เมื่อมาถึงมหาวิทยาลัย ดร.ประชา ก็พาธาวินขึ้นมาลงนามในหนังสือสัญญารับทุนที่สำนักงานวิจัย ซึ่งอยู่ที่ชั้น 3 ของสำนักงานอธิการบดี
เมื่อลงนามเสร็จเรียบร้อยแล้ว ธาวินปิดแฟ้มลง แล้วสายตาก็พลันเหลือบไปเห็นรูปถ่ายใบหนึ่งถูกแกรงเหล็กรับเอกสารทับไว้ครึ่งหนึ่ง เห็นเพียงรูปร่าง และลักษณะการแต่งกายก็พอจะเดาได้ว่าเป็นผู้หญิง และเหมือนมีบางสิ่งบางอย่างดลใจให้เขาหยิบมันออกมา
“หะ” เขาอุทานในอก แทบจะหลุดปากออกมาทันทีที่เห็นภาพใบหน้าเต็ม ๆ ของหญิงสาวที่อยู่ในรูป
“ลงนามเสร็จแล้ว ก็ไปได้แล้วแกมีสอนตอนบ่ายไม่เหรอ” ดร.ประชาที่ยืนอยู่ด้านหลังเพื่อน สะกิดที่ไหล่เขาเบา ๆ โดยไม่ทันเห็นอาการตื่นตะลึงของผู้เป็นเพื่อน
“ประชา ผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนจะคล้าย ๆ กับผู้หญิงที่ไปเที่ยวกับกันที่ทะเลเลยวะ”
ธาวินลุกขึ้นแล้วยื่นรูปผู้หญิงใบนั้นให้ ดร.ประชา ดู
“ผู้หญิงคนนี้เหรอ” ดร.ประชา อุทานออกมาแทบจะไม่เชื่อสายตัวเอง เพราะเด็กสาวในรูป ไม่มีสิ่งใดที่เรียกว่าสวยสะดุดตา หรือการแต่งกายที่ส่อแววว่าเป็นผู้หญิงเปรี้ยวเข็ดฟันถึงขนาดลุกขึ้นมาไล่จับผู้ชายก่อนแม้แต่น้อย ดวงตากลมโตของเด็กสาวในภาพดูใสซื่อมาก อีกทั้งรอยยิ้มของเธอยังดูไร้เดียงสา ไม่น่าจะกระทำเรื่องชั่วร้ายเช่นการทำของใส่เสน่ห์ให้ผู้ชายรักผู้ชายหลงแม้แต่น้อย
“กันก็ไม่แน่ใจ แต่โครงหน้าคล้ายกันมาก ผู้หญิงในฝันของกันคนนั้น ผมขาว ผมยาวสลวย และดูมีน้ำมีนวลมากกว่านี้ แต่เธอในรูปนี้ดูจะผอมและผิวสีเหลืองซีดจนบอกไม่ถูก ที่สำคัญคนในรูปผมหยักศก”
“อาจจะไม่ใช่ก็ได้นะ” ดร.ประชา ออกความเห็นพร้อมกับคืนรูปให้ธาวิน
แต่ดูเหมือนว่าเพื่อนของเขายังไม่ตัดใจง่าย ๆ เพราะธาวินได้เอ่ยถามเจ้าหน้าที่โต๊ะข้าง ๆ ที่กำลังนั่งพิมพ์งานอยู่ว่า
“ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าผู้หญิงในภาพนี้เธอชื่ออะไร แล้วตอนนี้เธออยู่ไหมครับผมอยากพบเธอ”
เจ้าหน้าที่สาววัยใกล้สี่สิบรวบผมตึง เงยหน้าขึ้นจากแป้นพิมพ์ เมื่อเห็นว่าเป็น อาจารย์หนุ่มรูปหล่อเธอก็ฉีกยิ้มหวานออกมาทันที ก่อนยื่นมือไปรับรูปที่ชายหนุ่มยื่นให้ดู
“อาจารย์เอารูปนี้มาจากไหนคะ” เจ้าหน้าที่คนนั้นถึงกับตาลุกวาว มือที่จับภาพใบนั้นสั่นน้อย ๆ แต่ไม่เป็นที่สังเกต
“อ่อ ผมมาเซ็นต์สัญญารับทุนแล้วบังเอิญเห็นรูปนี้ถูกตะแกรงเหล็กทับไว้”
“แปลกมาก พวกเราเก็บเอกสารและข้าวของเครื่องใช้ที่ยังหลงเหลืออยู่ของอิงดาวออกไปหมดแล้วนิ ทำไมรูปนี้ถึงยังอยู่บนโต๊ะ” หญิงสาวคล้ายพูดกับตัวเองมากกว่าตอบคำถามของอาจารย์หนุ่ม
“เอ่อ ว่าอะไรนะครับ” ธาวินถามย้ำอีกครั้ง
“คือ ภาพนี้เป็นรูปของเจ้าหน้าที่คนเก่าที่เพิ่งขอลาออกไปเมื่อสามเดือนที่แล้วค่ะ พอดีเจ้าหน้าที่คนใหม่เขายังไม่ได้เริ่มทำงาน พี่เห็นโต๊ะมันว่างก็เลยเอาแฟ้มลงนามรับทุนไปวางไว้ชั่วคราว”
“ทำไมเธอถึงลาออก แล้วบ้านเธออยู่ที่ไหน” ธาวินพยายามอย่างยิ่งที่จะกดเสียงของตนเองให้เป็นปกติมากที่สุด แม้จะเป็นเพียงคนที่ใบหน้าคล้ายผู้หญิงคนนั้น แต่ก็เป็นโอกาสเดียวที่เขาจะได้รับรู้ความจริงทั้งหมด
“น้องเขาสุภาพไม่ค่อยดีค่ะ ก็เลยขอลาออก เพิ่งจะเข้าทำงานได้ปีกว่าเอง น้องเขาทำงานดี น่าเสียดายน้องเขามาก ๆ” เจ้าหน้าที่คนนั้นร่ายยาวตามประสาคนช่างเมาท์ และยิ่งเป็นอาจารย์หนุ่มหล่อจากคณะวิศวะด้วยแล้ว เธอก็อยากจะสนทนานาน ๆ
“เอ่อ ผมขอที่อยู่น้องเขาได้ไหมครับ” ธาวินรีบพูดตัดบท เขาอยากจะรีบไปหาผู้หญิงคนนั้นให้เจอเร็ว ๆ เพื่อสะสางสิ่งที่ทำให้เขากินไม่ได้นอนไม่หลับอยู่ทุกวันนี้
“สักครู่นะคะ อาจารย์” เจ้าหน้าที่คนนั้นค้นหาข้อมูลในคอมพิวเตอร์ แล้วเขียนลงบนกระดาษโน๊ต แล้วยื่นให้เขาพร้อมกับเอ่ยว่า “ข่าวล่าสุดที่พวกเราทราบกันคือน้องเขาป่วยหนักมากค่ะ พวกเราก็กำลังคิดว่าจะหาโอกาสไปเยี่ยมน้องเขาสักครั้ง เอ่อ อย่าหาว่าพี่ละลาบละล้วงเลยนะคะ ไม่ทราบว่าอาจารย์จะเอาที่อยู่น้องเขาไปทำอะไรคะ”
“เอ่อ” ธาวินส่งเสียงในลำคออย่างอับจนหนทางไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี แล้วเพื่อนสนิทของเขาก็ชิงตอบแทนว่า
“อ่อ พอดี น้องเขาคล้ายกับเพื่อนของน้องของเพื่อนที่เขากำลังตามหากันเพื่อรวมรุ่นนะครับ อย่างไรก็ขอบคุณพี่คนสวยมากนะครับ ที่อุตส่าห์ให้ข้อมูล”
ดร.ประชาส่งยิ้มพร้อมกับหยอดคำหวานให้กับเจ้าหน้าที่สาวที่อยากรู้อยากเห็นคนนั้น จนหล่อนยืนบิดมือไปมาด้วยความเขินแล้วตอบว่า
“ด้วยความยินดีค่ะอาจารย์ มีอะไรให้ไก่รับใช้บอกมาได้เลยนะคะ”
“ครับ ขอบคุณมากครับ”
“ขอตัวนะครับ”
ชายหนุ่มทั้งสองยกมือไหว้ลาเจ้าหน้าที่สาวคนนั้น เพราะเห็นว่าหล่อนอายุมากกว่า แล้วรีบออกมาจากสำนักงานวิจัยโดยเร็ว
“แกจะไปตามหาผู้หญิงคนนี้จริง ๆ เหรอ แกมีสอนแลปไฟฟ้าบ่ายสามนะอย่าลืม” ดร.ประชาทักทวงขึ้น เมื่อเห็นว่าเพื่อนเดินจ้ำเอา ๆ
“กันฝากแกสอนอีกคาบแล้วกัน”
“วิน! แกตั้งสติหน่อยได้ไหม? เด็กผู้หญิงคนนั้นอาจจะไม่ใช่คนที่ทำของใส่แกก็ได้ ที่สำคัญเขากำลังป่วยนะเว้ย ไม่ได้ยินเหรอที่ป้าคนนั้นพูด” ดร.ประชา โพลงออกมาเมื่อเห็นว่าเพื่อนตนเริ่มจะสติแตกอีกครั้ง
“ใช่ไม่ใช่กันก็อยากพิสูจน์ ดีกว่าให้ความไม่รู้อะไรเลยมาทำให้กันแทบคลั่งเหมือนเช่นทุกวันนี้ ต่อให้กันไม่ไปแล้วไปสอน กันก็ไม่มีกระจิตกะใจจะสอนนักศึกษาอยู่ดี” ธาวินหันมาเผชิญหน้ากับเพื่อนสนิท
ดวงตาอิดโรยนั้นทำให้ ดร.ประชา ใจอ่อนยวบ แล้วตบมือลงที่บ่าของเพื่อนพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“ขับรถดี ๆ ถ้าต้องการความช่วยเหลืออะไรก็โทรมา”
ธาวินพยักหน้าให้เพื่อนแทนคำตอบก่อนที่จะเดินจากไปอย่างเร่งร้อน
.............................จบตอน................................................................
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว