พี่สาวใจร้าย-ตอนที่ 3 อดีตอันเร่าร้อนของพระเอก

โดย  หลี่หง

พี่สาวใจร้าย

ตอนที่ 3 อดีตอันเร่าร้อนของพระเอก

25. ของขวัญพิเศษก่อนจากมาเก๊า



กว่าตรัย อาทิตยาจะรับรู้ข่าวการหายตัวไปของแอนดี้ เลาคือเช้าวันต่อมา ไม่มีข้อแก้ตัวสำหรับอาเค่อที่มอบหน้าที่สำคัญให้ลูกน้องไปทำแทนจึงเป็นหน้าที่ของเจ้าตัวที่ต้องไปสืบหาว่าแอนดี้ เลาหายไปไหน?

“มันยังไม่กลับฮ่องกงแน่ เพราะสายข่าวของฉันที่นั่นบอกว่าสถานการณ์ก็วุ่นวายพอควรถึงขนาดสั่งคนตามหาลูกชายคนสำคัญของเอ็ดดี้ เลาผู้นำไตรภาคีฝั่งฮ่องกง แถมยังส่งคนบางส่วนมายังมาเก๊าเพื่อตามหาอีกที”

ตรัยพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียดเพราะช่วงเวลาสุดท้ายก่อนที่แอนดี้จะหายตัวไปเขามิอาจปฏิเสธไปได้ว่าถูกคนของตนเองไล่ล่าจนมีพยานรู้เห็นอยู่มากมาย

“แล้วฝั่งฮ่องกงได้คุยอะไรกับคุณตรัยบ้างครับ?”

อาเค่อถามขึ้นขณะที่ตรัยถอนใจเฮือกใหญ่

“หลายอย่าง...แต่หลักๆ คือด่าบอกว่ามันเป็นแค่ความคึกคะนองของแอนดี้ไม่ควรทำรุนแรงแบบนั้น”

“เฮอะ เลี้ยงกันมาอย่างนี้แอนดี้ถึงได้นิสัยแย่” อาเค่อบ่นอุบกับตนเอง “แล้วคุณหม่าว่ายังไงบ้างครับในเมื่อเขาเป็นคนสั่งให้คุณตรัยนำตัวแอนดี้ไปให้เขาแทนที่จะส่งกลับฮ่องกง?”

นั่นแหละคือสิ่งที่ตรัย อาทิตยากำลังสงสัยเพราะเท่าที่รู้จักหม่าหย่งเฉินมานานการที่เขาปล่อยนักโทษที่ฝ่าฝืนคำสั่งคนสำคัญหนีรอดไปได้อย่างน้อยถ้าไม่ถูกตำหนิก็จะโดนคาดโทษไว้แต่ท่าทีของหม่าหย่งเฉินกลับเรียบเฉย มุ่งโจมตีไปที่ฝั่งฮ่องกงถึงการเล่นละครแอบซุกซ่อนคนที่ฝ่าฝืนคำสั่งของเขาพร้อมกับทะเลาะกันอย่างรุนแรงระหว่างผู้นำของกลุ่มไตรภาคีปัจจุบันและผู้มีอำนาจเก่าอย่างเอ็ดดี้ เลาซึ่งดูจากสถานการณ์ในไม่ช้าหม่าหย่งเฉินจะใช้เหตุการณ์นี้ในการถอนรากถอนโคนชั้วอำนาจฝั่งฮ่องกงที่เขาไม่ชอบมานานแสนนานแน่ๆ

ถึงสถานการณ์เรื่องงานจะขัดแย้งเพียงใดแต่ตรัยก็ไม่เคยคิดที่จะให้ชาหอมได้รับรู้ในโลกสีเทาที่เขายืนอยู่แม้จะมีคำเตือนจากอาเค่อว่าทางฝั่งฮ่องกงอาจจะคิดเอาคืนด้วยการข้ามเกาะมาทำร้ายตรัยก็ตามที

“ถ้าฝั่งฮ่องกงทำแบบนั้นเท่ากับประกาศเป็นศัตรูกับทางฝั่งจีนและไต้หวันของไตรภาคีทันที อีกอย่างในฮ่องกงเองมีคนหลายคนที่พร้อมจะขึ้นมาแทนตระกูลเลา หากเสียอำนาจในไตรภาคีไปตระกูลใหญ่อย่างเลาที่สร้างความไม่พอใจให้หลายคนถูกรุมทึ้งจนเละแน่”

นั่นคือทัศนะที่ตรัยได้บอกกับอาเค่อและหลี่เฉียงภายในห้องทำงาน ถึงอย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ประมาทในคำเตือนของอดีตนักเลงจากฝั่งฮ่องกงอย่างอาเค่อด้วยการสั่งคุมความเข้มงวดให้ทั่วโรงแรมและกาสิโนสองแห่งอย่างเข้มงวดโดยเฉพาะความปลอดภัยของชาหอม!


อีกด้านของคนที่ไม่รู้เรื่องราวยังคงสนุกในช่วงสามวันสุดท้ายที่มาเก๊าหนึ่งในนั้นคือการใช้บัตรเครดิตของตรัยที่ให้มารูดซื้อฝากจนเต็มโถงห้องรับแขกในห้องพักส่วนตัว นอกจากนี้ตรัยยังพาเธอไปไหว้สักการะขอพรเจ้าแม่แห่งสรวงสวรรค์เทียนโห่วที่วัดเทียนโห่วไทปา (Tin Hau Temple in Taipa) หรือรู้จักในนามองค์อาม่าในก่อนวันสุดท้ายที่จะกลับเมืองไทยอีกด้วย

“เมื่อกี้เธอขอพรอะไร?”

ตรัยถามชาหอมขึ้นขณะขับรถกลับที่โรงแรม

“ขอให้ชีวิตฉันดีขึ้นหลังจากกลับไทยรอบนี้”

“แล้วตอนนี้ไม่ดีหรือไง? ของฝากเต็มห้องพักของฉันแถมแต่ละอย่างแบรนด์เนมด้วย”

“บ่นจังฉันก็แค่ใช้บัตรตามที่คุณบอกมาว่าอยากได้อะไรก็ซื้อ อะ งั้นฉันคืนบัตรให้ก็ได้”

ชาหอมยื่นคืนบัตรเครดิตโดยตรัยรับมาพร้อมกับหัวเราะหึๆ ในลำคอเพราะพรุ่งนี้ก็จะกลับกันอยู่แล้ว

“ก่อนกลับฉันเตรียมอะไรพิเศษไว้ให้เธอด้วยนะชาหอม”

“อะไรคะที่พิเศษ?”

ชาหอมถามด้วยความสงสัยขณะที่ตรัยส่งเพียงรอยยิ้มมาให้เท่านั้น เมื่อเธอกลับไปถึงโรงแรมชาหอมก็ได้รู้ว่าของพิเศษที่ตรัย อาทิตยาเตรียมให้กับเธอคืออะไร? ในบริเวณส่วนของโรงแรมที่ชาหอมเคยเห็นมีโชว์มายากลบัดนี้กลับกลายเป็นเวทีของทีมCover Danceเสียงเพลงวงไอดอลดังพร้อมกับท่วงท่าการเต้นที่แข็งแรงจนเรียกสายตากับบรรดาแขกเหรื่อทั้งผู้มาพักในโรงแรมและเล่นคาสิโน Performanceและการเปลี่ยนบล็อกกิ้งของทีมจากประสบการณ์การเต้นCover Danceมาหลายปีของชาหอมบอกได้เต็มปากว่าเป็นระดับมืออาชีพ

“ทีมHK3เป็นทีมชนะการประกวดCover Danceสามปีซ้อนที่เซี่ยงไฮ้และฮ่องกง” ตรัยอธิบายอยู่ข้างๆ ชาหอม “ในสองปีหลังมานี้น่าจะเป็นทีมเดียวที่มาแสดงในโรงแรมฉันกับโชว์เต้นCover Dance”

“โรงแรมคุณกับคาสิโนที่มีโชว์การเต้นCover Danceดูไม่เข้ากันเลยนะคะ”

“ไม่เข้าก็ช่างสิ ฉันแค่อยากจะเปิดโอกาสให้คนกลุ่มนี้ได้แสดงความสามารถไม่มาคิดมากเรื่องเหมาะไม่เหมาะหรอก”

แววตาของตรัยมองดูโชว์เต้นCover Danceตรงหน้าพร้อมกับรอยยิ้มเป็นอะไรที่หาได้ยากยิ่งทำให้ชาหอมหวนนึกถึงคำพูดของหลี่เฉียงที่บอกว่าเขาเป็นคนที่คลั่งไคล้ในวัฒนธรรมไอดอลคนหนึ่ง ชาหอมอยากจะถามบางอย่างแต่ตรัยกลับหันมาพูดกับเธอเมื่อเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนเพลงใหม่

“จำเพลงนี้ได้ไหม? เพลงที่เธอใช้แสดงตอนที่เจอกันครั้งแรก”

“คุณจำได้ด้วยเหรอคะว่าฉันใช้เพลงอะไร?”

“ฉันจำได้ทุกอย่างที่เป็นเรื่องเธอ”

ในรอยยิ้มละไมเหมือนกับที่เจอกันครั้งแรกชาหอมมิอาจสะกดหัวใจที่เต้นรัวเร็วอยู่ข้างในได้เลย ยิ่งตรัยโอบเอวของเธอพลางค่อยๆ เลื่อนใบหน้าคมสันที่บัดนี้ไร้ซึ่งหนวดเคราเข้ามาใกล้ยิ่งทำให้ใบหน้าสวยเชิดแดงก่ำด้วยความเขิน

“อยากลองไปเต้นดูไหม? ฉันขอให้เธอได้นะ”

“คะ...ว่ายังไงนะ?”

“ฉันถามเธอว่าอยากลองไปเต้นดูไหม? ตั้งแต่เธอมาอยู่กับฉันฉันไม่เคยเห็นเธอเต้นCoverเลยหรือว่าเธอเลิกเต้นแล้ว?”

“ยังค่ะ ฉันเรียนเต้นมาตั้งหลายปีกว่าจะได้ขนาดนั้นแค่ช่วงหลังติดฝึกเชียร์ลีดเดอร์จนแทบไม่ได้เต้นเลย”

“แทบ...งั้นก็แสดงว่ายังเต้นอยู่”

“ใช่ค่ะ ก็ช่วงหลังๆ ที่ฟุ้งซ่านพอเต้นแล้วรู้สึกสบายใจดี” ชาหอมบอกขณะที่สายตาของเธอจับจ้องไปที่ทีมเต้นCover Danceตรงหน้าด้วยแววตาที่สนใจ “คุณบอกว่าสามารถขอให้ฉันเต้นกับพวกเขาได้ใช่ไหมคะ?”


หลังจากการพูดคุยของตรัยกับหัวหน้าทีมและชาหอมได้เปลี่ยนชุดที่ขยับได้ทะมัดทะแมง,วอร์มร่างกายเสร็จสรรพเธอก็มายืนในตำแหน่งเซ็นเตอร์ท่ามกลางสายตาหวั่นใจของทีมCover Danceที่ไม่เคยรู้ว่าฝีมือการเต้นของแขกรับเชิญพิเศษ (ที่เจ้าภาพขอมา) อยู่ในระดับไหน? แต่เมื่อเพลงจังหวะเร่งเร้าของไอดอลK-POPได้เริ่มขึ้นทุกคนทั้งในทีมรวมไปถึงหลี่เฉียงและเหล่าการ์ดรักษาความปลอดภัยที่ไม่เคยรู้ถึงความสามารถนี้ของ ‘นายหญิง’ ได้แต่ยืนมองด้วยความตกตะลึงพร้อมกับชื่นชม เมื่อการเต้นของชาหอมสะกดทุกสายตาโดยรอบอย่างแท้จริงขนาดแขกที่ตั้งใจจะมาเล่นคาสิโนยังหยุดมองราวกับต้องมนต์สะกดบางคนพาลนึกไปว่าทางโรงแรมได้จ้างศิลปินมาเสียด้วยซ้ำ! เมื่อเพลงจบลงเสียงปรบมือดังลั่นจากทั่วบริเวณเรียกสติชาหอมที่เพ่งสมาธิการเต้นจนไม่ได้สังเกตรอบด้านเมื่อรู้สึกตัวก็พบว่ามีคนหลายสิบกำลังมุงดูการแสดงของเธอเต็มพื้นที่ไปหมด ตรัยที่ยืนมองเธอด้วยรอยยิ้มส่งสัญญาณมือให้ชาหอมสามารถสนุกได้ตามที่ต้องการหลังจากนั้นชาหอมจึงได้ร่วมเต้นกับทีมHK3อีกสามเพลงรวด



“ฉันว่าฉันจะถามคุณมาตั้งนานแล้วเรื่องที่ว่าคุณชอบไอดอล”

ชาหอมถามขึ้นก่อนนอนเมื่อเธอเก็บกระเป๋าเสื้อผ้าและข้าวของเตรียมพร้อมเรียบร้อยที่จะเดินทางกลับเมืองไทยในวันพรุ่งนี้ ตรัยที่เพิ่งอาบน้ำเปลี่ยนชุดลำลองมองเธอ

“ทำไม? หน้าไม่ให้หรือไง?”

“ความชอบของคนไม่ได้เกี่ยวกับหน้าตาสักหน่อย ก่อนหน้านี้ที่คุณหลี่เฉียงเล่าให้ฟังฉันก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งเรื่องที่คุณเคยชอบไอดอลมาก่อนจนกระทั่งเหตุการณ์ในวันนี้”

“จะถามอะไรฉันล่ะ?”

“ทำไมคนอย่างคุณถึงชอบไอดอลได้?”

เป็นคำถามที่ทำให้คนอย่างตรัย อาทิตยาหยุดคิดไปชั่วครู่ก่อนจะนั่งลงบนเตียงนอนแล้วมองไปยังใบหน้าสวยเชิดที่จ้องมองเขาอยู่

“ฉันเคยบอกเธอหรือยังว่าฉันเติบโตมาในบ้านเด็กกำพร้า?”

ชาหอมส่ายศีรษะแทนคำตอบเขาจึงเล่าต่อ

“ฉันถูกทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลแล้วเติบโตมาในบ้านเด็กกำพร้าชีวิตเต็มไปด้วยความลำบากและสอนให้คนอย่างฉันต้องสู้ต่อทุกสิ่งมาตั้งแต่เด็ก ของเล่นไม่เคยมี การ์ตูนก็แทบจะไม่เคยดู ความบันเทิงเพียงอย่างเดียวภายในบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้าคือช่องที่พี่เลี้ยงมักจะเปิดดูนั่นคือช่องเพลงที่ฉายMVของไอดอลเกาหลีสมัยก่อน ถ้าถามหาจุดเริ่มต้นกับความชอบมันคงเริ่มจากตรงนั้น....”

จากนั้นอีกหลายสิบนาทีตรัย อาทิตยาก็เล่าทุกสิ่งในชีวิตในช่วงเวลายากลำบากในการเติบโตที่ยิ่งกว่าปากกัดตีนถีบจนมาทำงานที่ฮ่องกงจนได้เจอกับหม่าหย่งเฉินที่ชอบในความใจสู้ โดยในรสชาติขมของชีวิตในช่วงต่างๆ มีเพียงสิ่งเดียวที่หล่อเลี้ยงชีวิตคือการตามศิลปินไอดอลเพื่อจรรโลงใจจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตตรัยไปในที่สุด ชาหอมนั่งฟังอย่างเงียบเชียบไม่ไตร่ถามอะไรปล่อยให้ตรัยเล่าเรื่องราวโดยไม่มีอะไรมาขัดพร้อมกันนั้นเธอเริ่มเข้าใจถึงที่มาความดุดันร้ายกาจในสิ่งที่ชายตรงหน้าแสดงออกมาอยู่เสมอ ในที่สุดตรัยก็เล่าจบจนถึงตอนที่มาอยู่มาเก๊าจนกลายเป็นเจ้าของคาสิโนโดยถือหุ้นมากที่สุด

“อ้าว แล้วตอนที่คบกับพี่เจนนี่ล่ะคะ?”

“ละไว้....ฉันไม่อยากเล่า”

“ไม่อยากเล่าแสดงว่ายังรักพี่เจนนี่อยู่ล่ะสิ”

“ไม่รัก! ไม่อยากเล่าก็คือไม่อยากนึกถึง”

ใบหน้าสวยเชิดมองเขาด้วยสายตาค้อนกลับ เธอไม่เชื่อในคำพูดของตรัยจนอดที่จะพูดแขวะไม่ได้

“ไม่อยากนึกถึงจนขนาดต้องทิ้งของสะสมไอดอลเลยนี่คะ ลงทุนน่าดูกับการตัดใจครั้งนี้!”

“นี่หลี่เฉียงเล่าละเอียดขนาดนี้เลยเหรอ?”

ชาหอมไม่ตอบแววตาที่มองยังค้อนอยู่

“ใช่ ฉันไม่อยากนึกถึงเจนนี่ก็เลยทิ้งมันไปหมด เลิกดู เลิกฟัง”

“หึ ลงทุนเนอะ”

“ใช่ แต่การลงทุนหักดิบของฉันก็เสียเปล่าเพราะคนๆ หนึ่ง”

“ใครคะ?”

“เธอไง!”

เกิดความเงียบไปชั่วขณะเมื่อชาหอมไม่เคยได้ยินหรือฟังเรื่องนี้มาก่อน

“เพราะฉัน?”

“ใช่ จำวันที่เจอกันครั้งแรกได้ไหมตอนที่เธอประกวดเต้น วันนั้นฉันแค่ตั้งใจไปเดินฆ่าเวลาเท่านั้นไม่ได้ตั้งใจจะไปดูการประกวดแม้แต่น้อย จนกระทั่งเห็นเธอกำลังซ้อมเตรียมท่าอยู่ด้านข้างเวทีฉันดูจากท่าทางการซ้อมแล้วเกิดสนใจก็เลยตัดสินใจที่จะดูทีมของเธอแสดงเท่านั้น” ตรัยเล่าให้ฟังถึงเรื่องราวที่ชาหอมไม่เคยรู้ “หลังจากที่เห็นเธอขึ้นแสดงสายตาของเธอ Performance การเปลี่ยนบล็อกกิ้ง ทุกอย่างที่เธอทำบนเวทีมันเปล่งประกาย ปลุกให้ฉันคิดถึงไอดอลที่เคยรัก คิดถึงเพลงที่ฉันชอบ การแสดงของเธอมันปลุกไฟที่มอดดับให้มันลุกโชติอีกครั้ง ทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันเคยทิ้งมันกลับมาเพียงแค่นั่งดูการแสดงของเธอแค่เพลงเดียว”

แววตาที่ตรัย อาทิตยากำลังมองชาหอมไม่มีความโกหกเจืออยู่ในนั้นแม้แต่น้อยสำหรับคนที่ถูกชมนี่คือคำชมที่ดีที่สุดที่เธอได้เคยรับมา!

“ขอบคุณค่ะ ฉัน.....หมดคำถามแล้ว”

ชาหอมเขินอายเกินกว่าจะแสดงสีหน้าใดให้ถูกเธอได้แต่รีบหลบสายตาห่มผ้าเตรียมตัวนอนแต่มือของตรัยกลับดึงร่างงามระหงในชุดนอนมาโอบกอด

“จะรีบนอนไปไหนยัยเจ้าเล่ห์? เมนเธอหมดแล้วใช่ไหม?”

“ยังเสียหน่อย! คุณพูดเรื่องอะไร?”

ชาหอมโกหกออกไปความจริงประจำเดือนของเธอหมดมาหลายวันแล้วแต่เธอแสร้งแสดงไปเพื่อหลีกเลี่ยงการมีเซ็กส์กับเขา

“ถ้ายังไม่หายจริงเธอคงเต้นแบบวันนี้ไม่ได้แน่ๆ” ตรัยพูดพลางหอมไปที่แก้มขาวนวลฟอดใหญ่ “ฉันจะขอเอาคืนเธอบ้างที่รูดซื้อของหมดไปสิบกว่าล้านบาท!”

ใบหน้าคมสันซุกไซ้ไปตามซอกคอขาวเนียนพรมจูบลงบนเนื้อสาวที่เนียนลื่นหอม ร่างงามระหงยังพยายามดิ้นรน

“ถึงพ่อของเธอจะยังไม่ตายแต่เธอยังอยู่ในสถานะนางบำเรอฉันอยู่นะ”

“แต่ฉันไม่อยากท้องกับคุณ! คุณไม่เคยป้องกันเลย...คราวที่แล้วที่ฉันต้องกลับมากินยาคุมฉันกลัวว่าจะพลาด! ฉันไม่อยากอยู่กับความรู้สึกแบบนั้นอีกแล้ว”

ชาหอมบอกกับตรัยแววตาของเธอรู้สึกอย่างที่พูดออกไปจริงๆ

“งั้นถ้าฉันใส่ถุงยางก็ไม่มีปัญหาใช่ไหม?”

ตรัยพูดพร้อมกับเปิดลิ้นชักบนโต๊ะข้างเตียงนอนหยิบกล่องถุงยางออกมา

“ฉันเตรียมมาแล้ว เธอโอเคไหม?”

ชาหอมมองดูกล่องถุงยางแล้วได้แต่นิ่งเงียบตรัยฉวยโอกาสในความเงียบของหญิงสาวบรรจงจูบไปยังริมฝีปากกระจับพร้อมกับเอาลิ้นคว้านเข้าไปตวัดเลียแลกกับลิ้นหวานของชาหอม ร่างงามระหงค่อยๆ นอนลงไปชุดนอนที่เป็นเชิ้ตแขนยาวกางเกงขาสั้นสีหวานถูกปลดออกพร้อมกับบราและกางเกงใน จมูกและริมฝีปากมาเฟียมาดดุพรมจูบไปทั่วร่างแล้วซุกไซ้ใบหน้าคมสันไปบนปทุมถันสองเต้าลิ้นที่สากและไวปานงูฉกเลียตวัดยอดถันสีอ่อนจนชาหอมหายใจแรงถี่มือบอบบางของเธอจิกเกร็งไปบนผ้าปูที่นอน ส่วนมือใหญ่แข็งแรงของตรัยข้างหนึ่งนั้นลูบไล้ไปตามขาอ่อนผิวเรียบเนียนขณะที่อีกข้างค่อยๆ บีบเค้นปทุมถันเมื่อเขาก้มลงดูดไปทั่วถันสองเต้าจนใบหน้าสวยเชิดเผลอครางออกมา

“อย่า...คุณตรัย อย่าจูบลงไปตรง..!!”

เสียงแผ่วเบาและสั่นเครือของชาหอมพยายามห้ามใบหน้าคมสันที่จูบไล่ลงไปยังหน้าท้องแบนราบแม้จะโกนหนวดเคราออกไปแต่นั่นยิ่งทำให้บริเวณเคราที่ถูกโกนแข็งและสากสัมผัสที่ไล่ไปบนหน้าท้องเนียนขาวจึงยิ่งเร้าความเสียวสยิวยิ่งใบหน้าลงต่ำไปตรงหว่างขาคู่งามที่ถูกแหวกออก ธารน้ำรักไหลเอ่อล้นออกมาจากภายในแค่เพียงใบหน้าของเขาจ่อมองตรงโหนกแคมรอยยิ้มน้อยๆ ของตรัยปรากฏราวกับพอใจที่เห็นร่างกายของนางบำเรอคนสวยของเขาตอบสนองการเล้าโลมเช่นนี้


****ตักฉากNC20++****


ความเสียวซ่านที่เกิดทำให้หญิงสาวโอบกอดร่างกำยำที่โน้มตัวลงมาจูบปากดูดลิ้น ก่อนที่ตรัยจะยันกายขึ้นแล้วรัวสะโพกโยกอัดแท่งเอ็นถี่รัวจนในที่สุดเสียงครางของเขาก็ดังขึ้นพร้อมๆ กันนั้นชาหอมก็เสร็จสมกามารมณ์ตามอีกคน! เสียงหอบอย่างเปี่ยมสุขดังออกมาจากมาเฟียมาดดุที่ค่อยๆ ถอนแท่งเอ็นออกมาแล้วถอดถุงยางที่เต็มไปด้วยน้ำรักสีขุ่นทิ้งลงถังขยะใบเล็กข้างเตียงนอนก่อนเอนกายกำยำนอนลงข้างชาหอม

“เสร็จแล้วเกิน เดี๋ยวต่ออีกรอบนะ”

ตรัยกระซิบก้มไปจูบที่ซอกคอขาวเนียนแค่คราวนี้ชาหอมกลับดันใบหน้าเขาออก

“ฉันง่วงนอนแล้ว”

ใบหน้าสวยเชิดพูดพลางหลบสายตา ตรัยหยุดกิจกามทั้งหมดไม่พูดอะไรอีกโดยกอดร่างงามระหงเปลือยเปล่าที่นอนหันหลังให้แทน ชาหอมที่กำลังสับสนเธอยังตอบตัวเองไม่ได้ว่าเหตุใดจึงยอมมีเซ็กส์กับตรัย อาทิตยาโดยไม่ห้ามปรามหรือโต้แย้งใดๆ กับเขา? ที่สำคัญการที่เขามีเซ็กส์กับเธอเป็นเพราะว่าเธอมีสถานะเป็นนางบำเรอของเขาหรือเขารู้สึกมากกว่านั้น? เป็นคำถามที่ชาหอมไม่กล้าถามเพราะกลัวในคำตอบที่ได้รับกลับมาจะทำให้เธอเจ็บช้ำไปมากกว่าที่เคย

รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว