รถของพรรณีที่ฐานิดาขึ้นมาด้วยกำลังจากจะจอดที่หน้าไร่ ขณะที่หญิงสาวมองสังเกตรถคันหนึ่งที่จอดชิดริมทางอยู่จนหันหลังทำให้เพื่อนสาวอดถามไม่ได้
“มองอะไรนิดา”
“รถนั่น...รถคุณโมกข์นี่”
“หืม? รู้ได้ไง”
พรรณีถามอย่างแปลกใจขณะเข้าชิดข้างทางหลังขับเลยทางเข้าไปประมาณหนึ่ง เพื่อให้รถที่ออกจากไร่สามารถเลี้ยวไปต่อได้อย่างปลอดภัย
“ก็เมื่อวันก่อน...”
ฐานิดาหน้าแหย เธอไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนฟังเพราะตั้งใจจะเซอร์ไพรส์ชวนไปกินข้าวกับชายหนุ่ม ไม่ได้คิดจับคู่ แต่คาดว่าพรรณีต้องดีใจอย่างแน่นอน
“ที่รถเราเสียไง เขาเข้ามาดู ก็เลยขอติดรถเขามารอคนจากไร่ที่ห้างน่ะ”
“ห๊ะ...อะไรกัน ได้คุยกับคุณโมกข์แถมยังนั่งรถเขาอีก ไม่เมาท์กันบ้างเลย”
“ก็เรานัดเลี้ยงข้าวเขาไว้วันจันทร์ แล้วกะจะแกล้งชวนปุ๊กไปด้วยให้ตกใจตอนเห็นเขาน่ะ”
เผียะ!
ฐานิดาถึงกับสะดุ้งเมื่อฝ่ามือเพื่อนตีลงมาด้วยความเขิน
“โอ๊ย...คิดดีนะยะ เกือบจะเคืองแล้วเนี่ย”
หญิงสาวยิ้มแหยแล้วรีบตัดบทเมื่อเห็นว่าเพื่อนจะคุยต่อ ทั้งยังหันไปมองรถด้านหลังตาวาว
“เอาไว้โทรเมาท์กันอีกที พี่จารอนานแล้ว เดี๋ยวจะโมโหเอา”
รถของเธอที่เอาไปจัดการยางคนที่ไร่ไปเอาวันนี้ ฐานิดาจึงติดรถพรรณีที่ต้องขับผ่านไร่ไปกลับ โดยรบกวนให้พี่ชายออกมาส่งแล้วก็มารับหน้าไร่
หากไม่เกรงว่าพี่ชายจะรอนานฐานิดาก็อยากแวะไปถามไถ่ชยุตม์ว่าชายหนุ่มมาทำอะไรที่ไร่เธอ แต่มาคิดดูแล้วพรรณีเห็นก็อาจเคืองขึ้นมาได้เธอจึงเดินเข้าไร่ แต่ขณะเดียวกันก็เห็นตมิสาเดินออกมาจากอีกฝั่ง ฝ่ายนั้นเพียงแค่เหลือบมองเธอแล้วเดินต่อ ฐานิดาเองก็เช่นกัน ทว่าความรู้สึกบางอย่างทำให้เธอหันกลับไปมองเมื่อมาถึงหน้ารถของพี่ชาย แล้วก็ต้องขมวดคิ้ว
ตมิสาตรงไปยังรถของชยุตม์ และร่างสูงใหญ่ก็ลงจากรถเดินอ้อมมาเปิดประตูรับ ทั้งยังจับหัวอีกฝ่ายยิ้มให้อย่างอบอุ่นให้อีกด้วย สิ่งที่เคยสะดุดใจแล่นปราดเข้ามาในหัวฐานิดา
ร่างบางก้าวพรวดไปขึ้นรถแล้วเอ่ยถามพี่ชายทันที
“พี่จาคะ บัญชีของพี่เขาชื่อ ตมิสา คุณอเนก หรือเปล่า”
“ใช่”
จามิกรตอบน้องสาวเสียงเรียบ ทว่าใบหน้าคมเข้มมองผ่านกระจกรถของตนออกไปด้านนอกหน้าไร่ ซึ่งพอจะมองเห็นรถคันที่จอดรอบัญชีสาวของตน สันกรามแกร่งขบเข้าหากันขณะได้ยินเสียงแว่วจากฐานิดา
“อย่าบอกนะว่าตมิสาเป็นน้องคุณโมกข์?”
=========
น้อยครั้งที่ตมิสาจะต้องเป็นคนเอาเอกสารมาให้กับนายหนุ่มในห้องทำงานของเขา แต่สาวิตโทรมาบอกว่าเขาจะไม่เข้ามาสองวันเพราะต้องรับกรุ๊ปทัวร์กับมีนักศึกษามาดูงาน มีเอกสารให้ส่งจามิกรเซ็นก่อนได้เลย
หากจามิกรอยู่เธอคงเกร็ง แต่เห็นว่านายหนุ่มของไร่ไม่เข้าสำนักงานในอาทิตย์นี้ และวันนี้ก็คงเหมือนกัน เพราะเบิร์ดบอกกับเธอเมื่อวันจันทร์ตอนระหว่างมารอนายว่าอาทิตย์นี้นายเขายุ่ง นอกจากคุมใส่ปุ๋ยองุ่นระยะที่สี่เพื่อบำรุงให้ผลมีสีและรสชาติออกมาได้คุณภาพดี แล้วก็บรรจุขวดไวน์ล็อตใหม่ที่หมักได้ที่แล้ว ทั้งยังต้องเป็นวิทยากรให้นักศึกษาที่มาดูงานด้วย
หญิงสาวยุ่งเคลียร์ตัวเลขตั้งแต่หลังมื้อเที่ยงกระทั่งบ่ายสามก็หอบแฟ้มไปยังห้องทำงานของจามิกร มือบางข้างหนึ่งพยายามเปิดประตูเข้าไปโดยไม่ได้เคาะเพราะคิดว่าไม่มีใคร แต่แล้วก็ต้องถอยไม่เป็นกระบวนเมื่อเจอเข้ากับร่างสูงใหญ่ที่เปลือยท่อนบนอีกแล้ว
“นะ...นาย...ขอโทษค่ะ”
ตมิสาพลิกตัวกลับออกไปนอกห้องด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลน คาดไม่ถึงว่าจะเจอกับเหตุการณ์ชวนกระอักกระอ่วนซ้ำอีก ขากำลังจะขยับไปจากตรงนี้แต่เสียงเข้มในห้องดังขึ้นเสียก่อน
“ตมิสา เข้ามา”
เธอหลับตาสูดหายใจเข้าปอดลึก พยายามระงับอาการแตกตื่นจนใจเต้นแรงของตัวเอง แล้วกลับเข้าไปในห้องนั้นใหม่เพราะคิดว่าชายหนุ่มน่าจะใส่เสื้อเรียบร้อยแล้ว ทว่าไม่ใช่
เขาเพียงสวมไว้โดยไม่ติดกระดุมสักเม็ดเท่านั้น
เจ้าของร่างเล็กชะงักยืนยิ่งอยู่แค่หน้าประตู ขณะที่ชายหนุ่มยืนมองมายังเธอด้วยท่าทางสบายๆ ราวเขาไม่ได้แต่งตัวไม่เรียบร้อย
“เอาแฟ้มมาให้ผมไม่ใช่เหรอ”
“ค่ะ แต่...เอ่อ...ขอโทษค่ะ ฉันไม่เคาะประตูเพราะคิดว่านายไม่อยู่”
ตมิสาพยายามอธิบายตัวเอง สายตาหลุบต่ำเล็กน้อยพร้อมทั้งเดินเอาแฟ้มไปวางให้เขา โดยเป็นคนละมุมกับที่ร่างสูงใหญ่ยืน ตั้งใจให้ห่างเขามากที่สุด
ชายหนุ่มจ้องดวงหน้าสวยหวานอย่างต้องการมองมาหาร่องรอยบางอย่าง ไม่ได้มีท่าทางสนใจแฟ้มแต่อย่างใด หากหญิงสาวก็เอาแต่หลบตาเขา ทำเอาจามิกรขัดใจ
เธอถอยออกมาพร้อมเอ่ยขอตัวเมื่อหมดธุระของตน ด้วยคิดว่านายหนุ่มน่าจะต้องการความเป็นส่วนตัวเพื่อติดกระดุมเสื้อให้เรียบร้อย ทว่ายังไม่ทันเปิดประตูมือหนาข้างหนึ่งก็วางกดปิดลงตามเดิม และเธอก็รับรู้ได้ว่าร่างหนามาซ้อนอยู่ด้านหลังจึงหยุดนิ่งไม่กล้าขยับ
“คุณโกหก ผมไม่อยู่ทั้งวันแต่คุณกลับเข้ามาตอนนี้พอดี”
เมื่อถูกกล่าวหาก็ทำให้ตมิสาอดไม่ได้จนต้องหันกลับ แล้วก็ต้องเผชิญหน้ากับใบหน้าคมเข้มที่ก้มลงมาจ้องด้วยแววตาเต็มไปด้วยความสงสัย
“นายรู้จักคำว่าบังเอิญไหมคะ”
“บังเอิญบ่อยเหลือเกินนะ ครั้งที่เพิ่งมาทำงานนั่นผมพอเข้าใจได้ แต่ครั้งนี้...”
“ฉันไม่รู้จริงๆ ว่านายกลับมาแล้ว”
“ไม่ได้ยินเสียงรถหรือไง”
ปากอิ่มขยับจะพูดแต่ก็หยุด เธอใส่หูฟัง ฟังเพลงอยู่ด้วย เพราะคิดว่าคงไม่มีใครมาเรียกจึงใช้เพลงช่วยไม่ให้ตัวเองง่วงขณะมุ่งมั่นกับงาน แต่พูดไปจามิกรก็คงหาว่าแก้ตัวอยู่ดี
“ไม่ค่ะ”
“โกหกไม่เนียนเลยนะตมิสา จะให้ผมเชื่อคุณเหรอ”
หญิงสาวได้เพียงเม้มปาก มองสบตาเขาได้ไม่นานก็หลบสายตา ไม่รู้ว่าท่าทางแบบนี้ของเธอมันเหมือนคนถูกจับได้ว่าทำผิด
“นายไม่พอใจที่ฉันเข้ามา ฉันก็จะออกไปแล้วค่ะ”
บอกแล้วเธอก็หันหลังจะเปิดประตูอีกครั้ง ทว่ามือเขายังกดเอาไว้ราวไม่ต้องการให้เธอไปจากที่นี่ ทั้งเสียงเข้มยังเอ่ยขึ้นใกล้รู้สึกถึงลมร้อนกระทบใบหูจนขนท้ายทอยตมิสาลุกชันในทันใด
“จะไปไหนล่ะ อยากอยู่กับผมตามลำพังไม่ใช่เหรอ”
“ไม่ไช่...”
ตมิสาจำต้องหันกลับมาเถียง แต่เสียงเบาลงทั้งร่างเล็กยังต้องถอยติดประตูเพราะร่างสูงใหญ่ขยับมาประชิด
“ผมอยู่นี่แล้วไง”
ใจดวงน้อยเต้นโครมครามกับความใกล้ชิดจากร่างหนา ห่างเพียงเสี้ยวเดียวร่างกายเธอก็จะแตะกับชายหนุ่มอยู่แล้ว ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องขยับมาใกล้ขนาดนี้ จามิกรเหมือนจงใจยั่วเธออย่างนั้น
เขาจะหาเรื่องไล่เธอออกให้ได้สินะ ไม่ชอบหน้าเธอมากนักหรือไง
=========
คุณจาคิดเองเออเอง แล้วคิดจะทำอะไรมิ้มเนี่ย ^-^"
เฟซบุ๊กเพจ รสิตา เพียงพิณ มาเมาท์ มาคุยนิยายกันได้จ้า
https://twitter.com/rasitawriter
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว