บทที่ 1
ร่างบอบบางในชุดเจ้าสาวนั่งมองแผ่นกระดาษสองใบในมือแล้วถอนใจอย่างคนกลุ้มจัด เธอไม่รู้ว่าตัดสินใจทำอะไรลงไป ไม่รู้ว่าการทำแบบนี้เป็นสิ่งที่ถูกแล้วหรือไม่ เธอเพียงแค่ต้องการทดแทนบุญคุณของผู้เป็นย่าที่เลี้ยงดูมาแต่เล็กแต่น้อย ทว่าการตัดสินใจแต่งงานกับหลานชายเพื่อนของท่านโดยที่ไม่เคยได้เห็นหน้าเจ้าบ่าวเลยนั้น มันเป็นอะไรที่สิ้นคิดมาก หากแต่เธอก็ได้ทำเรื่องสิ้นคิดนั้นไปแล้ว ที่สำคัญในตอนนี้เธอก็มานั่งอยู่ในห้องหอที่ร้างเจ้าบ่าวมาเหลียวแล
พราวฟ้า พราวประดับหรือตอนนี้คือ พราวฟ้า เวลล์นาแตน ภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของลูซิเฟอร์ เวลล์นาแตน มหาเศรษฐีหนุ่มเจ้าของธุรกิจการส่งออกรายใหญ่รายหนึ่งของฝรั่งเศส ชายหนุ่มผู้มีหน้าตาราวกับเทพบุตร หากแต่ดวงตาคู่คมสีน้ำตาลนั้นกลับไม่ต่างจากพญามัจจุราชที่ขึ้นมาจากขุมนรก เขาน่ากลัวยามชายตาแลมองมาทางเธอ ส่งผลให้ผวาเฮือกทุกครั้งเมื่อต้องขยับตัวเข้าไปใกล้ สาบานได้เลยว่าสิ่งที่เจ้าสาวอย่างเธอได้สัมผัสเจ้าบ่าวนั้น เพียงแค่ไหล่เบียดกันเท่านั้น ไม่มีมือคอยประคอง ไม่มีคำพูดมาคอยถามไถ่ ไม่แม้จะถามชื่อเธอด้วยซ้ำ
หญิงสาวถอนใจอีกครั้งอย่างทดท้อก่อนจะลุกขึ้นจากเตียง หันไปก้มตัวเก็บเอกสารเหล่านั้นใส่ซองละใบแล้วนำไปวางไว้ในลิ้นชักที่หัวเตียง จากนั้นก็ก้าวไปยังห้องน้ำเพื่อจัดการธุระส่วนตัวให้เสร็จ หากเมื่อเจ้าบ่าวกลับเข้าห้องมา เขาจะได้ไม่รู้สึกเบื่อหน่ายที่มีเธออยู่ร่วมห้องด้วย
พราวฟ้าใช้เวลาพอสมควรในการถอดชุดแต่งงานออกจากกาย เนื่องจากกระดุมด้านหลังที่มีนับครึ่งร้อยเป็นอุปสรรคอย่างมากที่เล่นเอาเหงื่อตกเลยทีเดียว มือเล็กยกขึ้นมาลูบหน้าลูบตาตัวเองแล้วนั่งยองๆ ลงไปทั้งที่เปลือยเปล่ากว่าห้านาที จากนั้นก็ผวาเร่งรีบจัดการอาบน้ำอาบท่าและผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ด้วยความรวดเร็ว ดวงตากลมหวานเหลือบไปมองยังนาฬิกาเรือนสวยซึ่งตั้งอยู่บนตู้โชว์ความสูงครึ่งตัวแล้วเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
“ตายแล้ว”
“ใครตาย”
เสียงทุ้มที่ดังขึ้นส่งผลให้ผ้าขนหนูในมือของพราวฟ้าร่วงลงสู่พื้น หัวใจเต้นรัวราวกับจะเด้งออกมานอกอก มันไม่ใช่ความตื่นเต้นหรือขวยเขิน แต่มันคือความตกใจเหลือคณาเพราะเธอล็อกประตูเรียบร้อยแล้วตั้งแต่เขาก้าวออกไปจากห้อง แล้วเขาเข้ามาได้อย่างไร เข้ามาตอนไหน
“ผมถาม”
เสียงนั้นดังใกล้เข้ามามากขึ้น พราวฟ้าถอนหายใจเฮือกแล้วจำใจต้องหันหลังกลับไปมองอย่างไม่ค่อยจะเต็มตานัก เธอก้มหน้ามองแค่ปลายเท้าหนาเป็นอันดับแรกก่อนไล่สายตาขึ้นมาเรื่อยๆ กระทั่งหยุดลงที่ใบหน้าหล่อเหลาของหนุ่มฝรั่งเชื้อชาติผสมระหว่างไทยกับฝรั่งเศส ความสูงชนิดที่เธอต้องแหงนหน้าขึ้มมองพร้อมกับเม้มปากแน่น เมื่อเผชิญเข้ากับความเย็นชาและดุดันในดวงตาคู่คมสีน้ำตาลนั้น
ลูซิเฟอร์ เวลล์นาแตน กวาดตามองภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายด้วยความรู้สึกที่ว่างเปล่า เขาไม่เคยรู้จักเธอมาก่อน ไม่รู้แม้กระทั่งชื่อด้วยซ้ำแต่ต้องมาแต่งงานกันเพราะคุณยายสุดที่รักอยากให้แต่ง เหตุผลนั้นก็ช่างแสนง่ายดายแค่ว่าอยากได้ทายาทสืบสกุล ทีแรกนั้นเขาคิดจะปฏิเสธ
ทว่าเมื่อเห็นหน้าแม่เมียฉบับเร่งด่วนคนนี้ เขาก็เกิดเปลี่ยนใจขอลองลิ้มชิมรสความงามดุจดั่งกุหลาบแรกแย้มสักครา แต่มันก็แค่ความรู้สึกชั่วครู่ชั่วยามเท่านั้นเมื่อใจเขาไม่พร้อมมอบให้กับเธอและไม่คิดจะมอบให้ใครด้วย การแต่งงานครั้งนี้จึงเป็นบทพิสูจน์ว่าใครจะทนทรมานทางใจได้มากกว่ากัน แต่ขอบอกไว้เลยว่าไม่ใช่ นายลูซ ลูซิเฟอร์แน่นอน
“คือไม่มีใครตายหรอกนะคะ มันเป็นเพียงคำอุทานเท่านั้น ถ้ายังไงเชิญคุณลูซิเฟอร์ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนเถอะค่ะ ฉันขอตัวนะคะ”
หญิงสาวเอ่ยแนะด้วยน้ำเสียงที่เนิบนาบ พยายามจะนุ่มนวลที่สุดและบังคับไม่ให้กระแสเสียงนั้นสั่นเครือ ก่อนจะหมุนกายแล้วเตรียมจะก้าวเดิน
“แล้วนั่นคุณจะไปไหน ออกจากห้องไม่ได้นะ ผมเพิ่งโดนยายบ่นมา”
ลูซิเฟอร์บอกด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดพอสมควร ในขณะที่พราวฟ้าก้มหน้ายิ้มกับตัวเอง หากไม่เกรงใจเธออยากจะหัวเราะออกมาดังๆ เสียด้วยซ้ำ เพราะหลังจากที่ผู้ใหญ่ให้พรแล้วก้าวออกไปจากห้องหอ ตัวเจ้าบ่าวเองก็ก้าวตามออกไปเสียอย่างนั้น สมควรแล้วที่จะโดนบ่นเมื่อมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนเกี่ยวกับความเชื่อโบราณ
“ฉันมีความจำเป็นค่ะ ออกไปเดี๋ยวเดียวเท่านั้น” พราวฟ้าหันมาตอบคำถามพร้อมกับรอยยิ้มแสนหวานที่ทำเอาคนมองรู้สึกจุกแน่นที่อกขึ้นมา
“ไม่ได้หรอก โบราณเขาถือ” จู่ๆ หนุ่มฝรั่งจ๋าก็เกิดเชื่อคำโบราณของไทยขึ้นมาเสียอย่างนั้น
ทั้งที่ชีวิตของเขาถูกเลี้ยงและปลูกฝังวัฒนธรรมของชาติตะวันตกมาตั้งแต่เกิดยันโต เพิ่งมาเรียนรู้ที่จะเข้าใจความเป็นไทยก็เมื่อบิดามารดาเสียชีวิตแล้วเขาต้องทุ่มเทเวลาให้กับคุณยายผู้ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญของครอบครัว โชคดีที่มารดาหาครูมาสอนภาษาไทยให้ตั้งแต่เด็ก เขาจึงอ่านออกขียนได้และพูดชัดเป๊ะไม่ต่างจากเจ้าของภาษาเลยทีเดียว
ทางด้านพราวฟ้าเมื่อถูกทักท้วงอย่างนั้นก็เริ่มลังเล เธอยิ้มให้เขาอีกครั้งก่อนจะพยักหน้ารับ จากนั้นก็เดินตรงไปยังเตียงกว้าง จัดการกอบเอากลีบกุหลาบสีแดงออกไปวางรวมกับมาลัยบ่าวสาวในพานที่โต๊ะกระจกใกล้กันนั้น ก่อนจะกลับมาตลบผ้าห่มขึ้นเพื่อจะสอดตัวเข้าไปนอน ทว่าสิ่งที่เธอคิดว่ามันคงจะไม่เกิดขึ้นในคืนนี้ก็ดันจู่โจมเข้าหาโดยไม่ทันได้ตั้งรับ
“ว้าย!”
หญิงสาวร้องเสียงหลงด้วยความตกใจสุดขีด หันมาจะต่อว่าหากกลับกลายเป็นโดนดันให้ลงไปนอนราบบนที่นอนอย่างรวดเร็ว พร้อมกับที่ฝ่ามือใหญ่และใบหน้าคมคายก็เคลื่อนผ่านไปตามส่วนเว้าส่วนโค้งของร่างกาย พราวฟ้าพยายามดิ้นรนเพื่อหาทางรอดแต่หนทางช่างริบหรี่เกินทน แล้วภาพเหตุการณ์บางอย่างก็ฉายซ้ำขึ้นมาในความทรงจำ
“คุณลูซิเฟอร์ปล่อยพราวนะคะ”
“คุณเป็นเมียผมนะ”
คนเหนือร่างประกาศความเป็นเจ้าของพร้อมกับที่ริมฝีปากหนาทำหน้าที่ควานหาความหวานไปทั่วดวงหน้าสวย ไม่ไยดีต่ออาการต่อต้านของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย พอไม่ได้ดั่งใจก็จัดการรวบข้อมือเล็กทั้งสองข้างไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียวของตัวเองแล้วตรึงไว้เหนือศีรษะเล็ก ใบหน้าคมคายซุกไซ้ลงที่ลำคอระหงอย่างบ้าคลั่ง
ขณะที่พราวฟ้าดิ้นพราดแทบขาดใจ น้ำตาไหลรินออกมาอย่างบังคับไม่ได้ เสียงสะอื้นเล็ดออกมาจากกลีบปากอิ่มสวย ยิ่งเมื่อรับรู้ว่ามือหนากำลังทำการปลดชุดนอนที่สวมอยู่ออก ส่งผลให้คนซึ่งขลาดกลัวกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นฮึดสู้ขึ้นมาราวกับเสียสติ และก่อนที่เธอจะถูกคนตัวโตทวงสิทธิ์ความเป็นสามีนั้น ประตูห้องก็ถูกเคาะหนึ่งครั้ง เสียงค่อนข้างดังจนน่าจะเรียกว่าทุบ ทำให้คนที่กำลังจะบรรเลงเพลงรักชะงักกึกราวกับฟิวส์ขาด
“บ้าฉิบ”
ลูซิเฟอร์สบถออกมาเป็นภาษาของตัวเองอีกหลายประโยค ก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะผละห่างร่างบอบบางที่นอนน้ำตานองหน้า แล้วก้าวอาดๆ ไปยังบานประตูด้วยความหงุดหงิด แต่เมื่อเปิดประตูออกไปดูก็ถึงกับงุนงงพลางหันซ้ายหันขวา
“เด็กที่ไหนเนี่ย นี่เจ้าหนูกลับไปหาพ่อแม่ไป”
“มาหาแม่” เสียงเล็กๆ ตอบกลับมา ดวงตากลมใสแจ๋วมองคนที่ตัวสูงกว่าหลายเท่าแล้วยิ้ม
“ไม่มีแม่ที่นี่ ไปๆ”
ลูซิเฟอร์โบกมือไล่ด้วยความหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิม นึกอยากจะจับเด็กทุ่มลงพื้นที่มาไม่ดูเวล่ำเวลาเอาเสียเลย แต่ที่น่ากระทืบมากกว่าคงหนีไม่พ้นพ่อแม่ของเด็กบ้านี่
“มีอะไรเหรอคะ” พราวฟ้าที่จัดการกับชุดนอนของตัวเองให้อยู่ในสภาพเรียบร้อยแล้วจึงเดินมาดูด้วยความสงสัย
“แม่” เด็กน้อยหน้าฝรั่งพอเห็นคนที่เดินมาหาก็ร้องขึ้นด้วยความดีใจ ถลาวิ่งเข้าไปกอดร่างบางที่อ้าแขนรอรับอยู่แล้ว
ลูซิเฟอร์ถึงกับอึ้งจนพูดไม่ออก ใช้เวลาเรียกสติกลับคืนมาอยู่ร่วมสองนาที
“แม่เหรอ นี่มันเรื่องบ้าอะไร ไอ้เด็กฝรั่งนี่ลูกใคร”
ปลายนิ้วแข็งชี้ไปยังร่างเล็กในอ้อมแขนของภรรยาด้วยสีหน้าที่ตื่นตระหนก ดวงตาคมมองสองร่างที่กอดกันกลมอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
“ลูกของพราวเองค่ะ แล้วคุณช่วยเรียกลูกของพราวให้ดีๆ หน่อยได้ไหมคะ”
“บ้าไปแล้ว คุณอย่ามาเล่นตลกกับผมนะ”
“คุณยายของคุณ ท่านไม่ได้บอกหรือคะว่าพราวมีลูกแล้ว” พราวฟ้าขยับตัวลุกพร้อมกับอุ้มลูกชายตัวน้อยเข้ามาอยู่ในวงแขนด้วย
“อะไรนะ ยายรู้งั้นเหรอ นี่มันเรื่องอะไรเนี่ย แต่งงานทั้งทีได้แม่ม่ายลูกติดมาเนี่ยนะ
“เอะอะอะไรกันน่ะ มีอะไรหรือเปล่าลูซ” เสียงของคุณนวลจันทร์ดังแทรกขึ้น ท่านเดินมาหยุดที่หน้าประตูห้องโดยมีผู้อาวุโสอีกคนตามมาด้วย
“นี่มันอะไรกันครับยาย ผู้หญิงคนนี้แล้วก็เด็กคนนี้” ลูซิเฟอร์ชี้ไปยังสองร่างที่กอดกันแน่นด้วยสายตาคาดโทษและเสียความรู้สึกอย่างแรง
“ก็หนูพราว เมียของลูซไง ส่วนนั่นก็น้องพอร์ช ลูกของลูซ”
“ลูก! ยายครับผมทำลูกเองได้ ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาทำไว้ให้ดูต่างหน้า ทำไมยายไม่บอกผมก่อนว่าพราวฟ้าเป็นแม่ม่ายลูกติด ผมยอมแต่งงานตามที่ยายต้องการก็น่าจะหาดีๆ ให้ผมหน่อย ทำแบบนี้ผมไม่พอใจมากนะครับ”
ลูซิเฟอร์โวยลั่นพลางปรายตาไปมองสองแม่ลูกด้วยความเคียดแค้น ไม่คิดเลยว่าชีวิตหนุ่มโสดที่ยอมเอาบ่วงวิวาห์มาสวมนั้น ผลตอบแทนมันจะเจ็บไปถึงทรวงขนาดนี้
“จะโวยวายทำไมกันลูซ แม่ม่ายลูกติดแล้วมันเป็นยังไง ยายว่าไม่น่าจะแปลกตรงไหน น้องพอร์ชเป็นเด็กน่ารักน่าเอ็นดู ขี้คร้านหลานจะหลงรักแก ส่วนเรื่องทายาทของลูซนั้นก็จัดการไปสิ ยายเลือกหนูพราวเพราะเห็นว่าเหมาะสมกับตำแหน่งสะใภ้เวลล์นาแตนที่สุดแล้ว”
คุณนวลจันทร์ยิ้มปลื้มเมื่อมองไปทางหลานสะใภ้กับเหลนตัวน้อย ขณะที่มือก็คอยจับท่อนแขนของคุณพิมพร ซึ่งเป็นย่าของพราวฟ้าไว้แน่น
ทางด้านลูซิเฟอร์เมื่อฟังในสิ่งที่ผู้เป็นยายบอกกล่าวก็ยกมือขึ้นกุมขมับแล้วบีบอย่างแรง อารมณ์ในตอนนี้มันยากจะบรรยายออกมาเป็นคำพูด อัดอั้นจนอยากจะฆ่าใครสักคนในตอนนี้ ยิ่งเมื่อหันไปมองยังดวงหน้าเล็กกับดวงตาใสๆ ของเด็กน้อยที่กอดคอคนเป็นแม่ไว้แน่นนั้น อกของลูซิเฟอร์แทบจะระเบิด ก่อนจะเค้นเสียงลอดไรฟันออกมาด้วยความโกรธจัด
“ที่สุดแล้วงั้นเหรอครับ แต่สำหรับผมมันเป็นอะไรที่ห่วยแตกที่สุด” ลูซิเฟอร์ตวาดลั่นแล้วหุนหันก้าวออกจากห้องไปทันที
“ลูซ นั่นหลานจะไปไหน” คุณนวลจันทร์ตะโกนถามอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นหลานชายกำลังจะก้าวลงบันได
“ยายต้องการแค่ทายาทผมจะทำให้ แต่ตอนนี้ยังไม่มีอารมณ์ ส่วนหลานสะใภ้ของยายก็ปลอบใจกันเอาเองแล้วกัน ผมจะไปนอนที่อื่น สถานที่ไหนสักแห่งที่ไม่มีภรรยาของเหลือมาทำให้หงุดหงิดใจ”
ลูซิเฟอร์ตะโกนตอบกลับมาอย่างไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น แม้แต่คนที่เขาพาดพิงถึงก็ไม่คิดจะใส่ใจความรู้สึก
“หนูพราว”
คุณนวลจันทร์เอ่ยเรียกหลานสะใภ้ด้วยเสียงแหบโหย รู้สึกสงสารและเห็นใจไปพร้อมกันแต่ก็ไม่รู้ว่าจะแก้ไขอย่างไรเมื่อเรื่องมันมาถึงขั้นนี้แล้ว ต้องโทษตัวเองที่ไม่ยอมบอกกล่าวลูซิเฟอร์แต่ทีแรก ขณะเดียวกันก็ไม่แม้แต่จะกล้าสู้หน้าคุณพิมพรที่เดินไปกอดปลอบหลานรักและเหลนตัวน้อยไว้อย่างถนอม
“พราวไม่เป็นอะไรค่ะ พราวขอตัวพาน้องพอร์ชไปนอนก่อนนะคะ ดึกมากแล้วพรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียนค่ะ” พราวฟ้าตัดปัญหาทุกอย่างแล้วจึงอุ้มเจ้าตัวเล็กก้าวออกไปจากห้อง โดยมีสายตาของคุณย่าและคุณยายมองตามด้วยความกลัดกลุ้ม
“คุณน่าจะบอกหลานชายให้เข้าใจก่อน เพราะเป็นใครก็คงรับไม่ได้ แต่หลานคุณปากดีมากเลยนะจนอยากจะประเคนบาทาให้สักทีสองที”
คุณพิมพรหันมาค้อนตาคว่ำให้กับเพื่อนรัก แล้วอดไม่ได้ที่จะกล่าวโทษหลานเขยไปด้วยเลยทีเดียว และเพราะเมื่อครั้งสมัยสาวๆ เคยรับใช้ใกล้ชิดอยู่ในรั้วในวัง แถมยังเป็นลูกหลานผู้ดีเก่าตระกูลดังด้วยกันทั้งคู่ ทำให้สองผู้อาวุโสค่อนข้างจะให้เกียรติกันและกันแม้จะเป็นเพื่อนสนิทก็ตามที ทั้งสองท่านยังคงติดปากที่จะเรียกอีกฝ่ายว่าคุณเสมอ
“ฉันขอโทษด้วยค่ะคุณ” คุณนวลจันทร์ถอนหายใจด้วยความรู้สึกผิดอย่างถึงที่สุด รีบคว้ามืออวบของคุณพิมพรมากุมไว้แน่น
“เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วจะให้ทำอย่างไรล่ะ นอกจากคอยดูกันต่อไป ไม่รู้ว่านี่จะเป็นพรหมลิขิตหรือกรรมที่ทำร่วมกันมาก็เดาไม่ออก”
คุณพิมพรกล่าวออกมาอย่างคนที่ปลงตก หวังอยู่ในใจให้ชีวิตของพราวฟ้าจบสิ้นความทุกข์แล้วพบเจอกับความสุขเสียที ซึ่งมาคิดดูแล้วคนที่ผิดน่าจะเป็นท่านเสียเองที่คิดจับหลานให้แต่งงานกับคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ไม่คิดฝันว่าเรื่องมันจะแย่ตั้งแต่เริ่มต้นแบบนี้ นั่นเพราะความหวังดีแท้ๆ แต่มันจะกลายเป็นหวังดีประสงค์ร้ายเสียกระมัง
**********************
ฝากนิยายอีกเรื่องไว้ในอ้อมอ้อมใจนักอ่านที่น่ารักด้วยค่ะ
ช่วงนี้อยู่ในช่วงจัดโปรนะคะ
จากราคาปก 229 เหลือ 89 บาท ถึงวันที่ 30/9/61
จากนั้นจะขายในราคา 179 บาทค่ะ
หากชื่นชอบก็กดโหลดเลยคร่า
ขอบคุณสำหรับทุกยอดโหลดคร่า
ย้ำอีกครั้ง โปรงามๆ 89 บาทเท่านั้นคร่าาาา
ปมรักซาตาน รักตาภา www.mebmarket.com
ปมในหัวใจที่เขาแก้มันไม่ได้ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่นั้น มันก็ยังเป็นปมที่ขมวดแน่นไม่คลายออกเสียที
ลูซิเฟอร์อยากจะปล่อยทุกอย่างทิ้งไปกับกาลเวลา แต่หัวใจอันด้านชากลับลบเลือนเรื่องราวในอดีตออกไปไม่ได้ แล้วก็ต้องหัวหมุนจนแทบคลั่งเข้าไปใหญ่ เมื่อมีคำสั่งสายฟ้าแลบจากผู้เป็นยายให้แต่งงานกับผู้หญิงที่ท่านเลือก ทุกอย่างดูง่ายดาย ก็แค่แต่งงานเพื่อผลิตทายาท แต่มันไม่ใช่อย่างที่เขาคิด เพราะแทนที่จะได้สาวน้อยมือหนึ่ง กลับได้ผู้หญิงมือสองแถมยังเป็นแม่ม่ายเรือพ่วงเสียนี่ ‘ได้เมียพร้อมลูก ช่างเป็นอะไรที่คุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม’
พราวฟ้าต้องทนทุกข์อยู่กับฝันร้ายในอดีตจนไม่กล้าเปิดใจรับใครเข้ามาในชีวิต คนใจร้ายที่พรากพรหมจรรย์ของเธอไปอย่างเลือดเย็น แล้วฝากไว้ซี่งเลือดเนื้อเชื้อไขในท้องของเธอ แต่โชคชะตาก็ยังเล่นตลกกับเธอไม่เลิก เมื่อต้องกล้ำกลืนฝืนทนแต่งงานกับชายหนุ่มที่ผู้ใหญ่เลือกให้ เขาไร้หัวใจ ไร้ความเมตตาปรานี ที่สำคัญคือไร้ความรักให้กับเธอ เขามองเธอเป็นเพียงแม่พันธุ์ผลิตทายาทเท่านั้น
*******************************
“คุณลูซิเฟอร์ปล่อยพราวนะคะ”
“คุณเป็นเมียผมนะ” คนเหนือร่างประกาศความเป็นเจ้าของพร้อมกับที่ริมฝีปากหนาทำหน้าที่ควานหาความหวานไปทั่วดวงหน้าสวย และก่อนที่เธอจะถูกคนตัวโตทวงสิทธิ์ความเป็นสามีนั้น ประตูห้องก็ถูกเคาะหนึ่งครั้ง เสียงค่อนข้างดังจนน่าจะเรียกว่าทุบ ทำให้คนที่กำลังจะบรรเลงเพลงรักชะงักกึกราวกับฟิวส์ขาด
“บ้าฉิบ” ลูซิเฟอร์สบถออกมาเป็นภาษาของตัวเองอีกหลายประโยค ก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะผละห่างร่างบอบบางที่นอนน้ำตานองหน้า แล้วก้าวอาดๆ ไปยังบานประตูด้วยความหงุดหงิด แต่เมื่อเปิดประตูออกไปดูก็ถึงกับงุนงงพลางหันซ้ายหันขวา
“เด็กที่ไหนเนี่ย นี่เจ้าหนูกลับไปหาพ่อแม่ไป”
“มาหาแม่” เสียงเล็กๆ ตอบกลับมา ดวงตากลมใสแจ๋วมองคนที่ตัวสูงกว่าหลายเท่าแล้วยิ้ม
“ไม่มีแม่ที่นี่ ไปๆ”
“มีอะไรเหรอคะ” พราวฟ้าที่จัดการกับชุดนอนของตัวเองให้อยู่ในสภาพเรียบร้อยแล้วจึงเดินมาดูด้วยความสงสัย
“แม่” เด็กน้อยหน้าฝรั่งพอเห็นคนที่เดินมาหาก็ร้องขึ้นด้วยความดีใจ ถลาวิ่งเข้าไปกอดร่างบางที่อ้าแขนรอรับอยู่แล้ว
ลูซิเฟอร์ถึงกับอึ้งจนพูดไม่ออก ใช้เวลาเรียกสติกลับคืนมาอยู่ร่วมสองนาที
“แม่เหรอ นี่มันเรื่องบ้าอะไร ไอ้เด็กฝรั่งนี่ลูกใคร”