หลงกลมาเฟีย

หลงกลมาเฟีย [3] ชีวิตใหม่

“พรแห่งร่างสถิตสายลมสีม่วง... ห้วงสัมผัสแห่งสายลม!!”

รูปแบบของทักษะพิเศษนี้คือการตรวจจับ... จะทำให้ ซุน สามารถแผ่ขยายสายลมสีม่วงออกไปรอบรัศมีตามแต่พื้นฐานที่บรรลุ สายลมสีม่วงอาจครอบคลุมได้นับสิบลี้ ร้อยลี้ หรือพันลี้ เมื่อ ซุน มีพื้นฐานลมปราณที่ยากยิ่งขึ้น!! สายลมสีม่วงจะเป็นพลังในการตรวจจับตำแหน่งที่เหนือล้ำยิ่งกว่าสัมผัสลมปราณ อีกทั้งยังไม่ถูกผู้ใดล่วงรู้ถึงพลังในการตรวจจับลักษณะนี้อีกด้วย ไม่ว่าสิ่งมีชีวิตใดก็ไม่อาจหลบซ่อนต่อการมองเห็นของสายลม...

ซุน ประจักษ์แจ้งในทักษะโดยที่ไม่จำเป็นต้องฝึกฝน ราวกับมันได้สลักลงไปในร่างกายและห้วงสำนึกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พรแห่งร่างสถิตคือพลังที่จะได้รับในแต่ละระดับขั้นที่ก้าวผ่านชั้นลมปราณ ถือว่าเป็นแก่นแท้ของพลังที่น่ากลัวที่สุดในการเป็นร่างสถิต

ยังไม่ทันที่ ซุน จะได้ใคร่ครวญในทักษะที่เพิ่งประจักษ์แจ้ง... แมวคราม ก็ตรงเข้ามายืนเหยียบบนศีรษะของ ซุน ส่งเสียงหัวเราะอย่างไม่สมกับที่เป็นแมว นี่คือจิตใจแห่งความสุขของ เทพหู่ มีเพียงเสียงหัวเราะและรอยยิ้มประดับสำหรับแมวครามตนนี้...

“ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า! เจ้าเด็กบ้า ดึงพรแห่งร่างสถิตของข้ามาใช้บ่อย ๆ ล่ะ” แมวคราม ตบเท้าลงบนศีรษะของ ซุน หลายต่อหลายครั้ง เมื่อกล่าวจบร่างก็แตกสลายกลายเป็นเสียงหัวเราะที่แว่วลอยไปตามสายลมสีคราม ผ่านพัดหมุนวนรอบเรือนกายของ ซุน ก่อนจะแทรกซึมไปยังจุดชีพจรต่างเช่นเดียวกัน

พื้นฐานลมปราณของ ซุน กระโดดพรวดพราดขึ้นเป็นชนชั้นลมปราณสีครามขั้นที่ 9 ในระดับสูงสุดทันที อีกทั้งยังประจักษ์รู้แจ้งในพรแห่งร่างสถิตในระดับถัดมา...

“พรแห่งร่างสถิตสายลมสีคราม... ปราการแห่งสายลม!!”

รูปแบบทักษะพิเศษนี้คือการป้องกัน... ซึ่งสามารถเปลี่ยนให้สายลมกลายเป็นปราการป้องกันหมู่มวลพลังต่าง ๆ ที่เกิดจากลมปราณสรรค์สร้างขึ้น ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถป้องกันการโจมตีจากศาสตราได้ตรง ๆ แต่ก็สามารถสร้างกระแสลมมรสุมเพื่อเบี่ยงเบนทิศทางได้อย่างไม่ยากเย็นนัก อีกทั้งยังสามารถสร้างม่านสายลมผนึกพื้นที่เพื่อคุมขัง หรือแม้การพลิกแพลงในรูปแบบต่าง ๆ ได้อีกมากมาย ขึ้นอยู่กับความชำนาญและจินตนาการของผู้ใช้...

จากนั้น แมวน้ำเงิน ก็พ่นลมหายใจอย่างไม่สมอารมณ์ จิตใจแห่งความเย่อหยิ่งทะนงตนของ เทพหู่ ยังคงมีอยู่อย่างเต็มเปี่ยม แต่ก็ยังกระโจมเข้ามาหา ซุน พร้อมเอ่ยปากเสียงแข็ง... “เหอะ! ที่ข้ายอมรับเจ้า ก็เพราะข้าเบื่อหน่ายต่อสภาพจิตวิญญาณที่เช่นนี้ สู้แตกดับไปเสียเลยย่อมดีกว่า!!” พริบตานั้นร่างของ แมวน้ำเงิน ก็กลายเป็นสายลมเช่นเดียวกับตนอื่น ๆ หลังการแทรกซึมก็ได้ปรากฏความรู้แจ้งไปอีกขั้น...

“พรแห่งร่างสถิตสายลมสีน้ำเงิน... สายลมแห่งกงเล็บพยัคฆ์!!”

รูปแบบทักษะพิเศษนี้คือการโจมตี... ลักษณะเดียวกับที่ ซุน เคยลิ้มรสมาแล้วในการทดสอบ สามารถสร้างกระแสลมที่คมกริบดุจกงเล็บพยัคฆ์ ทั้งยังสามารถผนึกรวมเป็นรูปกงเล็บขนาดใหญ่ เขย่าคลอนฟ้าดิน ผ่าแยกภูเขาและมหาสมุทรได้อีกด้วย เป็นพลังอำนาจที่สมกับเป็นความเย่อหยิ่งที่พร้อมจะตัดขาดในทุกสิ่ง...

แมวทั้งสามยามนี้ได้ถูกกลืนหายเข้าไปในร่างของ ซุน แล้ว ทั้งยังมิอาจสัมผัสได้ถึงการดำรงอยู่ใด ๆ อีกต่อไป ราวกับว่าจิตวิญญาณเหล่านั้นได้วิ่งตรงเข้าไปสถิตอยู่ในจุดตันเถียน แหล่งกำเนิดแห่งพลังลมปราณทั่วร่าง...

พื้นฐานของ ซุน แตะย่างเข้าสู่ชนชั้นลมปราณสีน้ำเงิน ขั้นที่ 9 อีกครั้ง เวลานี้เหลือก็แค่เพียง แมวเขียว ซึ่งเป็นอดีตจิตวิญญาณแห่งพยัคฆ์วาตะ ผู้ที่ผลักดันให้ ซุน ก้าวขึ้นมาในหอคอย จนได้รับโชควาสนาทั้งหมด ความสัมพันธ์ของทั้งสอง มีมากยิ่งกว่าแมวตนอื่น ๆ อย่างเทียบกันไม่ได้

แมวเขียว ลอยตรงมาหยุดอยู่ตรงหน้าของ ซุน ไม่ได้เร่งร้อนนัก ปล่อยให้ ซุน ได้มีเวลาโคจรปรับพื้นฐานลมปราณที่ก้าวกระโดดฉับพลัน แต่เพราะเส้นลมปราณของ ซุน ในเวลานี้แตกต่างไปจากมนุษย์สามัญ ทั้งใหญ่และหนา จุดชีพจรก็ยังแข็งแกร่งมาก ระดับพลังชั้นต้น ๆ ไม่เรียกว่าหนักหนาเกินไป สำหรับการดูดซับของเรือนกายอันเป็นร่างสถิตแท้จริง...

สายตาของแมวเขียวมองมายัง ซุน ด้วยความพึงพอใจ และยังแฝงไว้ด้วยความภาคภูมิใจ ในฐานะที่ตนนั้นเคยเป็นภูติผู้พิทักษ์สำนักสายลมประจิม และเฝ้ามอง ซุน มาตลอดหลายเดือน เห็นการเติบโตและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง...

“จากนี้ไปข้าก็คงไม่อาจออกมาพบเจอเจ้าได้อีกแล้ว... สำหรับข้า การส่งเสริมเจ้ามิใช่เพียงแค่การทำตามเจตนารมณ์ของ เทพหู่ เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการทำตามเจตนารมณ์ของ เล้งซาน ที่เคยฝากฝังข้าไว้ในฐานะสักขีพยานและผู้ถ่ายทอดอีกด้วย...

ภาพนิมิตทั้ง 9 ภาพที่ เทพหู่ เหลือทิ้งไว้ให้เจ้า ได้เป็นไปตามชะตากรรมแล้วทั้งหมด 3 ภาพ ส่วนอีก 6 ภาพที่เหลือจะเกิดขึ้นช่วงใดในอนาคต แม้แต่พวกเราก็ไม่อาจบอกกับเจ้าได้... ทว่าหากข้าคาดเดาไม่ผิด เล้งซาน ที่เคยเป็นผู้ครอบครองบัลลังก์สุริยะในช่วงเวลาสั้น ๆ ช่วงหนึ่ง ก็น่าจะที่เห็นถึงชะตากรรมบางอย่างของเจ้าเช่นเดียวกัน มิเช่นนั้นคงไม่ปูเส้นทางฝากฝังเจ้าไว้กับข้า ทั้งที่ตนนั้นได้ตายไปกว่าหนึ่งหมื่นปีแล้วเช่นนี้...

เจ้ายังจดจำ 12 ผู้ครอบครองเส้นใยแห่งจิตวิญญาณอนันต์ทั้ง 12 เส้น ที่ข้าได้แสดงให้เจ้าดูผ่านห้วงความทรงจำได้อยู่หรือไม่?!(ตอนที่ 177) จิตวิญญาณเหล่าได้กระจายกันไปยังดวงดาวต่าง ๆ ในสุริยะ 4 ดวงดาว... ทว่าก็ยังมีจิตวิญญาณกว่า 4 ใน 12 ตน ที่ยังคงสถิตอยู่ในดวงดาวดวงนี้ หากเจ้าต้องการค้นหาเส้นทางที่จะก้าวเดินต่อ ก็จงค้นหาดวงวิญญาณเหล่านั้น ซึ่งมันอาจมีคำตอบที่เฝ้ารอเจ้าอยู่...”

ซุน ได้ยินเช่นนั้นก็สูดลมหายใจลึก ก่อนจะเอ่ยถาม...
“ท่านพอจะทราบหรือไม่ว่าทั้ง 4 จิตวิญญาณนั้น สถิตอยู่ ณ ที่แห่งใดบนดาวดวงนี้?!”

แมวเขียว พยักหน้าเบา ๆ
“จิตวิญญาณทั้ง 4 ดวง... จะมี 2 ดวงผู้เป็นทั้งสหายและพี่น้องร่วมสาบานของ เล้งซาน... ดวงหนึ่งคือ กุ่ยเยี่ยซา ซึ่งน่าจะสถิตอยู่สักแห่งหนใด ภายในพรรคมังกรฟ้า ณ ปัจจุบัน... ส่วนอีกดวงหนึ่งคือ เหว่ยถู ซึ่งก็น่าจะสถิตอยู่ที่เขตมหาสมุทรกิเลนอัสนี อันเป็นตำแหน่งที่ตั้งของ สมาพันธ์แห่งท้องทะเล ในปัจจุบัน...

ส่วนอีก 2 ดวง คือผู้มีพระคุณสูงสุดสำหรับ เล้งซาน... ดวงหนึ่งก็คือ ราชันย์หงสาเพลิง สถิตอยู่บนยอดหอคอยสุสานเทพอสูรหงสาเพลิง ในทวีปทางใต้... ส่วนอีกดวงหนึ่งก็คือ เล้งซิน บิดาแท้ ๆ ของ เล้งซาน ที่ในเวลานี้ จิตวิญญาณได้สถิตอยู่บนยอดหอคอยเทพอสูรมังกรฟ้า ในทวีปทางตะวันออก...

หากเจ้ามีโอกาสได้ไปยังสถานที่เหล่านั้น ก็จงอย่าลังเลที่จะค้นหาความจริงที่ เล้งซาน แอบซ่อนเอาไว้ เรื่องนี้ตัวข้าเองแม้จะไม่ทราบถึงรายละเอียด... ทว่าหากเป็นจิตวิญญาณของทั้ง 4 ดวงนั้น ผู้ที่มีความสัมพันธ์อันแนบแน่นกับ เล้งซาน อย่างมากในอดีต ก็มีความเป็นไปได้สูงสุดที่จะล่วงรู้ถึงเหตุผล... ว่าเพราะอะไร เล้งซาน ถึงได้เลือกเจ้า เพราะอะไรจึงมีรอยสักปิดผนึกอันทรงพลังที่ เล้งซาน ทิ้งไว้บนแผ่นหลังของเจ้า(ตอนที่ 113) เส้นทางเหล่านี้มีแค่เพียงตัวเจ้าเท่านั้นที่สามารถค้นหามันได้

ตัวเข้าเองยังติดค้างเรื่องที่ไม่ได้นำพาเจ้าขึ้นมาบนหอคอย ตอนนี้ข้าไม่มีสิ่งใดจะให้เจ้าอีกแล้ว นอกจากเส้นชีวิตเส้นสุดท้ายจากร่างของ พยัคฆ์วาตะ ถึงมันจะหลงเหลือพลังไม่มากนัก แต่ก็น่าจะพอทำให้เจ้าเลื่อนระดับขั้นพลังได้อยู่บ้าง

เวลานี้ได้มาถึงเวลาของข้าแล้ว ซึ่งตัวข้าเองก็จะมิได้ไปไหน แต่จะคอยเฝ้ามองเจ้าอยู่ จากภายในจิตวิญญาณ จากข้างในตัวเจ้า...” แมวเขียว วางเท้าลงที่หน้าอกของ ซุน อย่างแผ่วเบา พร้อมทั้งเผยรอยยิ้มออกมาอีกครั้ง

ทำเอา ซุน ถึงกับตื้นตันใจเป็นอย่างมาก หยดน้ำตาอดไม่ได้ที่จะไหลออกมา... ชายหนุ่มจดจำทุกถ้อยวาจาของแมวเขียวไว้อย่างแนบแน่น ดวงตาแห่งความกระจ่างบางอย่างได้เฉิดฉายออกมา คำพูดของแมวเขียวมันทำให้ ซุน รับรู้ว่าควรจะเดินบนเส้นทางใดต่อไป...

หลังกล่าวจบ แมวเขียว ก็โบกสะบัดสายลมระลอกหนึ่ง ฉุดดึงเอาพลังชีวิตสุดท้ายจากร่างของพยัคฆ์วาตะที่หมอบคลานไร้วิญญาณ ทำให้ร่างนั้นเหี่ยวแห้งลงอย่างรวดเร็ว แต่ก็มีเส้นใยชีวิตสายหนึ่งถูกดึงออกมาแทนที่... จากนั้นร่างของแมวเขียวก็หันมองไปยังแมวขาวอีกครั้งหนึ่ง ราวกับเป็นการส่งต่อความหวังบางอย่าง ซึ่งแมวขาวก็ทำเพียงแค่พยักหน้าเบา ๆ ตอบรับ

ร่างของแมวเขียว ก็ค่อย ๆ แตกสลายไปกลายเป็นสายลมสีเขียว ที่แทรกซึมผ่านมายังร่างของชายหนุ่ม... ซุน สัมผัสได้ถึงความคุ้นเคยจากสายลมนี้ ทั้งหมดเกิดจากเคล็ดวิชาวายุทะยานเหยียบเมฆาที่ตนได้ฝึกฝน เพราะแรกเริ่มเดิมทีมันเป็นเคล็ดวิชาที่ถูกสร้างขึ้นจากการลอกเลียนแบบวิธีโคจรพลังของ แมวเขียว ตนนี้...

“พรแห่งร่างสถิตสายลมสีเขียว... อาภรณ์วายุทะยาน!!”

รูปแบบทักษะพิเศษนี้คือการเคลื่อนไหว... วายุทะยานเหยียบเมฆา จะเป็นการใช้สายลมสีเขียวโอบอุ้มปลายเท้า อาศัยปราณวายุช่วยเสริมส่งเพิ่มเป็นความเร็วในการพุ่งทะยาน ทว่าต่อให้บรรลุถึงระดับสูงสุดของวายุทะยานเหยียบเมฆา มันก็ยังมีพลังเทียบเท่าส่วนเดียวของ อาภรณ์วายุทะยาน!!

เนื่องจากพรแห่งร่างสถิตนี้ จะสร้างสายลมสีเขียวที่โอบอุ้มไปทั่วทั้งเรือนกาย... มิได้เสริมส่งเพียงแค่วิชาตัวเบาเท่านั้น แต่ทั้งการเคลื่อนไหวทั้งหมดล้วนถูกยกระดับให้เกินขอบเขต ราวกับมีกระแสลมช่วยในการเกื้อหนุนไหลเวียนตลอดเวลา

ทั้งยังสามารถใช้สายลมสีเขียวนี้แทรกซึมพัดผ่านเข้าไปในร่างกาย เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของกล้ามเนื้อ โลหิต หรือแม้แต่เส้นลมปราณ ทำให้ทุกอย่างถูกขับเคลื่อนให้เร่งกระตุ้นไปได้อีกขั้น พละกำลังจะมากขึ้น ความอึดและความอดทนจะทบทวี...

ยิ่งมีความชำนาญในการควบคุมลมปราณจากภายใน ยังสามารถใช้ลมปราณเปลี่ยนกระแสลมสีเขียวนี้ เป็นระเบิดสายลมที่มีพลังทำลายมหาศาลเป็นวงกว้างได้อีกด้วย ถือเป็นหนึ่งในพรแห่งร่างสถิตที่น่าเกรงขามเป็นอย่างมาก...

เส้นใยแห่งพลังชีวิตสุดท้ายของ พยัคฆ์วาตะ แม้มันจะเป็นพลังที่เบาบางประดุจเส้นขนหนึ่งเส้นบนร่างพยัคฆ์มหึมา ทว่าอย่างไรเสีย พยัคฆ์วาตะ ก็มีพลังของชนชั้นลมปราณสีรุ้งไหลเวียนอยู่!! ต่อให้เป็นเพียงเส้นใยบาง ๆ หนึ่งเส้น เป็นพลังเพียงแค่หนึ่งในล้าน ก็ยังเปรียบได้กับโอสถเลิศล้ำสำหรับ ซุน ในเวลานี้

จากชนชั้นลมปราณสีเขียวขั้นที่ 6 ก่อนหน้านี้ของ ซุน ก็ได้พุ่งทะยานมาจนถึงจุดคอขวดตีบตันของชนชั้นลมปราณสีเขียวในทันที... ซึ่งนั่นเทียบเท่ากับชนชั้นลมปราณสีเขียวอันเป็นจุดสูงสุดของขั้นที่ 9 ขาดอีกเพียงน้อยนิด ก็จะสามารถทะลวงขึ้นไปยังชนชั้นลมปราณสีเหลืองได้แล้ว...

เวลานี้ ซุน รู้สึกราวกับว่าตนได้มายืนอยู่บนจุดสูงเท่าที่ตนได้เคยมาถึง พลังและความสามารถในทุก ๆ ด้าน เทียบไม่ได้กับก่อนที่จะขึ้นมาบนหอคอย... ไม่แปลกใจเลยที่สิ่งนี้จะถูกเรียกว่าโชควาสนาในระดับสูงสุด เพราะมันสามารถทำให้คนผู้หนึ่งกลายเป็นยอดฝีมือได้ในทันที!!

หากได้ลงไปจากหอคอย แม้ว่าคู่ต่อสู้ของ ซุน จะเป็นยอดฝีมือชนชั้นลมปราณสีเหลืองขั้นต้น ชายหนุ่มก็มั่นใจว่าสามารถจัดการได้ในไม่กี่กระบวนท่า หรือต่อให้เป็นขั้นกลางก็ยังมีโอกาสเปรียบวัดฝีมือกัน... ถึงด้านพลังจะยังเทียบไม่ได้กับชนชั้นลมปราณสีเหลืองขั้นปลาย ทว่าหากเป็นการหลบหนีโดยอาศัยวิชาตัวเบาแล้วล่ะก็ ชนชั้นลมปราณสีเหลืองทั่วทั้งใต้หล้านี้ คงมีเพียงแค่หยิบมือเดียวที่จะสามารถติดตาม ซุน ได้ทัน...

.........................................................

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว