ฮวาจื่อมองหลิวเซียงที่ก้มหน้าดูแลชุดน้ำชา ก่อนเอ่ยขึ้น “หลิวเซียง คืนนั้นที่เจ้าพยายามเบี่ยงเบนความสนใจของโจรชั่วเพื่อปกป้องข้า ข้าจะจำความภักดีของเจ้าเอาไว้ สักวันจะหาทางตอบแทนอย่างเหมาะสม”
หลิวเซียงกะพริบตาถี่ๆ ขอบตาแดงเรื่อขึ้น นางไม่เคยเสียใจกับการกระทำของตัวเองเลยขอเพียงให้คุณหนูใหญ่ปลอดภัย
มารดาของหลิวเซียงเคยปรนนิบัติเหล่าไท่ไท่ บิดาของนางก็เป็นบ่าวข้างกายใต้เท้าฮวา น้องชายคนเล็กเป็นเพื่อนเรียนหนังสือของคุณชายหก ชีวิตของพวกนางทั้งครอบครัวล้วนผูกพันอยู่กับตระกูล
ฮวา หลิวเซียงย่อมไม่อาจปล่อยให้คุณหนูต้องเป็นอันตรายไปต่อหน้าต่อตาตัวเอง
ยามนี้ที่ลานหน้าเรือนกำลังก่อสร้าง ทั้งบ่าวไพร่และคนงานทำงานกันอึกทึก ฮวาจื่อจึงสั่งให้หลิวเยว่หมิงเข้ามาพบนางที่เรือนด้านหลัง
หลิวเยว่หมิงเห็นคุณหนูนั่งอยู่ มีผ้าคลุมตักสีหน้าซีดเซียวก็เข้าใจว่าคุณหนูล้มป่วย จึงไม่กล้ามองหน้าฮวาจื่อตรงๆ โค้งกายลงแล้วกล่าวว่า “เรียนคุณหนูใหญ่ แม้เงินของผู้น้อยจะมีไม่พอจ่ายค่ามัดจำลูกท้อทั้งหมด แต่มีชาวบ้านส่วนหนึ่งยินดีจะส่งลูกท้อเข้ามาให้ในอีกราวสองสามวันขอรับ”
“ไม่ได้จ่ายมัดจำ พวกเขายอมขายงั้นหรือ” ฮวาจื่อเลิกคิ้วทั้งสงสัยทั้งอัศจรรย์ใจ
“ผู้น้อยวางเงินมัดจำทั้งหมดไว้กับสวนผลไม้ เมื่อข่าวแพร่ออกไปว่าตระกูลฮวารับซื้อลูกท้อชั้นดี ทั้งยังติดต่อสวนผลไม้ไว้หลายแห่ง พวกชาวบ้านจึงเกิดความเชื่อใจ เข้ามาแจ้งความประสงค์จะขายลูกท้อให้เป็นจำนวนมากขอรับ”
“จับเสือมือเปล่า ไม่เลวทีเดียว” ฮวาจื่อยิ้มอย่างพึงพอใจ “ข้าจะหาที่พักให้เจ้าในหมู่บ้าน ระยะนี้พักอยู่ที่นี่ก่อน เรื่องดูแลการรับมอบผลไม้ยังต้องให้เจ้าช่วย”
“ขอรับ”
“ไปพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้ยังมีงานให้เจ้าทำอีก”
หลิวเยว่หมิงพยักหน้าโค้งคารวะคุณหนูอีกครั้ง สีหน้าเบิกบานเมื่อได้ยินว่าคุณหนูใหญ่ยังไว้วางใจเรียกใช้เขาอยู่
พลบค่ำวันนั้น เฉินฉิงนำของฝากจากเจ้านายตนมามอบให้คุณหนูใหญ่สกุลฮวา
สิ่งที่เขานำมาไม่ใช่เกลือหอม หากแต่เป็นน้ำแข็งมากมายที่ห่อด้วยกระดาษไข ระยะนี้อากาศเย็นลง ทำให้น้ำแข็งไม่ละลายระหว่างทางไปจนหมด ฮวาจื่อเพิ่งทานอาหารเย็นเสร็จได้ยินว่ามีของมาส่ง
อีกทั้งของที่มาส่งยังไม่ใช่เกลือหอมหากแต่เป็นน้ำแข็ง รู้สึกยินดียิ่งนัก ได้น้ำแข็งมาเช่นนี้ ประหยัดเวลาทำน้ำแข็งไปมากทีเดียว
ฮวาจื่อวางตะเกียบลุกขึ้น ทำท่าจะเดินออกไปรับของด้วยตัวเอง แต่ถูกสหายร่วมโต๊ะยับยั้งไว้ก่อน
“ข้าไปเอง ข้ากับเจ้านั่นสนิทกัน” เฉาเย่ากล่าวแล้วลุกขึ้นแทน
ฮวาจื่อพยักหน้า “รบกวนเจ้าแล้ว เป้าเซี่ย เจ้าบอกหลิวฉีให้ส่งบ่าวชายไปช่วยกันขนน้ำแข็งเข้ามาวางในห้องใต้ดินทั้งสี่ห้อง”
“เจ้าค่ะ”
รอทั้งสองคนออกไป ฮวาจื่อจึงสำทับว่า “ฝูตง เจ้าไปดูว่าพวกเขามากันกี่คน ส่งอาหารเครื่องดื่มไปให้เสียหน่อย”
“เจ้าค่ะ” ฝูตงขานรับ “บ่าวทำขนมถั่วเขียวไว้ไม่น้อย เดี๋ยวจะรีบนำออกไปแจกจ่าย”
สาวใช้ผู้ถนัดงานครัวลุกขึ้น หลิวเจวียนที่ติดตามเป็นลูกมือก็พลอยลุกตาม
เฉินฉิงแปลกใจกับความเอื้อเฟื้อของตระกูลฮวา แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธของกำนัล สั่งให้คนรับขนมไว้ กล่าวขอบคุณสาวใช้ที่มอบขนมให้ “นายท่านของข้าบอกว่า หากต้องการน้ำแข็งเพิ่มให้เฉาเย่ามาบอกได้เลย เขาจะเตรียมน้ำแข็งไว้ให้”
เป้าเซี่ยโค้งกายคารวะ “เจ้าค่ะ บ่าวขอบคุณสำหรับความมีน้ำใจของนายท่านแทนคุณหนูด้วย”
เฉินฉิงอดรู้สึกเลื่อมใสคุณหนูใหญ่สกุลฮวาไม่ได้ นางปกครองคนอย่างมีคุณธรรมบรรดาบ่าวไพร่ก็ตอบแทนด้วยการรับใช้ด้วยความภักดี ช่างเป็นความสัมพันธ์นายบ่าวที่ดีเกินคาดจริงๆ
ตกดึก
ฮวาจื่อให้เป้าเซี่ยพยุงนางไปดูห้องใต้ดิน เดิมทีห้องใต้ดินอากาศเย็นกว่าด้านบนอยู่แล้ว พอนำน้ำแข็งมาวางเพิ่มก็ยิ่งหนาวเยือก แม้จะคลุมร่างด้วยเสื้อผ้าหลายชั้น ก็ยังถูกไอเย็นกระทบจนขนลุก
ฮวาจื่อรู้สึกยินดี ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่นางวางเอาไว้ อุณหภูมิในห้องใต้ดินกำลังพอเหมาะกับการเก็บผลไม้ทีเดียว
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น
ตอนที่ฮวาจื่อทานอาหารเช้าแล้วเดินออกไปที่เรือนหน้าลูกท้อจำนวนมากก็ถูกขนเข้ามากองจนพูนเป็นภูเขาลูกเล็กๆ
กลิ่นหอมอ่อนๆ ของผลไม้อวลอยู่ในอากาศ ยังไม่เข้าฤดูเก็บเกี่ยวก็ได้ผลผลิตมากขนาดนี้ ทำให้จิตใจของฮวาจื่อมีความหวังขึ้นมาไม่น้อย
“คุณหนูลองชิมดูเจ้าค่ะ” ฝูตงถือจานใบเล็กที่มีลูกท้อเนื้อสีเหลืองทองฉ่ำน้ำวางอยู่ ฮวาจื่อหยิบชิ้นหนึ่งใส่ปาก รสหวานล้ำจนทำให้อดยิ้มไม่ได้
“คัดลูกท้อชั้นยอดบางส่วนส่งกลับไปบ้านที่เฉิงหนานด้วย”
“เจ้าค่ะ”
ฮวาจื่อกวาดตามองลานหน้าบ้านที่ถูกเปลี่ยนสภาพเป็นสถานที่ทำงาน นางให้คนสร้างหลังคาสำหรับกันแดดและฝน พื้นที่สำหรับล้างลูกท้อก็ให้ขุดลอกทางระบายน้ำเพื่อป้องกันน้ำขัง
บ่าวไพร่ชายหญิงหลายสิบคนแต่งกายทะมัดทะแมงจับกลุ่มทำงานกันอยู่ในลาน บ้างหาบน้ำ บ้างล้างลูกท้อ บ้างจัดลูกท้อใส่ตะกร้า ใบหน้าแต่ละคนยิ้มแย้ม ในลานดูมีชีวิตชีวาท่ามกลางแสงอาทิตย์
เจิดจ้า
ฮวาจื่อรู้สึกเบิกบานใจ สังเกตการทำงานในลานสักพัก ก็เอ่ยขึ้น “พวกเจ้าเอาลูกท้อทั้งเปลือกลวกในน้ำร้อนสักครู่ เปลือกจะเผยอออกทำให้ปอกได้เร็วขึ้น” คิ้วของคุณหนูขมวดมุ่นเล็กน้อย กำชับต่อ “ดูแลความสะอาดให้ดีเหมือนทำกินกันเองในเรือน หากข้าตรวจพบว่าผลไม้สกปรก ข้าจะลงโทษพวกเจ้าอย่างหนัก”
“เจ้าค่ะ” บรรดาสาวใช้ขานรับ
หลิวฉียังอ่อนประสบการณ์ ฮวาจื่อจึงให้เป้าเซี่ยคอยช่วยเหลือเขาไม่ให้มีอะไรขาดตกบกพร่อง นี่เป็นกิจการแรกของสกุลฮวา ไม่อาจยอมให้เกิดข้อผิดพลาดได้
“โถกระเบื้องที่ข้าสั่ง จัดการเรียบร้อยหรือยัง” ฮวาจื่อเอ่ยถาม
“เจ้าค่ะ ล้างและนำไปลวกน้ำร้อนตามคำสั่งคุณหนูแล้ว”
“ใส่น้ำตาลกรวดลงไปตามที่ข้าบอก ของสิ่งนี้ทำง่ายมาก ขอเพียงตั้งใจทำย่อมไม่เกิดความผิดพลาด”
เพราะมีเวลาจำกัด ฮวาจื่อจึงหาได้เพียงโถกระเบื้องเรียบๆ เท่านั้น หากมีเวลานางก็อยากได้โถกระเบื้องเขียนลายที่ดูงดงามกว่านี้ แต่นั่นคงเป็นเรื่องที่ต้องเตรียมภายหลัง
หลังดูแลการผลิตในลานเรียบร้อย ฮวาจื่อก็ได้ยินเสียงหลิวเจวียนขานมาจากด้านนอก
“คุณหนู แม่นางเฉาเย่ามาแล้วเจ้าค่ะ”
หลังจากลงนามในหนังสือสัญญาแล้ว หลิวเจวียนก็ติดตามปรนนิบัติฮวาจื่อไม่ห่าง เรียกนางว่าคุณหนูๆ อย่างยินดี สำหรับหลิวเจวียนแล้ว การเรียกขานฮวาจื่อว่าคุณหนูแทนที่จะเป็นคุณหนูใหญ่เป็นสัญลักษณ์ว่านางได้เป็นคนของฮวาจื่อแล้วจริงๆ
ฮวาจื่อนึกขำในคำเรียกขานของเด็กสาว สำหรับนางแล้วจะสรรพนามไหนก็ไม่แตกต่าง
“ฮวาจื่อ ท่านคิดทำการค้าผลไม้หรือ” เฉาเย่าถือผลท้อลูกหนึ่งในมือเดินเข้ามา หมวกม่านส่ายไหวตามการเดิน เมื่อมีคนนอกอยู่ด้วย เฉาเย่าจะปิดบังใบหน้าเสมอ
“ไม่ใช่แค่ลูกท้อ ข้ายังส่งคนไปซื้อส้มที่เจียงหนานด้วย เจ้าติดรสหวาน น่าจะชอบลูกท้อนี่ ลองชิมดูสิ” ฮวาจื่อตอบรับ พลางยื่นจานใบเล็กที่มีลูกท้อปอกแล้ววางอยู่
เฉาเย่ายิ้มตาหยีพลางหยิบท้อเนื้อแน่นเข้าปาก ลูกท้อทั้งหอมทั้งหวาน อร่อยยิ่งนัก
“มีอะไรให้ข้าช่วยหรือไม่” เฉาเย่าถามหลังจากกลืนลูกท้อลงท้องจนหมดจาน
“ตอนนี้ข้าจัดเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว แต่หากจำเป็นจะเรียกเจ้าแน่”
เฉาเย่าเลิกผ้าคลุมขึ้นเผยให้เห็นริมฝีปากที่โค้งเป็นรอยยิ้ม “อย่าลืมเรียกหาข้าเชียว ข้ามีความสามารถมากนะ”
“ไม่ลืมแน่นอน” ฮวาจื่อยิ้ม รอยยิ้มของนางแผ่ขึ้นไปถึงดวงตา นางพบเจอผู้คนมากมายในทั้งสองชาติ บรรดาผู้คนที่เคยพบเจอเฉาเย่าเป็นคนที่จิตใจบริสุทธิ์ไร้เดียงสาที่สุดเท่าที่นางรู้จัก ทั้งที่รูปโฉมถูกแผลเป็นขนาดใหญ่บนใบหน้าทำลาย แต่กลับยังยิ้มสดใสได้เช่นนี้
ลูกท้อถูกส่งเข้ามาเรื่อยๆ หลังจากล้างและปอกเปลือก ฮวาจื่อให้บ่าวไพร่ช่วยกันขนไปที่ห้องใต้ดิน
ฮวาจื่อทำความสะอาดมือแล้วสาธิตขั้นตอนต่างๆ ให้บรรดาสาวใช้ดู เริ่มจากนำท้อที่ปอกเปลือกแล้ววางเรียงลงในโถกระเบื้องราดน้ำผึ้งแล้วปิดฝาให้แน่นหนา เมื่อทำเสร็จ ฮวาจื่อจึงให้พวกสาวใช้ทำให้ดู เมื่อพบข้อบกพร่องก็จะอธิบายไปทีละขั้น จนทุกคนสามารถทำตามที่นางสอนได้คล่องแคล่ว ฮวาจื่อจึงล้างมือแล้วเดินกลับเรือนอย่างพึงพอใจ
เฉาเย่าที่เดินตามไม่ห่าง พูดไปพลางกัดลูกท้อเนื้อแน่นไปพลาง “คุณหนูใหญ่สกุลฮวาไม่ใช่ว่าสิบนิ้วไม่เคยได้สัมผัสงานบ้านหรอกหรือ ทำไมถึงรู้เคล็ดลับงานครัวมากมายขนาดนี้ เรื่องการนำ
ลูกท้อไปลวกก่อนปอกเปลือกนี่ข้าเพิ่งเคยรู้เลยนะ”
“เจ้าเคยเห็นวิธีถนอมอาหารแบบนี้มาก่อนหรือไม่” ฮวาจื่อถาม
เฉาเย่าพยายามคิด คิดไปพลาง กัดลูกท้อไปพลาง แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก จึงส่ายหน้าเป็นคำตอบ
ฮวาจื่อเห็นสหายส่ายหน้าเร็วๆ พลางกินลูกท้อไปด้วยก็อดขำไม่ได้ เอ่ยหยอกเย้าขึ้น “เจ้าอย่ากินลูกท้อเยอะนัก เดี๋ยวจะไม่มีท้องเหลือไว้ให้หมูผัดเปรี้ยวหวานมื้อเที่ยง”
มือของเฉาเย่าที่กำลังจะส่งลูกท้อเข้าปากชะงักกลางอากาศ นางเคยลิ้มรสหมูผัดเปรี้ยวหวานฝีมือฝูตง รสชาติของมันนั้นอย่างกับอาหารสวรรค์เชียวนะ!
เฉาเย่ารีบกลืนลูกท้อคำสุดท้ายลงท้อง ก่อนจะเอ่ยถามรวดเร็ว “ยังมีกับข้าวอะไรอีก มีขาหมูต้มซีอิ๊วด้วยหรือไม่”
“มื้อเที่ยงไม่มี” ฮวาจื่อหัวเราะเมื่อเห็นสีหน้าสหายสลดลงเล็กน้อยด้วยความเสียดาย “แต่ถ้าเจ้าอยากกินก็ไปบอกฝูตงไว้ ให้นางทำเป็นมื้อเย็น”
“มื้อเย็นไม่ได้” เฉาเย่าแบะปากอย่างเอาแต่ใจ “ตอนบ่ายข้าต้องกลับไป มีเรื่องต้องสะสาง”
“ถ้าอย่างนั้นข้าจะให้นางทำเป็นมื้อเที่ยงพรุ่งนี้”
สีหน้าเฉาเย่ายิ่งงอง้ำ “ระยะนี้ข้ามาไม่ได้แล้ว”
เพื่อทำให้ประสบการณ์การใช้เว็บของคุณดียิ่งขึ้น และเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับคุณอย่างได้อย่างส่วนตัว ท่านสามารถอ่านนโยบายคุกกี้เพิ่มเติมได้ที่นี่
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว