หลังจากจ่ายค่าเล่าเรียนหนึ่งเดือนให้ฉีโตวและซื้อเกวียนลาไป 3 ตำลึง เสี่ยวเฉ่าก็เหลือเงินอยู่ประมาณ 4 ตำลึง เธอตัดสินใจใช้โอกาสที่อยู่ในเมืองซื้อข้าวของอย่างอื่นที่ครอบครัวเธอต้องการ
สองพ่อลูกฝากเกวียนลาไว้ที่ทางเข้าตลาดวัวม้าและจ่ายเงินให้ผู้ดูแล 5 อีแปะ เสี่ยวเฉ่าให้ถุงน้ำของเธอกับชายชราและย้ำให้เขาเอาน้ำให้ลา 1 ชามทุกๆชั่วโมง
ทั้งสองคนไปที่ตลาดอาหารที่ใหญ่ที่สุดในเมือง ผักและผลผลิตที่ตลาดมีให้เลือกน้อยเหมือนเมื่อก่อน ผักที่ขายส่วนใหญ่ก็มีผักกาดขาว, หัวไชเท้า, และมันเทศ เห็นได้ชัดว่าทั้งหมดถูกเก็บเอาไว้เป็นเวลานาน นอกจากนี้คนที่ขายเนื้อหรือไก่ก็มีไม่เยอะ
เสี่ยวเฉ่าไปที่ร้านค้าทั่วไปเพื่อซื้อเครื่องเทศ, ซีอิ๊ว, และน้ำส้มสายชู ครั้งนี้เธอมีเงินอยู่ในมือเยอะทีเดียว จึงสามารถชั่งเครื่องเทศแต่ละชนิดแยกกันได้ เธอซื้อเครื่องเทศที่ต้องการอย่างละ 2 เหลียงซึ่งเธอจะใช้ได้ประมาณ 10 วัน
นอกจากนี้เธอยังนำกระบอกไม้ไผ่ที่มีขนาดต่างกัน 7-8 อันซึ่งพ่อของเธอเป็นคนทำมาด้วย ทันทีที่เธอเข้ามาที่ร้าน เธอก็เอากระบอกอันใหม่ให้กับเจ้าของร้านแทนอันที่เธอขอยืมไปจากเขาคราวที่แล้ว จากนั้นเธอก็ขอให้เจ้าของร้านใส่ซีอิ๊ว 1 ชั่งลงไปในกระบอกขนาดใหญ่ที่เหลือ
เจ้าของร้านจำได้ว่าเธอเป็นเด็กหญิงตัวเล็กๆที่ซื้อเครื่องเทศไปก่อนหน้านี้ตอนที่เธอมาคืนกระบอกไม้ไผ่ให้เขา เขายิ้ม “แม่หนูน้อย ใช้เครื่องเทศหมดเร็วขนาดนี้เลยเหรอ? ที่บ้านของเจ้าต้องขายอาหารแน่เลย ใช่ไหมล่ะ?”
“ใช่ค่ะ! ท่านลุงรู้ได้ยังไงคะ?” เสี่ยวเฉ่าให้เขาชั่งเครื่องปรุงที่เธอต้องการและยิ้มหวานให้เจ้าของร้านที่ซื่อสัตย์และใจดีคนนี้
เจ้าของร้านยิ้มกว้าง “นอกจากขายอาหาร ครอบครัวธรรมดาทั่วๆไปที่ไหนจะยอมใช้เงินมากขนาดนี้เพื่อปรุงอาหาร? โอ้โห! เจ้าซื้อเครื่องเทศมากกว่าครั้งที่แล้วซะอีก ดูเหมือนเจ้าจะทำเงินได้เยอะเลยนะ! ยินดีด้วย!”
เสี่ยวเฉ่ายิ้มให้เขาและพูดว่า “ข้าขายอาหารเรียกน้ำย่อยที่ท่าเรือและทำเงินได้นิดหน่อยน่ะค่ะ ข้าไม่แน่ใจว่าเมื่อไหร่จะมีเงินพอเปิดร้านในเมืองเหมือนท่านลุงเจ้าของร้านบ้าง”
เจ้าของร้านหัวเราะลั่นและพูดว่า “ลุงก็ทำเงินได้แค่นิดหน่อยพอที่จะเอาชีวิตรอดเท่านั้นแหละ อย่าคิดว่าเปิดร้านแล้วมันจะมีแต่ความสวยงาม พอมีค่าเช่ากับเงินที่ต้องใช้ซื้อสินค้ากับของอื่นๆอีก มันก็เหลือเงินไม่มากแล้ว อย่าดูถูกการขายอาหาร ตราบใดที่ทำผักดองได้อร่อย เจ้าก็หาเงินได้แล้ว เห็นร้านผักดองตรงโน้นไหม? ช่วงสองวันที่ผ่านมาเขาเป็นที่นิยมมากเลยนะ เมียของข้าก็ชอบหัวไชเท้าแห้งกรอบหวานกับผักกาดดองเผ็ดมาก ถ้าไม่มีในอาหารทุกมื้อให้นางนะ นางก็จะกินข้าวไม่หมด......”
“เมืองนี้เป็นที่ที่ดีสำหรับการหาเงินจริงๆ ขนาดผักดองยังขายออกได้เร็วขนาดนี้!” หยูไห่อุทานด้วยความพิศวงขณะที่ออกจากร้านขายของทั่วไป
เสี่ยวเฉ่าอมยิ้มและพูดว่า “ท่านพ่อคะ วันหนึ่งพอเรามีเงินมากพอ เราก็สามารถเช่าร้านในเมืองได้เหมือนกันล่ะค่ะ ร้านของเราจะขายอาหารตุ๋นหลายๆแบบ แล้วในเมื่อเราเป็นร้านเดียวที่ขายอาหารตุ๋นในเมือง เราก็สามารถทำเงินได้แน่ค่ะ......”
หยูไห่ตอบอย่างมีความสุข “พอครอบครัวเรามีเงินมากขึ้น เราควรซื้อที่ดินเพิ่ม เรามีแค่ที่ดินที่เป็นทรายแห้งๆ 3 แปลงเท่านั้น ผลผลิตมันไม่พอเลี้ยงพวกเราทั้งครอบครัวแน่”
“พอเราเปิดร้านในเมืองและหาเงินได้ เราก็สามารถซื้อที่ดินเพิ่มได้ค่ะ! ท่านพ่อคะ ที่ดินส่วนใหญ่ในหมู่บ้านเราเป็นดินทรายแห้งๆ ถ้าเราอยากซื้อที่ดินก็ควรซื้อที่ที่อยู่ใกล้เมือง ตอนนั้นเราก็สามารถย้ายบ้านไปอยู่ในเมืองได้ แบบนี้ก็จะหลีกเลี่ยงไม่ให้ท่านป้าใหญ่มายุ่งกับเราได้ด้วย......” เสี่ยวเฉ่ารังเกียจนิสัยแย่ๆกับเล่ห์เหลี่ยมของนางหลี่ ผู้หญิงคนนั้นยังชอบซุบซิบนินทาไม่เคยหยุด เธอไม่เคยพูดสิ่งดีๆของคนอื่นเลย
หยูไห่ขมวดคิ้วและตำหนิเธอเบาๆ “พูดถึงท่านป้าใหญ่แบบนั้นได้ยังไง ระวังอย่าให้คนอื่นได้ยินเข้าเชียวนะ พวกเขาจะว่าลูกเป็นเด็กไม่ดีเอาได้”
เสี่ยวเฉ่าเหยียดยิ้มเล็กน้อยแล้วบ่นในใจว่า ‘ก็ท่านป้าใหญ่เป็นคนที่หน้าด้านที่สุดไม่ใช่หรือไง? ตัวปัญหาสุดๆเลยล่ะ!’
ทันใดนั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยเรียกชื่อพวกเขา “น้องต้าไห่ เสี่ยวเฉ่า! พวกเจ้าก็เข้าเมืองเหมือนกันเหรอ? ซื้อของกันมาเยอะแยะเลยนี่!”
เสี่ยวเฉ่าหันหน้ากลับไปมองและเห็นนางฟางเพื่อนบ้านของพวกเขากำลังโบกมือให้ ตะกร้าข้างหน้าเธอมีไก่ตัวอ้วนอยู่ 2 ตัวและตะกร้าข้างๆก็ว่างเปล่า
“ท่านป้าโจว มาขายไข่ไก่ที่ตลาดเหรอคะ? ขายดีไหมคะ?” เสี่ยวเฉ่าเดินไปข้างหน้าสองสามก้าวและหยุดข้างๆนางฟาง เธอถามพร้อมรอยยิ้มหวาน
นางฟางช่วยปัดปอยผมที่แก้มให้เธอและยิ้ม “ก็ไม่เลวนะ ไข่ไก่ขายหมดแล้ว เหลือแค่ไก่ไม่กี่ตัว พวกเจ้านั่งเกวียนวัวของเฒ่าจางมาที่นี่ใช่ไหม? โรงเรียนเป็นยังไงบ้าง? ฉีโตวเข้าเรียนได้แบบไม่มีปัญหาอะไรใช่รึเปล่า?”
“มีท่านพี่เฉียนเหวินคอยแนะนำก็เลยราบรื่นดีค่ะ เรามีเครื่องเทศที่บ้านไม่พอก็เลยมาดูที่ตลาดอาหาร ท่านป้าโจวขายต่อเถอะค่ะ ว่าแต่ท่านป้าจะนั่งเกวียนกลับหมู่บ้านด้วยรึเปล่าคะ? วันนี้เราซื้อเกวียนลามาได้ด้วย!” เสี่ยวเฉ่ามีความสุขและตื่นเต้นมากที่สามารถซื้อเกวียนลาได้ในราคาถูก เธอจึงอดบอกข่าวดีนี้ให้นางฟางรู้ทันทีไม่ได้
นางฟางตอบด้วยสีหน้าประหลาดใจ “ว้าว เสี่ยวเฉ่า! เจ้าทำงานแค่ไม่กี่วันก็ซื้อเกวียนได้แล้วเหรอ? งั้นตอนเรากลับบ้าน ป้าโจวต้องเอาเปรียบเจ้าหน่อยแล้ว......”
หยูไห่ที่ยืนอยู่ด้านข้างพูดแทรกขึ้นมาว่า “ท่านฟางอย่าไปฟังเลย! ตอนเราอยู่ที่ตลาดวัวม้า เราเจอเพื่อนร่วมโรงเรียนของฉีโตวที่ต้องการเงินมากเลยมาขายลาที่กำลังป่วย เสี่ยวเฉ่าเห็นว่าลามันน่าสงสารก็เลยใช้เงิน 3 ตำลึงซื้อลากับเกวียนไว้ ลาตัวนั้นดูป่วยมากเลยนะ ไม่รู้ว่าจะรอดรึเปล่า!”
พอได้ยินว่าพวกเขาเสียเงิน 3 ตำลึงเพื่อซื้อลาใกล้ตาย นางฟางก็ไม่แน่ใจว่าควรจะพูดอะไรดี นางจึงยิ้มและบอกว่า “เสี่ยวเฉ่าของเรามีจิตใจที่ดีจริงๆเลยนะ! คนดีต้องเจอกับสิ่งดีๆซิ ลาตัวนั้นจะต้องดีขึ้นแน่ๆ......”
ตอนนี้เองก็มีคนเข้ามาถามนางฟางว่านางขายไก่เท่าไหร่ เสี่ยวเฉ่าจึงรีบพูดขึ้นว่า “ท่านป้าโจวขายของเถอะค่ะ แล้วตอนบ่ายเราค่อยกลับบ้านด้วยกันนะคะ”
หลังจากกล่าวลานางฟาง สองพ่อลูกก็เดินออกมา เดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็มีคนเข้ามาเรียกไว้ เจียงหยู่ เด็กหนุ่มที่เปิดร้านขายผักดองเดินออกมาจากร้านและทักทายพวกเขาพร้อมรอยยิ้มกว้างบนใบหน้า “ผู้มีพระคุณ ผู้มีพระคุณ รอก่อนครับ!”
หยูไห่รู้สึกสับสนงุนงง เขาไม่คุ้นหน้าเด็กหนุ่มคนนี้เลย เขาไปช่วยเด็กคนนี้ตอนไหนกัน? ใครจะคิดว่าหยูไห่คิดผิด คนที่เด็กหนุ่มกำลังขอบคุณไม่ใช่เขา
“อ่า......ท่านคือคนที่เปิดร้านผักดองใช่ไหม?” เสี่ยวเฉ่าชี้ไปที่ร้านผักดองที่อยู่ใกล้ๆ ด้านในมีคนหลายคนกำลังซื้อผักดองอยู่ ชายวัยกลางคนที่ดูคล้ายเจียงหยู่กำลังยุ่งอยู่กับการช่วยเหลือลูกค้าข้างใน
เสี่ยวเฉ่ายิ้มให้เด็กหนุ่มคนนั้น “ดูเหมือนตอนนี้จะขายดีขึ้นแล้วนะคะ!”
เจียงหยู่ตอบอย่างมีความสุขว่า “ต้องขอบคุณผู้มีพระคุณแหละครับ สูตรผักดองที่ให้มาข้าเอามาทำหมดแล้ว ตอนนี้ก็วางขายอยู่ ทุกคนชอบรสชาติมันมากเลยนะ สินค้าใหม่นี้ดึงลูกค้าทั้งเก่าทั้งใหม่มาได้ตั้งเยอะ สองสามวันมานี้ท่านพ่อของข้าพูดถึงท่านไม่หยุดเลย เอาแต่บอกข้าว่าเราต้องแสดงความขอบคุณท่านด้วยตัวเองให้ได้ เมื่อกี้ตอนที่ท่านกำลังคุยกับคนอื่นตรงโน้น ข้าก็ว่าท่านดูคุ้นๆ พอเข้ามาใกล้ถึงได้รู้ว่าเป็นท่าน ผู้มีพระคุณ เชิญไปนั่งคุยที่ร้านของข้ากันก่อนเถอะครับ......”
หยูไห่มองลูกสาวของเขาอย่างตกใจและประหลาดใจ ลูกสาวของเขากลายเป็น ‘ผู้มีพระคุณ’ ของครอบครัวนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
เจียงหยู่กระตือรือร้นมากซะจนเสี่ยวเฉ่าไม่สามารถปฏิเสธคำเชิญของเขาได้ เธอจึงเดินตามเขาเข้าไปในร้านผักดอง ในร้านมีกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ของผักดองอยู่ เทียบกับครั้งก่อนแล้วกลิ่นของมันน่ากินขึ้นมาก
“เฒ่าเจียง เอาหัวไชเท้าแห้งเผ็ดครึ่งชั่งกับหวานเผ็ดครึ่งชั่ง......อะไรนะ? อันเผ็ดขายหมดแล้วเหรอ? แล้วจะมีขายเมื่อไหร่? อีก 2 วัน?! งั้นเอาแค่หวานเผ็ดครึ่งชั่งก็ได้......แล้วก็เพิ่มผักกาดเผ็ดครึ่งชั่งด้วย!” ผู้หญิงที่ดูแข็งแรงอายุประมาณ 40 ทำสีหน้าผิดหวังเมื่อได้ยินว่าหัวไชเท้าแห้งเผ็ดขายหมดแล้ว
ชายชราอีกคนที่อยู่ในวัยห้าสิบส่ายหน้าแล้วยิ้ม “เจ้าของร้านเจียง ตอนนี้ผักดองของร้านท่านอร่อยกว่าตอนที่เมียท่านยังอยู่อีกนะ ท่านได้คำแนะนำจากคนเก่งๆมาใช่ไหม?”
เจ้าของร้านเจียงกำลังชั่งผักดองที่ลูกค้าสั่ง เขายิ้มและตอบว่า “ใช่แล้ว เป็นอย่างนั้นแหละ! เราได้คนที่เก่งมากๆมาให้คำแนะนำเรา ท่านลุงหลู่ก็รู้ว่าเมียข้าตายอย่างกะทันหัน เพราะงั้นสูตรผักดองทั้งหมดก็ลงหลุมไปกับนางด้วย ลูกชายกับลูกสาวก็ได้เรียนวิธีดองผักจากนางแค่พื้นฐานง่ายๆแค่นั้น ท่านทุกคนควรรู้ว่าร้านของข้าถ้าไม่ใช่เพราะลูกค้าเก่ายังช่วยอุดหนุนเราอยู่ ร้านเราก็คงเจ๊งไปนานแล้ว”
ถึงตอนนี้เขาก็อดส่ายหัวไม่ได้ ชายชราอีกคนก็ถอนหายใจ จากนั้นเจ้าของร้านเจียงก็พูดต่อว่า “ไม่กี่วันก่อนลูกชายของข้าได้รับความช่วยเหลือจากคนเก่งคนหนึ่ง คนๆนั้นให้สูตรผักดองของเขามาแล้วพอเราทำเราก็พบว่ามันอร่อยกว่าที่เมียข้าทำซะอีก......ถือถั่วหมักกับผักกาดเผ็ดให้ดีๆนะครับ แล้วถ้าอร่อยก็เชิญมาอุดหนุนอีกนะครับ!”
ชายชราหัวเราะเบาๆ “ท่านไม่พูดข้าก็กลับมาอุดหนุนอยู่แล้ว! เมียข้ากินแต่ผักกาดขาวกับหัวไชเท้ามาตลอดฤดูหนาวเลยไม่อยากอาหารแล้ว พอได้กินผักกาดเผ็ดที่ข้าซื้อไปเมื่อ 2 วันก่อน นางกินข้าวเพิ่มอีก 2 ถ้วยแน่ะ ตอนนี้ถ้าไม่มีผักกาดเผ็ดของท่านบนโต๊ะนางถึงขั้นกินไม่ได้เลยนะ”
หญิงสาวที่อยู่ด้านข้างก็พูดแทรกขึ้นมาอย่างเห็นด้วย “ใช่ไหมล่ะ ลูกของข้าก็แทบจะเปลี่ยนหัวไชเท้าหวานกรอบของท่านเป็นของว่างไปแล้ว ถ้าข้าไม่เอาให้เขา เขาก็จะอาละวาด! โชคดีนะที่ผักดองของท่านถูกและคุณภาพดี ไม่งั้นข้าคงไม่สามารถตามใจเขาได้!” แล้วนางก็เร่งให้เจ้าของร้านชั่งหัวไชเท้าหวานกรอบให้นาง
เจ้าของร้านเจียงยิ้มอย่างถ่อมตัวและพูดว่า “กินผักดองมากเกินไปก็ไม่ดีนะครับ ให้เขากินอาหารปกติให้มากขึ้นจะดีกว่า อีกสองสามเดือนผักที่ปลูกใหม่ก็จะออกสู่ตลาดแล้ว ให้ลูกท่านกินผักใบเขียวเยอะๆนะครับ......”
“ท่านพ่อ! เป็นผู้มีพระคุณของเราจริงๆด้วย! ข้าเชิญนางมาแล้ว!” เจียงหยู่เดินยิ้มกว้างเข้ามาอย่างร่าเริง
เจ้าของร้านเจียงเห็นหยูไห่ที่อยู่ข้างหลังลูกชายก็รีบเข้าไปจับมือหยูไห่ โดยลืมไปว่ามือของเขายังเหนียวจากน้ำผักดองอยู่ เขาพูดว่า “ผู้มีพระคุณ! ในที่สุดข้าก็มีโอกาสเจอท่านซะที! ท่านคือคนที่ช่วยร้านเล็กๆของเราเอาไว้!”
หยูไห่ทำสีหน้ากระอักกระอ่วน เขามองมือที่เปื้อนน้ำผักดองอย่างเหม่อๆ เจียงหยู่ดึงพ่อของเขาออกไปทันทีและยิ้มอายๆ “ท่านพ่อ ขอบคุณผิดคนแล้ว คนที่สอนสูตรผักดองให้ข้าคือเด็กผู้หญิงที่อยู่ข้างหลังเขาต่างหาก ที่ท่านพ่อขอบคุณไปน่ะเป็นท่านพ่อของผู้มีพระคุณของเรา”
เจ้าของร้านเจียงหัวเราะแล้วพูดว่า “เหมือนกันแหละน่า เหมือนกัน! อ่า......น้องชาย เจ้ามีลูกสาวที่ใจดีมีเมตตาเหมือนพระโพธิสัตว์เลย!”
หยูไห่ตอบอย่างถ่อมตัวว่า “ท่านชมเกินไปแล้ว ลูกของข้าชอบทดลองทำอาหารมาตั้งแต่เด็กแล้ว ก็เลยมีฝีมือทางนี้นิดหน่อยน่ะครับ”
เสี่ยวเฉ่ากรอกตาและพูดในใจว่า ‘ท่านพ่อ นี่พยายามถ่อมตัวแล้วเหรอ? ทำไมดูเหมือนกำลังอวดลูกสาวมากกว่าล่ะ?’
เจียงหยู่เอาสมุดบัญชีออกมาและเปิดให้เสี่ยวเฉ่าดู เขาพูดอย่างกระตือรือร้นว่า “ผู้มีพระคุณ ถึงสูตรที่ท่านสอนจะต้องใช้เครื่องเทศกับเครื่องปรุงมากกว่าสูตรอื่นๆ แต่รสชาติของสินค้าก็ดีมากด้วย เราต้องใช้เงินลงทุนมากขึ้นแต่ก็สามารถตั้งราคาให้สูงขึ้นได้อีกนิดหน่อยและลูกค้าก็ยังซื้ออยู่ ช่วงที่ผ่านมาของที่ขายดีที่สุดก็คือหัวไชเท้าแห้งเผ็ดกับผักกาดเผ็ด ลูกค้าหลายคนก็ชอบถั่วหมักด้วยเหมือนกัน......”
เด็กหนุ่มคนนั้นกลัวว่าเสี่ยวเฉ่าจะอ่านหนังสือไม่ออก เขาก็เลยพูดอธิบายไปเรื่อยๆ เสี่ยวเฉ่ามองสมุดบัญชี แม้ว่ามันจะเขียนแบบโบราณ แต่เธอก็จำตัวอักษรส่วนใหญ่ได้ มองแล้วก็รู้ว่าพวกเขาขายผักดองได้เท่าไหร่ รวมถึงกำไรที่ทำได้ด้วย
แค่ไม่กี่วันร้านผักดองเล็กๆนี้ก็มีรายได้ถึง 45 ตำลึงและกำไร 20 ตำลึงแล้ว ทำให้เธออยากถอนหายใจด้วยความเสียใจ----ในเมืองนี่หาเงินได้ง่ายกว่าเยอะเลย!
ตอนนี้ไม่มีคนอื่นอยู่ในร้าน เจ้าของร้านเจียงจึงเอาเงิน 5 ตำลึงออกมาและพูดว่า “ผู้มีพระคุณ! ตอนนั้นเราทำข้อตกลงกันว่าจะแบ่งกำไรกัน 20-80 นี่เป็นส่วนแบ่งของท่านในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา โปรดรับไว้ด้วยเถอะครับ”
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว