ต้าวอ้วนสื่อรัก

1 หนีออกจากบ้าน

วันที่เขียน 7 กันยายน 2566

ต้าวอ้วนสื่อรัก

Chapter 1 หนีออกจากบ้าน

“ไข่ดาว แกต้องช่วยฉันนะ” พลอยไพลินจับแขนเพื่อนรักแน่นอย่างไร้ที่พึ่ง น้ำตาเอ่อคลอในดวงตา รินรดา หรือไข่ดาว รีบปลอบใจเพื่อนรัก “พลอย แกใจเย็นก่อน ไปๆ ไปหาที่คุยกันก่อน”

รินรดาดึงเพื่อนไปทางร้านอาหารในโรงแรมที่เธอทำงานอยู่ พลอยไพลินลากกระเป๋าเดินทางหิ้วตะกร้า ‘ต้าวอ้วน’ แมวสุดรักของเธอเดินตามเพื่อนไป พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้สุดฤทธิ์ จนกระทั่งไปถึงร้านอาหาร รินรดาก็พาเพื่อนไปนั่งที่โต๊ะซึ่งอยู่ในมุมลับตา สาวเสิร์ฟเดินมาต้อนรับ “หวัดดีพี่ดาว”

“เจ เอาน้ำมา 2 ขวด” รินรดาบอกแล้วโบกมือไล่ เจมองอย่างอยากรู้อยากเห็น เดินไปหยิบน้ำ 2 ขวดไปเสิร์ฟ “พี่ดาว น้ำค่ะ”

“อืม” รินรดาพยักหน้าแล้วส่งสายตาไล่ เจจึงเดินห่างออกไป รินรดาเห็นว่าสะดวกที่จะคุยแล้วจึงเปิดปากถามเพื่อนว่า “นี่มันเกิดอะไรขึ้นเหรอพลอย? แกหอบผ้าหอบผ่อนกะไอ้ต้าวอ้วนทำเหมือนหนีออกจากบ้านงั้นแหละ”

“อือ ฉันหนีออกจากบ้านน่ะซิ ไม่หนีก็จะถูกจับแต่งงานกับใครก็ไม่รู้” พลอยไพลินพยักหน้ารับ รินรดาฟังแล้วอ้าปากค้าง “ห๊ะ!”

สักพักต่อมาถึงได้ดึงสติกลับมาแล้ว “ต้องเป็นแผนยัยแม่เลี้ยงแกแน่ๆ เลยใช่ป่ะ? แล้วพ่อแกไม่ห้ามเลยเหรอ?”

“ห้ามไรล่ะ คุณพ่อดันเห็นดีเห็นงามไปด้วยน่ะซิ ทั้งยังยึดมือถือยึดบัตรยึดกระเป๋าตังฉันไปหมดเลย ฉันถึงได้แอบหนีออกมานี่แหละ ได้เงินจากป้าใจมาพันนึงฉันถึงได้มีเงินจ่ายค่าแท็กซี่มาหาแกนี่แหละ” พลอยไพลินบอกอย่างอับจนหนทาง รินรดาอ้าปากค้างอีกรอบ “ง่ะ!”

เธอนึกถึงป้าใจคนรับใช้เก่าแก่ที่บ้านเพื่อน ซึ่งป้าใจไม่ค่อยชอบแม่เลี้ยงของพลอยไพลินสักเท่าไหร่ เพราะยัยแม่เลี้ยงตัวร้ายนี่ชอบโขกสับพลอยไพลินบ่อยๆ

“ขอฉันไปอยู่ห้องแกสักพักเถอะนะ” พลอยไพลินขอร้องเพื่อน รินรดาลำบากใจขึ้นมาทันที “พลอย ขืนแกไปอยู่ห้องฉัน ฉันกลัวว่าจะกลายเป็นหนีเสือปะจระเข้น่ะซิ แฟนฉันยิ่งเจ้าชู้อยู่ด้วย”

พลอยไพลินน้ำตาคลออย่างอับจนหนทาง ตอนนี้เธอมีเงินติดตัวอยู่แค่ไม่กี่ร้อยบาทเอง จะไปเปิดห้องโรงแรมถูกๆ อย่างมากก็อยู่ได้แค่คืนเดียวเท่านั้น อีกอย่างเธอก็ไม่กล้าขอยืมเงินเพื่อนด้วย เพราะเพื่อนเธอก็ไม่ใช่ว่าจะร่ำรวยอะไรนักหนา รินรดาเป็นเพื่อนที่เรียนด้วยกันตอนม.ต้น พอจบม.ต้น ทางบ้านรินรดาก็มีปัญหาทางการเงินจึงไม่สามารถส่งรินรดาเรียนต่อที่โรงเรียนเดิมได้ รินรดาจึงต้องย้ายไปต่อม.ปลายที่โรงเรียนรัฐบาล รินรดาเรียนไปพร้อมกับหางานพิเศษทำหลังเลิกเรียนไปด้วย พอจบม.ปลายก็เรียนต่อปริญญาตรีภาคสมทบเอา เรียกว่าชีวิตของรินรดาก็กัดฟันสู้มาไม่น้อยเลยกว่าจะได้งานดีๆ เป็นรีเซฟชั่นที่โรงแรม 5 ดาวแห่งนี้

รินรดาคิดๆ หาทางช่วยเพื่อนรัก ในที่สุดเธอก็คิดออกทางหนึ่ง เธอขยับเข้าไปกระซิบข้างหูเพื่อนว่า “เอางี้ล่ะกันพลอย ตอนนี้มีห้องสวีทห้องนึงที่ไม่ได้เปิดให้แขกเข้าพักเพราะว่าอ่างล้างหน้ามันแตกอยู่ ต้องรอช่างเข้ามาซ่อม ถ้าแกแอบๆ พักอยู่ห้องนั้นก็น่าจะได้นะ เดี๋ยวฉันแอบเอาคีย์การ์ดให้ล่ะกัน”

“อื้ม ขอบใจนะ” พลอยไพลินพยักหน้าหงึกๆ น้ำตาไหลอย่างดีใจ รินรดาดึงทิสชู่ส่งให้ “เอ้าๆ เช็ดน้ำตาซะก่อน แล้วแกรออยู่ตรงนี้แหละ เดี๋ยวฉันมา”

“อื้ม” พลอยไพลินพยักหน้า รับทิสชู่มาเช็ดน้ำตา รินรดาลุกออกไป พลอยไพลินหยิบขวดน้ำมาเปิดแล้วยกขึ้นดื่ม เจก็แอบชะเง้อชะแง้มองอย่างอยากรู้อยากเห็น ประมาณว่าเรื่องของชาวบ้านคืองานของฉัน จนกระทั่งรินรดาเดินกลับมา “ไปกันเถอะพลอย”

“อืม” พลอยไพลินพยักหน้า คว้ากระเป๋าเดินทางมา รินรดาก็ช่วยหิ้วตะกร้าต้าวอ้วน พลางบ่น “โห มันหนักกี่โลเนี่ย?”

“12 โล” พลอยไพลินบอก รินรดาถึงกับก้มมองต้าวอ้วนที่อยู่ในตะกร้าใบใหญ่อย่างอึ้งๆ เธอจำได้ว่าเมื่อ 3 ปีก่อน มันยังหนักแค่ 3 โลเองนะ “หนักเกินไปแล้ว”

“ก็พยายามลดน้ำหนักอยู่ แต่ยิ่งลดกลับยิ่งเพิ่มอ่ะ ฉันล่ะโคตรกลุ้มใจเลย” พลอยไพลินบ่นอย่างจนปัญญา รินรดามองๆ แล้วเดินนำไป “ไปกันเถอะ”

พลอยไพลินเดินตามไป รินรดาพาพลอยไพลินไปทางลิฟต์ของพนักงาน เธอมองซ้ายมองขวาแล้วเปิดประตู ‘STAFF ONLY’ พลอยไพลินรีบเดินตามเข้าไป รินรดาเดินไปถึงลิฟต์ก็กดลิฟต์ เมื่อลิฟต์เปิดก็เดินเข้าไปอย่างไว พลอยไพลินรีบตามเข้าไป รินรดากดประตูลิฟต์ปิดแล้วแตะบัตรกดชั้น ลิฟต์เลื่อนขึ้นไปจนถึงชั้นบนสุด ประตูลิฟต์เปิดออก รินรดาชะโงกหน้าออกไปมองซ้ายมองขวา จากนั้นก็รีบเดินออกไป พลอยไพลินเดินตามไปติดๆ จนกระทั่งถึงห้องสวีทห้องที่รอช่างมาซ่อมรินรดาก็เสียบคีย์การ์ดที่ประตูแล้วเปิดประตูห้องเดินเข้าไป พลอยไพลินรีบตามเข้าไป ตลอดทางเธอใจเต้นตึกๆ เพราะเพิ่งจะเคยทำอะไรแบบนี้เป็นครั้งแรก

รินรดาปิดประตูแล้วเสียบคีย์การ์ดลงในช่องเสียบ ไฟในห้องก็สว่างขึ้นมาทันที เธอหันไปถอนหายใจกับเพื่อน “ฮู้ โชคดีจริงๆ ที่ไม่เจอใครเลย”

“ขอบใจมากนะ” พลอยไพลินบอกอย่างซาบซึ้งใจมาก โผกอดเพื่อนน้ำตาไหล รินรดาต้องรีบบอก “เดี๋ยวๆ ขอฉันวางไอ้ต้าวอ้วนก่อน โคตรหนักเลย”

พลอยไพลินผละออก เช็ดๆ น้ำตา มองแมวรักกับเพื่อนอย่างขำๆ “ปวดแขนเลยล่ะซิ”

“เออ” รินรดาวางตะกร้าลงแล้วสะบัดๆ แขนตัวเอง จากนั้นก็เดินเข้าไปในห้อง ดึงผ้าคลุมเฟอร์นิเจอร์พับเก็บ พลอยไพลินก็เดินไปช่วยพับ รินรดาพับผ้าคลุมเสร็จแล้วก็บอกว่า “เรื่องของกิน เดี๋ยวฉันจะซื้อพวกอาหารกล่องมาให้แกตุนไว้ล่ะกัน แกก็แค่เอาเข้าเวฟแล้วก็ไม่ต้องออกไปไหนล่ะ ฉันเชื่อว่ายัยแม่เลี้ยงกะพ่อแกคงให้คนตามหาตัวแกแทบพลิกกรุงเทพฯ เลยมั้ง”

“อืม” พลอยไพลินพยักหน้า แล้วยอบตัวลงเปิดตะกร้าอุ้มต้าวอ้วนออกมา ต้าวอ้วนร้อง “แง้วๆ”

พลอยไพลินอุ้มไว้พลางลูบๆ หัว ต้าวอ้วนยิ่งร้องหนักขึ้น “แง้วๆๆๆ...”

“สงสัยจะหิวแล้วซิ เดี๋ยวๆ รอเดี๋ยวนะต้าวอ้วน” พลอยไพลินบอกพลางปล่อยต้าวอ้วนลง รินรดาก้มลงลูบๆ หัวต้าวอ้วน ต้าวอ้วนถอยหลังไปไม่ยอมให้ลูบหัวพลางส่งเสียงขู่เบาๆ “ฟ่อ”

“หนอย ลืมกันแล้วเหรอไอ้ต้าวอ้วน” รินรดาด่าอย่างเอ็นดู พลอยไพลินหันไปลากกระเป๋าเดินทางไปวางตรงที่วางกระเป๋าแล้วเปิดกระเป๋าหยิบชามอาหารกับชามน้ำออกมา จากนั้นก็หยิบอาหารเปียกออกมากระป๋องนึง แล้วถือของทั้งหมดเข้าไปวางในห้องน้ำ พลางร้องเรียกต้าวอ้วน “มาๆ ต้าวอ้วนมากินอาหารเร็ว”

“แง้ว” ต้าวอ้วนร้องแล้วรีบวิ่งไปหาทันที พลอยไพลินเปิดอาหารเทใส่ชามครึ่งกระป๋อง ต้าวอ้วนรีบเดินไปกินอาหารส่งเสียงง่ำๆ รินรดาเดินตามไปมองดูพลางแซวต้าวอ้วน “สงสัยจะหิวมากเลยเนอะ”

พลอยไพลินลูบๆ ตัวต้าวอ้วนแล้วยืนขึ้น รินรดาก็บอกว่า “ในห้องน้ำทุกอย่างใช้ได้หมด ยกเว้นอ่างล้างหน้า แกก็อยู่ไปก่อนนะ เดี๋ยวฉันไปซื้อของกินมาให้ แกจะเอาอะไรมั่ง?”

“ข้าวผัด โจ๊ก สปาเก็ตตี้ มาม่า อะไรก็ได้ ขอบใจแกมากจริงๆ” พลอยไพลินมองเพื่อนอย่างซึ้งใจ รินรดาโบกๆ มือ “ไม่เป็นไรๆ ก็เราเพื่อนกันนี่ ถ้าฉันไม่มีแฟนก็จะให้แกไปอยู่ที่ห้องหรอก”

“อืม เข้าใจๆ ยังไงก็ขอบใจมากๆ” พลอยไพลินบอก รินรดาจึงเดินออกไป ประตูล็อคอัตโนมัติ รินรดาเดินไปที่ลิฟต์ คิดๆ ว่าจะซื้อของกินอะไรให้เพื่อนบ้าง คงต้องไปซื้อในเซเว่นใกล้ๆ นี่แหละ

พลอยไพลินนั่งลงลูบๆ หัวต้าวอ้วน เธอไม่กล้าทิ้งต้าวอ้วนไว้ที่บ้านเพราะกลัวว่าแม่เลี้ยงจะจับต้าวอ้วนไปปล่อย เธอจึงต้องหอบต้าวอ้วนมาด้วย ต้าวอ้วนเป็นแมวดำปลอดทั้งตัว ขนสั้น หางยาว เข้าตำราแมวโกญจา เธอเก็บต้าวอ้วนมาเลี้ยงตั้งแต่ตัวเล็กๆ เท่าฝ่ามือ จนตอนนี้มันตัวใหญ่มาก ใหญ่กว่าหมาพันธุ์พุดเดิ้ลอีก ต้าวอ้วนกินอิ่มแล้วก็หันไปเลียน้ำกิน พลอยไพลินมองๆ แล้วลุกขึ้นเดินดูห้องพัก เธอเปิดม่านหน้าต่าง มองออกไปด้านนอกซึ่งเป็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยา เธอถอนหายใจทีหนึ่ง “เฮ้อ...”

แล้วก็สูดหายใจเข้าลึกอย่างตึงเครียด เพราะวันนี้มีที่ซุกหัวนอนแล้ว แต่วันพรุ่งนี้ วันต่อๆ ไปล่ะ?

เธอเคยได้ยินว่ามีบ้านพักสำหรับคนยากไร้ บางทีเธออาจจะไปขออาศัยที่นั่นก่อน แต่ว่าเธอก็กลัวว่าคุณพ่อกับยัยแม่เลี้ยงจะหาเธอเจอแล้วจับเธอกลับบ้านไปขังเอาไว้ ถ้าถูกจับกลับไป เธอไม่มีทางหนีพ้นแน่ จะทำยังไงดี?ๆ

เธอคิดๆ มองไม่เห็นทางออกเลย คุณพ่อบีบบังคับให้เธอแต่งงานก็เพราะผลประโยชน์ทางธุรกิจ เธอเป็นลูกสาวดังนั้นคุณพ่อจึงไม่ค่อยให้ความสำคัญเหมือนลูกชาย ใช่ คุณพ่อกับยัยแม่เลี้ยงมีลูกชายด้วยกันคนนึง ซึ่งก็คือน้องชายต่างแม่กับเธอ น้องชายคนนั้นเธอไม่ได้รัก ไม่มีความผูกพันด้วยเลย มีแต่ความเกลียดฝังลึกอยู่ในใจของเธอ เพราะน้องชายคนนั้นแย่งความรักไปจากคุณพ่อ

ตั้งแต่น้องชายเกิดมาคุณพ่อก็พะเน้าพะนอเอาอกเอาใจแม่เลี้ยงกับน้องชาย ส่วนเธอกลายเป็นหมาหัวเน่าอยู่ในบ้านหลังนั้น ธุรกิจในบ้านก็เตรียมยกให้น้องชายไป ส่วนเธอเป็นได้แค่เลขาของคุณพ่อที่ไม่มีสิทธิ์มีเสียงอะไรในบริษัทเลย ทั้งๆ ที่เธอก็เป็นลูก แต่คุณพ่อไม่เคยให้ค่าให้ความสำคัญอะไรกับเธอเลย เพียงเพราะเธอเป็น ‘ผู้หญิง’ ไง! ครอบครัวฝั่งคุณพ่อเป็นคนไทยเชื้อสายจีนที่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว ดังนั้นลูกสาวอย่างเธอจึงไร้ค่า เป็นได้แค่เบี้ยตัวหนึ่งที่คุณพ่อจะให้แต่งงานกับใครก็ไม่รู้เพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ แล้วทำไมเธอต้องเสียสละตัวเองเพื่อครอบครัวที่ไม่เคยเห็นค่าเธอเลยล่ะ? จะว่าเธออกตัญญูเหรอ? เธอยอมเป็นคนอกตัญญูล่ะ

คุณพ่อส่งเธอเรียนจบแค่ปวช. เธออยากต่อปริญญาตรีคุณพ่อก็ไม่ยอมส่ง ทำให้เธอต้องดิ้นรนหาเงินเรียนปริญญาตรีภาคค่ำเอาเอง เงินเดือนในฐานะเลขาของคุณพ่อหลังจากที่เธอเรียนจบปวช. เธอก็เก็บแบ่งไปจ่ายค่าเทอม กระเบียดกระเสียรใช้จ่ายอย่างจำกัดจำเขี่ยจนกระทั่งเรียนจบปริญญาตรีอย่างที่ตั้งใจ เกรดเฉลี่ยของเธอสูงจนได้เกียรตินิยมอันดับสองเชียวนะ แต่ความสำเร็จนี้มีเพียงแค่เพื่อนๆ ไม่กี่คนเท่านั้นที่เห็นค่าและแสดงความยินดีด้วย ส่วนครอบครัวของเธอ ไม่ใช่ซิ คุณพ่อ ยัยแม่เลี้ยงและน้องชายต่างแม่นั่นไม่เคยยินดีด้วยเลย เธอเพิ่งจะเรียนจบไม่ถึงเดือน คุณพ่อก็บังคับให้เธอแต่งงาน เธอจึงต้องหนีออกมาอย่างไม่มีทางเลือก

เธอจะไปหาเพื่อนคนอื่นๆ ก็กลัวว่าคุณพ่อจะตามไปจับตัวกลับไป ดังนั้นเธอจึงเลือกมาหาไข่ดาวเพื่อนตั้งแต่สมัยเรียนม.ต้น ที่ไม่ค่อยได้นัดเจอกันสักเท่าไหร่ ความสัมพันธ์ดูเหมือนไม่สนิทกันนัก แต่จริงๆ แล้วเธอกับไข่ดาวสนิทกันมาก สนิทกันจนถึงขั้นคุยเปิดอกได้แทบทุกเรื่องเลยทีเดียว อาจจะเพราะไข่ดาวก็เป็นคนที่ต้องดิ้นรนสู้ชีวิตล่ะมั้ง ความรู้สึกที่ว่าเธอกับไข่ดาวคล้ายๆ กันจึงทำให้สนิทกันโดยไม่รู้ตัว

กริ๊งงงงง--- เสียงกริ่งดังขึ้นทำให้พลอยไพลินสะดุ้งโหยง เธอหยุดคิดแล้วเดินไปดูที่ประตู เธอมองผ่านช่องตาแมวออกไป เห็นไข่ดาวยืนอยู่หน้าประตูจึงรีบเปิดประตูให้ รินรดารีบเข้าไปในห้องอย่างกลัวใครจะมาเห็นเข้า ในมือเธอถือถุงหิ้วหลายใบพะรุงพะรัง เป็นอาหารกล่องกับขนม และผลไม้ เธอถือไปวางในห้องครัวเล็กๆ ภายในห้องสวีทสุดหรูแห่งนี้ พลอยไพลินเดินตามไป โผกอดเพื่อนรักน้ำตาซึม “ขอบใจมากนะไข่ดาว วันหน้าฉันจะคืนให้แกทุกบาทเลย”

“เอาน่าๆ เพื่อนกัน แกก็อยู่นี่ทำใจให้สบายเถอะ ห้องนี้กว่าช่างจะมาซ่อมก็อีก 5 วันนู้น” รินรดาตบๆ หลังปลอบใจ พลอยไพลินผละออกเช็ดๆ น้ำตา รินรดามองนาฬิกาข้อมือแล้วบอกว่า “เอาล่ะ ฉันต้องไปเข้ากะแล้ว มีอะไรแกก็โทรเข้ามือถือฉันนะ”

“อื้ม!” พลอยไพลินพยักหน้า รินรดาตบๆ ไหล่เพื่อนแล้วเดินออกจากห้องไป พลอยไพลินจึงเอาอาหารกล่องออกจากถุงใส่ตู้เย็นในห้องครัว หลังจากเก็บของใส่ตู้เย็นหมดแล้วเธอจึงเดินไปยืนมองวิวที่หน้าต่าง เหม่อมองออกไปข้างนอก ซึ่งทั้งเธอและรินรดาไม่รู้เลยว่าต้าวอ้วนแอบออกไปนอกห้องตอนที่รินรดาถือของเข้ามาในห้อง จังหวะนั้นต้าวอ้วนก็เดินลอดใต้ถุงใส่ของพะรุงพะรังที่รินรดาถืออยู่เดินออกไป มันเดินไปอย่างเงียบๆ สำรวจสถานที่แห่งใหม่นี้อย่างสนอกสนใจ พลอยไพลินไม่ได้ใส่ปลอกคอให้มันเพราะมันไม่ชอบใส่ปลอกคอ อีกอย่างเธอรู้สึกว่าใส่ปลอกคอให้มันแล้วทำให้มันล่านกไม่ได้ เธออยากให้มันออกไปล่านกในสนามหญ้าในบ้านจะได้ลดๆ ความอ้วนลงบ้าง แต่มันก็เอาแต่นอนเล่นกลิ้งไปกลิ้งมาในสนามหญ้านอนอาบแดดอ่อนๆ ตอนเช้ากับตอนเย็นแล้วก็เข้าห้องของเธอไปนอนหลับบนเตียง

รินรดารีบไปสแกนลายนิ้วมือเข้าทำงาน เธอยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์คอยบริการแขกด้วยรอยยิ้ม ขณะที่เธอกำลังทำงานอยู่นั้นก็เห็นพ่อของพลอยไพลินเดินมา เธอสะดุ้งในใจ พยายามทำสีหน้าให้สงบสมกับเป็นมืออาชีพที่ได้รับการอบรมมาอย่างดี เพราะตำแหน่งนี้กว่าจะได้เข้ามาทำงาน เธอต้องผ่านการอบรมการรับมือกับลูกค้าทุกประเภทจนเรียกว่าต่อให้ถูกลูกค้าต่อว่ายังไง หน้าตาก็ต้องยิ้มแย้มรับลูกค้าเสมอ เธอฉีกยิ้มอย่างมืออาชีพ ยกมือไหว้อย่างสุภาพอ่อนน้อม “สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับค่ะ มีอะไรให้ดิฉันช่วยบ้างคะ?”

“เอ่อ พลอยมาหาหนูบ้างรึเปล่า?” อัครพลถาม เขาจำเพื่อนของลูกสาวได้ ถึงเด็กคนนี้จะไม่ค่อยไปหาพลอยไพลินแต่เขาก็ยังจำเธอได้

“พลอย?” รินรดาทำท่านึกๆ อัครพลรีบบอก “พลอยไพลินน่ะ”

เขาพูดแล้วก็หยิบมือถือออกมาเปิดรูปลูกสาวให้รินรดาดู รินรดามองรูปบนจอมือถือแล้วร้อง “อ่อ”

จากนั้นเธอก็ส่ายหน้า “หนูไม่เจอพลอยมานานแล้วค่ะ ว่าแต่พลอยเป็นอะไรเหรอคะ?”

“เปล่าๆ ไม่มีอะไรหรอก” อัครพลบอกแล้วเก็บมือถือ “ถ้าพลอยมาหาหนูหรือโทรมาหาหนู รบกวนหนูช่วยโทรบอกลุงที เอานี่ลุงมีค่าเหนื่อยให้”

เขายื่นนามบัตรกับแบงพันให้ 1 ใบ รินรดารับมาพยักหน้าหงึกๆ “ค่ะคุณลุง ถ้าพลอยโทรมาหนูจะรีบโทรบอกเลยค่ะ”

“ขอบใจมาก” อัครพลบอกแล้วหมุนตัวเดินจากไป ชายผู้ติดตามข้างหลังก็เดินตามไปด้วย รินรดามองตามจนทั้งสองคนเดินไปไกลแล้ว อัญญารินเพื่อนร่วมงานก็เข้ามากระซิบว่า “นั่นคุณอัครพรไม่ใช่เหรอ? ดาวไปรู้จักเขาได้ไงอ่ะ?”

“ก็แค่คนรู้จักน่ะ” รินรดาบอกอย่างขอไปทีแล้วก้มหน้าทำงานต่อ อัญญารินจึงถอยห่างไปทำงานของตัวเอง รินรดาถอนหายใจในใจ ‘ไอ้พลอยเอ้ย พ่อแกเป็นหมารึไงวะ ตามกลิ่นมาไวชิบ’

ขณะที่กำลังคิดๆ อยู่นั้นก็มีรถลีมูซีนมาจอดหน้าประตูโรงแรม มีบอดี้การ์ดใส่สูทสีดำเดินมาล้อมบริเวณนั้นหลายคน คนๆ หนึ่งก้าวออกมาจากรถลีมูซีนคันนั้น เขาหล่อเหมือนดาราบอลลีวู้ดเลยล่ะ เขาเดินผ่านประตูเข้าไปในโรงแรม บอดี้การ์ดเหล่านั้นก็ตามไปล้อมหน้าล้อมหลังทำให้คนอื่นๆ สนใจมองจนกระทั่งคนกลุ่มนั้นเดินเข้าลิฟต์ไปหมดแล้ว บรรยากาศจึงกลับมาเงียบสงบดังเดิม

ลิฟต์เลื่อนไปชั้นบนสุด โกเมศผู้จัดการใหญ่ผายมือ “เชิญครับคุณอัมมาน”

“อืม” อัมมานส่งเสียงคำหนึ่งเดินออกจากลิฟต์ บอดี้การ์ดเดินล้อมหน้าล้อมหลังไปเป็นขบวน จนกระทั่งถึงห้องพักที่ดีที่สุด หรูหราที่สุดของโรงแรมแห่งนี้ โกเมศเสียบคีย์การ์ดกับประตูห้องเปิดประตู บอดี้การ์ดก็เดินนำเข้าไปตรวจภายในห้อง หลังจากตรวจแล้วเขาก็เดินออกมา ผายมือ “เชิญครับ”

อัมมานเดินเข้าห้องไป โกเมศจะก้าวตามไปแต่ถูกบอดี้การ์ดคนหนึ่งยื่นมือมาขวางพร้อมกับดึงคีย์การ์ดไปจากมือเขา บอดี้การ์ดคนนั้นผายมือ “เชิญครับ”

โกเมศรู้ว่าถูกไล่แล้วจึงยิ้มให้ “ถ้ามีอะไรต้องการให้ผมรับใช้ก็เรียกได้ตลอดเวลานะครับ”

“ขอบคุณ” บอดี้การ์ดพูด โกเมศจึงหมุนตัวเดินกลับไปที่ลิฟต์ เขากดลิฟต์แล้วเดินเข้าไป ความตื่นตัวตึงเครียดก็ค่อยๆ คลายตัวลง หวังว่าระหว่างที่คุณอัมมานพักอยู่ที่นี่จะไม่มีปัญหาอะไรทั้งนั้น เพราะถ้ามีปัญหาตำแหน่งของเขาได้ปิ๋วแน่!

ขณะที่บอดี้การ์ดเดินเข้าห้องไป ต้าวอ้วนก็เดินอย่างเงียบกริบตามเข้าไปด้วย บอดี้การ์ดที่เฝ้าอยู่หน้าประตูเห็นพอดีจึงเบิกตากว้างมองดูสัตว์สี่ขาสีดำตัวนั้น “หมา!?”

“หือ? หมาใคร?” บอดี้การ์ดอีกคนมองตามสายตาเพื่อนร่วมงาน เขาเห็นหมาสีดำตัวหนึ่ง มันหยุดชะงักมองพวกเขาครู่หนึ่ง ต้าวอ้วนเห็นคนพวกนั้นจ้องมา มันจ้องคนพวกนั้น 3 วินาที แล้วมันก็วิ่งพรวดเข้าไปในห้องทันที บอดี้การ์ดสองคนตรงหน้าประตูมองตากันเองแล้วพูดเกือบจะพร้อมกันว่า “จับมัน!”

ทำให้บอดี้การ์ดคนอื่นๆ มอง พวกเขาเห็นตัวอะไรดำๆ ตัวหนึ่งวิ่งผ่านหน้าไปอย่างไวมาก ได้ยินเพื่อนบอกว่า ‘หมา’ พวกเขาก็คิดว่าเป็นหมาตามเพื่อน บอดี้การ์ดคนหนึ่งพูดขึ้นว่า “คงเป็นหมาของแขกคนไหนหลุดมาล่ะมั้ง รีบจับออกไปก่อนเถอะ คุณอัมมานยิ่งไม่ค่อยชอบสัตว์ซะด้วย”

“อืม” คนอื่นๆ พยักหน้าแล้วพากันล้อมจับ ‘หมา’ ตัวนั้น ต้าวอ้วนวิ่งไปจนมุมอยู่ตรงมุมห้อง มันหันหน้าสู้คนส่งเสียงขู่ “ฟ่อ!...ฟ่อ!...”

“หือ? แมว?” คนหนึ่งอุทานขึ้นมา จ้องแมวดำที่ตัวใหญ่เท่าหมาอย่างตกใจ เขาไม่เคยเห็นแมวพันธุ์ทางตัวใหญ่ขนาดนี้มาก่อน ถ้ามันเป็นแมวเมมคูนเขาจะไม่ตกใจเลย แต่นี่มันก็แค่แมวดำธรรมดาๆ ตัวหนึ่งเท่านั้นเองนะ ทำไมมันตัวใหญ่ขนาดนี้ล่ะ? สงสัยเจ้าของจะเลี้ยงดีเกินไปล่ะมั้ง

“ใช้ผ้าคลุมมันแล้วตะครุบตัวมัน” เพื่อนคนหนึ่งบอก อีกคนพยักหน้า เขารีบเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาจากในห้องน้ำทันที กางออกแล้วตั้งท่าจับ อัมมานได้ยินเสียงจึงออกจากห้องนอนมาดู เขาเห็นพวกบอดี้การ์ดกำลังมุงอยู่ตรงมุมห้อง จึงถาม “มีอะไรรึ?”

“เอ่อ แมวใครหลุดมาก็ไม่รู้ครับ พวกเราจะรีบจับออกไปครับ” บอดี้การ์ดคนหนึ่งบอก อัมมานเลิกคิ้วขึ้น “หือ?”

“เอ่อ ขออภัยด้วยครับ พวกเราจะรีบจับมันออกไปครับ” บอดี้การ์ดบอกอย่างกลัวถูกตำหนิ อัมมานเดินไปยืนมอง ‘แมว’ ที่อยู่ตรงมุมห้อง ทันทีที่เขาเห็นมัน เขาก็เลิกคิ้วขึ้น “แน่ใจนะว่าแมว?”

เขาไม่เคยเห็นแมวที่ไหนตัวใหญ่ขนาดนี้มาก่อน ยกเว้นพวกสายพันธุ์ยักษ์ที่ราคาแพงพวกนั้น บอดี้การ์ดพยักหน้าหงึกๆ “แมวครับ ยืนยันว่าเป็นแมวแน่นอนครับ ผมก็ไม่เคยเห็นแมวที่ไหนตัวใหญ่เท่าตัวนี้เลยครับ”

บอดี้การ์ดล้อมแมวดำตัวนั้นเอาไว้ ต้าวอ้วนมองคนพวกนั้นส่งเสียงขู่ “ฟ่อ!...ฟ่อ!...”

ตัวมันพองขนไปทั้งตัวจนขนฟูชี้ตั้ง หางชี้ฟูอย่างกับแปรงล้างขวด มันมองหาทางหนี ท่าทางตื่นกลัว บอดี้การ์ดคนหนึ่งถือผ้าเช็ดตัวเอาไว้ เขาค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้มันทีละนิด...ทีละนิด แล้วก็พุ่งเข้าตะครุบมันหมับ!

“แง๊ววววว...แง๊ววววว...แง๊ววววว...” ต้าวอ้วนกางกรงเล็บข่วนทันทีขวับๆ พร้อมกับกระโจนหนีไปด้วย บอดี้การ์ดคนนั้นร้องออกมา “โอ๊ยๆ...”

เขาถูกมันข่วนมือจนเจ็บแสบ เขาไล่ตามมันทันที ต้าวอ้วนวิ่งหาที่หลบ มันมุดเข้าไปหลบอยู่ใต้โต๊ะเตี้ยข้างโซฟาพลางร้องขู่เสียงดัง “แง๊ววววว...แง๊ววววว...”

บอดี้การ์ดหลายคนรีบเข้าไปล้อมมันอีกครั้ง อัมมานมองแมวดำตัวนั้นสายตาเย็นชา เขาไม่ค่อยชอบสัตว์สักเท่าไหร่เพราะพวกมันไม่ฉลาด มีสัตว์ชนิดเดียวที่เขาชอบก็คือหมา และต้องเป็นหมาที่ผ่านการฝึกฝนมาแล้วด้วย สั่งยังไงก็ทำตามคำสั่งอย่างนั้น

หลังจากที่ยืนมองวิวข้างนอกอยู่นานจนเบื่อ พลอยไพลินก็ละสายตากลับมามองหาต้าวอ้วน เธอเรียกหามัน “ต้าวอ้วนๆ”

เธอไม่เห็นมันเดินมาหาเธอจึงเดินไปดูในห้องนอน ก็ไม่เห็นมัน “ต้าวอ้วนๆ”

เธอเดินหามันไปรอบๆ ห้อง จนกระทั่งหาทั่วห้องแล้วก็ไม่เห็นมันเลยทำเธอตกใจไม่น้อย คาดว่ามันน่าจะหลุดออกไปแน่ๆ เธอจึงรีบคว้าคีย์การ์ดตรงข้างประตูห้องมาแล้วเปิดประตูเดินออกไปตามหาทันที เธอมองๆ แล้วร้องเรียกเสียงเบา “ต้าวอ้วนๆ”

เธอเดินหาไปเรื่อยๆ พลางร้องเรียกเสียงเบาๆ ไปตลอดทาง “ต้าวอ้วนๆ”

จนกระทั่งไปถึงหน้าประตูห้องๆ หนึ่ง เธอคล้ายได้ยินเสียงแมวร้องแผ่วเบา เธอเงี่ยหูฟังเสียง ฟังอยู่พักหนึ่งก็แน่ใจว่าเป็นเสียงต้าวอ้วน เธอจึงรีบกดกริ่งที่ข้างประตูห้องๆ นั้นทันที กริ๊งงงงง...กริ๊งงงงง...

เสียงกริ่งทำให้คนในห้องชะงักงัน บอดี้การ์ดคนหนึ่งก้าวไปดูที่ประตู เขามองตรงช่องตาแมวอย่างระมัดระวังตัว

เขาเห็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตู จึงหันไปบอกคนอื่นๆ ว่า “ผู้หญิง 1 คน”

Donate

เชิญบริจาคให้ไรท์ได้ทาง บัญชี ธ.กสิกรไทย

เลขบัญชี 084-3-79715-6

ชื่อบัญชี น.ส.แสงแข ช้วนใย

หรือทาง True Money wallet : 098-651-1489

จะบริจาค 5 บาท 10 บาทก็ได้ค่ะ


ติดตามข่าวสารและพูดคุยกับไรท์เตอร์ได้ทาง

เพจ readfree.in ค่ะ

https://www.facebook.com/readfree.in/

ทางเว็บไซต์ www.readfree.in ค่ะ

และทาง Line Official Account : https://lin.ee/qEBuZvK

ขอบคุณรีดเดอร์ทุกท่านที่เข้ามาอ่านค่ะ

รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว