หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเป็นชุดนอนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ฉันเดินมาที่เตียงนอนแล้วมองไปที่โทรศัพท์มือถือ อยากจะโทรไปหาหมอปลาทู เพราะเป็นห่วงเขาว่าจะถูกยัยเด็กร่านนั่นลากเข้าป่าข้างทางก่อนที่จะถึงบ้านหรือเปล่า
ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา จากนั้นก็วาง วางแล้วก็หยิบขึ้นมาใหม่ ทำอยู่อย่างนั้นเป็นสิบรอบ เพราะใจหนึ่งก็บอกให้โทร แต่อีกใจหนึ่งก็ไม่กล้า เพราะฉันกับเขาเป็นแค่เพื่อนกัน ไม่ได้เป็นอะไรมากกว่านั้น หากโทรไปเขาจะคิดว่าเราคิดกับเขามากกว่าเพื่อนหรือเปล่า ฉันรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองเช่นนี้มาก่อนเลย
“ให้ตายเถอะ !”
ฉันสบถคำพูดออกมาพร้อมกับทิ้งตัวลงเกลื่อนกลิ้งบนที่นอนไปมา พยายามข่มตาหลับ แต่ก็หลับไม่ลงสักที สุดท้ายก็ต้องลุกขึ้นจับโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง
“ไม่เป็นไรหรอกมั้ง แค่โทรไปถาม เพื่อนเป็นห่วงเพื่อนไม่เห็นจะแปลก”
ฉันปลอบใจตัวเอง
ในขณะที่มือกำลังจะกดหมายเลขโทรศัพท์ของหมอปลาทูนั้น หน้าจอก็ปรากฏสายเรียกเข้าเป็นชื่อของเขา หัวใจของฉันเต้นแรงขึ้นจนมือไม้สั่นไปหมด
“ว่าไง”
ฉันกดรับโทรศัพท์ พร้อมกับกรอกเสียงลงไปพยายามไม่ให้เสียงฟังดูตื่นเต้นจนเกินเหตุ
“จะนอนแล้วเหรอ รบกวนหรือเปล่า”
เสียงทุ้ม ๆ นุ่ม ๆ ของหมอปลาทูดังออกมา
ถ้าฉันจะบอกเขาไปว่ากำลังจะโทรหาเขาพอดี เดี๋ยวเขาจะคิดมากไหมนะ ฉันจึงโกหกไปว่า
“กำลังจะนอนพอดีเลย แต่ไม่เป็นไร ไหน ๆ ก็โทรมาแล้ว มีอะไรหรือเปล่าล่ะ”
“พรุ่งนี้ แม่จะจัดเลี้ยงต้อนรับฉันที่บ้านน่ะ ก็เลยโทรมาชวน ตอนเย็นหนูจี๊ดว่างไหม”
“อืม....”
ฉันแกล้งทำเสียงในลำคอเหมือนคิดทบทวนตารางงาน ทั้งที่ความเป็นจริงนั้นว่าง สักพักจึงตอบออกไปว่า
“ถ้าเป็นตอนเย็นก็ว่างนะ”
“โอเค เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันไปรับนะ”
“เฮ้ย ฉันไปเองได้ บ้านเธอฉันเคยไป”
ฉันรีบบอกหมอปลาทูออกไป เพราะเกรงใจเขาที่ต้องขับรถทั้งมารับ และไปส่ง
“งานตอนเย็น กว่างานจะเลิกคงดึก เธอจะกลับบ้านยังไง ฉันเป็นห่วงนะ”
คำว่า -เป็นห่วง – มันซึมซาบเข้าไปในใจฉันจนรู้สึกหวาบหวิวอย่างไรไม่รู้จนต้องรีบสะบัดหัวเพื่อเรียกสติของตนกลับคืนมารีบตอบไปว่า
“เอาแบบนั้นก็ได้”
“ดีแล้ว เพราะฉันเป็นผู้ชาย เธอน่ะเป็นผู้หญิงกลับบ้านดึก ๆ คนเดียวมันอันตราย”
“ค่ะ คุณหมอ หากยังไม่หยุดบ่นจะเรียกคุณพ่อแล้วนะ”
ฉันเผลอหลุดคำพูดออกไปอย่างคนที่ปากตรงกับใจเสมอ
คนปลายสายตอบกลับมาทันควันว่า
“พ่อของลูกได้ไหมละ”
คำพูดของเขาทำให้ฉันชะงักไปชั่วครู่ จากนั้นฉันก็รีบเปลี่ยนเรื่องก่อนที่หัวใจของฉันจะเต้นแรงจนสูญเสียการควบคุมตนเองไปมากกว่านี้
“เอ่อ ว่าแต่วันนี้ระหว่างกลับบ้านอยู่บนรถด้วยกันสองต่อสองกลับยัยเหมียว เธอไม่ถูกยัยนั่นจับปล้ำใช่ไหม”
“ฮ่า ๆ น้องเขานั่งข้างหลัง เธอเล่นลงอาคมไว้ซะขนาดนั้น จะมีผู้หญิงคนไหนกล้านั่งข้างหน้าคู่กับฉันฮึ ถ้าฉันเป็นโสดจนแก่ เธอต้องรับผิดชอบด้วยนะ”
เสียงของคนปลายสายพูดปนหัวเราะ เหมือนทีเล่นทีจริง ทำเอาหัวใจฉันสับสนไปหมด จนต้องรีบเอ่ยเข้าเรื่องที่ยังกังวลใจอยู่
“นี่หมอ ฉันจะเตือนเธอด้วยความหวังดีนะ เด็กนั่นต้องการจับเธอทำสามีแน่ ๆ อยู่ห่าง ๆ หล่อนเอาไว้จะดีที่สุด ฉันไม่ไว้ใจผู้หญิงคนนี้เลยอ่ะ”
“ไม่หรอกมั้ง น้องเขาอาจจะแค่จีบผมเล่น ๆ แหละ น้องเหมียวเพิ่งจะเข้ามหาลัยเองนะ”
“ฉันไม่รู้แหละ ฉันว่ายัยเหมียวคนนี้รุกหนักมาก ฉันกลัวเธอพลาดท่าเสียทีให้ยายเหนียวสักวันหนึ่ง ฉันไม่อยากได้เพื่อนสะใภ้แบบนี้ เด็กเหนียวนี่ไม่เหมาะกับเธอหรอก”
“แล้วคนแบบไหนล่ะ ถึงจะเหมาะกับฉัน”
เสียงปลายสายถามอย่างจริงจัง
“ผู้หญิงที่จะเหมาะกับหมอปลาทู ก็ต้องเป็นผู้หญิงดี ๆ ทั้งฐานะ ระดับการศึกษา รวมถึงสติปัญญาด้วย”
“แล้วหนูจี๊ดล่ะ ดีพอสำหรับฉันไหม”
เสียงของเขาคล้ายดังอยู่ใกล้ ๆ หัวใจ คำพูดนั้นเหมือนกระแสไฟฟ้าช๊อทหัวใจของฉัน จนมันเต้นแรงยิ่งขึ้น ทำเอาเลือดลมสูบฉีด ใบหน้าร้อนผ่าว
“ไม่รู้แหละ !”
ฉันรีบปฏิเสธเสียงดังลั่นเพื่อกลบเกลื่อนความเขินอาย แล้วเฉไปพูดเรื่องอื่นโดยไม่ตอบคำถามเขาตรง ๆ
“เธอจะแต่งงานกับผู้หญิงคนไหนก็ได้ แต่ไม่ใช่ยัยเหมียวหน้าหมวยนั่น”
“อืม”
เขาส่งเสียงมาแค่นั้น
“โอ๊ยไม่พูดกับเธอแล้วแค่นี้นะ”
ฉันรีบพูดตัดบท
“ได้ ๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้ประมาณห้าโมงเย็น เดี๋ยวไปรับที่รีสอร์ทนะ”
“จ๊ะ”
ฉันกดวางสายพร้อมกับรอยยิ้ม
.............................จบตอน...........................................
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว