จ้าวเยี่ยนผิงเพิ่งลงจากเกวียน ประตูคฤหาสน์ตระกูลเสิ่นก็เปิดออก ผู้ที่ก้าวออกมาคือชายรูปร่างอ้วนท้วนพุงโย้ ตอนที่กำลังแคะขี้ฟันก็เห็นจ้าวเยี่ยนผิง แม้ชายหนุ่มจะอยู่ในชุดเสื้อผ้าแบบธรรมดาก็ไม่อาจปกปิดความสง่างามที่แผ่ออกมารอบตัวได้ ชายพุงโย้ชะงักนิ่ง มือเกาศีรษะอย่างทำตัวไม่ถูก ครู่หนึ่งก็ยิ้มทักทาย
“แขกคุ้นเคยนี่เอง เยี่ยนผิงมาได้อย่างไร”
คนผู้นี้คือเสิ่นเหวินเปียวบุตรชายเพียงคนเดียวจากภรรยาเก่าของคหบดีเสิ่น ตอนหลิ่วซื่อแต่งงานใหม่เข้ามา เสิ่นเหวินเปียวแต่งภรรยาแล้ว เขาไม่พอใจที่บิดาแต่งงานใหม่และไม่เคยเคารพหลิ่วซื่อเลย ก่อนที่จ้าวเซียงอวิ๋นจะถูกขายออกไป อาเล็กของจ้าวเยี่ยนผิงมาขอยืมเงินคนที่ตระกูลเสิ่น แต่วันนั้นคหบดีเสิ่นพาหลิ่วซื่อออกไปเยี่ยมเยือนคนหลายวันกว่าจะกลับ เสิ่นเหวินเปียวรังเกียจญาติยากจนของแม่เลี้ยงจึงสั่งให้บ่าวขับไล่คนไปให้พ้นบ้าน จากนั้นจึงเกิดเรื่องจ้าวเซียงอวิ๋นถูกพาไปขาย
หลิ่วซื่อกลับมารู้ว่าบุตรสาวหายไปก็ร้องไห้จนสลบไปหลายรอบ คหบดีสงสารภรรยายิ่งนัก เขาโมโหเดือดตีเสิ่นเหวินเปียวสิบไม้ด้วยมือตนเอง
ตั้งแต่วันนั้นเสิ่นเหวินเปียวก็เกลียดหลิ่วซื่อยิ่งขึ้น ทุกปีเมื่อถึงเทศกาลฉลองปีใหม่จ้าวเยี่ยนผิงจะมาเยี่ยมมารดาที่คฤหาสน์ตระกูลเสิ่น เสิ่นเหวินเปียวไม่เคยให้เกียรติจ้าวเยี่ยนผิงสักครั้ง กระทั่งเขาได้เป็นมือปราบและเลื่อนขั้นเป็นหัวหน้ามือปราบในเวลาไม่นาน ตั้งแต่นั้นเสิ่นเหวินเปียวก็ไม่กล้าแสดงท่าทีหรือพูดจาหยามเกียรติจ้าวเยี่ยนผิงอีกเลย
จ้าวเยี่ยนผิงทำเหมือนมองไม่เห็นเสิ่นเหวินเปียว ชายหนุ่มเอ่ยกับบ่าวรับใช้ที่ยืนเฝ้าประตู “ข้ามาหานายท่านผู้เฒ่ากับนายหญิง”
บ่าวรับใช้เชื้อเชิญชายหนุ่มเข้าบ้านอย่างนอบน้อม จากนั้นก็รีบไปแจ้งนายท่านผู้เฒ่ากับนายหญิง
เดิมเสิ่นเหวินเปียวอยากออกไปเดินเล่นข้างนอก แต่เขาสงสัยว่าจ้าวเยี่ยนผิงมาทำไมทั้งที่ไม่ใช่ปีใหม่ จึงทำหน้าหนาเดินตามหลังไปด้วยความอยากรู้
คหบดีเสิ่นกับหลิ่วซื่อรู้ว่าผู้ใดมาก็รีบออกมาพบ
ปีนี้หลิ่วซื่ออายุสี่สิบสอง นางเป็นคนหน้าตาดี หลังแต่งงานใหม่กับคหบดีเสิ่นก็ไม่ต้องตากแดดตากลมทำงานหนักอีก ใช้ชีวิตหรูหราสุขสบายและมีเกียรติยิ่ง นางจึงดูแลบำรุงผิวพรรณที่เคยหยาบกร้านดำคล้ำให้กลับมานวลเนียนผุดผาด ยามนี้หลิ่วซื่อเหมือนหญิงอายุสามสิบกว่าที่สะสวยน่ามองนัก มีเพียงรูปร่างที่ค่อนข้างผอมเกินไป อีกทั้งใบหน้ายังมีความกลัดกลุ้มสายหนึ่งปรากฏให้เห็นจางๆ
คหบดีเสิ่นเป็นผู้ดีมีชื่อในท้องที่ ปีนี้อายุห้าสิบเก้า เป็นคนรุ่นเดียวกับฮูหยินผู้เฒ่าจ้าว แต่ร่างกายเขาไม่แข็งแรงเท่า ยามนี้หลังค่อมโก่ง มือค้ำยันไม้เท้า อีกมือมีหลิ่วซื่อช่วยประคอง ศีรษะเต็มไปด้วยผมหงอกขาว คนนอกที่ไม่รู้ก็อาจมองว่าเป็นบิดาของหลิ่วซื่อได้
คนอื่นล้วนเห็นใจที่หลิ่วซื่อต้องแต่งงานกับคนแก่ ทว่าหลิ่วซื่อกลับคิดว่าตนเองไม่มีสิ่งใดให้ต้องเห็นใจ
ตอนที่ตกลงแต่งงานใหม่นางอึดอัดลำบากใจจริง แต่ภายหลังเมื่อแต่งเข้าบ้านตระกูลเสิ่นแล้ว คหบดีเสิ่นปฏิบัติกับนางดีมาก ตอนนั้นเขาเป็นชายวัยกลางคน ท่วงท่าภูมิฐาน ร่างกายแข็งแรง หลิ่วซื่อใช้ชีวิตเป็นภรรยาสามีกับเขาอย่างสมัครรักใคร่มาหลายปี แม้เมื่อคหบดีเสิ่นอายุย่างเข้าห้าสิบ ความแตกต่างของช่วงวัยระหว่างทั้งสองจะยิ่งเห็นชัดเจน แต่หลิ่วซื่อก็ยังมีความสุขกับชีวิตดีอยู่
ถึงจ้าวเยี่ยนผิงจะไม่พอใจที่เห็นมารดาต้องคอยดูแลปรนนิบัติสามีชราผู้หนึ่งแต่ก็ไม่แสดงท่าทีออกมา หลังคารวะทั้งสองแล้วก็เอ่ยเข้าเรื่องไม่อ้อมค้อม
“ท่านลุง ท่านแม่ ท่านย่าทาบทามสตรีนางหนึ่งเป็นอนุภรรยาชั้นดีให้ข้า พรุ่งนี้ที่บ้านจะจัดงานเลี้ยง ข้าอยากรับท่านแม่ไปดูนางและอยู่ร่วมงานเลี้ยงด้วย ไม่ทราบท่านแม่สะดวกหรือไม่”
“เจ้ายังไม่แต่งภรรยา เหตุใดจึงแต่งอนุก่อนเล่า!” หลิ่วซื่อดีใจที่บุตรชายยอมแต่งงานแต่ก็ตกใจที่เขาแต่งอนุก่อนแต่งภรรยา
“ข้าไม่อยากแต่งภรรยา ดังนั้นท่านย่าเลยหาอนุมาให้ปรนนิบัติข้าก่อน” จ้าวเยี่ยนผิงอธิบายสีหน้าเรียบเฉย
หลิ่วซื่อนึกถึงความหัวแข็งดื้อรั้นเรื่องแต่งภรรยาของบุตรชายก็อดถลึงตาใส่เขาอย่างโมโหไม่ได้
คหบดีเสิ่นลูบเคราแย้มยิ้ม “แต่งอนุก็แต่งอนุ เยี่ยนผิงอายุไม่น้อย ข้างกายสมควรมีคนรู้ใจได้แล้ว” หันสั่งบุตรชายที่ยืนพิงประตู “อิงเอ๋อร์พาคนไปร้านค้าที่ตำบล เหวินเปียวเจ้าไปตามนางกลับมาที”
เสิ่นอิงเป็นบุตรสาวที่หลิ่วซื่อมีกับคหบดีเสิ่น เป็นลูกคนเล็กสุดของคหบดีเสิ่น ฉลาดหลักแหลมตั้งแต่ยังเล็ก คหบดีเสิ่นเห็นนางเป็นเหมือนไข่มุกในมือ เอาใจบุตรสาวยิ่งกว่าหลานแท้ๆ ทั้งสามคนเสียอีก
เสิ่นเหวินเปียวไม่กล้าขัดคำสั่งบิดา รีบขึ้นเกวียนไปตามน้องสาวต่างมารดากลับมา
หลังบุตรชายออกไปแล้ว คหบดีเสิ่นก็โน้มตัวกระซิบที่ข้างหูหลิ่วซื่อหลายประโยค จากนั้นก็โบกมือเร่ง “เจ้ารีบไปเก็บสัมภาระเถอะ เก็บของอิงเอ๋อร์ไปด้วย พอนางกลับมาถึง พวกเจ้าจะได้ออกเดินทางกันเลย”
หลิ่วซื่อพยักหน้าเชื่อฟัง หันมองบุตรชายนิ่ง ก่อนจะขอตัวไปเก็บสัมภาระ
คหบดีเสิ่นกระแอมเล็กน้อย เขาพยายามชวนจ้าวเยี่ยนผิงคุย อีกฝ่ายก็ถามคำตอบคำเหลือเกิน หากไม่ใช่ชายหนุ่มตั้งกำแพงสูงไม่ยอมสนิทใกล้ชิดด้วย คหบดีเสิ่นก็อยากปฏิบัติกับเขาเหมือนเป็นบุตรชายแท้ๆ ของตนคนหนึ่ง แต่เขาเข้าใจความรู้สึกจ้าวเยี่ยนผิง ตอนนั้นตนเองอายุมากกว่าหลิ่วซื่อนัก ส่วนชายหนุ่มยังเป็นเด็กเล็กไม่รู้ความเรื่องทำนองนี้ ย่อมต้องคิดว่าเขาใช้อำนาจบีบคั้นหลิ่วซื่อ ความคิดที่ฝังใจในวัยเด็ก ต่อให้เติบใหญ่ก็ยากจะเปลี่ยนแปลง
หลิ่วซื่อเก็บของเสร็จ เสิ่นเหวินเปียวก็รับเสิ่นอิงกลับมาถึงบ้าน คนครบจ้าวเยี่ยนผิงก็ขอตัวลากลับ
ระหว่างทางกลับ เสิ่นอิงที่อายุสิบสี่นั่งบนเกวียน สาวน้อยชอบพี่ชายต่างบิดาคนนี้นัก ทั้งสองสนิทสนมกันไม่เลว เสิ่นอิงยิ้มถาม
“พี่ใหญ่ หญิงสาวที่ท่านแต่งด้วยเป็นแม่นางบ้านไหนหรือ ท่านเคยเจอนางมาก่อนไหม พี่สะใภ้ของข้าผู้นี้สวยมากหรือไม่”
คำถามนี้หลิ่วซื่อก็อยากรู้คำตอบเช่นกัน จนถึงตอนนี้นางยังไม่ได้บุตรชายพูดถึงผู้ที่จะมาเป็นอนุสักคำ
ความเป็นมาของอาเจียวพิเศษกว่าสตรีอื่น ต่อให้อยากปิดก็คงปิดไม่อยู่ ไม่พูดความจริงให้มารดากับน้องสาวรู้เสียตอนนี้ หากพรุ่งนี้ทั้งสองรู้จากปากคนอื่นจะตกใจตั้งตัวรับไม่ทันเอาได้
จ้าวเยี่ยนผิงจึงเล่าเรื่องของอาเจียวอย่างตรงไปตรงมา
หลิ่วซื่อชะงักนิ่ง
เสิ่นอิงคิดครู่หนึ่งก็ยิ้มเอ่ยราวกับเป็นผู้ใหญ่ตัวน้อย “แม่นางผู้นี้ทำให้พี่ใหญ่ต้องตาเป็นคนแรกได้ทั้งที่ครองตัวเป็นโสดมานานและยังตั้งใจมารับข้ากับท่านแม่ไปร่วมงานมงคล แสดงว่าพี่สะใภ้ของข้าจะต้องเป็นสตรีที่จิตใจดีงามมากเป็นแน่ เป็นหญิงสาวดีๆ ที่คนรักใคร่เอ็นดู”
ประโยคนี้ของบุตรสาวทำให้หินหนักอึ้งที่ทับใจหลิ่วซื่อพลันสลายไป อิงเอ๋อร์กล่าวได้ถูกต้อง อาเจียวจะต้องมีจิตใจที่ดีไม่น้อย หากนางเป็นเพียงหญิงคณิกาตกอับกลับคืนสู่บ้านเดิม ไม่ต้องเอ่ยถึงบุตรชาย กระทั่งคนในครอบครัวนางก็คงไม่ยอมให้เข้าบ้านเป็นแน่
ก่อนพระอาทิตย์ตกดิน จ้าวเยี่ยนผิงพามารดาและน้องสาวต่างบิดากลับมาถึงบ้านตระกูลจ้าว
ฮูหยินผู้เฒ่าจ้าวยังเอ็นดูห่วงใยหลิ่วซื่อผู้เป็นอดีตสะใภ้อยู่ หลิ่วซื่อเองก็เคารพรักอดีตแม่สามีเช่นกัน ทั้งสองยังรักใคร่ปรองดองกันดี ส่วนเสิ่นอิงเป็นสาวน้อยหน้าตาสะสวย ทั้งยังเป็นคุณหนูตระกูลเสิ่น ฮูหยินผู้เฒ่าจ้าวชมชอบนางนัก
ด้านอาเจียวไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้ตระกูลจ้าวจะเชิญใครมาเป็นแขกบ้าง คืนนี้จูซวงซวงย้ายไปนอนห้องฝั่งตะวันตก เพราะชุ่ยเหนียงมานอนเป็นเพื่อนนาง สาวใช้ตัวน้อยแอบกระซิบบอกว่าแท้จริงฮูหยินผู้เฒ่าจ้าวไม่ได้ยกนางให้เป็นสาวใช้ส่วนตัวอาเจียว แต่ส่งนางมาเฝ้าสินสอดให้ดี สั่งย้ำว่าห้ามไม่ให้จินซื่อหยิบฉวยไปได้แม้แต่ชิ้นเดียว
อาเจียวรู้นิสัยไม่ยอมเสียเปรียบคนของฮูหยินผู้เฒ่าจ้าวดี นางทำเช่นนี้ไม่ถือว่าแปลก สินสอดในมืออาเจียวสุดท้ายก็จะได้กลับไปที่บ้านตระกูลจ้าว หากมีชิ้นไหนตกค้างอยู่ที่นี่มันจะหมดวาสนากับตระกูลจ้าวทันที
ค่ำคืนปลายฤดูสารทมืดมิดนัก แสงดาวยังเลือนราง
“นายหญิงเล็ก พวกเรานอนกันเลยไหม” ชุ่ยเหนียงไปเทน้ำล้างเท้ากลับมา เตรียมจะล้มตัวลงนอนแต่ยังถามความเห็นของอาเจียว
อาเจียวกำลังจะตอบรับก็ได้ยินจูฉ่างส่งเสียงเรียก “เจียวเจียวเจ้าออกมาหน่อย”
หญิงสาวมองชุ่ยเหนียงแวบหนึ่งค่อยลงจากเตียง สวมรองเท้าแล้วเดินออกไป
เพื่อทำให้ประสบการณ์การใช้เว็บของคุณดียิ่งขึ้น และเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับคุณอย่างได้อย่างส่วนตัว ท่านสามารถอ่านนโยบายคุกกี้เพิ่มเติมได้ที่นี่