เศษใจที่หมดรัก-เหลือตัวคนเดียว (1)

โดย  เพชรรุ้งพราย

เศษใจที่หมดรัก

เหลือตัวคนเดียว (1)

ภายในเขตตำหนักของ ม่อเหยียนฉุน ยังมีการตกแต่งพื้นที่ทางเดินหรูหรา ทว่าหากมองไปไกล ๆ ในอีกทิศทางหนึ่งของตำหนักหรูหรา จะเป็นลานกว้างที่ปกคลุมไปด้วยม่านพลังอาคมที่ไม่ธรรมดา ด้านในนั้นสามารถมองเห็นสัตว์อสูรได้อยู่เป็นจำนวนไม่น้อย

ทั้งวิหคหลากหลายสายพันธุ์ กระต่ายขนใบไม้ กระรอกหางเงิน หมีหยินหยาง คละเคล้าสายพันธุ์กันออกไป ถึงแม้ว่าจะพวกนี้จะมิใช่สัตว์อสูรที่น่าเกรงขามนัก มุ่งเน้นไปที่ความสวยงามเสริมบารมีเป็นหลัก แต่ผู้ที่สามารถเลี้ยงสัตว์อสูรฝูงหนึ่งราวกับเป็นสวน ไว้ในเขตตำหนักอันเป็นเรือนของตนเองได้นั้น ย่อมสะท้อนถึงความมั่งคั่งที่ไม่ธรรมดาอย่างที่สุด...

ในช่วงที่ฝึกฝนอยู่บนเกาะซิ่วอิง สิ่งหนึ่งที่ เหยาหมิง ค่อยกำชับ ซุน อย่างแน่นหนักและเคี่ยวกรำอยู่จนเป็นกิจวัตรให้เกิดเป็นสัญชาตญาณติดตัว และนั่นก็คือการปิดกั้นพื้นฐานพลังลมปราณที่แท้จริงเอาไว้เสมอ หากยังไม่ถึงเวลาใช้งานก็ไม่ควรแสดงออกมาอวดโอ้ เพราะนั่นเท่ากับเป็นการเปิดเผยขีดจำกัดของตนเองออกมาให้ผู้อื่นรับรู้...

พรรคเซียนประทาน ที่ เหยาหมิง เข้าสังกัดนั้นเป็นพรรคที่มีแต่ขอทาน กระจัดกระจายอยู่ในทุกหย่อมหญ้าหัวเมือง ฉะนั้นการปลอมแปลงและปิดบังความสามารถถือเป็นทักษะขั้นพื้นฐาน... เหล่าขอทานไม่จำเป็นต้องอวดโอ้ผู้ใด ไม่จำเป็นต้องสร้างทิฐิศักดิ์ศรีขึ้นมาแบกรับ และยังไม่ต้องสนใจคำครหาของผู้ใดอีกด้วย ต่อให้ถูกดูแคลนตำหนิ ก็ไม่จำเป็นต้องเก็บมายืดมั่นถือมั่น ทว่าเมื่อใดที่ลงมือจะต้องเด็ดขาดไม่พลาดพลั้ง ด้วยเหตุนี้ เหยาหมิง จึงสอนวิถีทางเดียวกันให้กับ ซุน ว่าไม่ให้กับจมจ่อมกับตำแหน่งหรือลาภยศใด ๆ

เหยาหมิง มีเคล็ดวิชาลับที่อยู่ในระดับ ทักษะเฉพาะ อยู่วิชาหนึ่งชื่อว่า ‘แสงจันทราดับแสงตะวัน’ เป็นวิชาที่ใช้ปราณธาตุแสงเป็นหลัก โดยทำการใช้ปราณแห่งแสงในเรือนกาย โอบอุ้มจุดตันเถียนเอาไว้เพื่อปิดกั้นมิให้มันเปล่งประกายรัศมีพื้นฐานลมปราณแท้จริงออกมา…

ทักษะนี้จะทำให้กลบทับรัศมีพื้นฐานดั้งเดิมให้ลดลงไปได้ถึง 1 ระดับชั้นพลัง... เฉกเช่นที่ เหยาหมิง อยู่ในระดับชั้นลมปราณสีส้มขั้นที่ 9 แต่เมื่อดึงเอาทักษะนี้ออกมาใช้แล้ว กลับแผ่รัศมีรอบกายเหลือเพียงแค่ชนชั้นลมปราณสีเหลืองขั้นที่ 9 เท่านั้น...

ซุน มีพรสวรรค์ปราณธาตุที่ครอบคลุม ฉะนั้นการจะใช้เคล็ดวิชาของปราณธาตุแสง ขอเพียงแค่ทราบในหลักการก็มิใช่เรื่องยากนัก ผนวกกับการชี้แนะจากผู้เชี่ยวชาญสูงสุดอย่าง เหยาหมิง จึงทำให้ ซุน ฝึกฝนทักษะเฉพาะ แสงจันทราดับแสงตะวัน ตลอดช่วงเวลาเดือนเศษ ๆ จนชำนาญช่ำชอง แม้นอนหลับก็ยังคงสภาวะการปิดกั้นเอาไว้ได้ตลอดเวลา...

ดังนั้นชนชั้นลมปราณสีเหลืองขั้นที่ 5 ของ ซุน จึงเปล่งรัศมีรอบกายออกมาแค่เพียงชนชั้นลมปราณสีเขียวขั้นที่ 5 เท่านั้น... หากไม่ใช่ยอดฝีมือระดับที่เหนือล้ำขึ้นไปกว่า ซุน มาก ๆ ก็ย่อมไม่มีทางมองออกถึงการปิดกั้นพื้นฐานนี้ ดังเช่นที่เวรยามหน้าตำหนัก เผยความดูแคลนต่อ ซุน ในครั้งแรกที่เห็น...

ในทุกรูปแบบการฝึกฝนและคำชี้แนะจาก เหยาหมิง ต่อให้เป็นเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ ทว่าทุกอย่างกลับเป็นประโยชน์ต่อการใช้ชีวิตในยุทธภพอย่างถึงที่สุด สมกับที่ เหยาหมิง ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมาย จนเรียกได้ว่าพบเจอทุกอย่างในยุทธภพมาเกือบทุกรูปแบบแล้ว จึงทำให้ ซุน มีความก้าวหน้าในทุก ๆ ด้าน อย่างมิอาจเปรียบได้กับตอนอยู่ในสำนักสายลมประจิม...

สองพ่อลูกก้าวเดินบนเส้นทางที่หรูหราด้วยความนิ่งสงบ แทบไม่เอ่ยวาจาอะไรต่อกันมากนัก เพราะรอบด้านล้วนเป็นไปด้วยยอดฝีมือเวรยาม ที่จับจ้องทั้งสองคนในทุกการเคลื่อนไหว...

สุดเปลายทางเดินเท้าก็มาถึงหน้าเรือนใหญ่ ที่นั่นมีหญิงสาวใบหน้างดงามผู้หนึ่ง อายุของนางดูจะมากกว่า ซุน เพียงเล็กน้อย ทั้งยังแผ่กลิ่นอายของสัตว์อสูรออกมาอย่างแจ่มชัด... สายตาของ ซุน และ นางจดจ้องกันด้วยความตั้งใจ ต่างฝ่ายต่างสัมผัสถึงกันได้ ว่าทั้งคู่ล้วนมีพลังแฝงของร่างสถิต!!

นางเผยรอยยิ้มให้กับ ซุน เล็กน้อย ใต้หล้านี้มีเพียง ซุน ที่เป็นร่างสถิตแท้จริง นอกเหนือจาก ซุน แล้วทุกคนเป็นเพียงร่างสถิตเทียมเท่านั้น ทว่ากลิ่นอายของร่างสถิตแท้จริงและร่างสถิตเทียม ล้วนมิได้แตกต่างกันถึงขั้นจำแนกชี้ชัดได้...

“ข้ามีนามว่า ฉู่อ้ายเยว่ เป็นศิษย์ของท่านอาจารย์ ม่อเหยียนฉุน... ท่านอาจารย์ได้มอบหมายให้ข้าเป็นธุระจัดการสำหรับแขกที่มิได้นัดหมายเอาไว้ เพื่อจะแจ้งเรื่องไปถึงอาจารย์อีกทอดหนึ่ง... ไม่ทราบว่าคุณชายมีเรื่องประการใดให้ช่วยเหลือ...” ท่าทีของหญิงสาวเต็มไปด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน วาจายังไพเราะเสนาะน่าฟังอย่างยิ่ง กลิ่นอายของนางแม้จะแฝงไว้ด้วยกลิ่นอายของสัตว์อสูรที่เล็ดลอด ทว่ายังเต็มไปด้วยความหอมกระจ่างราวกับสวนบุปผาโอบล้อม...

ซุน กดคิ้วต่ำลงเล็กน้อย รู้สึกว่านามของนางติดค้างอยู่ปลายความคิด ประหนึ่งว่าเคยอ่านเจอนามนี้ผ่านตาที่ใดมาก่อน แต่แล้วไม่นานก็สามารถจดจำขึ้นมาได้... “ฉู่อ้ายเยว่?! หรือว่าแม่นางฉู่ ก็คืออดีตอัจฉริยะรุ่นเยาว์เมื่อสองปีก่อน?!”

หญิงสาวยิ้มน้อย ๆ พองาม ก่อนนางจะพยักหน้าตอบรับ “ถูกต้องแล้ว ปีนี้ข้าอายุ 22 ปี ดังนั้นจึงเกินช่วงวัยในตำแหน่งนั้นมาร่วมสองปี... ยินดียิ่งนักที่คุณชาย ซุน ยังคงจดจำนามของข้าได้ คุณชายก็ดูคล้ายจะเปลี่ยนไปจากเดิม เมื่อเทียบกับในการประลองเมื่อหลายเดือนก่อน... โดยเฉพาะกลิ่นอายของร่างสถิตที่รุนแรงเช่นนั้น...”

ซุน สูดหายใจลึกขึ้นเบา ๆ จากที่นางเอ่ยทักมา ทั้งที่ ซุน ยังมิได้แนะนำตนเอง เห็นได้ชัดว่านางจดจำ ซุน ได้ตั้งแต่ที่เห็นเดินเข้ามาแล้ว และความสุภาพเหล่านั้นของนาง ก็อาจเป็นเพราะรู้ดีว่า ซุน มีฐานะที่ไม่ธรรมดา มีชื่อเสียงผ่านศึกประลองในวังหลวง ซึ่งนางเองก็ได้เป็นหนึ่งในผู้ที่ไปรับชมในวันนั้นด้วย...

ชายหนุ่มประสานมือสุภาพ ราวกับศิษย์น้องที่เคารพต่อศิษย์พี่หญิง...
“เช่นนั้นข้าจะขอเข้าประเด็นกับแม่นางฉู่เลยก็แล้วกัน... ข้าอยากให้ผู้อาวุโส ม่อเหยียนฉุน ช่วยสร้างป้ายควบคุมสัตว์อสูรให้กับข้า และแน่นอนว่าสำหรับอสรพิษน้อยด้วยนี้... ในเรื่องค่าใช้จ่ายนั้น หากเป็นไปได้ข้าก็อยากให้เป็นราคาที่พอจะจ่ายไหว เนื่องด้วยข้าเองก็มิใช่ผู้เยาว์ที่มั่งคั่งอันใด...”

หญิงสาวยิ้มรับตลอดการเอ่ยอธิบายของ ซุน ราวกับนางมีใบหน้าเพียงรูปแบบเดียว แม้จะงดงามหมดจด หากแต่กลบแฝงไว้ด้วยเส้นสนกลในบางอย่างที่ ซุน รู้สึกตงิด ๆ แต่ก็ไม่อาจอธิบายเป็นคำพูดได้...

“เช่นนั้นเชิญคุณชาย ซุน เฝ้ารอที่เรือนรับรองสักครู่... ข้าจะนำเรื่องนี้ไปแจ้งกับท่านอาจารย์...”

ซุน โค้งตัวเล็กน้อย...
“รบกวนด้วย...”

หญิงสาวชำเรืองมองมายัง อสรพิษที่โอบรัดพันเรือนกายของ ซุน สายตาของนางหรี่แคบลงเบา ๆ มีประกายความฉงนใจและสงสัยในกลิ่นอายบางอย่างของอสรพิษตนนี้ แน่นอนว่า อสรพิษน้อย หากมองลักษณะคร่าว ๆ ก็ดูจะเป็นเพียงอสรพิษทะเลทั่ว ๆ ไป เป็นหนึ่งในสัตว์อสูรทะเลที่พบเจอได้บ่อยครั้ง แต่จะไม่ค่อยได้รับความนิยมนำมาเป็นสัตว์อสูรรับใช้ เพราะมันไม่ค่อยจะเชื่องกับมนุษย์ ทั้งยังอ่อนแอยามที่อยู่บนแผ่นดินใหญ่...

ทว่าตัวของนางก็คลุกคลีกับสัตว์อสูรมาเป็นจำนวนไม่น้อย รวมไปถึงสายพันธุ์อสรพิษทะเลด้วย หากแต่นางกลับไม่เคยพบเจออสรพิษทะเล ที่แฝงเร้นกลิ่นอายที่แปลกประหลาดเช่นนี้มาก่อน ยิ่งนางพยายามจะเพ่งพินิจพิจารณาให้ละเอียด นางกลับรู้สึกเหมือนว่าอสรพิษตนนั้นจะรับรู้ได้ และเริ่มมองกลับมายังตัวนาง พร้อมแผ่ไอดุร้ายที่น่ากลัวออกมา... นางรู้สึกว่าตนเองคงจะยังมีความรู้แจ้งไม่มากพอ จึงกลับไปบอกเรื่องนี้กับ ม่อเหยียยฉุน อาจารย์ของนาง...

ด้านหลังตำหนักห่างออกไปไม่ไกล มีเขตพื้นที่ซึ่งครอบคลุมด้วยม่านอาคมแข็งแกร่งที่สลับซับซ้อน ราวกับเป็นม่านพลังที่ถูกใช้ภายในวังหลวง ทั้งหมดเกิดการทรัพยากรแห่งรากฐานที่มั่งคั่งได้วางเอาไว้ ต่อให้เป็นยอดฝีมือชนชั้นจักรพรรดิ ก็ยังยากที่จะทะลวงเข้ามาถึงที่นี่ได้...

ภายในมีสวนลับ 4 แห่งขนาดใหญ่ แบ่งออกเป็นสภาพอากาศต่าง ๆ ทั้ง 4 ฤดูจากอำนาจอักขระอาคม... และด้านในก็จะเลี้ยงดูสัตว์อสูรให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันออกไป เพื่อให้ได้สัตว์อสูรที่เติบโตมาแข็งแกร่งที่สุด แน่นอนว่าสัตว์อสูรภายในส่วนทั้ง 4 เหล่านี้ ล้วนเป็นสัตว์อสูรพิเศษที่หายากและแข็งแกร่ง แตกต่างไปจากกลุ่มที่ถูกเลี้ยงในสวนด้านหน้าเพื่อเพิ่มบารมี...

ผู้เชี่ยวชาญในศาสตร์วิชาควบคุมสัตว์อสูร จะต้องรู้จักและเข้าใจในสัตว์อสูรทุกประเภท ทุกชนิด ทุกสายพันธุ์ เพื่อให้การสร้างป้ายควบคุมสัตว์อสูรมีโอกาสสำเร็จมากที่สุด... เวลานี้ที่สวนฤดูใบหน้าร่วง ชายชราชุดคลุมยาวสีดำ กำลังป้อนอาการให้กับลิงยักษ์ตัวหนึ่ง...

ฉู่อ้ายเยว่ ก้าวเดินเข้ามาเนืองช้า ย่อตัวลงอย่างสุภาพ...
“ท่านอาจารย์... แขกผู้ที่มาเป็นอัจฉริยะรุ่นเยาว์คนใหม่ที่กำลังโด่งดัง แมวสวรรค์ ซุน แห่งสำนักสายลมประจิม อยากให้ท่านอาจารย์ช่วยสร้างป้ายควบคุมสัตว์อสูร เป็นอสรพิษทะเลระดับต่ำตัวหนึ่ง...”

ชายชราชะงักงั้นเล็กน้อย...
“อ่อ... เจ้านั่นเองงั้นหรือ ได้ยินว่าเป็นคนเถื่อนที่ไม่มีแซ่และตระกูลด้วยนี่ คงไม่มีเงินทองมากมายอะไร แต่ก็ช่างเถอะ...อนาคตในภายภาคหน้ามันอาจจะเติบโตขึ้นมายิ่งใหญ่ก็เป็นได้ พวกเราสานไมตรีเอาไว้ก็ไม่เสียหาย… เรียกค่าตอบแทนสัก 2 ล้านเหรียญทองพอเป็นธรรมเนียมก็แล้วกัน และในเมื่อเป็นอสรพิษทะเลระดับต่ำ ก็ไม่ต้องถึงมือข้าหรอก ตัวเจ้าเองที่เรียนรู้จากข้าไปหลายปีก็น่าจะทำได้...”

ฉู่อ้ายเยว่ แม้จะได้รับคำสั่งแล้ว แต่นางก็ยังยืนละล้ำละลักไม่เดินจากไป... จนทำให้ ม่อเหยียนฉุน ต้องหันกลับมามอง ใบหน้าของชายชรามีกระขึ้นเด่นชัด ทว่ามันไม่เหมือนกระบนใบหน้าทั่วไป มองดูคล้ายกับผิวหนังของสัตว์อสูรบางชนิดเสียมากกว่า

“ทำไมยังไม่รีบไป?! มีอะไรมากกว่านั้นงั้นหรือ?!”

นางพยักหน้าเบา ๆ
“อสรพิษทะเลตัวนั้น... ศิษย์คิดว่ามันมีความพิเศษบางอย่าง เกล็ดของมันเป็นสีเขียวมรกตริ้วสีทอง กลิ่นอายยังแตกต่างไปจากอสรพิษทะเลทั่วไปอย่างสิ้นเชิง...”

“!!!!!!!!!!” ม่อเหยียนฉุน เบิกตากว้างขึ้นในทันใด
“อะไรนะ!! มีริ้วสีทองด้วยงั้นหรือ!!”

เรือนกายของชายชราดูคล้ายจะสั่นเทาเบา ๆ ก่อนจะหยิบเอาตำราสัตว์อสูรที่เก่าแก่ออกมา ตำราเล่มนี้ถูกจดบันทึกเรื่องราวผ่านรุ่นสู่รุ่น เกี่ยวกับข้อมูลของสัตว์อสูรที่ผิดแผกไปจากสามัญ... ชายชราเปิดตำรานั้นอย่างรวดเร็ว จวบจนกระทั่งเจอบันทึกเมื่อ 800 ปีก่อน ของปรมาจารย์วิชานี้ 10 รุ่นก่อนหน้าตนเอง...

“อสรพิษเกล็ดสีทอง มีเพียงหนึ่งเดียวในใต้หล้า... นั่นก็คือ ราชันย์อสรพิษกลืนนภา และว่ากันว่าทายาททางสายเลือดของราชันย์อสรพิษเท่านั้น ที่จะปรากฏริ้วสีทองขึ้นบนเรือนกาย!! เมื่อ 800 กว่าปีก่อน ท่านปรมาจารย์รุ่นก่อน เคยพบเจอทายาทตัวหนึ่งของ ราชันย์อสรพิษกลืนนภา บนหอคอยสุสานเต่าทมิฬ ในชั้นที่ 68 แต่ก็ทำได้เพียงแค่มองดูอยู่ห่าง ๆ เท่านั้น ไม่อาจแตะต้องทายาทแห่งราชันย์ตนนั้นได้

เมื่อท่านปรมาจารย์ รวมรวบข้อมูลในทุก ๆ ด้าน เกี่ยวกับผู้ที่เคยพบเจอเหตุการณ์คล้ายกัน จึงทำให้ทราบความจริงบางอย่างว่าทายาทของราชันย์อสรพิษกลืนนภา จะอาศัยอยู่เพียงแค่ภายในหอคอยเท่านั้น สามารถเดินทางได้อย่างอิสระในทุก ๆ ชั้นราวกับบ้านตนเอง แต่จะไม่ยอมออกมาด้านนอกหอคอยตามคำสั่งของราชินีอสรพิษเกล็ดบูรพาผู้เป็นมารดา เพื่อมิให้ความแข็งแกร่งของพลัง มาทำให้โลกภายนอกเกิดความวุ่นวาย...

ฉู่อ้ายเยว่... เจ้าแน่ใจหรือว่าอสรพิษทะเลตนนั้น มีริ้วสีทองปรากฏอยู่จริง ๆ”

.......................................................

รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว