พี่เขยที่รัก

บทนำ

บทนำ

ภายในห้องพักฟื้นพิเศษของโรงพยาบาลประจำจังหวัดแห่งหนึ่งทางภาคเหนือ คุณแม่คนสวยที่ต้องคลอดลูกก่อนกำหนดเพราะภาวะครรภ์เป็นพิษกำลังนอนหลับอยู่บนเตียง ข้างกันนั้นมีชายหนุ่มร่างอวบคอยเฝ้าดูอยู่ไม่ห่าง 'กฤษณะ' คือสามีของเธอ

แพทย์แจ้งว่าต้องรอดูอาการของเธอสักระยะ หากไม่พบอาการแทรกซ้อนใด ก็สามารถกลับไปพักฟื้นที่บ้านได้

'ประภัสสิริ' เกิดภาวะครรภ์เป็นพิษในตอนที่ใกล้ถึงกำหนดคลอด แพทย์จึงต้องยุติการตั้งครรภ์เพื่อให้อาการนี้ทุเลาลง และด้วยอายุครรภ์ที่ค่อนข้างมากจึงทำให้หนูน้อยที่เกิดมามีสุขภาพค่อนข้างแข็งแรงกว่าที่คาดไว้

เพียงได้รู้ว่าภรรยาสาวกับลูกน้อยของเขาปลอดภัย ชายหนุ่มเจ้าของฟาร์มโคนมก็โล่งใจ แค่รอเวลาให้ประภัสสิริรู้สึกตัวขึ้นมาเท่านั้น

"พี่กุนไปพักบ้างเถอะค่ะ เดี๋ยวทางนี้สราจะดูแลพี่สิเอง"

'ประภัสสรา' ซึ่งเป็นน้องสาวฝาแฝดของคนไข้เอ่ยขึ้นขณะที่เดินเข้ามาในห้อง เธอเพิ่งกลับจากห้องทารกแรกเกิด หญิงสาวนั่งเครื่องบินมาที่ภาคเหนือทันทีที่รู้ข่าวว่าพี่สาวคลอดลูก "ถ้าพี่สิฟื้น สราจะรีบโทรไปบอกค่ะ"

กฤษณะเหลือบมาน้องสาวของภรรยาเล็กน้อย นึกเคืองการแต่งกายของเธออยู่เหมือนเดิม จะนุ่งสั้นไปถึงไหนกันหนอแม่คุณ ไหนจะการแต่งหน้าหนาจัดนั่นอีก ไม่ใช่ว่าเขาเป็นห่วงเธอหรอก แต่ประภัสสรานั้นหน้าตาเหมือนภรรยาของเขาราวกับแกะออกมาจากพิมพ์เดียวกัน เขากลัวว่าใครจะเข้าใจผิด แล้วมองว่าประภัสสิริของเขาเป็นผู้หญิงแรงและกร้านโลก

ชายหนุ่มกุมมือของภรรยามาจูบก่อนจะตัดใจจากการเฝ้าไข้ เขาเองก็รู้สึกล้าอยู่ไม่น้อย ตอนที่คนงานวิ่งมาบอกว่าประภัสสิริมีอาการแน่นหน้าอกนั้น เขากำลังจัดเรียงฟางอัดอยู่ที่ส่วนฟาร์ม เมื่อรู้ข่าวก็รีบรับตัวเธอมาโรงพยาบาลทันที ความฉุกเฉินของเหตุการณ์ทำให้ลืมสนใจเรื่องกลิ่นเหงื่อ บัดนี้ทุกอย่างคลี่คลายลงแล้ว ชายหนุ่มจึงมีเวลาทบทวนตัวเอง 'โคตรเหม็น' คือระดับกลิ่นที่เขาให้คะแนน

"ฝากด้วยนะ" กฤษณะหยิบกุญแจรถแล้วเดินออกจากห้องไป พยายามไม่ทำตัวสนิท ไม่มองหน้าของประภัสสราแม้แต่น้อย ด้วยรู้ดีว่าหญิงสาวคิดกับเขาแบบใด

ก่อนจะกลับบ้าน ชายหนุ่มแวะมาดูลูกสาวที่ห้องทารกแรกเกิด เด็กน้อยตัวแดง ๆ ที่นอนหลับอยู่ในตู้อบนั้นทำให้เขามีกำลังใจขึ้นมาได้มาทีเดียว 'รอแม่ฟื้นก่อนนะลูก เราจะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันสักที'

ประภัสสราวางกระเป๋าถือไว้ที่โซฟา แล้วเดินมาดูอาการของพี่สาวที่นอนหลับอยู่บนเตียง ใบหน้าของคนป่วยซีดเผือด เธอคงเหนื่อยล้าจากการต่อสู้กับสิ่งที่ร้าย ๆ ที่เข้ามา

"รีบหายนะคะพี่สิ ยัยหนูรอพี่อยู่นะ" เธอกล่าวถึงหลานสาวที่เธอเพิ่งไปเยี่ยมมา เด็กน้อยดูแข็งแรงกว่าเด็กที่คลอดก่อนกำหนดทั่วไป นั่นทำให้ผู้เป็นน้าใจชื้นขึ้นมาได้

หากจะว่ากันตามความเป็นจริง พี่น้องแฝดคู่นี้มีนิสัยต่างกันสุดขั้ว เหตุก็เนื่องมาจากการที่เติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่ต่างกัน เมื่อบิดากับมารดาของสองแฝดหย่าร้างกัน ได้ตกลงแบ่งหน้าที่ดูแลลูก ผู้ใหญ่ทิฐิสูงไม่ยอมฟังคำคัดค้านของญาติที่บอกว่าไม่ควรแยกเด็กแฝดออกจากกัน โดยทั้งสองตกลงให้ประภัสสิริผู้พี่อยู่กับแม่ที่ภาคเหนือแห่งนี้ ส่วนผู้น้องอย่างประภัสสราไปอยู่กับพ่อที่เมืองหลวง

ประภัสสราได้รับการเลี้ยงดูจากมารดาซึ่งมีอาชีพทำขนมไทยส่งขายตามร้านค้า โดยมารดาของเธอไม่ได้สมรสใหม่ สองชีวิตจึงต้องดิ้นรนหาเลี้ยงชีพกันอย่างยากลำบาก หญิงสาวมีทั้งความเข้มแข็งและอ่อนหวานอยู่ในตัว เธอเลือกศึกษาในสาขาวิชาสัตวศาสตร์ ในมหาวิทยาลัยชื่อดังประจำจังหวัด และการฝึกงานของคณะนี้เองที่ทำให้ได้พบกับหนุ่มเจ้าของฟาร์มโคนมอย่างกฤษณะ ทั้งคู่เข้ากันได้ดี กฤษณะมีความเป็นผู้ใหญ่ ประภัสสิริก็เป็นผู้หญิงเก่งที่ไม่เคยทำตัวงี่เง่า ทั้งสองคอยสนับสนุนกันในทุกเรื่อง คบหากันอยู่หนึ่งปี เมื่อหญิงสาวเรียนจบ ทั้งคู่ก็ตกลงแต่งงานกันทันที

ฝ่ายประภัสสราที่อยู่กับบิดาซึ่งสมรสใหม่กับสาวชาวกรุง แม่เลี้ยงของเธอมีลูกชายติดมาเช่นกัน พ่อเอาแต่ทำงานหาเงิน ปล่อยให้แม่เลี้ยงเป็นคนดูแลเธอ เด็กหญิงถูกกลั่นแกล้งเรื่อยมา ทั้งยามที่โตเป็นสาวยังต้องคอยระวังตัวจากพี่ชายต่างสายเลือดอีก ประภัสสราเริ่มทำตัวแรงเพื่อประชดบิดา ทั้งเที่ยวกลางคืน ทั้งคบเพื่อนผู้ชายไม่ซ้ำหน้า แต่แทนที่พ่อจะหาเวลามาเอาใจใส่เธอ เขากลับเลือกที่จะฟังภรรยาใหม่ ขับไล่เธอออกจากบ้านทันทีที่เข้าเรียนระดับมหาวิทยาลัย หญิงสาวนั้นชอบเรื่องสวย ๆ งาม ๆ มาแต่ไหนแต่ไร เธอเลือกเรียนสาขาวิชานาฏศิลป์ซึ่งทำให้เธอได้ร่ายรำและแต่งกายสวย ๆ ตามที่เคยใฝ่ฝัน

สองพี่น้องมีโอกาสได้พบกันในงานแต่งงานของกฤษณะกับประภัสสิริ ซึ่งจัดขึ้นที่โรงแรมหรูในตัวจังหวัด โดย 'พ่อเลี้ยงกฤษ' บิดาของเจ้าบ่าวนั้นเป็นคนกว้างขวาง แขกเหรื่อในงานจึงมีแต่คนใหญ่คนโต เจ้าภาพจึงได้ว่าจ้างวงดนตรีที่ประภัสสราทำงานอยู่มาแสดงเพื่อรับรองให้สมเกียรติของแขกผู้ใหญ่

ในวันนั้นกฤษณะที่มาต้อนรับคณะแสดงจ้องมองหญิงสาวที่หน้าตาเหมือนภรรยาของเขาอย่างตะลึง ชายหนุ่มแค่รู้สึกแปลกใจในความเหมือนของหญิงทั้งสอง แต่ประภัสสรานั้นกลับคิดไปไกลว่าเขาสนใจเธอ อีกทั้งยังนึกชื่นชมในรูปร่างหน้าตาของชายหนุ่มที่ดูโดดเด่นกว่าใครที่เธอเคยพบเจอมา แต่เมื่อได้พบกับพี่สาวและรู้ว่ากฤษณะเป็นพี่เขยของเธอ หญิงสาวจำต้องหักห้ามความรู้สึกเอาไว้ในใจ

จากวันนั้น แฝดผู้น้องก็ติดต่อกับพี่สาวเรื่อยมา หากวันไหนไม่มีงานแสดงก็จะมาพักอยู่ที่บ้านของมารดา ยิ่งเมื่อรู้ว่าพี่สาวตั้งครรภ์เธอก็ยิ่งหาเวลามาเยี่ยมบ่อยขึ้นไปอีก และเมื่อไม่นานมานี้ มารดาของทั้งสองก็เสียชีวิตลงด้วยโรคประจำตัวที่มีมานาน บิดาของพวกเธอไม่มารวมงานด้วยซ้ำ

สองพี่น้องเหลือกันแค่สองคน


ขณะที่กำลังอ่านนิตยสารแก้เบื่อ หญิงสาวเห็นความเคลื่อนไหวบนเตียงคนไข้ ประภัสสิริฟื้นแล้ว

"น...น้ำ ขอน้ำหน่อย" หญิงสาวที่ผ่าตัดคลอดเอ่ยขอ เธอรู้สึกกระหายน้ำเป็นกำลัง

"ยังดื่มไม่ได้นะคะ คุณหมอสั่งห้ามไว้" หญิงสาวจับมือคนไข้มากุมไว้แน่น สงสารพี่สาวแทบขาดใจ เธอดูโทรมลงไปมาก มากเหลือเกิน

ประภัสสราโทรไปบอกกฤษณะว่าพี่สาวของเธอรู้สึกตัวแล้ว ชายหนุ่มนั้นกำลังขับรถมาที่โรงพยาบาลพอดี

"ลูกแข็งแรงดีรึเปล่าคะ พี่กุน" ประภัสสิริเอ่ยถามสามี เสียงที่เคยหวานนั้นแหบพร่าเพราะคอแห้ง

"แข็งแรงดีจ้ะ น่ารักเหมือนสิเลยล่ะ" ชายหนุ่มกุมมือภรรยาไว้แน่น ดีใจที่เธอฟื้นขึ้นมาสักที ภาวนาว่าอย่าให้มีอาการแทรกซ้อนเข้ามาก็พอ

"สิอยากเจอลูก พาลูกมาหน่อยได้ไหมคะ" คนป่วยเข้าใจว่าลูกน้อยของเธอพักอยู่ที่ห้องทารกแรกคลอดอย่างเด็กธรรมดา เธอยังไม่รู้ว่าหนูน้อยจะต้องเข้าตู้อบ จึงเรียกหาลูกตามสัญชาตญาณของคนเป็นแม่

ประภัสสราที่ยืนอยู่ใกล้ประตูห้องจึงอาสาว่าจะไปดูหลานให้เอง สุขภาพของหนูน้อยที่คลอดก่อนกำหนดแข็งแรงขึ้นมาก ราวกับฟ้าเป็นใจให้ทารกน้อยได้พบมารดา แพทย์มาตรวจดูอาการแล้วลงความเห็นว่าไม่มีความจำเป็นต้องเข้าตู้อบอีก คุณน้ารีบเข็นเตียงหลานสาวไปที่ห้องพิเศษทันที ความสุขล้นปรี่ในหัวใจ

'จะได้เจอคุณแม่แล้วนะลูก'

เมื่อมาถึงหน้าห้องก็พบกฤษณะพรวดพราดออกมาพอดี ชายหนุ่มทนคำรบเร้าของภรรยาไม่ได้ จึงจะออกมาตามลูกสาว เมื่อเห็นลูกออกจากตู้อบแล้วก็รีบรับทารกน้อยไปอุ้มไว้ เดินเข้าห้องไปอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้คุณน้ามองตามหลังไปด้วยความน้อยใจ

ภาพครอบครัวที่ประภัสสรามองเห็นนั้นช่างดูอบอุ่น เด็กน้อยได้ดื่มนมจากอกแม่ โดยมีคุณพ่อคอยลุ้นอยู่ไม่ห่าง

'กุลสิริ' คือชื่อของหนูน้อย โดยตั้งจากชื่อเล่นของพ่อกับแม่ และ 'น้องกุ๋งกิ๋ง' คือชื่อเล่นที่น้าสราตั้งให้ ทั้งสามพูดคุยกันสนุกสนาน คนไข้ไม่มีวี่แววว่าจะมีอาการแทรกซ้อนอย่างที่ทุกคนกลัว แต่คุณแม่ลูกอ่อนกลับพูดเป็นลางว่าถ้าเธอเป็นอะไรไป ขอให้ประภัสสราช่วยดูแลหลานให้ดีด้วย และฝากกฤษณะให้คอยดูแลและช่วยเหลือน้องสาวฝาแฝดของเธอ แม้ทั้งสองจะรู้สึกไม่ดีกับคำขอ แต่ก็ยอมรับปากเมื่อถูกคนป่วยรบเร้า

“เราสัญญากันเเล้วนะสรา” ประภัสสิริทวนคำ “พี่กุนก็ดูแลสราต่อด้วยนะคะ” หญิงสาวเอ่ยย้ำ ดวงตาหวานมองสามีที่อุ้มลูกน้อยอย่างรักใคร่

ชายหนุ่มที่หันตามเสียงเริ่มใจไม่ดีเมื่อเห็นว่าใบหน้าของภรรยาซีดลงมาก ครั้นจะกดเรียกหมอ หญิงสาวก็รั้งไว้

"สัญญากับสิก่อน ว่าจะดูแลสรา" เสียงอ่อนระโหยพยายามพูดย้ำ รู้ตัวว่าคงจะแย่แน่แล้ว ขอเพียงได้ยินคำสัญญาจากเขา เธอก็จะไม่มีห่วงอะไรอีก

"สัญญาจ้ะ พี่สัญญา" กฤษณะอุ้มลูกน้องไว้แนบอก เริ่มรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ เขายืนตัวแข็งทำอะไรไม่ถูก เมื่อเห็นว่าเธอกำลังจะจากเขาไป

ดวงตาคู่สวยที่เคยจ้องมองเขาอย่างอ่อนโยนปิดลงช้า ๆ มือเรียวของเธอที่รั้งเขาไว้ร่วงลงกับเตียง กฤษณะกอดลูกน้อยร้องไห้โฮ น้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมาอย่างไม่อายใคร ผู้หญิงที่เขารักได้จากเขาไปแล้ว


.*.*.*.*.*.*.*.*.*.*.*.*.*.*.*.

รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว