อนุของใต้เท้า-บทที่ 9 แอบดูตัว

โดย  โปรเจคพิเศษ by Hongsamut

อนุของใต้เท้า

บทที่ 9 แอบดูตัว

ในลานบ้านตระกูลจูปลูกต้นส้มไว้ต้นหนึ่ง จูฉ่างพาอาเจียวไปใต้ต้นไม้ หันมองที่หน้าต่างห้องตนเองเห็นร่างจินซื่อวูบหายไปรวดเร็วก็ทอดถอนใจอย่างอับจน เขายืนหันหลังให้หน้าต่าง ใช้ร่างตนบังสายตาภรรยา

“เจียวเจียว ลุงทำผิดต่อเจ้ายิ่งนัก ทำให้เจ้าเป็นได้แค่อนุ ทั้งที่ด้วยหน้าตาความสะสวยของเจ้าสามารถเป็นภรรยาเอกขุนนางได้”

อาเจียวก้มหน้าตอบเสียงเบา “นี่เป็นโชคชะตา ท่านลุงไม่ต้องโทษตัวเอง ขุนนางจ้าวเป็นคนดี หลังข้าแต่งไปแล้วจะใช้ชีวิตกับเขาอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัว ท่านลุงอยู่กับท่านป้าอย่างวางใจเถิด อย่าทะเลาะกับท่านป้าเพราะเรื่องข้าอีกเลย”

ยิ่งหลานสาวรู้ความ จูฉ่างยิ่งทรมานเจ็บปวดใจ พยายามกลั้นน้ำตาไว้ เขาขยับยืนบังร่างหลานสาวก่อนจะรีบยัดถุงผ้าใบเล็กใส่มือนาง

“ในนี้มีเครื่องประดับของที่มารดาเจ้าตั้งใจเก็บไว้ให้เจ้ากับของที่ลุงติดค้างเจ้า อาเจียวเก็บไว้ให้ดี อย่าให้ป้าสะใภ้เจ้ารู้เด็ดขาด พรุ่งนี้เมื่ออยู่ในห้องกับขุนนางจ้าวพูดกับเขาเรื่องของในถุงนี้ให้ชัดเจน เนื้อแท้ฮูหยินผู้เฒ่าจ้าวไม่ใช่คนใจดำร้ายกาจเพียงเป็นคนที่ค่อนข้างเข้มงวดมาก แต่พวกเราก็ไม่ควรเปิดโอกาสให้นางป้ายสีได้ว่าเจ้าขโมยสิ่งของในบ้านนาง”

คำเตือนของท่านลุงทำอาเจียวสะอื้นตัวสั่น

จูฉ่างพยายามกลั้นสะอื้น ทว่าเสียงยังสั่น “เอาล่ะ เจ้ากลับไปพักผ่อนเถอะ อย่าร้องไห้ ไม่เช่นนั้นพรุ่งนี้จะตาบวมเอาได้ ขายหน้าคนเขา”

พูดจบจูฉ่างก็หันหลังเดินกลับห้อง เขาเดินเร็วราวกับกำลังวิ่งหนีความรู้สึกผิด

อาเจียวหลบเช็ดน้ำตาหลังต้นไม้อยู่นานกว่าจะเดินกลับห้องตนเอง

หลังเห็นชุ่ยเหนียงหลับไปแล้ว อาเจียวก็พลิกตัวหันข้าง หยิบถุงผ้าที่ท่านลุงมอบให้มาเปิดดู

ด้านในมีปิ่นทองหนึ่งด้าม ต่างหูหยกหนึ่งคู่ กำไลเงินหนึ่งคู่กับเงินอีกสิบตำลึง

อาเจียวรีบผูกถุงผ้าแน่น สองมือปิดปากกลั้นสะอื้น ทว่าน้ำตายังไหลรินเป็นสาย

สิบตำลึงคือจำนวนเงินที่ป้าสะใภ้ขายนางไปปีนั้น ท่านลุงคืนกลับมาให้นางทั้งหมดแล้ว


อาเจียวตื่นตั้งแต่เช้ามืด ระหว่างรอช่างทำผมก็บอกชุ่ยเหนียงให้เข้าครัวต้มไข่มาฟอง

ชุ่ยเหนียงเข้าใจว่านายหญิงเล็กคงหิว ไข่ฟองเดียวจะพออะไร หลังเข้าไปในครัวก็หยิบไข่ในตะกร้าสองฟอง ล้างทำความสะอาดเตรียมใส่ลงหม้อต้ม

“เจ้ากำลังทำอะไร!” เสียงแหลมไม่พอใจดังมาจากหน้าประตู หันมองไปเห็นเป็นจินซื่อ สาวใช้ตัวน้อยก็ถลึงตาใส่อย่างไม่ยำเกรง คำพูดออกจากปากราวกับพ่นเม็ดถั่ว

“นายหญิงเล็กของข้าหิว ข้าจะต้มไข่ให้นางกินรองท้อง ท่านมีปัญหาอะไร ท่านเป็นป้าสะใภ้แค่ไข่สองฟองยังงกไม่ให้หลานสาวกินอีกหรือ”

นิสัยจินซื่อข่มไม้อ่อนกลัวไม้แข็ง พอเห็นชุ่ยเหนียงไม่อ่อนให้ก็ไม่กล้าพูดต่อ อีกประการวันนี้ไม่ควรมีเรื่องเพราะไข่สองฟอง จินซื่อจึงข่มอารมณ์ให้สงบลงได้ พอนึกถึงเรื่องสำคัญก็ฉีกยิ้มให้ชุ่ยเหนียง ทั้งยังหยิบไข่ในตะกร้าส่งให้อีกฟอง

“เจ้าก็คงหิวเหมือนกัน เอาไปต้มกินเถอะ”

ชุ่ยเหนียงมองจินซื่ออย่างสงสัย ไม่ยื่นมือรับ “ท่านคิดจะทำอะไร”

ใจจริงจินซื่ออยากตบสาวใช้ตัวน้อยกระเด็นกลับบ้านตระกูลจ้าวไปเสียเดี๋ยวนี้! แต่เพื่อเรื่องสำคัญจึงต้องฝืนตีหน้ายิ้มแย้ม ยกเก้าอี้ตัวเล็กมานั่งข้างๆ “เมื่อคืนอาเจียวออกไปคุยกับลุงของนางอยู่นาน นางคุยอะไรกับเจ้าไหม”

ชุ่ยเหนียงจุดไฟก่อนตอบเสียงไม่พอใจ “นายหญิงเล็กไม่ได้พูดอะไร นางซุกตัวอยู่ในผ้าร้องไห้ตั้งนาน บ้านพวกท่านต้องทำอะไรให้นางน้อยใจเป็นแน่”

จินซื่อนึกภาพที่สามีจับตัวอาเจียวขณะร้องไห้แล้วถามต่อ “ในมืออาเจียวถืออะไรไหม”

ด้วยรู้นิสัยสามีดี คนอย่างเขาไม่มีทางปล่อยให้หลานสาวแต่งเข้าบ้านตระกูลจ้าวตัวเปล่า เขาต้องแอบให้สินเดิมนางติดตัวไปแน่ การที่ฉกฉวยสินสอดจากตระกูลจ้าวไม่ได้ก็จุกอกพอแล้ว ถ้าสามียังเอาเงินในบ้านมอบให้อาเจียวไปอีก จินซื่อจะต้องแย่งคืนมาให้ได้!

ในที่สุดชุ่ยเหนียงก็เข้าใจความต้องการของจินซื่อ สาวใช้ตัวน้อยหัวเราะเย้ย “มีสิ นายหญิงเล็กถือมันฮ่อทองสลักสองก้อน เม็ดข้างในเป็นสีทอง ตอนนี้ห้อยอยู่ที่ตานาง ท่านไปในแย่งสิง”

ตอนแรกจินซื่อตกใจที่สามีถึงกับแอบซ่อนทองสลักสองก้อนเอาไว้ แต่พอฟังจบนางก็โกรธจัด มือหนึ่งกระชากไหล่ชุ่ยเหนียง อีกมือเงื้อสูงหมายจะฟาดให้หายโมโห

“พอได้แล้ว!” จูฉ่างตวาดเสียงเย็น

ชุ่ยเหนียงเห็นเขาก็รีบฟ้องทันที “ท่านบัณฑิตซิ่วไฉ ท่านรีบมาจัดการ อื้ออื๊อ...” พูดได้ไม่จบก็ถูกจินซื่อปิดปากแน่น

จูฉ่างได้ยินทั้งหมดตั้งแต่ต้น ที่เดินตามนางมาเพราะรู้นิสัยภรรยาดี เขาขมวดคิ้วแน่นเป็นปม เรียกชื่อนางเสียงดุให้เดินตามออกมา ก่อนจินซื่อเดินไป นางชี้หน้าชุ่ยเหนียงอย่างข่มขู่ไม่ให้พูดมาก

ชุ่ยเหนียงคร้านจะใส่ใจจินซื่อ ต้มไข่เสร็จก็ตักไข่ใส่ชามที่มีน้ำเย็น สองมือประคองชามไปที่ห้องฝั่งตะวันออก เปิดประตูเข้าไปก็เห็นอาเจียวเปลี่ยนเป็นชุดแต่งงานสีแดงเลือดหมูเรียบร้อย เจ้าสาวที่เป็นภรรยาเอกจะแต่งชุดเจ้าสาวสีแดงสด แต่อนุต้องใส่ชุดสีแดงแบบอื่นแทน ถึงอาเจียวจะงดงามมากแต่ชุ่ยเหนียงก็ยังรู้สึกเสียดายที่นางไม่ได้แต่งชุดเจ้าสาวสีแดงสด หากไม่พบเจอป้าสะใภ้ใจร้ายใจดำอย่างจินซื่อ ให้พี่อาเจียวแต่งกับนายท่านขุนนางเป็นภรรยาเอกยังได้ ชายเก่งหญิงงาม เหมาะสมเสียกว่า

“นายหญิงเล็กแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว งดงามจริงๆ” ชุ่ยเหนียงเอ่ยชมจริงใจ

เมื่อครู่ตอนชุ่ยเหนียงออกไปต้มไข่ อาเจียวก็รีบเอาถุงที่ท่านลุงมอบให้ซ่อนในอกเสื้อเจ้าสาวเรียบร้อย

เห็นไข่สองฟองในชาม อาเจียวก็ปอกเปลือกทีละใบวางในจานพักรอให้เย็น ส่งใบหนึ่งให้ชุ่ยเหนียงกิน

“นายหญิงเล็กไม่กินหรือ” ชุ่ยเหนียงสงสัย

“ไข่ต้มถ้าพักไว้จนเย็นเอามาประคบที่รอบดวงตา ช่วยลดตาบวมได้” อาเจียวตอบเสียงเบา นางหยิบไข่ต้มประคบดวงตา ชุ่ยเหนียงนั่งจ้องตาไม่กะพริบอยู่ข้างๆ เห็นตาที่บวมช้ำค่อยๆ ดีขึ้นก็ยิ่งตาโตด้วยความตื่นตาตื่นใจ สายตาที่มองอาเจียวเหมือนเห็นนางเซียนอยู่ตรงหน้า

ขณะนั้นก็ได้ยินเสียงดังจากหน้าบ้าน บอกว่าช่างผมมาถึงแล้ว แม้จะแต่งเป็นเพียงอนุ อย่างไรความสวยงามก็จะขาดไม่ได้

จินซื่อถือโอกาสนี้จูงบุตรสาวเข้าห้องตามหลังมาด้วย ปากพูดว่ามาดูช่างทำผมให้อาเจียวแต่สายตาสองแม่ลูกกลับจ้องเขม็งไปที่สินสอดของตระกูลจ้าว ข่มใจยืนนิ่งไม่นานทั้งคู่ก็พุ่งตรงไปที่โต๊ะกลางห้อง เปิดหีบรื้อดูผ้าในกล่อง กระทั่งลิ้นชักโต๊ะแต่งหน้าก็ถูกเปิดดูทุกอัน ถึงชุ่ยเหนียงจะพยายามขัดขวาง แต่สาวใช้ตัวน้อยก็สู้สองแม่ลูกไม่ได้เพราะนางมีคนเดียว กันลูกทางนี้ได้ก็กันคนแม่ทางนั้นไม่ได้ ต่อให้จินซื่อกับบุตรสาวจะหยิบฉวยอะไรไปไม่ได้ อย่างน้อยก็สบายใจที่ได้ตรวจดูว่าไม่มีอะไรเกินไป

อาเจียวนั่งนิ่งเงียบ ราวกับคุ้นเคยกับการกระทำนี้จนชินชา

ช่างทำผมมองดูสาวงามบอบบางตรงหน้า พอหันมองพฤติกรรมน่าละอายของสองแม่ลูกก็อดสงสารอาเจียวไม่ได้

เมื่อหาของที่เกินไม่พบจากกองสินสอดตระกูลจ้าว สองแม่ลูกก็หันมองอาเจียวเป็นตาเดียว ก่อนที่ทั้งคู่จะก้าวมาค้นตัวเจ้าสาว จูฉ่างก็ตะโกนเรียกจากด้านนอก จินซื่อที่อยากค้นตัวหลานสาวได้แต่กัดฟันกรอด สุดท้ายต้องจูงบุตรสาวออกจากห้องไปอย่างเจ็บใจ

บ้านตระกูลจูคึกคักมากในช่วงเช้า พอถึงช่วงเย็นแขกเหรื่อฝั่งตระกูลจ้าวก็มากันพร้อมหน้า เมื่อถึงฤกษ์ แม่สื่อก็บอกจ้าวเยี่ยนผิงไปบ้านตระกูลเพื่อรับเจ้าสาว

บ้านสองตระกูลอยู่ใกล้กันมาก คนแบกเกี้ยวเดินไม่กี่ก้าวก็ถึงหน้าบ้านตระกูลจูแล้ว

จูฉ่างแบกหลานสาวขึ้นหลังออกจากห้องด้วยตนเอง บัณฑิตซิ่วไฉวัยใกล้สี่สิบ ดวงตาสองข้างแดงก่ำ มีน้ำตาเอ่อคลอชัดเจน คำพูดซุบซิบของแขกในงานเขาได้ยินทั้งหมด จินซื่อทนรับฟังไม่ไหวต้องแอบหนีเข้าห้อง ไม่กล้าสู้หน้าผู้คน

อาเจียวไม่ร้องไห้ ที่ควรร้องก็ร้องเมื่อวานพอแล้ว

ท่านลุงดีกับนาง แต่นางคือส่วนเกินของบ้านตระกูลจู มีนางอยู่ในบ้านนานหนึ่งวัน ท่านลุงก็ทุกข์ทรมานเพิ่มขึ้นหนึ่งวัน บ้านตระกูลจ้าวคนน้อยไม่มากความ ถึงฮูหยินผู้เฒ่าจ้าวจะเข้มงวดแต่ก็ยอมรับนางเป็นอนุของหลานชาย เนื้อแท้คงไม่รังเกียจนางมากนัก ขุนนางจ้าวเป็นหัวหน้ามือปราบที่ดี เขามีบุญคุณที่เคยช่วยชีวิตนางไว้ ในใจอาเจียวดีใจอยู่ไม่น้อยที่ได้แต่งงานกับคนที่เป็นดั่งวีรบุรุษของตน

ดังนั้นวันนี้ถือเป็นวันดีให้นางได้ย้ายไปอยู่บ้านตระกูลจ้าว เหมือนได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ อาเจียวรู้สึกดีใจ ไม่ได้รู้สึกไม่อยากจากท่านลุงไปเลยสักนิด9

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว