หลงกลมาเฟีย

หลงกลมาเฟีย [2] ผู้หญิงคนนี้โคตรหุ่นดี


บทที่1
สามีแสนพิเศษ

วันเวลาผันผ่านรวดเร็วราวฝันหนึ่งตื่นพิธีสมรสที่ผู้คนทั่วเมืองต่างให้ความสนใจก็ได้ถูกจัดขึ้นตามฤกษ์ยามมงคล

เซียงเซียงในชุดเจ้าสาวสีแดงสดยาวกรุยกราย ปักลวดลายนกยวนยางคู่ด้วยด้ายทองหรูหราสมฐานะสะใภ้ใหญ่ตระกูลอี้เศรษฐีติดอันดับของเมืองหวั่นชิง ก้มลงคำนับทำความเคารพบิดาด้วยสีหน้าเรียบนิ่งไม่บ่งบอกถึงห้วงอารมณ์ใดชัด เจน
อู่ถงรู้สึกใจหายเล็กน้อย ถึงแม้เขาจะไม่ค่อยได้ใส่ใจใยดีบุตรสาวคนนี้เท่าใดนัก แต่นางก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขซ้ำยังเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวก็ทำให้อดห่วงไม่ได้ เอ่ยอวยพรคำมงคลแกมกำชับอบรมนางเสียงนุ่มแววตาอ่อนโยน

"เซียงเอ๋อร์ลูกรัก ต่อจากนี้ไปเจ้าก็เป็นคนของตระกูลอี้ จงปฏิบัติต่อผู้หลักผู้ใหญ่และกฏเกณต่าง ๆ ให้ดี รักใคร่ปรองดองสามี อุปสรรคน้อยใหญ่ที่อาจจะต้องเผชิญในวันข้างหน้า ข้าอยากให้เจ้าอดทนหนักแน่น เข้าใจหรือไม่?

หญิงงามในชุดมงคลยิ้มบางย่อกายอย่างอ่อนน้อมตอบรับเสียงเบาเสมือนไม่เต็มใจ
"ลูกจะจดจำเอาไว้เจ้าค่ะ"

เหม่ยรั่วเห็นลูกเลี้ยงสวมใส่ชุด มงคลสวยงามจับตา เครื่องประดับศรีษะชิ้นโตทำด้วยทองคำบริสุทธิ์ตกแต่งด้วยไข่มุกเม็ดใหญ่ ตั้งแต่เกิดมานางยังไม่เคยได้สัมผัสของมีค่าราคาสูงเช่นนี้มาก่อนจึงเกิดอิจฉาริษยาอดที่จะค่อนแคะใส่ลูกเลี้ยงสาวไม่ได้จึงพูดขึ้นว่า
"เจ้านี่ช่างมีวาสนายิ่งนัก ได้ดิบได้ดีเป็นสะใภ้เอกของตระกูลใหญ่เห็นแล้วก็อดอิจฉาไม่ได้ แต่ว่าสำหรับข้าการมีสามีที่ร่ำรวยได้เป็นนายหญิงของบ้านนั้นไม่มีประโยชน์เลยสักนิด ข้าขอเพียงได้พบกับชายที่สมบูณ์แบบให้ความสุขแก่ข้าได้ในทุกค่ำคืนก็เพียงพอแล้ว จริงไหมเจ้าคะท่านพี่" นางพูดพร้อมกับชม้ายชายตาไปทางสามียิ้มหวานกรุ้มกริ่ม คำพูดของนางประหนึ่งชื่นชมแต่แฝงด้วยความเหน็บแนม

วาจากำกวมส่อถึงเรื่องลามกของแม่เลี้ยงทำให้เซียงเซียงนึกอยากจะอาเจียร คำพูดที่พ่นออกมาจากปากแดงๆ ของแม่เลี้ยงสาวเจตนาหวังแค่ให้นางหวั่นวิตกวุ่น วายใจจึงคร้านที่จะฟัง

" อะฮึ่ม! ใกล้ฤกษ์แล้วเตรียมตัวกันเถอะ!
อู่ถงกระแอมไอดักคอเพราะเกรงว่าภรรยาจะเผลอพูดอะไรสร้างความหวาดระแวงให้แก่บุตรสาวแล้วเป็นเหตุให้งานแต่งต้องมีอันล่มกลางคัน

วันนี้เป็นวันมงคลเซียงเซียงจึงไม่ต่อล้อต่อเถียง นางเดินมาไกลเกินกว่าจะหันหลังกลับ ได้แต่ก้มหน้าทำใจยอมรับไม่ทุกข์และไม่สุข ย่อกายเล็กน้อยอย่างมีมารยาท
"ขอบคุณทุกคนมากที่อวยพรให้แก่ข้า"

เสียงโห่ร้องนำขบวนของเจ้าบ่าวดังแว่วมาแต่ไกลอู่ถงจึงโบกมือให้บุตรสาวออกไปรอด้านนอก
"พวกเขามากันแล้ว เซียงเอ๋อร์เจ้าออกไปเถอะ!

เซียงเซียงคำนับบิดา แม่สื่อเดินตรงเข้ามาปิดผ้าคลุมหน้าให้นางแล้วจูงมือพาเดินออกไปที่ด้านหน้าเรือนเพื่อขึ้นเกี้ยวเจ้าสาว
นางหยุดยืนนิ่งที่หน้าประตูเรือน สายลมหนาวแห่งวสันต์ฤดูระรอกหนึ่งพัดผ่านส่งผลให้ผ้าคลุมแพรไหมเนื้อลื่นพริ้วไหวเคลื่อนไปเล็กน้อย เจ้าของร่างเล็กใต้ผืนผ้ายกมือขึ้นขยับจัดมันให้เข้าที่แล้วหลับตาลงเอ่ยร่ำลาคนรักในใจ
'พี่ซู่หลาน จากนี้ไปเราสองต้องแยกจาก มิอาจครองคู่กันได้อย่างที่วาดฝันไว้ ได้โปรดอภัยให้แก่คนทรยศอย่างข้าด้วย...พี่ชาย ลาก่อน' เซียงเซียงตัดใจ ลืมตาแล้วเดินหน้า ถึงแม้จะยากเย็นแต่ก็จำเป็นต้องทำให้ได้ เพราะทันทีที่ย่างเท้าออกจากประตูเรือน สถานะของนางก็จะไม่เหมือนเดิมอีก นางต้องเรียกขานชายอื่นว่าสามีแล้ว และเขาผู้นั้นก็กำลังรอนางอยู่ตรงหน้า

เมื่อขึ้นนั่งในเกี้ยวหลังแดงที่ตบแต่งอย่างสวยงามเรียบร้อยดีแล้ว ทันทีที่ม่านลูกปัดหน้าเกี้ยวถูกปิดลงเซียงเซียงจึงแง้มผ้าคลุมศรีษะขึ้นเล็กน้อยเพื่อลอบมองบรรยากาศรอบตัว และแน่นอนว่านางย่อมอยากเห็นเจ้าบ่าวของตน

เขาอยู่ตรงหน้า ชายผู้นั้นสวมชุดพิธีการมงคลสีแดงสดนั่งเด่นเป็นสง่าอยู่บนหลังม้าพ่วงพี เอี้ยวตัวหันหลังโบกไม้โบกมือมาให้นาง
ถึงแม้จะมีม่านลูกปัดบดบังเกะ กะสายตา แต่นางก็มองเห็นได้อย่างชัดเจน ใบหน้าของเขานั้นขาวสะอาดงดงามสะกดใจ ฉีกยิ้มละมุนแสนหวานดูอบอุ่น ที่บิดากล่าวยกยอเขาเอาไว้นั้นไม่เกินจริงเลยแม้แต่น้อย
รอยยิ้มจรดหางตาแลดูสุภาพอ่อนโยน ท่าทางเป็นมิตร กวาดตามองรูปร่างลักษณะภายนอกผ่านๆ หน้าตาผิวพรรณไม่มีตำหนิด่างดวง ถึงจะแลดูผอมบางไปนิดตามลักษ ณะบัณฑิตที่จับแต่ตำรามิเคยแตะต้องงานหนัก แต่แขนขาซ้ายขวาก็มีครบส่วนไม่ขาดไม่เกิน ช่วยผ่อนคลายความวิตกกังวลที่มีลงไปกว่าครึ่ง นางยกมือกุมอกอย่างโล่งใจคิดว่าจะถูกย้อมแมวได้สามีอัป ลักษณ์เสียแล้ว

ขณะทำพิธีเซียงเซียงถูกจูงไปจูงมาซ้ายทีขวาที จนเวียนหัว นางจึงได้แต่ทำตามอย่างงง ๆ ตามขั้นตอนที่แม่สื่อชี้นำ

ใบหน้าของนางถูกปกปิดด้วยผ้าแพรผืนหนาจึงมองไม่เห็นสิ่งใดที่เหนือกว่าหัวเข่า และสองหูที่ได้ยินเสียงหัวเราะร่าอย่างอารมณ์ดีของเจ้าบ่าวรูปงามที่ดังขึ้นแทรกอยู่เป็นจังหวะ นางอมยิ้มสบายใจ ดูท่าว่าที่สามีผู้นี้คงจะเป็นบุรุษที่มีอารมณ์ขันน่าดู เพราะไม่ว่าแม่สื่อจะให้ทำอะไรเขาก็จะหัวเราะเสียงใสราวกับเป็นเรื่องสนุก

กว่าจะเสร็จสิ้นพิธีเซียงเซียงก็แทบจะลมจับ หิวจนหูอื้อตาลายซ้ำยังปวดเมื่อยแข้งขาจนแทบจะก้าวเดินไม่ไหว เมื่อถูกส่งตัวเข้ามาอยู่ในห้องหอนางจึงหยิบอาหารบนโต๊ะกินอย่างละคำสองคำด้วยความหิวโหย พอคลายหิวลงไปได้บ้างจึงมานั่งลงบนเตียงนอนหลังกว้างสะอาดน่านอนที่ถูกขึงจนตึงด้วยผ้าแพรไหมนุ่มลื่นสีแดงเข้ม ลงมือบีบนวดน่องขาคลายความเมื่อยล้าให้แก่ตนเอง

ครู่ใหญ่ต่อมาเสียงเอะอะก็ดังขึ้นที่หน้าประตูห้อง แน่นอนว่าเป็นเจ้าบ่าวที่ถูกนำตัวมาส่งนางจึงจัดแจงท่านั่งให้สำรวมเรียบร้อย รอสามีมาเปิดผ้าคลุมตามธรรมเนียม หัวใจเต้นตึกตักด้วยความตื่นเต้น

"แอด!! เสียงประตูถูกผลักเข้ามาและปิดลงอย่างเบามือ ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าหนัก ๆ ที่มุ่งตรงเข้ามาหา ก่อนจะหยุดนิ่งอยู่ตรงหน้านาง

ฉับพลันมือข้างหนึ่งก็กระชากผ้าคลุมหน้าออกอย่างรวดเร็ว ผืนผ้าครูดเกี่ยวกับเครื่องประดับระโยงระยางบนศรีษะทำให้นางผงะหงายหน้าตามแรงดึงเล็กน้อย ทันทีที่ผ้าถูกเปิดออกเสียงกลั้วหัวเราะของสามีและเสียงปรบมือเปาะแปะก็ดังขึ้น

"จ๊ะเอ๋!! ฮ่า ๆ เจ้าคือน้องหญิงของข้านั่นเอง!

ใบหน้าขาวสะอาดของเขาชะ โงกเข้ามาใกล้อย่างไม่ทันตั้งตัว นางตกใจจึงเอียงคอหนีออกห่างเล็กน้อยก่อนจะอ้าปากพูดกับเขาประโยคสั้นๆ เป็นคำแรกด้วยความประหม่า "ชะ ใช่ ใช่แล้ว!

เว่ยหยวนยืนยืดตัวตรงยิ้มกว้างสุดมุมปากพร้อมกับยื่นแขนที่มีขนมอยู่เต็มฝ่ามือทั้งสองข้างไปตรงหน้าหญิงสาว "น้องหญิง เจ้ากินนี่หรือไม่?

เซียงเซียงมองสองมือที่เต็มไปด้วยขนมสารพัดชนิดของชายหนุ่มสลับกับใบหน้าของเขาที่เอาแต่ยิ้มกว้างจนเห็นไรฟันไปมาด้วยความฉงนและตอบไปว่า "ให้ข้าหรือ ข้าไม่หิว ท่านกินเองเถอะ!

"ท่านพ่อบอกว่า ต่อจากนี้ไปเจ้าคือน้องหญิงเป็นภรรยาของข้า หากข้ามีของอร่อยต้องแบ่งปันแก่เจ้าด้วย เจ้าไม่กินก็ช่างเถอะแต่ห้ามไปฟ้องท่านพ่อของข้าก็แล้วกัน"
เว่ยหยวนเอ่ยน้ำเสียงสดใส เห็นว่านางไม่กินจึงชักมือคืนก่อนจะกระโดดพรวดขึ้นไปนั่งอยู่กลางเตียง เซียงเซียงเห็นเขาสวมรอง เท้าขึ้นไปบนเตียงที่แสนสะอาดจึงทักท้วง "ท่านจะไม่ถอดรองเท้าออกก่อนหรือ?

"อ่อ! ข้าลืมน่ะ น้องหญิงเจ้าช่วยถอดให้ข้าหน่อยนะ!
เว่ยหยวนพูดพร้อมยื่นขาเหยียดตรงแล้วยกเท้าข้างหนึ่งชูขึ้นไปตรงหน้าหญิงสาว ขาของเขายาวมากจนเกือบชิดใบหน้าของนางเซียงเซียงเอี้ยวตัวหนีเกือบไม่ทัน
"ลืม...ได้ ได้สิ!
นางทวนคำหน้าตึงด้วยความหงุดหงิด กดขาของเขาแนบลงกับเตียงก่อนจะลงมือถอดรองเท้าให้อย่างไม่เต็มใจนัก ค่อนขอดเขาอยู่ในใจว่า
'ชายผู้นี้ถูกเลี้ยงดูมาอย่างไรกัน จะสุขสบายเกินไปแล้ว ไม่ใช่ว่าแต่งนางมาเพื่อให้เป็นข้ารับใช้หรอกนะ'
นางเงยหน้ามาอีกทีเห็นว่าเขากำลังกินขนมอย่างเอร็ดอร่อย พอในมือหมดแล้วยังล้วงออกมาจากอกเสื้ออีกหลายชิ้น

เซียงเซียงมองการกระทำของสามีอย่างงุนงง รู้สึกแปลกแปร่งอยู่ตะหงิด ๆ รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง แต่ไม่แน่ใจว่าคือสิ่งใด

ชายตะกละผู้นั้นนั่งกางขาอย่างสบายอารมณ์ หยิบขนมเข้าใส่ปากเคี้ยวกินอย่างเอร็ดอร่อย เสียงเคี้ยวดังจุ๊บจั๊บ ดูดนิ้วเลียมืออย่างกับเด็กน้อยไร้เดียงสา

เศษขนมชิ้นเล็กชิ้นน้อยหล่นเกลื่อนบนที่นอนเลอะเทอะเป็นบริเวณกว้าง เท่านั้นไม่พอเขายังขยำผ้าห่มนวมหน้านุ่มที่มีอยู่ผืนเดียวบนเตียงเช็ดปากเช็ดมือที่มันแพล๊บเต็มไปด้วยคราบน้ำมัน

นางเห็นเช่นนี้ก็รับไม่ได้อยากจะกรีดร้องออกมาดัง ๆ แต่ก็ไม่กล้าจึงสูดลมเข้าปอดเฮือกใหญ่เพื่อสงบจิตใจ นางลุกขึ้นยืนก้าวถอยหลังไปที่โต๊ะกลมกลางห้องช้าๆ แล้วนั่งลงจับจ้องมองเขาไม่วางตา ส่ายหน้าและสบถออกมาเบา ๆ
"ไม่ถูกต้อง มันไม่ถูกต้อง นี่ไม่ใช่คุณชายใหญ่ที่ปกติอย่างแน่นอน!
ความเงียบงันชวนให้อึดอัดนางจึงชวนเขาคุย "ท่านจะดื่มสุรามงคลหรือไม่?

"เจ้าจะให้ข้าดื่มสุรางั้นหรือ ไม่เอาหรอก "เว่ยหยวนสั่นหัวปฏิเสธ ตอบกลับมาว่า"ต้าฟู้บอกข้าว่ารสชาติของมันนั้นขมมาก ข้าไม่ชอบกินของที่มีรสขมและกลิ่นเหม็น! เขาทำหน้าย่นยู่ราวกับว่ากำลังอมของขมอยู่ในปากจริง ๆ

"เอ่อ...ช่างเถอะ ๆ!
เซียงเซียงพูดต่อไม่ออกกับคำตอบของเขา นางเทสุรามงคลชั้นดีกลิ่นหอมลูกท้ออ่อนๆ ใส่จนเต็มจอกแล้วยกขึ้นดื่มติดต่อกันสามจอกอย่างกลัดกลุ้ม สายตาก็จับจ้องมองชายหนุ่มที่สาละวนอยู่กับการถอดชุดมงคลยาวรุ่มร่ามอย่างเก้กังโดยไม่คิดที่จะลุกไปช่วย

ครู่ต่อมาเขาก็ถอดออกจนสำเร็จเหลือแต่ชุดชั้นในสีขาวก่อนจะม้วนชุดพิธีการเป็นก้อนกลมกลิ้งลงมาที่พื้น เสร็จแล้วจึงหันไปยกหมอนขึ้นโยนไปทางปลายเท้าอีกทั้งยังตลบผ้าปูและฝูกนอนขึ้นจนยับย่นตรงข้ามกับสภาพน่านอนก่อนหน้านี้ ใบหน้าของชายหนุ่มเลิ่กลั่กเหมือนกำลังหาสิ่งของนางอดที่จะถามไม่ได้จึงโพล่งขึ้นว่า
"ท่านกำลังหาอะไรอยู่หรือ?

"หนังสือนิทานของข้าน่ะสิ หายไปไหนแล้วนะ?

"นิทาน! จะเอามาทำอะไร?
เซียงเซียงถามด้วยความข้องใจนางหรี่ตามองเขา รู้สึกหวาดระแวงในท่าทางลุกลี้ลุกรนและกิริยาท่า ทางแปลกปละหลาดของชายผู้นี้เต็มที
เขาไม่ตอบแต่กลับวิ่งพรวดไปที่หน้าประตูก่อนจะเปิดอ้าออกจนกว้างแล้วแหกปากตะโกนเสียงดังลั่น "ตู้ฟู้หนังสือนิทานของข้าอยู่ที่ไหน?

สิ้นเสียงของเขาเพียงชั่วพริบตาบ่าวรับใช้หลายคนก็วิ่งกรูกันมายืนออที่หน้าห้อง เซียงเซียงลุกขึ้นยืนชะโงกมองอย่างฉงนสงสัยว่ามันเกิดอะไรกันขึ้น

"คุณชายใหญ่ นิทานของท่านอยู่นี่ขอรับ!
ตู้ฟู้ที่ยืนคอยรับใช้อยู่แล้วรีบยื่นหนังสือห้าเล่มส่งให้ผู้เป็นนาย เขาลอบมองเข้าไปในห้องหอเห็นนายหญิงคนใหม่มีสีหน้าไม่สู้ดียืนแข็งค้างอยู่กลางห้องจึงไม่กล้าสบตานาง

เกาหยวนยื่นมือออกไปรับหนังสือด้วยความดีใจ ยิ้มหน้าระรื่นเดินกลับเข้ามาในห้อง เขาวางเรียงหนังสือนิทานลงบนเตียงนอนทำท่าครุ่นคิดชั่วขณะก่อนจะหยิบขึ้นมาเล่มหนึ่ง เดินถือตรงมาหาภรรยาสาวที่โต๊ะอาหารแล้วยื่นมันส่งให้นาง "ข้าง่วงแล้ว น้องหญิงเล่านิทานให้ข้าฟังที...ข้าจะเอาเรื่องนี้!

"เล่านิทาน! ท่านตัวโตเป็นวัวเป็นลาขนาดนี้แล้วจะฟังทำไม?
เซียงเซียงที่ในขณะนี้ใจเย็นต่อไปไม่ไหวจึงเผลอตวาดเสียงดังลั่น นางมองหนังสือที่สามียื่นให้ด้วยความแปลกปละหลาดใจ นี่เขาเป็นอะไรกันแน่ การกระทำของเขาแต่ละอย่างทำให้นางขนลุกซู่ไปหมด

"ทำไมเจ้าต้องเสียงดังด้วย น้องหญิง ไหนท่านพ่อบอกว่าเจ้าใจดีอย่างไรเล่า ท่านพ่อโกหก แท้จริงแล้วเจ้าน่ากลัวมาก!
เว่ยหยวนถูกเอ็ดตะโรก็ใจเสียเพราะไม่เคยมีใครขึ้นเสียงดังขึงขังใส่เขามาก่อน เขาทำหน้าเศร้าสลดมองนางด้วยสายตาหวาดหวั่น ก่อนจะก้มหน้านิ่งมองปลายเท้าตนเอง

"เอะอะอะไรก็ท่านพ่อบอกว่า อย่างนั้น ท่านพ่อบอกว่าอย่างนี้ ข้าขอถามสักคำ ท่านอายุเท่าไหร่กันแน่ ทำตัวราวกับเด็กเล็ก ๆ เป็นคนโง่หรือไร ถึงได้ทำอะไรแปลกปละหลาดเช่นนี้?
เซียงเซียงฉุนขาดนางจึงชี้หน้าต่อว่าเขาออกมาอย่างยั้งไม่อยู่เพราะสิ่งที่เขาทำ มันทำให้สมองของนางอื้ออึงไปหมด

เว่ยหยวนจ้องนางตาโตสีหน้าแสดงถึงความตื่นกลัว เขาก้าวถอยหลังไปสองก้าวเอ่ยนำ้เสียงเศร้าสร้อย "ข้าไม่ใช่คนโง่ ท่านพ่อบอกว่าข้าฉลาดมากนะ...น้องหญิง เจ้าใจร้ายจังเลย!

"ข้าเนี่ยนะใจร้าย ข้าไปทำอะไรให้ท่านกันห๊ะ? นางขึงตาใส่ชี้นิ้วจิ้มที่อกตัวเองแรงๆ เห็นเขาทำหน้านิ่วคล้ายจะร้องไห้ และแล้วก็ร้องครางออกมาจริง ๆ

"ฮึก ฮึก ฮือๆๆๆ!

"นี่ อะไรกัน ท่านร้องไห้ทำไมเนี่ย? นางตกตะลึงกับท่าทางของเขาจนทำอะไรไม่ถูก ได้แต่โผเข้าไปหาแล้วพาจูงมือมานั่งที่เตียง ก่อนจะหยิบผ้าคลุมหน้าที่วางอยู่ใกล้มือส่งให้เขาเช็ดน้ำตา เขารับผ้าผืนนั้นไปแล้วซับน้ำตาอย่างว่าง่าย ก่อนจะเบะปากสะอื้นไห้ราวกับโศกเศร้าเสียใจเป็นหนักหนา

นางรู้แล้วว่าสิ่งใดที่มันไม่ถูกต้อง ชายผู้นี้คือคนปัญญาอ่อนสติเลอะเลือนนั่นเอง

เซียงเซียงรู้สึกตึงเครียดอย่างรุนแรงจนลมแทบจับ นางพยายามตั้งสติ ก่อนจะพูดเชิงปลอบชายตรงหน้าเพื่อให้เขาหยุดร้อง
"ท่านหยุดร้องก่อนเถอะ หากเจ้าอยากฟังนิทานข้าก็จะเล่าให้ฟังดีหรือไม่?

"อืม! ข้าไม่ร้องแล้ว!
เว่ยหยวนพยักหน้างึกงักจนหัวไหล่สั่น ยกสองมือเช็ดคราบน้ำตากระตือรือร้นขึ้นมาทันทีเมื่อถูกตามใจ "น้องหญิงเจ้าจะไม่ดุข้าแล้วใช่หรือไม่? เขาถามด้วยน้ำเสียงสดใสจ้องมองนางดวงตาละห้อยน่าเอ็นดู

เซียงเซียงเห็นแววตาใสซื่อของชายหนุ่มก็รู้ได้ว่าเขาไม่ได้แสร้งทำ นางรู้สึกพูดไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกได้แต่พยักหน้ารับและร้อง 'อืม' ออกมาคำหนึ่งเบา ๆ

เว่ยหยวนเห็นสีหน้าของภรรยาสาวที่อ่อนโยนลงก็ดีใจโผเข้ากอดรอบเอวนางแน่นพูดออกมาจากใจ
"เจ้าใจดีดั่งที่ท่านพ่อบอกข้าจริง ๆ ด้วย!

เซียงเซียงกลืนก้อนสะอื้นลงท้องล่องลอยตกอยู่ในภวังค์ ยอมให้ชายหนุ่มกอดรัดเอวนางเเน่นทั้งยังโยกคลอนตัวนางเล่นไปมาอย่างสนุกสนานโดยไม่ขัดขืน
ลางสังหรณ์ของนางช่างแม่นยำเสียจริง รู้สึกทะแม่ง ๆตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าการแต่งงานครั้งนี้จะต้องไม่ธรรมดา
เซียงเซียงดึงสติกลับมา นางหันหน้ากลับไปมองสามีหมาด ๆ ด้วยแววตาที่หดหู่ กู่ก้องร่ำร้องอยู่ภาย ในใจว่า
'แล้วข้า จะทำเช่นไรกับชีวิตบัดซบนี้ต่อไปดี สวรรค์ช่วยชี้แนะข้าที ว่าข้าจะอยู่กับเจ้าคนโง่ผู้นี้ต่อไปได้อย่างไร?


รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว