หยกงามเคียงบัลลังก์-บทที่ 49 ผู้เยาว์ไม่ได้ตาบอด

โดย  OfficeOnlybook

หยกงามเคียงบัลลังก์

บทที่ 49 ผู้เยาว์ไม่ได้ตาบอด

บทที่ 49 ผู้เยาว์ไม่ได้ตาบอด


แต่แส้ยังไม่ทันได้ตวัดลงมา ก็ถูกชายาของตวนชินอ๋องปราดเข้ามาจับเอาไว้เสียก่อน


นางตวาดใส่สวามี “ที่ซงหยางพูดมามันผิดตรงไหน!”


ตวนชินอ๋องเห็นแม่เสือของตนเองก็โยนแส้ทิ้ง พยายามอธิบายว่า “ตามใจลูกเท่ากับสังหารลูก นางไม่รักนวลสงวนตัวถึงเพียงนี้ เรื่องมงคลในวันหน้าจะทำอย่างไรเล่า!”


ชายาแย้งเสียงแข็ง “ก่อนที่ท่านจะสั่งสอนลูกสาวก็ดูตัวเองก่อนเถอะว่าครองตนบริสุทธิ์ผุดผ่องไหม อีกอย่างนะ ลูกสาวของข้า ต่อให้ชั่วชีวิตนี้ไม่ได้แต่งงานแล้วอย่างไร จวนตวนชินอ๋องที่ใหญ่โตแห่งนี้ไม่มีปัญญาเลี้ยงลูกสาวคนเดียวอย่างนั้นหรือ!?”


ตวนชินอ๋องโมโหจนขยี้เท้า เมื่อรู้ว่าคุยกับชายาไม่รู้เรื่องจึงหันไปพูดกับซงหยาง “เจ้ารู้ไหมว่าคู่หมั้นของต่งฉางเม่าคือใคร?”


ซงหยางมุ่นคิ้ว นางเคยได้ยินว่าต่งฉางเม่ามีคู่หมั้น แต่ไม่คิดจะคบหาต่งฉางเม่านานแต่แรก คำพูดของเขาผ่านเข้าหูมาพริบตาถัดไปก็ลืมแล้ว


ตวนชินอ๋องเห็นท่าทางของบุตรสาวก็รู้แล้ว จึงกล่าวอย่างปวดใจว่า “คู่หมั้นของเขาคือน้องสาวฝาแฝดของกู้ซื่อจื่อ อย่าบอกข้านะว่ากระทั่งกู้ซื่อจื่อเจ้าก็ลืมไปแล้ว”


ซงหยางเบิกตากว้าง นางย่อมไม่ลืมคุณชายรูปงามประดุจหยกผู้นั้นอยู่แล้ว “จบกันจบกัน! ถ้ากู้ซื่อจื่อรู้ว่าข้าตีคู่หมั้นของน้องสาวเขาจนมีสภาพแบบนั้น จะมิเกลียดข้าแย่เลยรึ”


ตวนชินอ๋องชี้หน้านาง กล่าวอย่างแค้นใจที่เหล็กไม่เป็นเหล็กกล้า*[1] “เจ้าก็รู้ตัวด้วยรึ! เจ้าบอกข้ามาตามตรงนะ เจ้าไปถึงขั้นนั้นหรือยัง…”


ซงหยางมัวแต่ร้อนใจกลัวว่ากู้ซื่อจื่อจะเกลียด จึงถามกลับโดยไม่คิดว่า “ถึงขั้นนั้นอะไรกัน?”


ตวนชินอ๋องกัดฟัน ลดเสียงลงถามว่า “ถึงขั้นทำเรื่องบัดสีกับต่งฉางเม่า”


ซงหยางอึ้งไปก่อนจะเข้าใจว่าบิดาหมายความว่าอย่างไร นางร้องตอบทั้งใบหน้าแดงก่ำ “ก็ต้องไม่เคยอยู่แล้วสิเพคะ”


ตวนชินอ๋องกล่าว “นั่นก็ต้องดูว่ากู้ซื่อจื่อจะเชื่อเจ้าหรือเปล่า!”


คิดถึงความเป็นไปได้ข้อนี้ ซงหยางก็นั่งไม่ติดอีกต่อไป วิ่งพรวดพราดออกไปทันที


ตวนชินอ๋องร้องตามมาจากข้างหลัง “เจ้าจะไปไหน!”


ซงหยางตอบ “ข้าจะไปอธิบายต่อกู้ซื่อจื่อ”


ตวนชินอ๋องดุด่านางตามมาอีก แต่นางไม่ได้ยินแล้ว พลิกร่างขึ้นม้า มุ่งหน้าไปยังจวนตระกูลกู้



กู้อวี้นั่งอยู่บนหลังม้า นำขบวนข้ารับใช้ตรงไปยังจวนตระกูลต่ง คนตามรายทางเห็นขบวนสินสอดด้านหลังนางก็หันไปกระซิบกระซาบกัน


“นั่นคือกู้ซื่อจื่อไม่ใช่รึ? หรือจะไปสู่ขอหญิงสาวบ้านไหน?”


“ถ้ากู้ซื่อจื่อหมั้นหมายจะขนสินสอดมาแค่นี้ได้อย่างไร เห็นได้ชัดว่ากำลังไปถอนหมั้นต่างหาก”


“ข้ารู้ข้ารู้ ก็ไปถอนหมั้นให้น้องสาวน่ะสิ วันนี้ที่แม่น้ำจินไต้เหอเกิดเรื่องวุ่นวายใหญ่โตเชียว…”


ใบหน้าของกู้อวี้เดิมทีก็ดึงดูดสายตาคนอยู่แล้ว เมื่ออยู่บนหลังม้าเช่นนี้ก็ยิ่งสะดุดตากว่าเดิม ทุกบริเวณที่กรายผ่าน ข่าวลือเกี่ยวกับต่งฉางเม่าก็ยิ่งแพร่กระจายออกไปเป็นวงกว้าง


ล้วนพูดกันว่าต่งฉางเม่าผู้นั้นไม่เพียงดื่มสุราในช่วงไว้ทุกข์ แต่ยังมีเจตนากระทำมิดีมิร้ายต่อแม่นางหลันเยียนของหอร่ำเมรัยทั้งที่ตนเองมีพันธะหมั้นหมาย พฤติกรรมต่ำทรามยิ่งนัก


เป็นถึงปัญญาชนของเมืองหลวง แต่กลับทำให้ชื่อเสียงของตนเองต้องพินาศไปเพราะเหตุนี้


ใต้เท้าต่งเจ้ากรมพระราชยานหลวงซึ่งอยู่ที่ทำการขุนนางได้ข่าวว่าเกิดเรื่องกับบุตรชายคนโตก็รีบร้อนกลับจวน มาเห็นต่งฉางเม่าที่มีบาดแผลทั่วร่างก็แทบจะลมจับไปเสียเดี๋ยวนั้น


เขาอุตส่าห์วางแผนไว้ดิบดี บุตรชายคนรองสายตรงสืบทอดกิจการครอบครัว บุตรชายคนโตสายรองสอบเคอจวี่เข้ารับราชการโดยมีเขาคอยดูแลเส้นทางขุนนาง


แต่บัดนี้บนหน้าของต่งฉางเม่ามีแผลยาวชุ่มเลือด เกรงว่าคงทิ้งรอยแผลเป็นเอาไว้ ราชสำนักกำหนดไว้ว่า ผู้มีรูปโฉมอัปลักษณ์และคนทุพพลภาพไม่อาจรับราชการเป็นขุนนาง


บุตรชายคนนี้ของเขาหมดอนาคตแล้ว


เขาร้องอย่างเกรี้ยวกราด “เป็นใคร! ใครมันทำร้ายลูกชายข้าจนมีสภาพนี้!”


“เลิกโวยวายได้แล้ว ฝีมือซงหยางจวิ้นจู่ ทำไมรึ หรือท่านกล้าไปแก้แค้นกับจวนตวนชินอ๋อง?” ต่งฮูหยินเดินออกมา


ใต้เท้าต่งสีหน้าแข็งทื่อ “จวนต่งของเรากับจวนตวนชินอ๋องไม่เคยมีความแค้นหรือขัดแย้งกันมาก่อน เหตุใดต้องทำร้ายลูกข้าถึงขนาดนี้”


ต่งฮูหยินแค่นหัวเราะ “ไม่มีความแค้นที่ไร้ต้นสายปลายเหตุ ก่อนที่ท่านจะระเบิดอารมณ์ เหตุใดไม่ถามความให้ชัดเจนก่อนว่าเจ้าลูกทรพีคนนี้ของท่านไปก่อเรื่องอะไรไว้! ทำให้จวิ้นจู่รุดมาคิดบัญชีกับเขาโดยไม่สนใจชื่อเสียง”


ต่งฮูหยินหันไปพูดกับต่งฉางฟางที่อยู่ข้างกาย “ฉางฟาง เจ้าเล่าซิ”


ต่งฉางฟางก้าวออกมาเล่าเหตุการณ์ที่แม่น้ำจินไต้เหออย่างไม่เร็วไม่ช้า อธิบายต้นสายปลายเหตุจนกระจ่าง


เขาสงบเยือกเย็นอย่างหาได้ยาก หลังประสบเรื่องในช่วงเช้ามาก็ดูเหมือนจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่กว่าเดิม


ไม่จำเป็นต้องให้เขาใส่สีตีไข่ เรื่องที่ต่งฉางเม่าทำลงไปก็น่ารังเกียจอย่างยิ่ง ใช้เด็กสาวสามคนเป็นเครื่องมือในการเอาชนะน้องชาย ซงหยางจวิ้นจู่ใช้แส้หวดเขาถือว่ายังเบาไป


ใต้เท้าต่งฟังจนจบแล้วก็ต้องตบโต๊ะอย่างแรง คิดไม่ถึงเลยว่าบุตรชายคนโตของตนจะกระทำเรื่องพรรค์นี้ออกมาได้


ต่งฮูหยินพูดว่า “ท่านอย่าเพิ่งร้อนใจไป มาคิดก่อนเถอะว่าหากตระกูลกู้มาทวงถามคำอธิบายแล้วจะตอบกลับอย่างไร”


พูดถึงเฉาเชา เฉาเชาก็มา*[2] ข้ารับใช้ในจวนเดินเข้ามาค้อมกายรายงานว่า “นายท่าน คุณชายกู้มาขอรับ ยกสินสอดของฝั่งเรามาด้วย”


ใต้เท้าต่งรีบไปต้อนรับที่ประตูจวน


ต่งฮูหยินได้ยินดังนั้นก็สั่งความต่อสาวใช้ข้างกาย “ไปเอาหนังสือหมั้นของเจ้าลูกทรพีกับคุณหนูสามตระกูลกู้ออกมา”


กู้อวี้เห็นประตูใหญ่จวนตระกูลต่งเปิดออก ใต้เท้าต่งปั้นหน้ายิ้มเดินออกมาต้อนรับ “หลานกู้ ทำไมวันนี้ถึงมีเวลาว่างมาเยี่ยมเยือนได้ มา ๆ พวกเรามาดื่มชาด้วยกันสักหน่อย”


นางเอ่ยปฏิเสธ “ใต้เท้าต่ง ช่วงนี้ผู้เยาว์มีงานยุ่งคงไม่ดื่มชาด้วยแล้ว ที่มาคราวนี้ก็เพื่อถอนหมั้นให้น้องสาว เหล่านี้คือสินสอดที่จวนท่านเคยส่งมาให้ ผู้เยาว์นำมาคืนให้ทั้งสภาพเดิม”


ใต้เท้าต่งมีสีหน้าปั้นยาก พยายามไกล่เกลี่ยว่า “พวกเราเป็นทองแผ่นเดียวกันแล้ว ระหว่างนี้อาจมีเรื่องเข้าใจผิด รอจนฉางเม่ารู้สึกตัว ข้าจะให้เขาไปอธิบายถึงจวนกั๋วกงด้วยตนเอง จะได้ไปขอโทษคุณหนูกู้ด้วย”


ริมฝีปากของกู้อวี้ขยับยกขึ้น แต่รอยยิ้มนั้นกลับไปไม่ถึงดวงตา “ใต้เท้าต่ง น้องสาวข้ากับคุณชายต่งยังไม่ได้เข้าพิธีวิวาห์ จะถือเป็นทองแผ่นเดียวกันได้อย่างไร อีกอย่าง เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ ผู้เยาว์ก็ไม่ได้ตาบอด ไม่จำเป็นต้องให้คุณชายต่งสิ้นเปลืองวาจามาอธิบายหรอก”


ใต้เท้าต่งยังอยากแก้ไขสถานการณ์ ทว่ากลับรุ่มร้อนใจไม่รู้ว่าควรอธิบายอย่างไร


กู้อวี้เห็นเขาลังเลใจจึงพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “น้องสาวของข้าไร้วาสนา ไม่คู่ควรกับคุณชายใหญ่ต่ง นี่คือหนังสือหมั้นของพวกท่าน ผู้เยาว์นำมาคืนให้ รบกวนพวกท่านคืนหนังสือหมั้นของตระกูลกู้มาให้ด้วย”


ใต้เท้าต่งถูกอีกฝ่ายพูดจนอับอายแทบจะแทรกแผ่นดินหนี กล่าวเสียงแหบแห้งว่า “หลานรัก พวกเราคุยกันก่อนดีไหม”


เห็นใต้เท้าต่งยังคงบ่ายเบี่ยง สีหน้าของกู้อวี้ก็ยิ่งเย็นชา


ผู้คนที่มุงดูอยู่หันไปกระซิบกระซาบกัน


“ทำไมจวนต่งถึงหน้าไม่อายแบบนี้ ลูกชายตัวเองทำเรื่องงามหน้าถึงขั้นนี้แล้ว กู้ซื่อจื่อมาเยือนถึงประตูจวนแล้ว ยังจะยึกยักไม่ยอมส่งหนังสือหมั้นคืนให้อีก”


“คานบนไม่ตรงคานล่างก็เบี้ยว*[3] คุณชายใหญ่ต่งหน้าหนาไร้ยางอาย ที่แท้ก็เรียนรู้มาจากใต้เท้าต่งนี่เอง”


“โธ่เอ๊ย ถ้าข้ามีลูกชายแบบนี้นะคงตีให้ตายไปแล้ว ทำชื่อเสียงวงศ์ตระกูลป่นปี้หมด”


สีหน้าใต้เท้าต่งไม่น่ามองอย่างมาก เวลานั้นเอง เสียงต่งฮูหยินพลันดังขึ้นจากข้างหลัง


“กู้ซื่อจื่อยกย่องเจ้าลูกทรพีนั่นเกินไปแล้ว คุณหนูสามตระกูลกู้เฉลียวฉลาดเพียบพร้อม ลูกทรพีบ้านข้าต่างหากที่จิตใจมืดบอด ไม่คู่ควรกับคุณหนูกู้ นี่คือหนังสือหมั้นของตระกูลกู้ กู้ซื่อจื่อรับคืนไปเถอะ สองบ้านไร้พันธะต่อกันแล้ว ปีหน้ากู้ซื่อจื่อก็จะรับราชการแล้วสินะ วันหน้าก็จะได้เป็นขุนนางรับใช้ราชสำนักเช่นเดียวกับใต้เท้าบ้านข้า หวังว่าคงจะไม่หมางใจกันเพราะเหตุนี้”



[1] แค้นใจที่เหล็กไม่เป็นเหล็กกล้า (恨铁不成钢) หมายถึง คับแค้นใจที่บุตรหลาน หรือคนที่ตนเองคาดหวังอยากเห็นเขาได้ดี ไม่เอาถ่าน ไม่ได้ดั่งใจ

[2] พูดถึงเฉาเชา เฉาเชาก็มา (说曹操曹操到) หมายถึง กำลังพูดถึงใคร คนนั้นก็มาถึงพอดี

[3] คานบนไม่ตรงคานล่างก็เบี้ยว (上梁不正下梁歪) หมายถึง ผู้หลักผู้ใหญ่ประพฤติตนไม่เหมาะสม ผู้เยาว์ก็ยึดถือเป็นเยี่ยงอย่าง



รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว