เมื่อป้าห้าและฉินซื่อได้ยินดังนั้น พวกนางจึงรีบขยิบตาให้ป้าหกเพื่อส่งสัญญาณมิให้นางเอ่ยแบบนั้น มิว่าหลินจงจะแย่เพียงใด ทว่าเขาก็ยังเป็นผู้อาวุโสของอาหร่วนอยู่ดี การเอ่ยนินทาผู้อาวุโสของผู้อื่นเช่นนี้มิใช่เรื่องดี
ป้าหกมิได้คิดว่านางเอ่ยผิดแต่อย่างใด เพราะนางเป็นคนตรงไปตรงมา นางจะเอ่ยอันใดก็ได้ที่นางต้องการ เพราะนางมิได้ไปทำร้ายผู้ใด
เพื่อหลีกเลี่ยงความอับอาย ดังนั้นป้าห้าจึงรีบเปลี่ยนเรื่องทันใด
“อาหร่วน พวกเราจะไปเก็บผลไม้ในยามเว่ย เจ้าสนใจไปกับพวกเราหรือไม่ ? ”
ภูเขาใกล้ ๆ หมู่บ้านตระกูลหลิน มีต้นเบอร์รี่ป่าจำนวนมาก เมื่อถึงฤดูกาลชาวบ้านมักจะไปเก็บมันมากิน ชาวบ้านในชนบทมิได้มีเงินมากพอที่จะซื้ออาหารบำรุงร่างกาย ผลเบอร์รี่ป่าถือเป็นของดีที่หายาก
หลินหร่วนมิได้คิดอันใดมากนัก นางพยักหน้ารับไปส่ง ๆ
หลังจากนั้นพวกเขาก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนากัน มีเสียงหัวเราะดังขึ้นมาเป็นบางจังหวะขณะที่กำลังซักผ้า
วิธีการซักผ้าของพวกเขาคือการใช้ฝักจ้าวเจี่ยวถูไปยังเสื้อผ้าแล้วออกแรงขยี้ วิธีการซักผ้าเช่นนี้มิจำเป็นต้องเสียเงิน เพราะการซักเสื้อผ้าถือเป็นเรื่องที่ต้องทำเป็นประจำ
หลินหร่วนซักเสื้อผ้าของตนด้วยความรังเกียจ ครุ่นคิดว่าหากมีสบู่คงจะดีมิน้อย
ทว่าสบู่ในยุคสมัยนี้มีราคาแพงหูฉี่ สบู่ขนาดครึ่งฝ่ามือมีราคาหลายสิบอีแปะ ทั้งยังมิค่อยหอมอีกด้วย มันห่างไกลจากสบู่ที่นางทำในชาติก่อนหลายพันล้านปีแสง
เมื่อชาติก่อน... ก่อนวันสิ้นโลก นางเคยเป็นเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่รักชีวิตและหมกมุ่นอยู่กับงานหัตถกรรม นางจึงมีโอกาสได้ทำสบู่ทำมือซึ่งคราหนึ่งเคยเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย
อยู่ ๆ ก็มีความคิดแวบเข้ามาในศีรษะของหลินหร่วน เหตุใดนางมิลองทำสบู่ทำมือดูเล่า ?
ทว่าสบู่ทำมือที่นางทำขึ้นมาเมื่อชาติก่อน วัสดุและอุปกรณ์ล้วนเป็นแบบสำเร็จรูป บัดนี้นางมิมีอันใดเลย และการทำสบู่ก็มิได้ง่ายถึงเพียงนั้น
หลินหร่วนกลับมาตากผ้าที่ลานบ้านตระกูลโจว จากนั้นก็ยืมกาน้ำของตระกูลโจวมาต้มน้ำ แล้วขอให้หลินหานนำมันไปยังบ้านเก่า
หลินจงคอยจับตาดูการสร้างกำแพงบ้านอย่างใกล้ชิด ดังนั้นหลินหร่วนจึงมิได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้
ครานี้กำแพงบ้านถูกรื้อและสร้างขึ้นมาใหม่มันมีความแข็งแรงเป็นอย่างมากเพราะจำต้องใช้ป้องกันสัตว์ป่า ดังนั้นมันจึงสูงกว่ากำแพงเดิมมากนัก
หลังจากกินมื้อกลางวันเรียบร้อยแล้ว หลินหร่วนจึงหยิบตะกร้าเล็ก ๆ ที่ทออย่างประณีตออกไปกับคนแซ่ฉิน นางนัดพบกับป้าห้าและคนอื่น ๆ ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่หน้าทางเข้าหมู่บ้าน
เมื่อหลินหร่วนมาถึง ก็มีผู้คนมากมายรวมตัวกันอยู่ที่นั่นก่อนแล้ว ทั้งหมดล้วนเป็นสตรีที่จะไปเก็บผลไม้ป่า
เมื่อเห็นหลินหร่วนเดินเข้ามา สตรีเหล่านี้จึงทักทายนางอย่างใจดี
จากความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม หลินหร่วนจำใบหน้าสตรีเหล่านี้ได้ ทว่าจำชื่อของพวกเขามิได้แล้ว ดังนั้นนางจึงแสร้งทำเป็นเขินอายอยู่ข้างฉินซื่อและมิยอมปริปากสนทนากับผู้ใด
หลังจากที่ทุกคนมาถึงแล้ว กลุ่มสตรีมากกว่าสิบสองคนจึงออกเดินทางไปยังโก่วจือโกว พวกนางสนทนาพลางหัวร่อต่อกระซิกกันอย่างสนุกสนาน
โก่วจือโกวอยู่ห่างจากหมู่บ้านตระกูลหลินราว 4 ลี้ ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาฝูหนิว
หลังจากออกเดินทางราว 2 เค่อ พวกเขาก็ไปถึงที่หมาย
โก่วจือโกวเป็นภูเขาที่ทอดยาวและคับแคบ มีความยาวราวสองถึงสามลี้ ด้านล่างของหุบเขามีลำธารเล็ก ๆ ที่ไหลลงมาจากภูเขา
และต้นเบอร์รี่ป่าก็มักจะขึ้นตามคูน้ำทั้งสองข้าง
ที่โก่วจือโกวมิได้มีเพียงเบอร์รี่ป่าเท่านั้น ทว่ายังมีผลไม้ป่าอีกมากมายหลายชนิด
ทันทีที่พวกเขาไปถึงที่นั่น บรรดาสตรีก็กางตะกร้าออกทันใด โดยสายตาสอดส่องหาต้นเบอร์รี่ป่า
หลินหร่วนก็มิใช่ข้อยกเว้น เมื่อเห็นว่าคนอื่น ๆ ปักหลักอยู่ที่ปลายน้ำ นางจึงถือตะกร้าแล้วเดินไปยังต้นน้ำ
มีต้นเบอร์รี่ป่าค่อนข้างมาก ทว่าแต่ละต้นออกผลน้อยยิ่งนัก ต้นเบอร์รี่ป่าหนึ่งต้นออกผลเบอร์รี่ป่าราวสิบสองผลเท่านั้น ทั้งยังผลเล็กมากอีกด้วย
นี่มิใช่เรื่องแปลกอันใด หากมันออกผลดกและลูกใหญ่สิแปลก
หลินหร่วนเก็บผลเบอร์รี่ป่ามาสักพักแล้ว แต่ก็เก็บได้เพียงก้นตะกร้าเท่านั้น
ผลเบอร์รี่แกว่งไปซ้ายทีขวาที จะเก็บต่อดีหรือไม่ ?
หลินหร่วนหมดความอดทนลงทันใด ในขณะที่นางกำลังจะโกงความสามารถ สายตาของนางกลับเหลือบไปเห็นใบไม้ที่คุ้นเคยซึ่งซ่อนอยู่ในพงหญ้าเสียก่อน
หลินหร่วนปัดหญ้าออก ดวงตาของนางเป็นประกายขึ้นมาทันใด...สตรอว์เบอร์รีป่า !
โดยปกติแล้วสตรอว์เบอร์รีป่าจะเติบโตเป็นกลุ่ม ๆ หลินหร่วนทำการค้นหาอย่างรวดเร็วในบริเวณใกล้เคียง ในมิช้านางก็ค้นพบต้นสตรอว์เบอร์รีป่าต้นใหญ่ระหว่างเขตโกว่จือโกวกับภูเขาฝูหนิว
ช่วงเวลานี้เป็นฤดูกาลที่สตรอว์เบอร์รีสุกพอดี ก้านสตรอว์เบอร์รีป่าที่ยื่นออกมามีผลสุกเพียงบางลูกเท่านั้น
เมื่อเห็นว่าซ้ายขวามิมีผู้ใดหลินหร่วนจึงใช้พลังของนาง ทำให้สตรอว์เบอร์รีป่าสุกเต็มต้นทันที
ผลของสตรอว์เบอร์รีป่ามีขนาดเล็กเท่ากับนิ้วก้อย ยิ่งกว่านั้นรสชาติของมันมิค่อยดีเท่าใดนัก ทว่าสตรอว์เบอร์รีป่าที่หลินหร่วนเร่งการเติบโตโดยใช้พลังวิเศษเหนือธรรมชาตินั้นอร่อยกว่ามาก มันมิได้ลูกใหญ่เท่ากับสตรอว์เบอร์รีพันธุ์ผสม แต่มันก็มีขนาดพอ ๆ กับสตรอว์เบอร์รีที่ปลูกกันในแถบชนบทเมื่อชาติก่อน
นางหยิบสตรอว์เบอร์รีป่าขึ้นมาหนึ่งลูก จากนั้นก็โยนเข้าปากเพื่อลิ้มรส รสชาติของมันดีมากยิ่งนัก เมื่อเทียบกับสตรอว์เบอร์รีพันธุ์ผสม มันดูแย่กว่าเล็กน้อย แต่ก็ดีกว่าสตรอว์เบอร์รีป่าทั่วไปมากนัก
เป็นความคิดที่ดีหากจะใช้เจ้าสิ่งนี้แทนองุ่นส่งให้หอจุ้ยเซียน
สตรอว์เบอร์รีป่าลูกใหญ่ถึงเพียงนี้ หลินหร่วนกล้ารับประกันเลยว่าจะต้องเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้าอย่างแน่นอน
ของสิ่งนี้มักมิมีอยู่บนโต๊ะอาหารของตระกูลที่ร่ำรวย เพราะมันมีขนาดเล็กทั้งยังมีรสชาติแย่ มันมักจะเป็นขนมของบุตรหลานชาวนา ตระกูลร่ำรวยย่อมมิเคยเห็นสตรอว์เบอร์รีป่าแบบนี้ที่ใดแน่นอน
เมื่อคิดได้ดังนั้นหลินหร่วนจึงจดจำสถานที่แห่งนี้เอาไว้ในใจ นางวางแผนจะกลับมาใหม่ในเช้าวันรุ่งขึ้น
ตอนนี้มีชาวบ้านจำนวนมากในหุบเขา หากนางใช้พลังตอนนี้ ชาวบ้านคนอื่น ๆ ย่อมเกิดความสงสัยขึ้นมาเป็นแน่ ยิ่งไปกว่านั้น สตรอว์เบอร์รีป่ายังฟกช้ำง่ายกว่าองุ่นเสียอีก
หลินหร่วนแบกตะกร้ากลับไปยังต้นเบอร์รี่ป่า จากนั้นนางก็ใช้พลังวิเศษทำให้ต้นเบอร์รี่ป่าต้นนี้ออกผลเบอร์รี่จนเต็มต้น
เพื่อมิให้สะดุดตาจนเกินไป นางจึงมิได้ขยายผลเบอร์รี่ป่าใหญ่ขึ้น
เมื่ออาศัยการโกงเช่นนี้ หลินหร่วนจึงเก็บเบอร์รี่ป่าได้ครึ่งตะกร้าเล็ก จากนั้นก็กลับไปยังทางเข้าโก่วจือโกวเพื่อหาที่นั่งรอสตรีคนอื่น ๆ
จนกระทั่งป้าห้าออกมาพร้อมกับตะกร้า
ปริมาณเบอร์รี่ป่าในตะกร้าของทุกคนใกล้เคียงกัน มันดูเหมือนบลูเบอร์รี่ลูกเล็ก ๆ
หลังจากที่เบอร์รี่ป่าแห้งแล้ว พวกเขาสามารถนำไปขายได้ในราคาสิบอีแปะ ดังนั้นสตรีหลาย ๆ คนจึงสนทนากันว่าจะกลับมาใหม่ในวันพรุ่งนี้
หลินหร่วนรู้สึกขอบคุณพลังวิเศษของนาง นางมิมีความอดทนกับงานที่ต้องใช้ความอดทนสูงและได้ผลผลิตต่ำ เพราะนางเป็นคนใจร้อน
บรรดาสตรีพากันเดินทางกลับไปยังหมู่บ้านตระกูลหลิน พวกนางเดินผ่านไร่ข้าวโพด มีกระต่ายอ้วนตัวหนึ่งวิ่งออกจากทุ่งพลางจ้องมองพวกนางด้วยความสงสัย
ทุกคนต่างก็อุทานออกมาว่า "ไอหยา กระต่ายตัวนี้ช่างอวบอ้วนเสียจริง"
เมื่อกระต่ายเห็นคนจึงรีบวิ่งเข้าไปในไร่ข้าวโพด หลินหร่วนก้มตัวลงอย่างช้า ๆ จากนั้นก็หยิบหินก้อนเล็ก ๆ ขึ้นมาขว้างใส่กระต่าย
ก้อนหินกระแทกเข้าที่ขาหลังของกระต่ายอย่างจัง จนกระต่ายตัวนั้นล้มลงกับพื้น ทันใดนั้นหลินหร่วนก็รีบวิ่งเข้าไปจับกระต่าย
สตรีคนหนึ่งอุทานออกมาว่า “อาหร่วนช่างเก่งกาจยิ่งนัก ในระยะสองสามจั้ง เจ้าก็ยังโจมตีได้อย่างแม่นยำ กระต่ายตัวอวบอ้วนเพียงนี้ ข้าเกรงว่ามันคงจะหนักเจ็ดถึงแปดชั่ง เมื่อถลกหนังก็ยังได้ผ้าขนสัตว์อีกด้วย”
สตรีคนอื่น ๆ อดมองฉินซื่อด้วยสายตาอิจฉามิได้
หลินหร่วนอาศัยอยู่ในบ้านของนาง ดังนั้นกระต่ายตัวนี้ อาหร่วนย่อมต้องแบ่งให้ตระกูลโจวอย่างแน่นอน
สายตาของสตรีเหล่านี้ทำให้ฉินซื่อรู้สึกเขินอายขึ้นมาเล็กน้อย
เพื่อทำให้ประสบการณ์การใช้เว็บของคุณดียิ่งขึ้น และเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับคุณอย่างได้อย่างส่วนตัว ท่านสามารถอ่านนโยบายคุกกี้เพิ่มเติมได้ที่นี่
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว