[จบ] กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี-บทที่ 17 ต้องการคำอธิบาย

โดย  Enjoybook

[จบ] กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

บทที่ 17 ต้องการคำอธิบาย

บทที่ 17 ต้องการคำอธิบาย


เมื่อเดินไปถึงหน้าประตูห้อง เธอก็เริ่มรู้สึกอึดอัด


เธอหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะเปิดประตูและเดินเข้าไป


เสิ่นอี้หลินมองตามหลังเซี่ยชิงหยวน และส่ายหัวราวกับเป็นผู้ใหญ่ "เฮ้อ…ผู้หญิงนะผู้หญิง"


จากนั้นเขาก็ปิดประตูลานบ้านและกลับไปที่ห้องของตนเอง


ด้วยเสียงเปิดประตู เสิ่นอี้โจวซึ่งนั่งอยู่ใต้โคมไฟจึงเงยหน้าขึ้นโดยไม่รู้ตัว


เมื่อเห็นว่าเป็นเซี่ยชิงหยวนที่เดินเข้ามา เขาก็ตกใจอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็วางหนังสือในมือลงแล้วยืนขึ้น "คุณกลับมาทำไม"


เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของอีกฝ่าย หญิงสาวก็รู้สึกเศร้าใจเป็นอย่างมาก


เธอหยุดยืนตรงหน้าเขาและเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย "คุณคิดว่าฉันจะจากไปจริงเหรอ และถ้ามันเป็นแบบนั้น ทำไมคุณถึงไม่หยุดฉันไว้"


เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการจ้องมองของเธอ สายตาของเสิ่นอี้โจวก็หลบเลี่ยงไปมองประตูที่เปิดอยู่ข้างหลังเธอ จากนั้นก็กลับมามองเธออีกครั้งด้วยดวงตาที่ลึกล้ำ "ผมแค่ลังเล"


เซี่ยชิงหยวนตกใจ "คุณลังเลอะไร?"


เสิ่นอี้โจวพูดต่อว่า "วันที่คุณตกลงไปในน้ำ หลังจากตื่นขึ้นมา ผมบอกคุณไปแล้วว่าคุณสามารถหย่ากับผมได้ แต่ผมไม่เห็นด้วยกับการที่คุณจะไปอยู่กับตู้อวิ๋นเซิง"


หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาด้วยความโกรธ ความรู้สึกคับแค้นใจคุกรุ่นช้า ๆ และความสุขส่วนใหญ่ที่เธอต้องการจะแบ่งปันกับเขาในตอนแรกถูกกระแสน้ำพัดพาหายไป


เธอยื่นมือออกมาและกำมันไว้ก่อนจะทุบไปที่หน้าอกของอีกฝ่าย "คุณบอกว่าตัวเองลังเลงั้นเหรอ? คุณแค่พูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมาไม่ได้หรือไง?”


ชาติที่แล้วมันก็เป็นแบบนี้และตอนนี้ก็ยังเป็นแบบเดิมอีก!


ทั้งสองอยู่ด้วยกันน้อยลงเรื่อย ๆ ตั้งแต่แต่งงานกัน บวกกับความเก็บกดของเสิ่นอี้โจวและการยุยงของหวังชุ่ยเฟิน ทำให้เธอคิดอยู่เสมอว่าเสิ่นอี้โจวไม่ได้รักเธอจริง ๆ


ดังนั้นเธอจึงโต้เถียงกับเขาถึงขนาดขู่จะหย่า แต่เขาก็ยังดูเมินเฉยราวกับไม่แยแสเธอเลย


ในที่สุดเธอก็ยอมแพ้ และนำไปสู่โศกนาฏกรรมของคนทั้งสอง


ทำไมหลังจากมีชีวิตใหม่ เขายังไม่พูดคำว่า ‘ผมรักคุณ’ ออกมาอีก?


ถ้าเธอไม่ได้เห็นเหตุการณ์ในวันงานศพของเขา เธอคงสงสัยว่าตอนนี้เธอคิดผิดหรือเปล่าว่าเขารักเธอจริง ๆ?


ดวงตาฟีนิกซ์ที่เย็นชาของเสิ่นอี้โจวเผยแววความเจ็บปวด และมือที่วางอยู่ข้าง ๆ ของเขาก็สั่นระริก แต่มันก็ยังไม่เอื้อมมาหาเธอ


เขาขมวดคิ้วจนเป็นนิสัยและพูดว่า "ชิงหยวน สำหรับผมแล้ว ตราบใดที่คุณมีชีวิตที่ดี สิ่งใดก็ไม่สำคัญ คุณอย่าเสียใจเลย ไม่ว่าคุณต้องการอะไร ผมก็จะตกลง..."


“ใครว่าไม่สำคัญ!" หญิงสาวขัดจังหวะเขา "ทำไมคุณถึงคิดว่าตัวเองไม่สำคัญ? ตั้งแต่ต้นจนจบ คุณเคยถามฉันไหมว่าฉันต้องการอะไรมากที่สุด?"


อันที่จริง ทุกสิ่งที่ผู้หญิงต้องการคือพิสูจน์ให้เห็นว่าเธอเป็นคนสำคัญในใจของอีกฝ่าย เช่น การพูดว่า ‘ผมรักคุณ’ หรือ ‘คุณสำคัญกับผมมาก’


ก่อนหน้านี้เธอบอกกับตัวเองเสมอว่า เสิ่นอี้โจวก็เป็นคนแบบนี้ ดังนั้นเธอจึงไม่อยากรีบร้อนอะไร


เธอยังพร่ำเพ้อกับตัวเองว่า เธอคือคนที่ทำให้เขาเสียใจและทำร้ายจิตใจเขาในชาติที่แล้ว เธอจึงจำเป็นต้องชดใช้ให้เขา


แต่ถึงอย่างนั้น เมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดอย่างใจเย็นว่าเขาตกลงจะหย่ากับเธอครั้งแล้วครั้งเล่า เธอจึงไม่ค่อยสบายใจและเจ็บปวดทุกครั้ง


เมื่อเห็นความเศร้าที่เอ่อล้นออกมาจากดวงตาของเซี่ยชิงหยวน แววตาของเสิ่นอี้โจวก็เต็มไปด้วยความตกใจ


เขาก้าวไปข้างหน้า อยากจะปลอบผู้เป็นภรรยา แต่เขาก็ได้ยินเสียงเคาะประตูราวกับว่าอีกฝั่งกำลังตะโกนหาอะไรบางอย่าง


เสิ่นอี้โจวเดินไปคล้ายต้องการจะเปิดประตูเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นข้างนอก


“อย่า” เซี่ยชิงหยวนรีบดึงเขากลับมา


เสียงของคนเหล่านั้นค่อย ๆ ชัดเจนขึ้นว่ากำลังเรียกชื่อของเธอ


ถ้าเธอเดาถูก หวังชุ่ยเฟินคือคนที่มาที่นี่และต้องการจะเผชิญหน้ากับเธอ


แต่เธอจะไม่ทำให้อีกฝ่ายสมหวังแน่นอน


ลืมเรื่องการโต้เถียงระหว่างคนทั้งสองไปก่อน ตอนนี้หญิงสาวดึงเสิ่นอี้โจวเข้ามาหาและพูดว่า "ช่วยฉันหน่อย"


ขณะที่พูด เธอก็คว้ามือของเขาและลากไปที่เตียง


ปฏิกิริยาของชายหนุ่มสามารถอธิบายได้ว่าเขากำลังตกตะลึงเป็นอย่างมาก


เสียงของหลินตงซิ่วก็ดังขึ้นที่หน้าประตูเช่นกัน เมื่อเห็นว่าเสิ่นอี้โจวยังคงงุนงงอยู่ เซี่ยชิงหยวนจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเริ่มทำตามแผนคนเดียว


เธอรีบปีนขึ้นไปบนเตียง คว้าคอของเขาและเริ่มแกะกระดุมเม็ดบน


แต่เนื่องจากเธอกำลังรีบจึงควบคุมอาการของตัวเองไม่ค่อยอยู่ อีกทั้งขอบตาของหญิงสาวก็ขึ้นสีเรื่อแดง จากนั้นเธอก็บ่นพึมพำพลางตีหน้าบึ้งว่า "ทำไมกระดุมเสื้อของคุณถึงเป็นแบบนี้เนี่ย"


หลังจากปลดกระดุมเม็ดแรกสำเร็จ เธอก็ปลดกระดุมเม็ดที่สองต่อ


ความคิดร้อยแปดพันเก้าโลดแล่นอยู่ในหัว จนในที่สุดเสิ่นอี้โจวก็เข้าใจสิ่งที่เธอต้องการจะทำ ใบหน้าของเขาจึงขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างไม่เป็นธรรมชาติ จากนั้นเจ้าตัวก็พูดว่า "ผมทำเอง"


ขณะที่พูด นิ้วเรียวของเขาก็เริ่มปลดกระดุมของตัวเองออกอย่างระมัดระวัง


เมื่อเห็นแบบนี้ เซี่ยชิงหยวนก็เปลี่ยนมายุ่งกับตัวเอง ท่ามกลางสายตาที่ตกใจของเสิ่นอี้โจว เธอเริ่มมัดผมของเธอก่อน แล้วจึงถอดเสื้อผ้าออกเหลือเพียงชุดชั้นใน


เมื่อเห็นว่าคนที่อยู่ข้างนอกประตูเข้ามาแล้ว เสิ่นอี้โจวก็เพิ่งจะถอดเสื้อผ้าออกเสร็จพอดี หญิงสาวจึงคว้าเสื้อผ้าของทั้งสองคนโยนลงไปบนพื้น แล้วพวกเธอก็เอามุ้งลงและนอนด้วยกัน ทว่าการกระทำนั้นรีบร้อนเกินไป หน้าผากของเธอจึงชนกับคางของชายหนุ่มอย่างจัง อีกทั้งร่างกายของเธอก็ทับบนร่างของอีกฝ่าย


หญิงสาวเปล่งเสียงร้องออกมา ขณะใช้ดวงตาคู่สวยงามมองไปที่ชายหนุ่ม ซึ่งตอนนี้อยู่ใกล้กันมากจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนผ่าวของกันและกัน


ทันใดนั้นดวงตาของเธอก็มืดลง เป็นเสิ่นอี้โจวที่ใช้มือมาปิดตาของเธอไว้ แล้วพลิกตัวเธอไว้ใต้ร่างของเขาอย่างแรง


ในตอนนั้นเอง ประตูห้องก็ถูกผลักเปิดออกพร้อมกับเสียงแหลมสูงของผานเยว่กุ้ย "เซี่ยชิงหยวนไม่อยู่บ้านอย่างแน่นอน ตงซิ่ว แกไม่ต้องมาปกปิดฉันเลย!"


ทว่าเมื่อสายตาของเธอมองลงไปที่พื้น เธอก็ตัวแข็งค้างในทันที


หลินตงซิ่วรู้สึกกังวลมาก จึงเดินเข้ามาด้วย


แต่เมื่อมองไปที่พื้นภายในห้องนอน หลินตงซิ่วก็ต้องตกตะลึง


“ออกไป!” เสียงดุดังมาจากในมุ้ง


จากนั้นทุกคนก็เห็นมือใหญ่ยื่นออกมาจากข้างใน แล้วผลักมุ้งออกเผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาของเสิ่นอี้โจว


ใบหน้าของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธ


เขามองไปที่ผานเยว่กุยและคนอื่น ๆ ก่อนจะพูดด้วยเสียงต่ำลงเสียจนน่ากลัว "ดึกดื่นแบบนี้ คุณป้าบุกเข้ามาทำอะไรในบ้านของคนอื่นครับ? หรือว่าคุณป้ามีนิสัยชอบดู 'คู่รัก' หลับนอนกัน?”


คำพูดของเขาขวานผ่าซากมาก เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจที่ถูกขัดจังหวะ


ผานเยว่กุ้ยรวมถึงผู้หญิงคนอื่น ๆ ที่ตามมารู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก


มีผู้หญิงกล้าหาญสองคนที่กล้ามองเข้าไปในมุ้ง พวกเธอเพียงเห็นไหล่ขาว ๆ โผล่ออกมานอกผ้านวม


สายตาของพวกเธอเบนไปที่แขนแข็งแรงของเสิ่นอี้โจว คนเหล่านั้นมองเสียจนใบหน้าเหี่ยวย่นขึ้นสีแดงก่ำ


จากนั้นพวกเธอก็พูดอย่างเร่งรีบ "นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิด! เข้าใจผิด!"


ขณะพูด พวกเธอก็ถอยหลังกลับไปทันที


หลินตงซิ่วก็หน้าแดงเช่นกัน เธอจึงก้าวถอยหลังและรีบปิดประตูให้


ผู้หญิงคนหนึ่งบ่นขึ้น "ไหนบอกว่าหลานสะใภ้ของคุณไม่อยู่บ้านไง? เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าตอนนี้พวกเขากำลังยุ่งอยู่กับธุระส่วนตัว!"


ที่พวกเธออาจหาญเข้าไปก็เพราะเสียงโวยวายของผานเยว่กุ้ย ทว่าสิ่งที่เห็นกลับตาลปัตร จนพวกเธอต้องล่าถอยเพราะความอับอายขายขี้หน้า


ถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไป พวกเธอจะเอาหน้าแก่ ๆ ไปซ่อนไว้ที่ไหนกัน


หญิงแก่คนหนึ่งพูดว่า "ผานเยว่กุ้ย ชิงหยวนคนนี้คือหลานสะใภ้ของเธอ ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าเธอดูเหมือนอยากรังแกอีกฝ่ายนักล่ะ?"


หญิงชราอีกคนที่อยู่ด้านข้างก็พูดขึ้นเช่นกัน "ใช่ และนี่มันก็ดึกแล้ว แม้แต่การมาหาคนอื่นในยามวิกาลยังไม่สมควรเลย แต่เธอก็ยังกระตือรือร้นในการจับชู้ ถ้าเธอไม่ชอบชิงหยวนจริง ๆ เธอก็ควรจะไว้หน้าอี้โจวบ้าง!”


ทุกคนตำหนิผานเยว่กุ้ยกันทีละคน


ผานเยว่กุ้ยรู้ดีว่าครั้งนี้ตนพลาดเอง ดังนั้นเธอจะไปกล้าพูดอะไรได้อีก?


ในใจของเธอกำลังสาปแช่งหวังชุ่ยเฟินอย่างรุนแรง


หวังชุ่ยเฟินเล่าว่าเซี่ยชิงหยวนแอบเป็นชู้กับคนอื่น ทั้งยังเล่าทุกอย่างแบบละเอียดราวกับว่าเห็นมันด้วยตาตัวเองยังไงยังงั้น


อันที่จริงเป็นไปได้ไหมว่าหวังชุ่ยเฟินเป็นคนมีชู้ซะเอง แล้วต้องการโยนเรื่องนี้ให้เซี่ยชิงหยวนรับผิดแทน?


ในขณะนั้นเอง ประตูด้านหลังของทุกคนก็เปิดออกเสียงดังเอี๊ยดอ๊าด


ท่ามกลางแสงที่ลอดออกมาจากภายในห้อง เสิ่นอี้โจวก็เดินออกมา ตามด้วยเซี่ยชิงหยวนที่มีผมเผ้ายุ่งเหยิงและมีใบหน้าเขินอาย


เสิ่นอี้โจวยังคงมีสีหน้าจริงจังและเคร่งขรึม "ตอนนี้ผมควรได้รับคำอธิบายสำหรับพฤติกรรมของคุณป้าหน่อยหรือเปล่าครับ!"


รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว