถม้าคันหนึ่ง!”

“เจ้าพาคนตามรถม้าคันนั้นไป ส่วนคนที่เหลือตามข้ามาค้นหาบริเวณนี้ต่อ!” ตวนมู่เช่อออกคำสั่ง

เมื่อเห็นว่าตวนมู่เช่อไม่ได้หลงกลอู๋ซวง ข้าก็มีสีหน้าดีใจขึ้นมา

แรงบีบที่ท่อนแขนหนักขึ้น ข้าขมวดคิ้วด้วยความเจ็บปวด อู๋ซวงโน้มตัวลงมากระซิบเสียงแหบพร่าว่า “ดีใจหรือไม่ที่เห็นเขา วันนี้ข้าจะให้เจ้าได้เห็นว่าข้าจะทำให้เขาตายด้วยน้ำมือของข้าได้อย่างไร”

เมื่อกล่าวจบอู๋ซวงก็ใช้นิ้วแตะลงมาทำให้ข้าไม่สามารถเอ่ยคำพูดออกไปได้อีก จากนั้นเขาก็ให้ลุงฝูจับข้าเอาไว้ แขนเสื้อสีครามสะบัดขึ้น คนชุดดำสิบคนปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของเขา แต่ละคนหยิบหน้าไม้ออกมาจากด้านหลังอย่างแข็งแรงว่องไว พวกเขาหมอบมาข้างหน้าราวกับเสือที่กำลังหมอบล่าเหยื่อ พร้อมที่จะลงมือได้ตลอดเวลา

เมื่อเห็นตวนมู่เช่อเข้ามาอยู่ในวงล้อมเพียงลำพังโดยไม่รู้ตัว ข้าก็ร้อนใจแต่ไม่สามารถพูดได้ ลุงฝูก็จับแขนขาของข้าไว้แน่น น้ำตาข้าไหลลงมาอาบแก้ม

อู๋ซวงพยักหน้า เสียงลูกศรดังคว้างออกมาจากรอบทิศ

“ท่านอ๋องระวัง! มีคนซุ่มโจมตี!”

คนที่ถูกคนจำนวนสิบกว่าคนล้อมไว้เริ่มรวนเร ส่วนธนูของอู๋ซวงก็เล็งแน่วแน่ไปที่ตวนมู่เช่อ

ตวนมู่เช่อ! ระวัง! พวกนั้นเป็นศรหลอก แต่ที่กำลังจะเอาชีวิตท่านจริงๆ กำลังเล็งท่านอยู่ในตอนนี้!

ข้าอยากจะร้องตะโกนออกไปใจจะขาด

เสียงลูกธนูพุ่งออกไป เล็งตรงไปที่ทรวงอกของตวนมู่เช่อ ตวนมู่เช่อลื่นไถลล้มลงจากหลังม้า ส่วนภาพตรงหน้าข้าก็ดำมืด หมดสติไป


ตอนที่ข้าค่อยๆ ฟื้นขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นเวลากลางคืน เมื่อลืมตาขึ้นก็เห็นหมู่ดาวเต็มท้องฟ้า หันหน้าไปก็เห็นอู๋ซวงนั่งอยู่บนหินก้อนหนึ่ง เขาใช้กิ่งไม้พลิกท่อนฟืนที่กำลังเผาไหม้จนแดงระอุ เสียงกิ่งไม้แตกเปรี๊ยะๆ สะเก็ดไฟพวยพุ่งราวกับดอกบัวสีแดงที่กำลังเบ่งบาน สะท้อนดวงหน้างามสะคราญของอู๋ซวงจนเดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่าง

“เจ้าฟื้นแล้วหรือ” อู๋ซวงเอ่ยเรียบๆ โดยไม่มองหน้าข้า สายตายังคงจ้องกองไฟ

ความทรงจำค่อยๆ กลับคืนเข้ามา ข้าเบิกดวงตากว้างด้วยความร้อนรน “เจ้าทำอะไรกับเขา”

“ธนูปักเข้าหน้าอกซ้าย หากโชคดีไม่ตายก็ต้องบาดเจ็บสาหัส” อู๋ซวงเอ่ย

เมื่อได้ยินดังนั้น ข้ารู้สึกเหมือนโลหิตภายในร่างเหือดหายไปโดยพลัน ร่างกายด้านชาไร้ความรู้สึก

ข้าเอ่ยเสียงสั่น “ไม่...เจ้าโกหกข้า เขาไม่มีทางเป็นอะไร...”

อู๋ซวงเดินมาที่ข้างกายข้า ประคองให้ข้าลุกขึ้น แต่ข้าผลักเขาออก “อย่ามาแตะต้องตัวข้า! หากท่านอ๋องเป็นอะไรไป ข้าจะไม่มีวันให้อภัยเจ้า แม้ตายก็ไม่มีวันให้อภัย!”

สีหน้าของอู๋ซวงเยือกเย็น จับมือของข้าพลิกขึ้นแล้วกดข้าไว้ใต้ร่างของเขา เส้นผมยาวดำขลับปลิวไสวไปตามสายลม

“อีชิ่นซิน เขามีอะไรดี จึงทำให้เจ้าชอบเขาได้เช่นนี้”

ข้ากัดฟันตะคอกว่า “ใช่! ข้าชอบเขา ข้ารักเขา! เขาดีทุกอย่าง ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า จากข้างในออกมาข้างนอก! ในสายตาของข้า เขาคือสิ่งที่ดีที่สุดของทั้งสวรรค์และแผ่นดิน เป็นผู้ยิ่งใหญ่ของสรรพสิ่ง เป็นแสงอาทิตย์สว่างไสว เป็นดารานับหมื่นพัน ต่อหน้าเขา เจ้าก็เป็นเพียงเศษธุลีดิน!”

อู๋ซวงโมโหจนหัวเราะ “เจ้าบอกว่าเจ้ารักเขาอย่างนั้นหรือ รู้หรือไม่ว่าเขาเป็นคนอย่างไร”

“ข้าไม่สนว่าเขาจะเป็นคนอย่างไร ต่อให้เขาเป็นคนชั่วช้าสามานย์ ตายไปต้องตกนรกหมกไหม้ ข้าอีชิ่นซินก็จะติดตามเขาไปด้วย!”

“เจ้า!” นัยน์ตาของอู๋ซวงมีรอยเย็นเยียบ และปรากฏรอยกระหายเลือด “หุบปาก!”

“ข้าจะพูด ข้าชอบเขา ข้ารัก...อื้อ...”

อู๋ซวงจูบลงมาบนริมฝีปากของข้าอย่างบ้าคลั่ง ข้านิ่งงัน เมื่อได้สติก็กัดเขาอย่างแรงด้วยความอับอาย อู๋ซวงหยุดชะงัก ปลายลิ้นถอยกลับไป จากนั้นก็รุกล้ำเข้ามาอย่างรุนแรงมากขึ้น ภายในปากเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด

ในเวลานี้มีเสียงเป่าใบไม้ดังขึ้นเป็นเสียงนก สีหน้าของอู๋ซวงเปลี่ยนไป เขาปล่อยตัวข้าแล้วสกัดจุดข้าเอาไว้ ข้าหมดสติไปในทันที


“อู๋ซวง เจ้ารู้หรือเปล่าว่ากำลังทำอะไรอยู่”

“ข้ารู้ ข้าต้องการนาง”

“ไม่ได้!”

“ข้าต้องการนาง!”

“อู๋ซวง เจ้าบ้าไปแล้ว!”

“ใช่ ข้าบ้าไปแล้ว ข้ารักนาง!”

“เจ้า!”

“ข้าจะช่วยให้เจ้าทำภารกิจให้สำเร็จ เงื่อนไขก็คือ ข้าต้องการนาง!”

“เรื่องนี้ค่อยปรึกษากันทีหลัง จงอย่าลืมภารกิจในตอนนี้ของเจ้า!”

เมื่อคำพูดจบลง เงาร่างนั้นก็รีบจากไป เหลือเพียงสายลมหอบหนึ่ง กับเสียงทอดถอนใจหนักหน่วง...


รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว